"ทำอะไรกันเหรอคะ" เสียงแหลมดังแทรกพร้อมกับแรงกระตุกชายเสื้อของนักรบและน้ำส้ม ทำให้ทั้งสองคนนั้นดึงสติกลับคืนมา แล้วก้มหน้ามอองต่ำตามเสียง มีหนูน้อยเงยหน้ามองผู้ใหญ่สองคนสลับกันไปมา นั่นเพราะว่าเธอกำลังสงสัยในสิ่งที่เห็น
((อะเอ่อ~~)) สายตาของเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่มองหน้ากันอย่างเขินอายจนอ้ำอึ้ง นึกถึงคำตอบโต้ไม่ทัน ยิ่งสายตากดดันของน้องมะนาวก็ยิ่งทำให้ผู้เป็นแม่เม้มปากแน่นคิดไม่ออก จะบอกลูกสาวที่ช่างซักไซ้ยังไงให้ละม่อมเข้าใจ ในภาพที่มันล่อแหลม
"คุณอานักรบหิวเหรอคะ เลยจะกินคุณแม่...Oh No!!" เด็กหญิงมะนาวพูดออกมาด้วยความเดียงสาตามภาพที่เธอเห็นและเข้าใจ ก่อนจะสบถและเบิกตาโตยกมือสองข้างขึ้นปิดปาก ส่ายสายตามองผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยจินตนาการของเด็กที่กำลังแล่นภาพมโนในหัว
"น้องกำลังคิดอะไรอยู่มะนาว มันไม่มีอะไรหรอกนะคะ" ผู้เป็นแม่ที่เดากิริยาของลูกสาว เธอเกิดความวิตกกลัวว่าลูกสาวผู้จินตนาการเลิศล้ำ จะถลำความคิดไปไกล จนต้องรีบแก้ต่างดักทางเอาไว้ด้วยความลุกลี้ลุกลน จนคนตัวสูงที่ยืนมองนั้นกลั้นขำไม่ไหว ได้แต่เบือนหน้าออกด้านข้างเปล่งหัวเราะเบา ๆ จนน้ำส้มจิกสายตาข่ม นั่นจึงทำให้นักรบเบาลง
"ไม่นะคะ!! น้องไม่อยากเชื่อเลย...คุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ เป็นแวมไพร์เหมือนในหนังที่น้องเคยดูใช่ไหม?....ใช่เลยมันต้องใช่แบบนั้น ว๊าย!! อยู่ไม่ได้แล้ว" เด็กหญิงมะนาวลั่นเสียงแข็งดั่งตระหนก เธอร่ายคำพูดตามที่มโนภาพจากสิ่งที่เคยผ่านตา ความน่าสะพรึงอย่างในหนังทำให้น้องมะนาวรีบหันหลังวิ่งเข้าบ้านทันที
"เฮ้อ~~ โล่งอก" น้ำส้มรู้สึกโล่งใจเมื่อลูกสาวไม่ได้ถามจนเธอนั้นตันคำตอบ เป็นเธอเองที่คิดมากไป
"น้องมะนาวพูดถูกนะ ผมหิว! จริง ๆ นั่นแหละ" นักรบคิดกะล่อน เขาพูดออกมาด้วยยกยิ้มเน้นเสียงหนักคำว่าหิวอย่างมีเลศนัย ทำให้น้ำส้มเผลอฟาดฝ่ามือตีต้นแขนของเขาเต็มแรง
"คุณนักรบ!" และเธอก็ตวาดเขาเสียงลั่น
"อะไรกันคุณผมหิวข้าวนี่ถึงกับต้องตีผมเลยเหรอ" เขาแย้ง
"หิวข้าว?"
"ก็ใช่นะสิ คิดอะไรของคุณเนี่ย"
"ไม่มี! ไม่ได้คิดอะไร...ฉันขอตัวไปทำกับข้าวก่อนนะ"
น้ำส้มรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน เมื่อเผลอคิดไกลจนทำให้เขาจับพิรุธได้ เธอรู้สึกเสียหน้าจนรีบจ้ำเท้าเดินเข้าบ้าน อาการที่เธอทำให้นักรบหุบยิ้มไม่ลง ไม่ว่าจะแม่หรือลูกก็น่ารักเหมือนกัน ยิ่งเวลาน้ำส้มเขินยิ่งมีเสน่ห์จนเขาอยากจะแกล้ง
"แม่งเอ๊ย น่ารักฉิบหาย" เขามองตามหลังเธอแล้วสบถออกมา จากนั้นจึงเดินตามเธอเข้าไปในบ้าน แม้จะไม่ได้ถูกเชิญอย่างเป็นทางการมากนัก แต่ได้เข้ามาแบบนี้แล้วคงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยสิครับว่าที่ภรรยา” นักรบแซวขึ้นในขณะที่น้ำส้มกำลังถูกรุมด้วยพนักงานร้านวิวาห์ ที่กำลังวัดสัดส่วนเพื่อเก็บรายละเอียดของชุดแต่งงานสีขาวระยิบ ประดับประดาด้วยเลื่อมและไข่มุกแท้ ที่นักรบวางแผนเลือกดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าชื่อดัง“ยังจะมาพูดอีก ฉันผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จู่ ๆ ได้มาลองชุดเจ้าสาว คุณควรให้ฉันทำหน้าแบบไหนดีละคะ” น้ำส้มตอบกลับอย่างกระแนะกระแหน สีหน้าของเธอขุ่นเคืองกับการถูกบีบ แม้มันจะเป็นเรื่องราวที่ดี แต่เขาก็ควรให้เธอได้ตั้งหลักบ้าง“แต่งงานกับผมที่หล่อเหลาอย่างกับพระเจ้าปั้นมา แถมทั้งเก่ง หน้าที่การงานก็โคตรจะดี เพอร์เฟ็คแบบผมนี่หายากนะจะบอกให้ คุณก็ต้องทำหน้าดีใจสิครับถึงจะถูก มีผู้หญิงมากมายอยากจะได้ผมนะ คุณไม่อยากได้ผมหรือไง” เขาปั้นหน้าพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ เยินยอคุณลักษณะของตัวเองอย่างภาคภูมิ“เรื่องหลงตัวเองนี่เก่งเหลือเกิน” จากที่ยืนฟังคำเยินยอของนักรบ ทำให้น้ำส้มถึงกับกลอกตามองบนด้วยความระอา“หรือว่าไม่จริง...ไม่เชื่อคุณลองถามพวกเธอดูสิว่าผมเป็นอย่างที่พูดหรือเปล่า พวกคุณว่ายังไงครับ” เขายังคงตีสีหน้ามาดมั่น แถมยังหาแนวร่วมเอ่ยถามความเห็นเหล่าพ
หลายเดือนผ่านไป“นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉันนี่คะ?” น้ำส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้านักรบที่กำลังขับรถบนท้องถนน ในเส้นทางไม่ใช่ทางกลับบ้านของตนเอง“แล้วใครบอกว่าผมจะพาคุณกลับบ้าน” นักรบพูดตอบกลับด้วยความทะเล้น นั่นยิ่งทำให้น้ำส้มรู้สึกฉงนใจ“แล้วจะพาฉันไปไหน?” เธอย้อนถามอีกครั้ง“ถึงก็รู้เองแหละ” เขาตอบเธอด้วยความยียวน“ไม่ได้พาไปขายใช่ไหม?” น้ำส้มเอ่ยทีเล่นทีจริง พร้อมกับรอยยิ้มกริ่มมุมปาก“มันจะได้ราคาเท่าไหร่กันเชียว” นักรบตอบสบประมาท พร้อมกับเลี้ยวซ้ายในซอยหนึ่งที่เป็นปลายทางของสถานที่จะไป“ก็ลองดูไหมล่ะ?” คำหยามที่ไม่จริงจังแต่ช่างปั่นอารมณ์ผู้หญิงให้หัวร้อนได้ จนน้ำส้มต้องเอ่ยประโยคนี้ออกไปด้วยความท้าทาย“ไม่!!!” ทำให้นักรบรีบตอบทันควันด้วยน้ำเสียงแข็งและสีหน้าบึ้งตึง หันมองน้ำส้มตาเขม็ง เขาพูดแซวเล่นเพื่ออยากแกล้ง แต่เธอตลบคำปั่นอารมณ์เขาแทนเสียอย่างนั้น“หวงละสิ” เธอเย้ยเขาและพูดเข้าข้างตัวเอง สะบัดผมไปข้างหลังด้วยความเชิดมั่นใจ“..........” นักรบไม่ได้ตอบกลับเขาเลือกที่จะเงียบและเขารถนิ่ง ๆ ไปตามเส้นทาง เพราะหากพูดมากกว่านี้กลัวว่าน้ำส้มจะสวนคำจนทำให้เขาหน้าเสีย“ไม่ตอบซะด้
“เปรี้ยวจี๊ดแดดดี๊มาแล้วครับ” เสียงของนักรบดังมาแต่ไกล เรียกขานว่าที่ลูกเลี้ยงที่เขารักปานดวงใจ ข้าวของในมือที่เขาซื้อมาให้เธอ ทุกอย่างเป็นของโปรดปรานของน้องมะนาวทั้งนั้น“ว้าว...แดดดี๊ของน้องตัวจริงหล่อเวอร์ ๆ เลยค่ะ” น้องมะนาวที่อยู่ในชุดนักเรียนน่ารัก เดินลงมาจากบันไดพร้อมแม่มองเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของนักรบ จนเบิกตาร้องว้าวด้วยความตื่นตา เขามาในมาดนักรบคนเดิมหล่อเหลาและมีเสน่ห์“เดี๋ยววันนี้คนหล่อเวอร์ ๆ ของน้องจะไปส่งที่โรงเรียนดีไหม?” เขาย่อตัวลงให้เสมอเด็กหญิง แล้วบอกในสิ่งที่จะทำหลังจากนี้ เธอจะมีรอยยิ้มแห่งความสุขทุกครั้งที่นักรบและน้ำส้มไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกัน และวันนี้ก็เป็นการไปโรงเรียนวันแรก หลังจากที่เรียนออนไลน์มาเป็นเดือน เขารู้เพราะน้องสาวบอกเล่า“เย่ เย่ ดีเวอร์ ๆ ไปเลยค่ะแดดดี๊...คอยดูนะวันนี้น้องจะเอาแดดดี๊ไปอวดกรีนเพื่อนที่มาใหม่ ชอบพูดอวดพ่อกับน้องตลอดเลย” น้องมะนาวชูสองมือท่วมหัว กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ การไปโรงเรียนของเธอไม่ได้มีความสุขเหมือนกับสีหน้าและท่าทาง บางวันเธอถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อ จนทำให้เธอต้องแอบร้องไห้อยู่ในมุมอับที่ไม่มีใครเห็น เมื่อถึงเวลาที
“มะนาวเรามีเรื่องต้องเคลียร์กันหรือเปล่าคะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกสาวตัวกลมที่วิ่งเข้ามาในห้อง ทุกคนล้วนตามเธอขึ้นมาเพื่อรอจับพิรุธเด็กอ้วนผู้ปั่นป่วน“เรื่องอะไรเหรอคะคุณขา” น้องมะนาวแกล้งทำเหมือนไม่รู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งเล่นตุ๊กตาวางท่านิ่งทั้งที่ตอนนี้เธอหัวใจเต้นตุบตุบด้วยความพะวงกลัวแม่จะดุ แม้เธอเป็นคนจุดประทัดจนเสียงดังลั่นบ้าน“ยังจะมาตีหน้าใสซื่ออีกนะเปรี้ยวจี๊ด” เป็นเอมอรที่ยืนมือกอดอกพิงขอบประตูพูดขึ้น ท่าทางของน้องมะนาวในตอนนี้ทำเอาผู้ใหญ่อยากจะขำลั่น แต่ต้องวางฟอร์มนิ่งไว้ไม่อยากให้เธอได้ใจ “ใครกันที่โทรบอกแม่อรว่า ‘แม่อรเกิดเรื่องแล้วค่ะกำลังจะกินหัวกันแล้วค่า’ ประโยคใครพูดน้าคิดสิคิด...ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ใครนะใครที่เป็นคนพูดแบบนี้”“ใครเหรอคะแม่อร” น้องมะนาวก็ยังคงไม่ยอมรับ เธอจดจำประโยคพูดได้ดีว่าเป็นเธอ แต่ก็ยังไงเฉไฉตาใส เธอหันไปสบตากับนักรบแววตาเปล่งประกายระริกขยิบตาส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือจากแดดดี๊ของเธอ เพราะตอนนี้สายตาพิฆาตของผู้เป็นแม่กำลังจดจ้องอย่างจับผิด“ไม่รู้สิ สงสัยลูกหมูแถวนี้มั้ง” เอมอรตอบกลับอย่างเย้าแหย่“เอาล่ะ ๆ ผมว่าให้มันแล้วกันไปดีกว่า
“คุณใจร้ายกับผมมากเลยรู้ไหมส้ม ทำผมเกือบร้องไห้ ขอผมกอดอีกหน่อยให้หายคิดถึงแล้วกัน” เขาพูดกับเธอทันทีเมื่อเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน โอบกอดเธอแน่นด้วยความคิดถึง ดอมดมตามผิวกายและพวงแก้มจนมันแทบจะช้ำ(“ไม่นะไม่! จะกินหัวกันแล้ว น้องจะทำยังไงดีต้องหาคนมาช่วย”)“แม่อร แม่อร ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่เวอร์ ๆ แล้วค่า แดดดี๊กับคุณแม่ขาจะกินหัวกันแล้วค่า”((“อะไรกินหัวคะมะนาวแม่อรไม่เข้าใจ”) )“แดดดี๊ไง น้องบอกว่าแดดดี๊กับคุณแม่กินหัวกันแล้ว แม่อรรีบมาช่วยหน่อยสิคะ เร็ว ๆ นะคะมาตอนนี้เลย”((“แดดดี๊กลับมาแล้วเหรอ?”) )“ใช่นะสิคะตอนนี้อยู่บ้านของน้อง กำลังงาบหัวกันอยู่ข้างล่าง แม่อรต้องรีบมานะ”((“มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอลูก”) )“ก็ใช่สิคะ น้องเห็นเต็มฉองตาเลยรีบโทรหาแม่อรนี่ไง แดดดี๊กัดคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็กัดคอแดดดี๊ขยุ้มผมแดดดี๊ด้วย มันรุนแรงเวอร์ ๆ เลยค่ะแม่อร”((“โอเค ๆ เดี๋ยวแม่อรรีบไปตอนนี้เลย”) )“โอเคค่ะ”พฤติกรรมระหว่างน้ำส้มและนักรบที่น้องมะนาวเห็น สร้างความเข้าใจผิดไปคนละทิศคนละทาง ความเดียงสาที่ยากจะเข้าใจทำให้เด็กหญิงคิดว่าการสัมผัสกันที่เหมือนรุนแรงเป็นการตบตีทะเลาะวิวาท ความคิดของเด็กน้อยท
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้การสนทนาที่กำลังสนุกสนานต้องหยุดชะงักลง(น้องลงมาล้างมือเตรียมทานข้าวได้แล้วค่ะ) เสียงบอกของผู้เป็นแม่ดังลอดผ่านเข้ามาในห้อง“ค่ะคุณแม่...ไปกันค่ะแดดดี๊ คุณแม่ขามาเรียกแล้ว” คำพูดแรกเธอตอบผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยปากชวนนักรบด้วยสีหน้าระรื่นสดใส(รีบลงมานะคะ เดี๋ยวคุณอาธันวาจะรอนาน)“ค่ะ...”(แม่ไปรอที่โต๊ะอาหารนะคะ)“ลุกสิคะแดดดี๊เราไปทานข้าวกัน”“น้องไปเถอะ แดดดี๊ว่าจะกลับแล้วล่ะ”“ทำไมละคะ?”คำเอ่ยชวนของน้องมะนาวแต่นักรบปฏิเสธ ทำเอาเด็กน้อยย้อนถามทันควัน แต่สำหรับนักรบนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า ไร้ตัวตนในสายตาของน้ำส้ม ก็ตั้งแต่ที่เขาก้าวขาเข้ามาเธอก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขับไล่ที่เข้ามาในบ้าน ความเมินเย็นชาทำให้นักรบเกิดประหม่าและสู้หน้าเธอไม่ไหว เขาคิดถึงแทบขาดใจ แต่พอได้อยู่ใกล้ตรงหน้าก็ไม่สามารถกอดเธอให้หายคิดถึง...มันท้อแท้ใจจนต้องบอกกับตัวเองว่าเขาควรพอแค่นี้“แดดดี๊แค่รู้สึกเหนื่อย ๆ น่ะ” เขาตอบเด็กหญิงพลางลูบหัวของเธอเบา ๆ คำพูดของเขาทำเอาเด็กหญิงหน้าเศร้าในทันที“อยู่กับน้องไม่ได้เหรอ น้องยังไม่หายคิดถึ