แชร์

บทที่ 10

ผู้เขียน: อิษสรา | ISSARA
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-29 13:01:36

ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าก้าวเดินเข้ามาภายในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ สายตาจับจ้องไปยังร่างสูงผู้เป็นเจ้านายคนใหม่ของพวกเขา ด้านหลังมีเลขาสาวสวยเดินตามหลังมาอยู่ห่างๆ ทุกสายตาสนใจความห่างเหินแบบแปลก ๆ ของพวกเขาทั้งคู่ ถึงประกาศจะมีออกมาเรื่องผู้บริหารคนใหม่แล้ว แต่พวกเขาทุกคนก็พึ่งเคยได้พบตัวจริงของเขาวันแรก

“สวัสดีครับคุณธาดา ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายขายยินดีต้อนรับครับ” ผู้จัดการฝ่ายขายยืนรอต้อนรับ กล่าวทักทายในขณะที่ธาดาไม่สนใจและเดินผ่านเขาไป

“....” ทุกคนต่างอยู่ในความเงียบ

“คุณธาดาไม่ชอบการต้อนรับค่ะ ทำงานตามปกติเถอะค่ะ” ฉันหยุดยืนตรงหน้าเขา และพูดในทุกคนเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

“อ้อ ครับ แล้วคุณคือ...” เขายิ้มด้วยสีหน้าเจื่อนที่ถูกหักหน้าจากผู้บริหารคนใหม่ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน

“...” ฉันไม่สนใจความสงสัยของเขา เพียงส่งยิ้มให้แล้วเดินตามหลังธาดาเข้าไปในลิฟต์

ติ้ง! ประตูลิฟต์ถูกปิดลง ภายในมีเพียงฉันและธาดาเท่านั้น ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ดีแล้วแหละเงียบบ้างเถอะฉันเหนื่อยจะเถียง

“ตอนบ่ายสองคุณธาดามีประชุมใหญ่กับผู้จัดการนะคะ” ฉันเปิดโทรศัพท์ในมือ และบอกงานประจำวันของเขาทีละอย่าง

“....” ไม่มีเสียงพูดกวนประสาท มีเพียงเสียงหายใจที่ยังทำให้รู้ว่ามีชีวิตอยู่เท่านั้น

“ช่วงเช้าว่างก็จะมีเอกสารที่เลขาของคุณลุงจัดเตรียมไว้ให้คุณธาดาศึกษางานอยู่บนโต๊ะนะคะ”

“....” ฉันแอบมองไปยังร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ สายตาของเขาจ้องมองไปยังด้านหน้า

“ช่วงเช้าขออนุญาตไปคุยกับฝ่ายบุคคลเรื่องรับสมัครเลขาของคุณธาดานะคะ” ไหน ๆ ก็ไม่มีอะไรทำช่วงนี้ ไปทำเอาไว้ก่อนก็ดีกว่า ไหนจะนัดมาสัมภาษณ์อีก

“รีบมากหรือไง” ในที่สุดก็เปิดปากพูดสักที

“ไม่ได้รีบหรอกค่ะ แต่ช่วงนี้อยู่ในช่วงที่คุณธาดาศึกษางานนี่คะ ก็ต้องใช้สมาธิ ฉันก็แค่ไปหาอะไรทำให้เกิดประโยชน์”

“....”

“เชิญค่ะเจ้านาย” ฉันผายมือไปยังด้านหน้าเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก

“หึ” เขาหัวเราะในลำคอ แล้วเดินนำหน้าออกไป

“เมื่อไหร่จะสิ้นปี” เสียงพึมพำที่มีเพียงแค่ตัวเองเท่านั้นที่ได้ยิน ฉันถอนหายใจแล้วก้าวเดินตามหลังเขาออกไป

“สวัสดีค่ะคุณธาดา” เลขาประจำหน้าห้องลุกขึ้นยืน และกล่าวทักทาย ธาดาหยุดและจ้องมองไปทางเธอ เจอของสวย ๆ ละสิ

ก็เธอดูจะเป็นเด็กพึ่งจบมาใหม่ ใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิด จมูกหน่อย ผิวขาวเนียนผ่อง ตัวเล็ก และหน้าอกใหญ่ สเปกหมอนี่เลยละ

“ฉันไล่เธอออก” เสียงของธาดาทำเอาทุกคนต่างมองด้วยสีหน้าตกใจ ไม่เว้นแม้แต่เลขา เธอก็ตกใจไม่แพ้กัน

“คุณธาดาคะ เชิญเข้าห้องก่อนค่ะ” อยู่ดี ๆ ก็เป็นอะไรขึ้นมา นึกว่าจะถูกใจเธอซะอีก

“เอ่อ คือ...ไล่ออกเรื่องอะไรเหรอคะ” เลขาสาวยกมือถามพร้อมกับใบหน้าแดงที่เหมือนจะร้องไห้

“เลขาของฉันมีแค่เทียนไขคนเดียวก็พอ” พูดจบก็ปาดสายตามามองหน้าฉันแล้วเดินเข้าห้องไป

“....” ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างของธาดาแล้วมองไปยังรอบๆ อะไรที่พูดแล้วทำให้ทุกคนมองฉันแปลก ๆ นี่ถนัดจังเลยนะ ไอ้บ้าธาดา

“ฉันถูกไล่ออกจริง ๆ เหรอคะ” เธอถามฉันด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ก็แน่ละ เจ้านายที่มาวันแรกก็ไล่เธอออกทันที เป็นใครก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตต่อ

“อย่าสนใจคำพูดของเขาเลยค่ะ ทำงานของคุณต่อเถอะ”

“แต่”

“ทำตามที่ฉันบอกค่ะ”

พูดจบก็ส่งยิ้มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปยังในห้องทำงานของธาดาทันที นอกจากฉันแล้วมีใครบ้างเนี่ยที่จัดการเขาได้ ต้องหาเลขาแบบไหนมาจัดการหมอนี่นะ

หลังจากเทียนไขเข้าไปในห้องทำงาน และประตูห้องปิดลง พนักงานคนอื่นก็ต่างพากันล้อมวงเข้ามาหาเลขาหน้าห้องของเจ้านายคนใหญ่ทันที

“คุณธาดาหล่อมาก” คำพูดแรกจากความในใจของพนักงานสาว

“ผู้หญิงคนนั้นก็สวยมาก” อีกคนที่สนใจไปที่เทียนไขมากกว่าจะสนใจสิ่งที่เลขาสาวโดนในวันแรก

“นี่ทุกคน หนูคิดว่าพวกพี่จะเป็นห่วงหนูนะคะ” เลขาสาวเบะปากใส่พวกกลุ่มคนที่เข้ามามุงโต๊ะของเธอ

“ก็ตกใจอยู่หรอก แต่สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดน่ะ เหมือนกับว่าเธอสามารถตัดสินใจแทนคุณธาดาได้เลยนะ” แล้วทุกคนก็สนใจไปที่เทียนไขอีกครั้ง

“ฉันรู้นะว่าเธอเป็นใคร หึ!”

เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ทุกสายตาหันมองไปที่เธออย่างพร้อมเพรียง เธอคือ เลขาของผู้จัดการฝ่ายการตลาด หญิงสาววัยสี่สิบปีที่อยู่ในบริษัทนี้มานาน ไม่ว่าเรื่องอะไรถ้าหากสงสัยให้มาถามที่เธอได้ทันที ตั้งแต่เรื่อง ใครเป็นแฟนใคร ใครกิ๊กกับใคร ใครได้กับใคร หรือใครมีประจำเดือนวันไหนเธอรู้หมด

“เธอเป็นใครเหรอคะพี่พิณ” และทุกคนก็เปลี่ยนเป้าหมายที่เธออย่างพร้อมใจ

“เลขาส่วนตัว ส่วนตัวมากของคุณธาดา” เธอพูดด้วยท่าทางที่มั่นใจ

“เลขาส่วนตัวนี่เขาทำอะไรกันบ้างเหรอ”

“ส่วนตัวอะ ก็ดูแลทุกส่วนของตัวไงจ๊ะ ถามอะไรไม่คิด” วงเมาท์ภายนอกห้องกำลังเปิดประเด็นขึ้นอย่างสนุกสนาน

“เลขาที่...” คนที่หนึ่งพูดเว้นไว้แล้วหันมองไปยังพิณ เธอยิ้มและเป็นคนต่อปิดประโยคให้

“เลขาที่เป็นมากกว่าเลขา ลูกสาวแม่บ้านนะจ๊ะนั่นน่ะ”

“อุ๊ย!” คำพูดของเธอเรียกเสียงฮือฮาจากรอบข้างได้ไม่น้อย

“นี่ทุกคนอย่ามานินทาเจ้านายของหนูแบบนี้นะ” เลขาหน้าห้องที่ทนฟังอยู่นานต้องออกปากเตือนพวกเขา ที่ทำงานออฟฟิศก็มีแต่แบบนี้สินะ นินทากันทุกวัน

“น้องโบว์รีบออกตัวปกป้องเจ้านายเลยนะ”

“ช่วยออกไปจากโต๊ะทำงานด้วยค่ะ ไปคุยกันที่อื่น” เมื่อโดนไล่ทุกคนก็แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอกำลังขัดขวางช่วงเวลาสนุกของพวกเขา

“น่าเบื่อ ตอนเที่ยงไปกินข้าวข้างตึกกัน เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง”

“โอเคพี่พิณ แล้วเจอกันตอนเที่ยง” ทุกคนรับคำชวนแล้วพากันแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง

โบว์ถอนหายใจใส่พวกเขาที่เดินจากไปอย่างรำคาญ วัน ๆ ก็มีแค่ไม่กี่อย่างหรอกคนพวกนี้ รู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องงาน และเรื่องของตัวเอง เธอหันหลังกลับไปเพื่อหยิบงานของตัวเอง ก็ต้องสะดุ้งเมื่อพบกับผู้หญิงที่ยืนแอบฟังอยู่ตรงประตูห้อง

“คุณ” เธอชี้ไปยังเทียนไขที่แง้มประตูห้องทำงานของเจ้านายเธอ และแอบฟังสิ่งที่เกิดขึ้น

“น่าสนุกดีนะคะคนพวกนั้นน่ะ” เทียนไขปาดสายตามองมา เธอรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นยะเยือกของเธอ

“โบว์...ไม่เกี่ยวนะคะ” เธอรีบแก้ตัวทันที ดูจากสายตาก็รู้ว่าเธอไม่ธรรมดาแน่ เธอคิดถูกแล้วที่ไม่เข้าไปอยากรู้เรื่องของเจ้านาย

“ฉันรู้ค่ะ ตั้งใจทำงานเข้านะคะ” พูดจบร่างบางก็ปิดประตูห้องทันที โบว์มองไปยังรอบ ๆ ตัวที่ไม่มีใครอยู่ตรงนี้แล้ว คุณธาดาก็น่ากลัว เลขาของเขาก็น่ากลัว

“ฉันรักงานของฉัน ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของเจ้านาย ฉันรักงานของฉัน ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของเจ้านาย”

เสียงพึมพำบอกกับตัวเองแล้วเริ่มลงมือทำงาน ผู้บริหารถูกเปลี่ยนแล้ว นั่นหมายความว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัทด้วยอย่างแน่นอน เธอรู้สึกแบบนั้น และพวกขี้นินทาจะโดนอะไรเธอก็ไม่กล้าคิดเลย

(ภายในห้องทำงาน)

ปึง!

หลังเสียงประตูปิดลงฉันยืนสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เข้ามาทำงานในรูปแบบบริษัทแบบนี้ สังคมออฟฟิศงั้นเหรอ ฉันเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง และมีความอดทนสูงกับทุกคนที่ไม่ใช่ธาดา เพราะฉะนั้นคงต้องทำเป็นปล่อยผ่านไปก่อน แต่พวกรู้มากนี่มีเยอะจริงนะที่นี่

“พวกนั้นนินทาเหรอ” เสียงของธาดาถามขึ้น เมื่อเห็นว่าฉันยืนจ้องประตูอยู่นาน

“ประมาณนั้น” ฉันหันหลัง และเดินเข้ามาหาเขา

“ให้จัดการให้มั้ย”

“จะไล่พนักงานออกตั้งแต่วันแรกที่มาไม่ได้นะคะคุณธาดา”

“ใครสนกันล่ะ ก็มานินทาว่าที่เจ้าสาวของฉันนี่” ฉันหยุดยืนหน้าโต๊ะแล้วขมวดคิ้วมองเขา

“อย่าพูดอะไรแบบนี้ให้คนอื่นได้ยินอีก” เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงานแล้วมองหน้าฉัน

“ช่วยพูดกับฉันดี ๆ เหมือนที่คุยกับเด็กนั่นเมื่อเช้าบ้างสิ” ในที่สุดก็วนเข้าเรื่องนี้อีกครั้ง

“งั้นก็ช่วยพูดให้เหมือนที่เก้าคุยกับฉันบ้างสิ”

“...” ตาดุมองมาทางฉัน แต่นั่นไม่สามารถทำอะไรฉันได้หรอก คนอย่างธาดาทำเป็นกลัวได้ที่ไหน

“สนใจงานบนโต๊ะได้แล้ว เลิกมองหน้าสักที”

“คิดถูกหรือคิดผิดนะที่กลับมา”

“...”

“ถ้าอยู่ที่นั่นก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งแท้ ๆ มันก็ดีอยู่แล้ว แต่อยู่ที่นี่เธอดูจะอยากเข้าหาคนอื่นเหลือเกินนะ” ถึงจะเป็นคำพูดที่ฟังดูน่ารำคาญ แต่สายตาของธาดามีความน้อยใจซ่อนอยู่

“ฉันจะไปฝ่ายบุคคลก่อน คุณธาดาช่วยศึกษางานด้วยความตั้งใจด้วยนะคะ” ถ้ายิ่งพูดก็ยิ่งบานปลายหรือเปล่านะ เรื่องเมื่อเช้าที่เขาส่งข้อความมาก็ยังติดอยู่ในใจ เขาจะทำกับฉันแบบนั้นจริง ๆ หรือไง

“ดูจะรีบร้อนไปซะทุกอย่างจริง ๆ”

“ธาดา” ฉันหยุดยืนหน้าโต๊ะแล้วสบตาเขา

“...” ซึ่งเขาเองก็เงียบและเป็นผู้ฟังที่ดี

“หยุดเรื่องพวกนี้เถอะ เราเป็นแค่เพื่อนก็ดีแล้ว”

“...”

“อย่าพยายามเลย” ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังยืนยันคำเดิมมาตลอดสิบปี เราเป็นได้แค่เพื่อนกัน

“เพราะ”

“ก็เพราะ...เรามันรู้ยันไส้ในกันไง แค่นายอ้าปากฉันก็รู้แล้วว่าจะพูดอะไร ทุกเรื่องที่เคยเกิดขึ้นช่วยลืมมันไปเถอะ แล้วอยากจะทำอะไรก็เรื่องของนาย” นี่เรื่องพวกนี้ฉันอธิบายมาเป็นสิบรอบแล้วนะ ธาดามีสีหน้าที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย เพราะเขาเอาแต่เงียบและจ้องหน้าฉัน

“...ใจร้ายจัง” ถึงจะทำเสียงเศร้า แต่สายตากลับตรงกันข้าม

“ไม่ได้ใจร้าย...ฉันแค่ไม่ได้รัก”

“งั้นเหรอ”

ธาดาเปลี่ยนท่านั่งมาเท้าค้างแล้วจ้องหน้าฉัน ริมฝีปากยกยิ้ม สายตาเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“....”

“เรามาลองกันมั้ย” จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา ฉันมองเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

“....”

“ถ้าเธอทนได้ก่อนที่จะถึงวันลาออก ฉันจะจบทุกอย่างแล้วไม่วุ่นวายกับเธออีก”

“....” ถ้าเป็นข้อตกลง ฉันรู้ว่าคนอย่างธาดาทำตามสิ่งที่ตัวเองพูดเสมอ

“แต่ถ้าเธอทนไม่ได้....”

“....”

“คงไม่ต้องให้พูดนะว่าจะเป็นยังไง”

“....” เขาเอาจริง ทุกอย่างที่พูด

“อย่าเงียบสิ เทียนไขคนเก่ง” ธาดาเท้าคางแล้วส่งยิ้มให้ฉัน

“....”

“ถ้าเงียบ จะถือว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉันต้องการ แล้วเธอจะไม่มีโอกาสต่อรองฉันอีก”

“ตกลง”

“หื้อ...อะไรนะ”

“ตกลง” สิบปีที่ฉันอยู่มา ต่อจากนี้อีกแค่ห้าเดือนทำไมจะทนไม่ได้

“ถือว่ารับคำแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนใจนะคะคนสวย”

“อือ” ของแค่นี้ทำไมฉันจะจัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้

“ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไร สิบปีที่อยู่มาก็ยังปกติดี”

“....” ธาดาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาหาฉัน มือหนาเอื้อมสัมผัสข้างแก้ม ฉันเอียงหัวหลบ และปาดสายตามองเขา

“ฉันยังมีอะไรที่เธอไม่รู้อีกหลายอย่างนะ ต่อจากนี้ทนให้ได้ล่ะ” สายตาของเขาดูมั่นใจไม่น้อย คำขู่งั้นสิ

“แล้วถ้าฉันทำให้นายทนไม่ได้บ้างล่ะ” เมื่อฉันเริ่มเป็นฝ่ายต่อรองบ้างล่ะ ธาดาส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ ก่อนที่จะโน้มหน้าลงอยู่ในระดับเดียวกัน

“ทุกวันนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าทนได้นะเทียนไข แล้วต่อจากนี้ก็จะไม่ทนแล้วด้วย” เขาจ้องหน้าฉันด้วยสายตาจริงจัง

“อ๋อ ค่ะ ที่ผ่านมาก็เห็นมีผู้หญิงมาไม่ซ้ำ แบบนั้นเขาเรียกว่าทนกับฉันมาตลอดเหรอคะเนี่ย” คนที่เปลี่ยนผู้หญิงตลอดเวลาแบบเขา มีสิทธิ์มาพูดกับฉันว่าจะไม่ทนด้วยเหรอ

“ก็เพราะทนกับเธอไม่ไหวไง เลยต้องหาที่ลง แล้วต่อจากนี้จะลงที่เธอคนเดียว”

“ธาดา” ฉันจ้องหน้าเขาเขม็ง และขยับตัวออกห่าง เขามองปฏิกิริยาของฉันแล้วหัวเราะในลำคอ

“ยังไม่ได้เริ่มเลย กลัวแล้วเหรอ” สายตาของผู้ชายตรงหน้าเปลี่ยนไป ธาดาไม่ใช่แบบที่ฉันรู้จัก ที่เคยบอกว่าอันตรายน่ะฉันไม่เคยพูดเกินจริง แต่คนที่รู้ทันเขาทุกอย่างก็คือฉัน เอาละมาลองดูกันว่าใครจะทนไม่ได้ก่อน

“ผู้ชายอย่างคุณธาดาทำอะไรฉันไม่ได้หรอกค่ะ ฉันมันตายด้าน”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • Love Textbook ตำรารักพิชิตหัวใจ   บทที่ 122

    (น้องชื่ออะไรครับ)(พรนับพรรณ ปริยากรสกุล ชื่อเล่นพันดาวค่ะ) พันดาวแนะนำตัวเองแล้วทุกอย่างก็ดูเงียบไป“ทำไมเงียบล่ะพันดาว”(…) ไม่มีเสียงตอบรับทุกอย่างเงียบ แม้แต่เสียงรอบข้าง“ส่งเสียงไอก็ได้พันดาว”(…) ยิ่งเงียบแบบนี้ฉันก็อยู่นิ่งต่อไปไม่ไหว แต่จังหวะที่หันหลังกลับไปมองก็มีเสียงแทรกดังลอดเข้ามาในห

  • Love Textbook ตำรารักพิชิตหัวใจ   บทที่ 121

    “คุณพ่อไปรับทีไรจะมีแต่คุณครูมองตลอดเลย” ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขียนฝันฟ้องฉันแบบนี้ เขียนฝันหวงพ่อสุด ๆ“ไม่เป็นอะไรค่ะ ทุกคนสามารถมองคุณพ่อได้ เพราะคุณพ่อเขารู้ว่า...ต้องมองที่ใคร” ฉันปาดสายตามองไปยังธาดา ซึ่งเขาก็อมยิ้มและเดินเข้ามาข้างกันแล้วยกยกมือโอบไหล่“พ่อมองแค่แม่ของเขียนฝันกับน้องพันดาวมาตลอดต

  • Love Textbook ตำรารักพิชิตหัวใจ   บทที่ 120

    “ไม่ต้องหรอกครับ ผมสั้นน่ารักนะ พี่ชอบผู้หญิงผมสั้น”“...เอ่อ ปะ ไปก่อนนะคะ!” เธอถูกชมจนเสียอาการจนรีบกล่าวลาแล้วรีบวิ่งหนีไปทันที“แต่สิ่งที่ชอบมากที่สุดก็คือเทียนไข” พออยู่กันสองคนก็มากวนประสาทฉันแทน“เฮ้อ...”เช้าวันต่อมา“เทียนตัดผมสั้นเหรอ” เสียงธาดาดังขึ้นจากด้านหลังในระหว่างที่ฉันกำลังยืนรอเข

  • Love Textbook ตำรารักพิชิตหัวใจ   บทที่ 119

    (ช่วงวัยเด็กของเทียนไขกับธาดา (ช่วงเกรด7หรือมัธยมชั้นปีที่ 1) ปึง!ประตูห้องครัวหอพักคนงานถูกเปิดออกเต็มแรง พร้อมกับเด็กชายผู้เป็นคุณหนูของบ้านนี้ และยังเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวหัวหน้าแม่บ้านอย่าง...เทียนไข“เทียนไข! ทำไมไม่บอกว่าจะสอบเข้าด้วยคะแนนเต็มเพื่อไปอยู่ห้องคิงล่ะ เรานึกว่าเทียนจะเลือกทำคะแ

  • Love Textbook ตำรารักพิชิตหัวใจ   บทที่ 118

    “ยุงไม่กัดแต่ปวดหัวมากเลย อะไรกันสองคนนี้” เมื่อนั่งฟังอยู่นานฉันก็ทนต่อไปไม่ไหวจนต้องขอพูดอะไรบ้าง“เด็กเวรนี่กวนประสาทค่ะ”“ถ้าจะด่าคนอื่นไม่ต้องมีคะขา”“โอเค ไอ้เด็กเวรนี่กวนตีน” ไม่สำนึกเลยสินะ“ก็เลยมาเลี้ยงเบียร์ย้อมใจแบบนี้เหรอ”“นั่งฟังมันบอกรักเมียตัวเองอยู่นี่ไง ไม่มีใครใจดีเท่าฉันแล้วนะ”

  • Love Textbook ตำรารักพิชิตหัวใจ   บทที่ 117

    “หายไปไหนของเขา”เสียงบ่นพึมพำกับตัวเอง สายตาสอดส่องมองซ้ายมองขวาเพื่อหาตัวธาดาที่ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนสักพักแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่พกติดตัวนี่เดินรอบแล้วเหลือแต่ที่หอพักคนงาน แต่ปกติธาดาจะไม่ได้ไปที่นั่นถ้าไม่มีธุระสำคัญ“ป้าขวัญคะ เห็นคุณธาดามั้ย” ในระหว่างที่กำลังหยุดยืนคิดอยู่หน้าบ้านใหญ่ ป้าขวัญ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status