LOGINตลอดทั้งวัน ทุกครั้งที่หันไปมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสองเธอก็มักจะได้รับสายตาล้อเลียน และท่าทางกลั้นขำเหมือนคนเส้นตื้น จากทั้งสองคนอยู่เสมอ จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเลิกเรียนในคลาสสุดท้ายของวัน
“นี่ พวกแกหยุดหัวเราะได้แล้ว มันมีอะไรน่าขำขนาดนั้น?” เรียวคิ้วสวยขมวดมยุ่งอย่างขัดใจ เพราะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ “ก็มันตลกนี่ ปกติแกไม่เคยต้องหัวเสียเพราะเรื่องผู้ชายมาก่อน แล้วดูวันนี้สิ เพิ่งเปิดเทอมแต่แกหงุดหงิดผู้ชายไปแล้วสองคน” ลลิตาพูดพลางกลั้นขำไปด้วย มันอาจจะดูไม่ใช่เรื่องตลกอะไรมากมาย แต่สำหรับเธอที่เห็นเพื่อนรักปั่นหัวผู้ชายเล่นมาตลอดก็อดรู้สึกตลกไม่ได้ ที่เห็นว่าเพื่อนถูกผู้ชายสร้างเรื่องให้กลุ้มใจบ้าง “นี่ยัยเลิฟ แกเส้นตื้นเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวหน้าลูกครึ่งปรี่เข้าไปตวัดแขนกอดคอของเพื่อนสาวที่ตัวเล็กกว่า แล้วเอ่ยเสียงลอดไรฟันคล้ายกำลังข่มขู่ “นี่แกจะฆาตกรรมฉันหรือไง ฮ่าฮ่า” คนถูกกอดรัดยังคงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ แม้จะดูอันตรายไปสักหน่อยที่สองสาวเล่นกันระหว่างเดินลงบันได แต่ด้านหลังของหญิงสาวทั้งสองมีร่างของคุณากรเดินตามมาไม่ห่าง ซึ่งทำให้สองสาวไม่ค่อยระวังตัวมากนัก เพราะเชื่อว่าเพื่อนหนุ่มจะไม่ปล่อยให้ตัวเองหน้าคะมำกลิ้งลงตึกแน่นอน เมื่อเดินลงมาถึงหน้าตึก กรรณิการ์ก็หันกลับไปมองเพื่อนชายคนสนิทแล้วส่งสายตามองค้อนกลับไป เมื่อเห็นว่ารายนั้นก็ยังกลั้นขำอยู่ “หยุดขำเลยนะ ไม่งั้นฉันจะงอนพวกแกแล้วจริง ๆ” เสียงหวานเอ่ยเสียงฟึดฟัด แสดงท่าทีว่าหากสองเพื่อนสนิทตัวดียังไม่ยอมหยุดหัวเราะ เธอจะไม่คุยด้วยแล้ว กรีนไม่รู้ กรีนเอาแต่ใจ กรีนลูกคนเล็ก! “โอเค ๆ ไม่ขำแล้วก็ได้” ลลิตาที่เห็นท่าทางของเพื่อนสาว ซึ่งกำลังทำหน้างอง้ำลงเรื่อย ๆ ก็หยุดหยอกล้อ “ฉันไม่ขำแล้ว แต่กลับก่อนนะ มีธุระต่อ” เสียงทุ้มของคุณากรเอ่ยขึ้น ก่อนจะโบกมือลาเพื่อนสาวทั้งสองคนไว ๆ “โอเค กลับดี ๆ ล่ะ” กรรณการ์รับคำก่อนจะหันมาพูดกับคนที่ยืนอยู่ข้างกัน “แกไปส่งฉันหน่อยสิ” “ที่เดิมเหรอ?” “อื้อ อยากไปนั่งเล่นสักหน่อย แกไปนั่งเป็นเพื่อนฉันไหม?” เธอถามพลางเดินกอดคอเพื่อนสาวตัวเล็กตรงไปยังลานจอดรถข้างตึกคณะ “ไม่ล่ะ ฉันต้องไปวิ่งงาน แล้วแกก็ไม่ต้องจ้างฉันไปนั่งด้วยเลยนะ” ลลิตาเป็นผู้หญิงตัวเล็ก หน้าตาจัดว่าสวยแบบจิ้มลิ้ม แต่ด้วยการแต่งตัวที่ดูสบาย ๆ บวกกับท่าทางที่ดูห้าวหน่อย ๆ ทำให้เพื่อนสาวของเธอดูเป็นสาวหล่อ ซึ่งจริง ๆ แล้วเจ้าตัวก็อาจจะเป็นแต่พวกเธอไม่ได้สนใจในเรื่องรสนิยมอะไรพวกนั้นเท่าไหร่ และเป็นเพราะฐานะทางบ้านของลลิตานั้นจัดว่าค่อนข้างลำบาก เธอจึงต้องทำงานเสริมเพื่อหาเงินซัพพอร์ตตัวเอง ซึ่งบ่อยครั้งที่ลลิตามักจะดูเหน็ดเหนื่อยและเคร่งเครียดอยู่เสมอ สิ่งที่พอช่วยได้เธอก็มักจะช่วย เพราะเห็นใจที่เพื่อนสาวไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนอย่างวัยรุ่นทั่วไป “ทำไมล่ะ ก็ฉันอยากให้แกได้พักบ้าง ตอนปิดเทอมแกก็ไม่ได้พักเลยนี่นา” น้ำเสียงออดอ้อนถูกงัดออกมาใช้ ซึ่งมันเป็นลูกไม้เด็ดเวลาที่เธอมักจะใช้ขอร้องเพื่อนสนิทสาวให้ใจอ่อน “Stop! ฉันรู้ว่าแกรวยแต่เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นเถอะน่า อีกอย่างฉันเองก็ชินกับการทำงานแล้วด้วย” คนถูกอ้อนยกมือขึ้นดันใบหน้าสวยของคนข้างกายออกห่าง ก่อนจะเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของตัวเอง ซึ่งเป็นยานพาหนะที่เธอนำมาใช้ทั้งขับขี่มาเรียน และทำงานเสริมอย่างส่งอาหาร หรือบางครั้งก็รับส่งผู้โดยสารไปด้วย “ชิ คอยดูเถอะเรียนจบแล้วฉันจะยัดแกเข้าบริษัทของแด๊ดทันทีเลย” เมื่อลูกอ้อนใช้ไม่ได้ผล หญิงสาวจึงพองแก้มน้อย ๆ ด้วยความขัดใจ “เอาไว้ค่อยว่ากัน ไปเร็ว เดี๋ยวฉันไปส่งแกก่อนแล้วจะรีบไปทำงานต่อ” ลลิตาเอ่ยเร่งคนที่ยังยืนทำหน้างอพลางยื่นหมวกกันน็อคอีกใบให้ ร้านxxx เมื่อมาส่งถึงหน้าร้านแล้ว ลลิตาก็ขับรถออกไปทันที โดยคนที่ขอร้องให้เพื่อนมาส่งอย่างกรรณิการ์ก็ได้แต่ยืนมองจนสุดสายตา ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในร้านหนังสือกึ่งคาเฟ่ ร้านหนังสือแห่งนี้เป็นร้านที่เธอมักจะมาในช่วงที่ไร้คนคุย เพราะความสงบบวกกับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกระดาษอ่อน ๆ ในร้านทำให้เธอชอบที่นี่เป็นพิเศษ ภาพลักษณ์สาวฮอตสวยมั่นของเธออาจจะดูขัดกับรสนิยมความชอบเล็กน้อย แต่ยังมีอะไรให้เกินความคาดหมายอีกหลายอย่าง กรรณิการ์เดินเข้ามาในร้านที่ถูกตกแต่งไว้อย่างลงตัว หญิงสาวตรงไปยังมุมประจำของตนเอง เพื่อเลือกดูหนังสือที่ต้องการอ่าน ทว่าหางตากลับเหลือบไปเห็นใครบางคนที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาเข้า “หือ นายคนนั้นนี่นา” เสียงหวานพึมพำกับตนเองเบา ๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องร่างสูงของชายหนุ่มที่เธอเจอเมื่อเช้า เขากำลังนั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ตรงข้างกับมุมประจำของเธอ ใบหน้าหล่อที่ไม่ว่ามองกี่ครั้งก็รู้สึกอยากมองอยู่เรื่อย หากไม่ติดว่าเขาทำให้เธอรู้สึกขายหน้า เธอคงจะเข้าหาเขาดีกว่านี้อยู่หรอก พลันความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มอย่างนึกสนุก มือเรียวคว้าหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่ง โดยไม่ทันได้มองหน้าปกด้วยซ้ำว่าเป็นหนังสืออะไร แล้วเดินตรงเข้าไปหาคนที่กำลังนั่งจดจ่อกับหนังสืออยู่ทันที พรึ่บ! “ขอนั่งด้วยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยกับคนตรงหน้า ร่างเพรียวระหงหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามอง เธอก็ยกยิ้มกว้างจนตาหยีส่งไปให้ แต่ทว่าเขากลับทำเพียงมองนิ่ง ๆ แล้วก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ เห็นแบบนั้นคนที่จงใจเข้ามาก่อกวนก็นึกหมั่นไส้ขึ้นมาอีก “ไม่ได้ยินที่เราพูดด้วยหรือไง” เสียงหวานกระซิบถาม พยายามควบคุมไม่ให้เสียงดังจนไปรบกวนคนอื่นเข้า ยกเว้นคนตรงหน้า ทัศนัยซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสืออยู่จำต้องย่นคิ้วด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมามองสบตากับหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วถามกลับ “มีอะไร” คำถามห้วนสั้นแต่น้ำเสียงของคนพูดกลับฟังดูหล่อจนหญิงสาวนึกหมั่นไส้เขาไม่หยุด แถมพอพูดจบเขาก็ก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือต่ออีก ในหนังสือมันมีอะไรดีไปกว่าหน้าตาสวย ๆ ของเธอหรือยังไงกัน! “นายชื่ออะไรเหรอ” กรรณิการ์ยังคงไม่ยอมแพ้ เมินได้เมินไป แต่เธอก็จะกวนต่อไปเหมือนกัน ดวงตาคู่คมไม่ได้ละออกจากหน้ากระดาษเลยสักนิด เขายังคงจดจ่อกับการอ่าน แล้วตอบคำถามของเธอเสียงเรียบโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง “ไทม์” “ส่วนเราชื่อกรีนนะ” “รู้” “แอบสืบเรื่องเราเหรอ สนใจเราแล้วหรือไง?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงสงสัย ริมฝีปากอิ่มลอบยิ้มด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อได้ยินคำตอบจากปากของชายหนุ่ม “เปล่า เพื่อนบอก” แม้สายตาของเขาจะยังโฟกัสอยู่กับตัวอักษรบนหน้ากระดาษ แต่ก็ยังคงตอบคำถามของเธอแบบคำต่อคำ กรรณิการ์ลอบมองบนเล็กน้อย ก่อนจะปั้นยิ้มแล้วถามสิ่งที่สงสัยต่อ “นายเรียนนิติใช่ไหม? อยู่ปีไหนเหรอ” คนตัวเล็กขยับยกมือขึ้นเท้าคางมองหน้าเขาไปด้วย ทว่าในครั้งนี้คนที่ดูเหมือนจะรำคาญเต็มทนก็พับปิดหน้าหนังสือ แล้วเงยหน้าขึ้นมองสบตาหญิงสาวอย่างตรงไปตรงมา “ปีสี่ เลิกกวนแล้วเอาแหวนคืนมาได้แล้ว” หัวคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันน้อย ๆ บ่งบอกว่ายามนี้ชายหนุ่มกำลังหงุดหงิดเต็มทนแล้ว ดูได้จากน้ำเสียงที่เริ่มเข้มแถมยังฟังดูดุนั่น แต่มีหรือที่คนช่างกวนจะยอมสลด รอยยิ้มหวานกว้างขึ้นกว่าเก่า ก่อนที่ร่างอรชรขยับกายเบียดไปด้านหน้า จนหน้าอกหน้าใจขึ้นมาเกยอยู่บนขอบโต๊ะ “อ๋า เป็นรุ่นพี่เหรอคะเนี่ย แต่ว่าพี่ไทม์พูดกับน้องกรีนไม่น่ารักเลยนะคะ” ถ้อยประโยคคล้ายจงใจกวนประสาทนั่นทำเอาคนฟังแอบคิ้วกระตุก เขาพูดไม่ดีเหรอ? ไม่ใช่เธอหรือไงที่ทำตัวเป็นมือดีชิงทรัพย์ เอาแหวนของเขาไป แล้วยังมาตามสร้างความวุ่นวายให้เขาอีก “เอาแหวนฉันคืนมา” เสียงทุ้มกดต่ำเมื่อคนตัวเล็กยังทำตัวลอยหน้าลอยตา “อยากได้ก็หยิบเองสิคะ อยู่ในนี้น่ะ” กรรณิการ์พูดพลางลากปลายนิ้วขึ้นมาชี้ลงบนหน้าอกของตนเอง ถ้ากล้าก็ลองดูสิ เธอจะกรี๊ดดัง ๆ เลยคอยดู “นี่ หรือเธออยากให้ฉันแจ้งความล่ะ หือ?” ทัศนัยขบกรามแน่น ข่มอารมณ์ความหงุดหงิดเอาไว้ในเบื้องลึก เขาไม่เคยรู้สึกหมดความอดทนขนาดนี้มาก่อน น่าจับฟาดให้ก้นแตกสักที “อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ เดี๋ยวกรีนก็คืนให้เองแหละ แต่พี่ไทม์ช่วยตอบข้อความด้วยนะคะ” รอยยิ้มยั่วประสาทถูกส่งให้กับชายหนุ่มตรงหน้า ร่างเพรียวระหงลุกขึ้นยืน แล้วเดินอ้อมไปยังอีกฝั่งของโต๊ะ ใบหน้าสวยโน้มลงไปใกล้เขา จนคอเสื้อเผยอออกเล็กน้อย เผยให้เห็นร่องอกอวบวับ ๆ แวม ๆ “ถ้าจะมาก่อกวนฉันเล่นก็หยุด ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอ” “แล้วใครอยากได้มาเป็นเพื่อนเล่นกัน...” “อยากได้มาเป็นผัวค่ะ”“ไม่เป็นไรหรอกน่า พี่ไทม์เขาอยากให้ฉันนั่งใกล้นี่นา ฉันฝากแกซื้อข้าวด้วยสิ เอากระเพราหมูกรอบไม่เผ็ดเหมือนเดิมเลย” สาวลูกครึ่งเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิทด้วยสีหน้ายิ้มแย้มซึ่งคุณากรที่ลอบมองอยู่ ก็แอบอยากดุเพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่พอคิดว่า ถึงบ่นไปเพื่อนสาวตัวดีก็คงไม่ยอมฟังอยู่แล้ว จึงไม่ได้พูดอะไร ออกมา แต่เลือกที่จะเดินไปซื้อข้าวกับลลิตาด้วยกันสองคนแทน“น้องกรีนสนใจเพื่อนพี่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ พี่ไม่เห็นมันจะมีอะไรน่าสนใจเลยนะ นิ่งเหมือนรูปปั้นขนาดนี้” พอมีโอกาสพชรก็ชิงถามรุ่นน้องสาวคนสวยในทันทีเขาไม่ได้อิจฉาเพื่อนแต่อย่างใด เพียงแค่อยากใส่ใจเรื่องของเพื่อนก็เท่านั้น“แรก ๆ กรีนก็สนใจที่หน้าตาก่อนน่ะค่ะพี่พอร์ช แต่ว่าตอนนี้ก็คงต้องค่อย ๆ ดูไปก่อน ยังมีอีกหลายอย่างที่กรีนยังไม่เคยเห็น คงต้องรอให้พี่ไทม์ถอด อุ้ย หมายถึงเปิดเผยออกมาให้ดูค่ะ” กรรณิการ์ตอบกลับหนุ่มรุ่นพี่อย่างเป็นกันเอง โดยเธอจงใจพูดประโยคเหล่านี้ให้เพื่อน ๆ ของเขาได้คิดจินตนาการไปเรื่อย และแน่นอนว่ามีเจตนาจะก่อกวนคนที่นั่งอยู่ข้างกันไปพร้อม ๆ กันจากแชตกลุ่มมหา’ลัยเมื่อเช้านี้ ก็ทำให้เธอได้รู้ชื่อของพวกเขาทุกคน เพราะทั้งกลุ่ม
ทัศนัยชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคนั้นของหญิงสาว เขาไม่รู้ว่าเด็กนี่ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้พูดจาแก่แดดแบบนี้ออกมาได้“คิกคิก ล้อเล่นค่ะ” ก่อนที่เสียงหัวเราะของกรรณิการ์จะดังขึ้น ร่างเล็กสั่นเทิ้มจากการพยายามกลั้นเสียงขำไว้ท่าทางของเขาตอนที่เธอพูดประโยคนั้นไป ทำเอาหญิงสาวรู้สึกขบขันไม่น้อย เธอก็แค่อยากรู้ว่าต้องทำยังไงหน้านิ่ง ๆ แสนหยิ่งของเขาถึงจะเปลี่ยนอารมณ์บ้างแต่ทัศนัยที่รู้สึกคล้ายถูกปั่นหัวนั้นเริ่มมีสีหน้าแววตาอึมครึมลงไม่น้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกมาช้า ๆ ก่อนจะจ้องใบหน้าเนียนสวยของหญิงสาวตัวป่วนไว้คล้ายกำลังนับหนึ่งถึงสิบในใจ ไม่ให้ลุกขึ้นไปจับตัวผู้หญิงน่ารำคาญคนนี้มาฟาดให้เข็ดหลาบ“เธอต้องการอะไรกันแน่” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอดกลั้นวันนี้ทั้งวันเขารู้สึกชีวิตวุ่นวายมากเสียจนน่าปวดหัว แค่เพราะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวที่เพิ่งเจอกันยังไม่ทันถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ และเพราะผู้หญิงคนนี้ตลอดทั้งวันเขาเลยแทบไม่มีสมาธิเรียน คอยพะวงห่วงกลัวว่าแหวนวงสำคัญจะหายไปแต่ทว่าคำถามนั้นของเขาก็ทำเอาคนตัวเล็กหยุดเสียงหัวเราะลง ดวงตาคู่สวยมองสบนัยน์ตาของรุ่นพี่หนุ่มแล้วคลี่ยิ้ม
ตลอดทั้งวัน ทุกครั้งที่หันไปมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสองเธอก็มักจะได้รับสายตาล้อเลียน และท่าทางกลั้นขำเหมือนคนเส้นตื้น จากทั้งสองคนอยู่เสมอ จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเลิกเรียนในคลาสสุดท้ายของวัน“นี่ พวกแกหยุดหัวเราะได้แล้ว มันมีอะไรน่าขำขนาดนั้น?” เรียวคิ้วสวยขมวดมยุ่งอย่างขัดใจ เพราะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ“ก็มันตลกนี่ ปกติแกไม่เคยต้องหัวเสียเพราะเรื่องผู้ชายมาก่อน แล้วดูวันนี้สิ เพิ่งเปิดเทอมแต่แกหงุดหงิดผู้ชายไปแล้วสองคน” ลลิตาพูดพลางกลั้นขำไปด้วยมันอาจจะดูไม่ใช่เรื่องตลกอะไรมากมาย แต่สำหรับเธอที่เห็นเพื่อนรักปั่นหัวผู้ชายเล่นมาตลอดก็อดรู้สึกตลกไม่ได้ ที่เห็นว่าเพื่อนถูกผู้ชายสร้างเรื่องให้กลุ้มใจบ้าง“นี่ยัยเลิฟ แกเส้นตื้นเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวหน้าลูกครึ่งปรี่เข้าไปตวัดแขนกอดคอของเพื่อนสาวที่ตัวเล็กกว่า แล้วเอ่ยเสียงลอดไรฟันคล้ายกำลังข่มขู่“นี่แกจะฆาตกรรมฉันหรือไง ฮ่าฮ่า” คนถูกกอดรัดยังคงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจแม้จะดูอันตรายไปสักหน่อยที่สองสาวเล่นกันระหว่างเดินลงบันได แต่ด้านหลังของหญิงสาวทั้งสองมีร่างของคุณากรเดินตามมาไม่ห่าง ซึ่งทำให้สองสาวไม่ค่อยระวังตัวมากนัก เพราะเชื่อว่าเพื่อนหน
“เราสนใจนายอ่ะ จีบได้ป้ะ?”คำพูดของกรรณิการ์สร้างความตกตะลึงระคนตกใจให้กับสองหนุ่มที่นั่งฟังอยู่ทั้งพชรและศุภวิชญ์ต่างหันมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างทัศนัยซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าอึ้ง ๆ ปนงุนงงสาวฮอตเป็นฝ่ายรุกว่าอึ้งแล้ว แต่นี่เพื่อนพวกเขายังโดนสาวสวยดีกรีอดีตดาวมหา’ลัยขอจีบซึ่ง ๆ หน้าอีก มันจะหล่อเท่เสน่ห์แรงอะไรเบอร์นั้นแต่คนถูกขอจีบกลับไม่แสดงสีหน้าอาการอะไรออกมาแม้แต่น้อย เขาทำเพียงจ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง ๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนจากนิ่งสุขุมเป็นเบื่อหน่ายแทน“ไร้สาระ” เขาเอ่ยเสียงเรียบกรรณิการ์นึกหมั่นไส้ท่าทางไม่สนใจอะไรของชายหนุ่มไม่น้อย แต่เธอก็ยังทำทียิ้มแย้มแล้วตื๊อเขาต่อมาถึงขนาดนี้แล้วเรื่องอะไรที่เธอจะถอยกลับไปมือเปล่า เขาทำเธอหน้าแตกละเอียดชนิดหมอไม่รับเย็บขนาดนั้น เธอคงจะยอมได้อยู่หรอก!“เราจริงจังนะ ถือว่านายอนุญาตก็แล้วกัน งั้นขอไอจีหน่อยสิ แลกกับแหวนวงนี้” หญิงสาวยกเรื่องแหวนเข้ามาเป็นข้อต่อรองทัศนัยนึกเหนื่อยใจอยู่ไม่น้อย เขาไม่เคยเจอผู้หญิงน่ารำคาญขนาดนี้มาก่อน หากเป็นปกติป่านนี้เขาคงลุกหนีไปแล้ว ไม่ยอมนั่งอยู่กับตัววุ่นวายอย่างนี้เป็นแน่แต่เ
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มโทนต่ำค่อนไปทางเรียบนิ่งเอ่ยถามคนในอ้อมแขนวินาทีนั้นกรรณิการ์คล้ายตกอยู่ในภวังค์ เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติในระยะใกล้ รูปหน้าของเขาดูคมคาย ริมฝีปากหยักบางสีชมพูธรรมชาติ ดวงตาคมดุสีถ่านด้านหลังเลนส์แว่นใสไร้ขอบดูมีเสน่ห์ยากจะต้านทานเรือนผมสีดำถูกเซ็ตขึ้นเปิดหน้าผากกว้าง เผยให้เห็นโครงหน้าหล่อได้อย่างชัดเจน ผิวของเขาค่อนข้างขาว แต่ดูเหมือนจะสว่างน้อยกว่าผิวของเธอสักหน่อยกรรณิการ์มองสำรวจใบหน้าดุจพระเจ้าสร้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้ตัวว่าเผลอจ้องเขานานเกินไป แต่เพราะกลิ่นโคโลญจน์อ่อน ๆ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากร่างสูงตรงหน้าทำให้เธอไม่อยากผละออก“ได้ยินรึเปล่าครับ?” เขาถามซ้ำขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวดูเหม่อลอยคนที่เพิ่งได้สติขึ้นมารีบผละตัวออกจากอ้อมแขนหนา กรรณิการ์กระแอมเบา ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาชายหนุ่มตรงหน้าจัดว่าหล่อมาก น่าแปลกที่เธอไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเท่าไหร่นัก หรือจะเป็นเด็กใหม่ก็ไม่แน่ใจแต่ดูจากสถานการณ์แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า...“ขอโทษนะคะ”“ไม่เป็นระ-” แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ หญิงสาวก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนแล้ว
ลูกคุณหนูตระกูลผู้ดีอันมีประวัติยาวนานในแวดวงสังคม หญิงสาวที่ถูกจับตามองและเพียบพร้อมไปด้วยฐานะทางสังคมสวย หุ่นดี มีชื่อเสียง ถูกรายล้อมด้วยผู้ชายที่พากันเข้ามาหยอดคำหวาน นั่นอาจจะเป็นชีวิตที่สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันแต่ไม่ใช่กับเธอ!“ให้โอกาสธันอีกสักครั้งไม่ได้เหรอครับ”“เราบอกว่าจบก็คือจบไงธัน เธอจะมาเรียกร้องอะไรอีก”“ทำไมล่ะกรีน ธันไม่ดีตรงไหน ทำไมกรีนถึงตัดธันง่าย ๆ แบบนี้”กรีน หรือ กรรณิการ์ สาวลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส ของดีประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ ดีกรีอดีตดาวมหา’ลัยหญิงสาวรูปร่างอรชรซึ่งมีส่วนสูงกว่าหนึ่งร้อยหกสิบแปดเซนติเมตร ใบหน้าสวยตามแบบฉบับลูกครึ่งสาว เรือนผมถูกย้อมเป็นสีบลอนด์ทอง รับกับรูปหน้าอันโดดเด่นขับให้หญิงสาวดูมาดมั่นและมีเสน่ห์น่าหลงใหลเครื่องหน้ารูปไข่ประดับไว้ด้วยเรียวคิ้วสวยได้รูป ดวงตาเรียวรีซึ่งมีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกาย ปลายจมูกโด่งรั้นดูน่าหยิก ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปสติกสีแดงเรื่อ มุมปากสวยยกขึ้นเล็กน้อยดูซุกซน“มันไม่ใช่ว่าเธอไม่ดี แต่เราก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าเบื่อก็จบ” กรรณิการ์ตอบกลับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งตรงหน้าด้วยน้ำเสียงหวานเจือความหงุดหงิดธันว







