"มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ" เขาเดินเข้ามาในครัวเเล้วอาสา เมื่อเห็นว่าน้ำส้มกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมวัตถุดิบทำอาหารเย็น
"ไม่เป็นไรค่ะคุณเป็นแขกฉันจะกล้าให้คุณทำได้ยังไงกันล่ะคะ...คุณนักรบไปนั่งรอที่โซฟานั่งเล่นก็ได้ค่ะ" เธอบอกเขาพลางระบายยิ้มแสนหวาน ที่ทำเอาคนมองตราติดในสายตา
"ไม่อยากเป็นแขกอะ ขอเป็นแฟนได้ป้ะครับ" เขาพูดหยอดจนทำให้น้ำส้มถึงกับชะงักเสียการทรงตัว วันนี้เธอจะทนไม่ไหวกับคำหวานและความเจ้าเล่ห์ที่เขาถาโถมใส่ ตั้งรับไม่หวาดไม่ไหวจนอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
"คุณนักรบ" น้ำส้มเอื้อนเอ่ยกดน้ำเสียงต่ำพลางจ้องหน้าเขาอย่างห้ามปราม พยายามจะไม่แสดงความเขินอาย แต่ก็ไม่สามารถเก็บกลั้นความรู้สึกเอาไว้ได้ ก็เขาเล่นหยอดเธอแทบทุกโอกาส มีแต่เธอนั่นแหละที่พลาดทำให้เขากลั่นแกล้ง ตอบโต้ไม่ทันสักครั้ง แค่ถูกเขาจูบตรงหน้าบ้านก็เขินจนจังหวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแทบช็อก
"โอเค...งั้นผมไปเล่นกับน้องมะนาวรอนะ" เขาชี้นิ้วกลับไปด้านหลังแล้วบอกเธอ
"ไปเลยค่ะ ตามสบายนะไม่ต้องเกรงใจฉัน ทีวีก็เปิดดูได้เลยรีโมทก็วางอยู่บนโต๊ะ"
"ครับผม"
นักรบเดินออกมาจากห้องครัว แล้วทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวหน้าทีวี เขายิ้มแก้มแทบปริเพียงนึกถึงใบหน้าของน้ำส้มที่มีภาพของเธอในหัวสมอง เขานอนหลับตามือก่ายหน้าผากแล้วมโนภาพและระบายยิ้มออกมา แต่แล้วความเหนื่อยล้าจากการทำงานก็ทำให้เขานั้นเผลอหลับไปด้วยความสุขล้นใจ
"ทำการบ้านจนเบื่อแล้ว เพื่อนเล่นก็ไม่มีจะทำอะไรต่อดีนะ" เด็กหญิงมะนาวที่ทำการบ้านเสร็จเรียบร้อย เธอจึงเดินลงมาจากบนบ้านพร้อมกับกระเป๋าใบโปรด มันเต็มไปด้วยของสวยงามที่เธอชอบ ปากก็พร่ำบ่นอย่างเบื่อหน่ายเมื่อไม่รู้จะทำอะไรแก้เหงาหลังจากนี้ "ไปขอเล่นโทรศัพท์คุณแม่ขาดีกว่า...อุ! คุณอานักรบนอนหลับต้องเดินเบา ๆ" เด็กหญิงพูดคนเดียวแล้วเดินผ่านมายังโซนนั่งเล่น เห็นคุณอานักรบที่นอนหลับสนิท เธอจึงเดินย่องเบาเหมือนกับแมวน้อย สายตาก็คอยมองว่าคุณอานักรบรู้สึกตัวหรือไม่ เมื่อมั่นใจเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นแม่ในห้องครัว
"คุณแม่ขา" เธอเรียกแม่ที่กำลังยืนชิมอาหารบนเตาด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานอย่างน่ารัก
"ขาคนสวยของแม่"
"คือว่าตอนนี้น้องเหงา ขอยืมมือถือคุณแม่ได้ไหมคะ" เด็กหญิงบอกเล่าแก่ผู้เป็นแม่
"ได้สิคะ แต่ว่าน้องอย่าเผลอเล่นซุกซนกดมั่วของคุณแม่นะคะ เดี๋ยวงานของคุณแม่จะหาย...โอเคไหม?" ผู้เป็นแม่ตอบรับลูกสาวตัวน้อย นั่นทำให้เด็กหญิงมีรอยยิ้มกริ่มดีใจ เธอแบมือขอโทรศัพท์ผู้เป็นแม่จึงยื่นให้
"โอเคเวอร์ ๆ เลยค่ะ...แล้วน้องทำแบบคุณแม่ได้ไหมคะ?" เด็กหญิงตอบรับแล้วเอ่ยถามในลำดับถัดมา
"ทำแบบไหนคะ?"
"ที่คุณแม่ขาพูด ๆ แล้วก็ปัด ๆ ทาลิปสติกสีสวยน่ะค่ะ...น้องทำแบบนั้นได้ไหมคะ"
"ได้สิคะ เอาที่คุณแม่เลือกให้ในกระเป๋าเท่านั้นนะ ไม่เอานอกเหนือจากนั้นมาเล่นนะคะ"
"ค่ะ...น้องจะไม่ซนไม่หยิบของคุณแม่ค่ะ"
"เก่งมากค่ะ...น้องทำแบบนี้นะ"
เมื่อตกลงกันได้อย่างลงตัว เด็กหญิงรับปากผู้เป็นแม่อย่างว่าง่าย จากนั้นจึงได้สอนวิธีการใช้ให้กับลูกสาว ไหวพริบที่น้องมะนาวมีเธอจดจำวิธีทำได้อย่างแม่นยำ จะทำเป็นตัวอย่างให้แม่ดูด้วยความคล่องแคล่ว จนผู้เป็นแม่วางใจและอนุญาตให้น้องมะนาวเอาไปใช้
"น้องทำได้ใช่ไหม?"
"ได้ค่ะ"
"หนูไปเล่นอย่าซนนะคะ แล้วก็ไม่เสียงดังรบกวนคุณอานักรบด้วย"
"น้องสัญญาค่ะ...จะไม่กวนให้คุณอานักรบตื่น"
"คุณอานักรบนอนหลับเหรอคะ"
"ใช่ค่ะ น้องเดินผ่านมาตะกี้คุณอาหลับปุ๋ยเหมือนพ่อแมวเลยค่ะ มีเสียงออกมาด้วยนะคะน้องได้ยินแบบนั้น"
"งั้นน้องเบา ๆ นะคะรู้ไหม?"
"รู้ค่ะคุณแม่ขา น้องไปเล่นก่อนนะคะ"
"จ้า"
พูดคุยกันเสร็จสิ้นสองแม่ลูกก็แยกย้ายกันไปทำตามที่ต้องการ แม่ทำอาหารลูกมาเล่นในบ้านตามอัธยาศัย เด็กหญิงมะนาวผู้สดใสสวมรอยเลียนแบบการกระทำของผู้เป็นแม่ตามจินตนาการ และที่สำคัญเธอเปิดไลฟ์สดตามที่แม่สอนในแต่ละขั้นตอน
"โอ๊ะ! น้องมาแล้วมีอะไรวิ่ง ๆ บนหน้าจอด้วยนะ" เด็กหญิงเปิดไลฟ์สด หล่อนอาจจะไม่เข้าใจในข้อความที่ขยับบนหน้าจอ ความเดียงสาและใบหน้ากลมแป้นแล้นน่ารัก กลับเรียกคนดูเข้ามาสนใจเป็นร้อย
"ทำเหมือนคุณแม่ แล้วน้องต้องพูดว่ายังไงก่อนดีนะ...น้องขอคิดก่อน" เด็กหญิงพูดออกมาผ่านหน้าจอ โดยไม่รู้หรอกว่ามีคนสามารถได้ยินและเห็นในสิ่งที่เธอพูด บางคนพิมพ์ทักทาย บ้างก็เคยเห็นหน้าน้องมะนาวเวลาที่แม่ของเธอทำคลิปลงเพจ บางคนก็พิมพ์แซวอย่างน่ารัก ทว่าเด็กหญิงมะนาวก็ไม่สามารถอ่านออกได้ รับรู้เพียงบางคำเท่านั้น แต่ต้องใช้เวลาในการสะกด
(น้องน่ารักจังเลย)
(แอบเล่นมือถือคุณแม่ใช่ไหมคะเนี่ย)
(ไม้เรียวในมือคุณแม่สั่นรอแล้วค่าาา)
(สวัสดีค่ะน้องมะนาวคนสวย)
(แก้มกลมน่าหยิกจังเลยลูก)
(วันนี้ฉายเดี่ยวคุณแม่น้ำส้มไปไหนเอ่ย)
คอมเมนต์มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพียงเวลาที่เด็กหญิงมะนาวเปิดไลฟ์ได้ไม่นานผู้คนก็เริ่มเข้ามาดูไลฟ์จากหลักร้อยเป็นหลักพัน
"วันนี้น้องเหงาเวอร์ ๆ เลยค่ะ ทำการบ้านเสร็จแล้ว คุณแม่ของน้องกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว น้องเลยขอมือถือคุณแม่มาเล่น น้องจะมาทำแบบคุณแม่เพราะน้องอยากสวยเหมือนคุณแม่ค่ะ" เด็กหญิงนั่งตัวกลมพูดคนเดียว แต่มีคนฟังนับพันโดยที่เธอนั้นไม่รู้เรื่องราวด้วยความเดียงสาที่ยังไม่สามารถเข้าใจได้ พูดไปตามสิ่งที่คิดก็เท่านั้น
"คุณแม่ทาแป้งแบบนี้ ๆ น้องก็จะทาเหมือนกัน แล้วน้องก็จะทาลิปสีชมพูแบบนี้...ว้าวสวยจังเลย" เด็กหญิงพูดไปด้วยทาแป้งไปด้วย ทำเลียนแบบเหมือนกับที่เห็นแม่ทำ จากนั้นจึงส่องกระจกเงา ทำเอาเด็กหญิงเบิกตากว้างกับการแต่งหน้าในแบบของเธอเอง มันสวยในสายตาของเธอทว่ากลับเละเทะในสายตาของผู้ชม และนั่นกลับสร้างรอยยิ้มแก่คนดู ชื่นชมในความน่ารักทุกคนล้วนเอ็นดูเด็กหญิงจนหลงรัก
"แต่งให้คุณอาบ้างดีกว่า ตื่นมาคุณอาจะได้หล่อ ๆ" เมื่อแต่งหน้าทาแป้งให้ตัวเองเสร็จแล้ว สายตาของน้องมะนาวเห็นนักรบที่นอนหลับสนิท จึงเกิดความคิดบางอย่างด้วยความไร้เดียงสา เธอลุกจากพื้นที่นั่งแล้วเดินถือกระเป๋าใบโปรดไปยังนักรบที่นอนอยู่บนโซฟา กล้องมือถือก็ยังมีไลฟ์สดตลอดเวลา และมองเห็นว่าเด็กหญิงกำลังทำอะไร "น้องจะทำเบา ๆ ไม่ให้คุณอาตื่นหรอกค่ะ...น้องสัญญาเกี่ยวก้อย"
ทุกอย่างถูกลงมือด้วยน้องมะนาว เธอจัดการละเลงเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นแป้ง ลิปสติก มาสคาร่า ตบท้ายด้วยปัดแก้มแดงอย่างกับก้นลิงลงบนใบหน้าของนักรบ ที่นอนหลับสนิทไม่รู้ตัว เขาเหนื่อยล้าเกินกว่าจะลืมตาตื่น น้ำหนักมือที่เบาของเด็กหญิงไม่ได้สร้างปัญหาในการนอนของเขาเลย
(ใครเอ่ย)
(มองไกล ๆ ยังหล่ออ่า)
(ใครเหรอคะน้องมะนาวคนสวย...ต่อมเผือกพี่ทำงานเลยนะเนี่ย อยากรู้ ๆ)
คนที่เห็นไม่คุ้นเคยเกิดคำถามและความสงสัย จนต้องคอมเมนต์ระรัวออกไป เพราะจากการติดตามคู่แม่ลูก พวกเขาไม่เคยเห็นใครอื่นแทรกเข้ากล้อง นอกจากน้องมะนาวและคุณแม่ แต่การมีชายหนุ่มทรงดีวันนี้ทำให้ลูกเพจอยากรู้ว่าเขาคือใคร
"เสร็จแล้ว หล่อเวอร์ ๆ กว่าเดิมอีก" เด็กหญิงมะนาวชื่นชมผลงานศิลปะบนใบหน้าฝีมือของตัวเอง แต่สำหรับคุณอานักรบหากเห็นผลงานคงได้ควันออกหูเป็นแน่ "น้องขอไปล้างมือก่อนนะคะ" เด็กหญิงเดินมาพูดเสียงเบากระซิบตรงหน้าจอมือถืออำลา แล้วจากนั้นก็ปิดไลฟ์ ทิ้งไว้เพียงความสงสัยให้กับลูกเพจต่อไป
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยสิครับว่าที่ภรรยา” นักรบแซวขึ้นในขณะที่น้ำส้มกำลังถูกรุมด้วยพนักงานร้านวิวาห์ ที่กำลังวัดสัดส่วนเพื่อเก็บรายละเอียดของชุดแต่งงานสีขาวระยิบ ประดับประดาด้วยเลื่อมและไข่มุกแท้ ที่นักรบวางแผนเลือกดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าชื่อดัง“ยังจะมาพูดอีก ฉันผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จู่ ๆ ได้มาลองชุดเจ้าสาว คุณควรให้ฉันทำหน้าแบบไหนดีละคะ” น้ำส้มตอบกลับอย่างกระแนะกระแหน สีหน้าของเธอขุ่นเคืองกับการถูกบีบ แม้มันจะเป็นเรื่องราวที่ดี แต่เขาก็ควรให้เธอได้ตั้งหลักบ้าง“แต่งงานกับผมที่หล่อเหลาอย่างกับพระเจ้าปั้นมา แถมทั้งเก่ง หน้าที่การงานก็โคตรจะดี เพอร์เฟ็คแบบผมนี่หายากนะจะบอกให้ คุณก็ต้องทำหน้าดีใจสิครับถึงจะถูก มีผู้หญิงมากมายอยากจะได้ผมนะ คุณไม่อยากได้ผมหรือไง” เขาปั้นหน้าพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ เยินยอคุณลักษณะของตัวเองอย่างภาคภูมิ“เรื่องหลงตัวเองนี่เก่งเหลือเกิน” จากที่ยืนฟังคำเยินยอของนักรบ ทำให้น้ำส้มถึงกับกลอกตามองบนด้วยความระอา“หรือว่าไม่จริง...ไม่เชื่อคุณลองถามพวกเธอดูสิว่าผมเป็นอย่างที่พูดหรือเปล่า พวกคุณว่ายังไงครับ” เขายังคงตีสีหน้ามาดมั่น แถมยังหาแนวร่วมเอ่ยถามความเห็นเหล่าพ
หลายเดือนผ่านไป“นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉันนี่คะ?” น้ำส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้านักรบที่กำลังขับรถบนท้องถนน ในเส้นทางไม่ใช่ทางกลับบ้านของตนเอง“แล้วใครบอกว่าผมจะพาคุณกลับบ้าน” นักรบพูดตอบกลับด้วยความทะเล้น นั่นยิ่งทำให้น้ำส้มรู้สึกฉงนใจ“แล้วจะพาฉันไปไหน?” เธอย้อนถามอีกครั้ง“ถึงก็รู้เองแหละ” เขาตอบเธอด้วยความยียวน“ไม่ได้พาไปขายใช่ไหม?” น้ำส้มเอ่ยทีเล่นทีจริง พร้อมกับรอยยิ้มกริ่มมุมปาก“มันจะได้ราคาเท่าไหร่กันเชียว” นักรบตอบสบประมาท พร้อมกับเลี้ยวซ้ายในซอยหนึ่งที่เป็นปลายทางของสถานที่จะไป“ก็ลองดูไหมล่ะ?” คำหยามที่ไม่จริงจังแต่ช่างปั่นอารมณ์ผู้หญิงให้หัวร้อนได้ จนน้ำส้มต้องเอ่ยประโยคนี้ออกไปด้วยความท้าทาย“ไม่!!!” ทำให้นักรบรีบตอบทันควันด้วยน้ำเสียงแข็งและสีหน้าบึ้งตึง หันมองน้ำส้มตาเขม็ง เขาพูดแซวเล่นเพื่ออยากแกล้ง แต่เธอตลบคำปั่นอารมณ์เขาแทนเสียอย่างนั้น“หวงละสิ” เธอเย้ยเขาและพูดเข้าข้างตัวเอง สะบัดผมไปข้างหลังด้วยความเชิดมั่นใจ“..........” นักรบไม่ได้ตอบกลับเขาเลือกที่จะเงียบและเขารถนิ่ง ๆ ไปตามเส้นทาง เพราะหากพูดมากกว่านี้กลัวว่าน้ำส้มจะสวนคำจนทำให้เขาหน้าเสีย“ไม่ตอบซะด้
“เปรี้ยวจี๊ดแดดดี๊มาแล้วครับ” เสียงของนักรบดังมาแต่ไกล เรียกขานว่าที่ลูกเลี้ยงที่เขารักปานดวงใจ ข้าวของในมือที่เขาซื้อมาให้เธอ ทุกอย่างเป็นของโปรดปรานของน้องมะนาวทั้งนั้น“ว้าว...แดดดี๊ของน้องตัวจริงหล่อเวอร์ ๆ เลยค่ะ” น้องมะนาวที่อยู่ในชุดนักเรียนน่ารัก เดินลงมาจากบันไดพร้อมแม่มองเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของนักรบ จนเบิกตาร้องว้าวด้วยความตื่นตา เขามาในมาดนักรบคนเดิมหล่อเหลาและมีเสน่ห์“เดี๋ยววันนี้คนหล่อเวอร์ ๆ ของน้องจะไปส่งที่โรงเรียนดีไหม?” เขาย่อตัวลงให้เสมอเด็กหญิง แล้วบอกในสิ่งที่จะทำหลังจากนี้ เธอจะมีรอยยิ้มแห่งความสุขทุกครั้งที่นักรบและน้ำส้มไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกัน และวันนี้ก็เป็นการไปโรงเรียนวันแรก หลังจากที่เรียนออนไลน์มาเป็นเดือน เขารู้เพราะน้องสาวบอกเล่า“เย่ เย่ ดีเวอร์ ๆ ไปเลยค่ะแดดดี๊...คอยดูนะวันนี้น้องจะเอาแดดดี๊ไปอวดกรีนเพื่อนที่มาใหม่ ชอบพูดอวดพ่อกับน้องตลอดเลย” น้องมะนาวชูสองมือท่วมหัว กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ การไปโรงเรียนของเธอไม่ได้มีความสุขเหมือนกับสีหน้าและท่าทาง บางวันเธอถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อ จนทำให้เธอต้องแอบร้องไห้อยู่ในมุมอับที่ไม่มีใครเห็น เมื่อถึงเวลาที
“มะนาวเรามีเรื่องต้องเคลียร์กันหรือเปล่าคะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกสาวตัวกลมที่วิ่งเข้ามาในห้อง ทุกคนล้วนตามเธอขึ้นมาเพื่อรอจับพิรุธเด็กอ้วนผู้ปั่นป่วน“เรื่องอะไรเหรอคะคุณขา” น้องมะนาวแกล้งทำเหมือนไม่รู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งเล่นตุ๊กตาวางท่านิ่งทั้งที่ตอนนี้เธอหัวใจเต้นตุบตุบด้วยความพะวงกลัวแม่จะดุ แม้เธอเป็นคนจุดประทัดจนเสียงดังลั่นบ้าน“ยังจะมาตีหน้าใสซื่ออีกนะเปรี้ยวจี๊ด” เป็นเอมอรที่ยืนมือกอดอกพิงขอบประตูพูดขึ้น ท่าทางของน้องมะนาวในตอนนี้ทำเอาผู้ใหญ่อยากจะขำลั่น แต่ต้องวางฟอร์มนิ่งไว้ไม่อยากให้เธอได้ใจ “ใครกันที่โทรบอกแม่อรว่า ‘แม่อรเกิดเรื่องแล้วค่ะกำลังจะกินหัวกันแล้วค่า’ ประโยคใครพูดน้าคิดสิคิด...ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ใครนะใครที่เป็นคนพูดแบบนี้”“ใครเหรอคะแม่อร” น้องมะนาวก็ยังคงไม่ยอมรับ เธอจดจำประโยคพูดได้ดีว่าเป็นเธอ แต่ก็ยังไงเฉไฉตาใส เธอหันไปสบตากับนักรบแววตาเปล่งประกายระริกขยิบตาส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือจากแดดดี๊ของเธอ เพราะตอนนี้สายตาพิฆาตของผู้เป็นแม่กำลังจดจ้องอย่างจับผิด“ไม่รู้สิ สงสัยลูกหมูแถวนี้มั้ง” เอมอรตอบกลับอย่างเย้าแหย่“เอาล่ะ ๆ ผมว่าให้มันแล้วกันไปดีกว่า
“คุณใจร้ายกับผมมากเลยรู้ไหมส้ม ทำผมเกือบร้องไห้ ขอผมกอดอีกหน่อยให้หายคิดถึงแล้วกัน” เขาพูดกับเธอทันทีเมื่อเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน โอบกอดเธอแน่นด้วยความคิดถึง ดอมดมตามผิวกายและพวงแก้มจนมันแทบจะช้ำ(“ไม่นะไม่! จะกินหัวกันแล้ว น้องจะทำยังไงดีต้องหาคนมาช่วย”)“แม่อร แม่อร ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่เวอร์ ๆ แล้วค่า แดดดี๊กับคุณแม่ขาจะกินหัวกันแล้วค่า”((“อะไรกินหัวคะมะนาวแม่อรไม่เข้าใจ”) )“แดดดี๊ไง น้องบอกว่าแดดดี๊กับคุณแม่กินหัวกันแล้ว แม่อรรีบมาช่วยหน่อยสิคะ เร็ว ๆ นะคะมาตอนนี้เลย”((“แดดดี๊กลับมาแล้วเหรอ?”) )“ใช่นะสิคะตอนนี้อยู่บ้านของน้อง กำลังงาบหัวกันอยู่ข้างล่าง แม่อรต้องรีบมานะ”((“มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอลูก”) )“ก็ใช่สิคะ น้องเห็นเต็มฉองตาเลยรีบโทรหาแม่อรนี่ไง แดดดี๊กัดคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็กัดคอแดดดี๊ขยุ้มผมแดดดี๊ด้วย มันรุนแรงเวอร์ ๆ เลยค่ะแม่อร”((“โอเค ๆ เดี๋ยวแม่อรรีบไปตอนนี้เลย”) )“โอเคค่ะ”พฤติกรรมระหว่างน้ำส้มและนักรบที่น้องมะนาวเห็น สร้างความเข้าใจผิดไปคนละทิศคนละทาง ความเดียงสาที่ยากจะเข้าใจทำให้เด็กหญิงคิดว่าการสัมผัสกันที่เหมือนรุนแรงเป็นการตบตีทะเลาะวิวาท ความคิดของเด็กน้อยท
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้การสนทนาที่กำลังสนุกสนานต้องหยุดชะงักลง(น้องลงมาล้างมือเตรียมทานข้าวได้แล้วค่ะ) เสียงบอกของผู้เป็นแม่ดังลอดผ่านเข้ามาในห้อง“ค่ะคุณแม่...ไปกันค่ะแดดดี๊ คุณแม่ขามาเรียกแล้ว” คำพูดแรกเธอตอบผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยปากชวนนักรบด้วยสีหน้าระรื่นสดใส(รีบลงมานะคะ เดี๋ยวคุณอาธันวาจะรอนาน)“ค่ะ...”(แม่ไปรอที่โต๊ะอาหารนะคะ)“ลุกสิคะแดดดี๊เราไปทานข้าวกัน”“น้องไปเถอะ แดดดี๊ว่าจะกลับแล้วล่ะ”“ทำไมละคะ?”คำเอ่ยชวนของน้องมะนาวแต่นักรบปฏิเสธ ทำเอาเด็กน้อยย้อนถามทันควัน แต่สำหรับนักรบนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า ไร้ตัวตนในสายตาของน้ำส้ม ก็ตั้งแต่ที่เขาก้าวขาเข้ามาเธอก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขับไล่ที่เข้ามาในบ้าน ความเมินเย็นชาทำให้นักรบเกิดประหม่าและสู้หน้าเธอไม่ไหว เขาคิดถึงแทบขาดใจ แต่พอได้อยู่ใกล้ตรงหน้าก็ไม่สามารถกอดเธอให้หายคิดถึง...มันท้อแท้ใจจนต้องบอกกับตัวเองว่าเขาควรพอแค่นี้“แดดดี๊แค่รู้สึกเหนื่อย ๆ น่ะ” เขาตอบเด็กหญิงพลางลูบหัวของเธอเบา ๆ คำพูดของเขาทำเอาเด็กหญิงหน้าเศร้าในทันที“อยู่กับน้องไม่ได้เหรอ น้องยังไม่หายคิดถึ