4
ขออย่าให้เจอกันอีกเลย!!
(มีภาพประกอบ)
หญิงสาวพยายามกดปลายเท้าให้แตะถึงขอบสระและพยายามดีดตัวเองให้พ้นขึ้นมาหายใจ แต่สิ่งที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำได้มีเพียงแค่มือทั้งสองข้างของเธอเพียงเท่านั้น
"ชะช่วยด้วย" พิมพ์ตะวันพึมพำ ๆ ใต้น้ำ
"พะ..พ่อขา~" หญิงสาวที่แข็งแกร่งหลับตาลงและนึกถึงแต่หน้าของผู้เป็นพ่อของเธอ..พ่อคนที่เธอไม่มีวันได้พบเจอท่านอีกแล้วในชีวิตนี้
และในเสี้ยววินาทีที่ลมหายใจของเธอใกล้จะหมดลงเต็มที ภาพในอดีตมันก็ย้อนกลับมาจนเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ใต้น้ำสีฟ้าและแสงไฟจากด้านบนที่ริบหรี่ลงช้า ๆ
เธอมองเห็นมือของใครบางคนที่ยื่นลงมาจากด้านบน แต่มือเล็ก ๆ ของเธอมันเอื้อมไปไม่ถึงแล้วจริง ๆ ฟองอากาศที่มีค่อย ๆ พ่นออกจากจมูกของเธอ
ร่างบางค่อย ๆ จมลงไปจนเกือบถึงขอบสระที่ลึกเกือบ ๆ สองเมตร ขาทั้งสองข้างของเธอที่ดีดไปมาเริ่มเกร็งและแข็งกร้าวคล้ายเป็นตะคริว มือของเธอพยายามจะแหวกว่ายขึ้นไปแต่มันช่างไกลเหลือเกิน...น้ำคลอรีนทำให้ตาของเธอแสบพร่าจนต้องหลับตาลงและปล่อยให้ตัวเองจมลงสู่ก้นสระว่ายน้ำใจกลางบาร์สุดหรูแห่งนี้และ...
ฟุ่บ!!! มือหนาของใครบางคนกระชากเข้าที่ข้อมือและกระชากเธอขึ้นมาพร้อมกับประกอบปาก
พู่ว...พู่ว..ทันทีที่ริมฝีปากหนักประกบทับลงและพ่นลมหายใจเข้าไปในปากของเธอ เหมือนต่อลมหายใจให้กับพิมพ์ตะวันได้อีกครั้ง เธอลืมตาใต้น้ำมองดูใบหน้าของชายผู้ที่ช่วยชีวิตของเธออีกครั้ง
ฟู่ววววว!! ทั้งคู่ลอยพ้นขึ้นมาเหนือผิวน้ำ และคนที่ช่วยเธอก็คือเพอร์ซุส..คนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอจมน้ำเกือบตายนั้นเอง
เพราะเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะว่ายน้ำไม่เป็น แถมเธอยังปากแข็งไม่ยอมบอกแต่แรกอีกด้วยว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น
"..เป็นไรปะ?" ร่างสูงเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าที่กังวลไม่แพ้กัน เขาประคองร่างบางและอุ้มเธอยกขึ้นไปนั่งที่ขอบของสระว่ายน้ำ
"เฮ่อ ๆ ๆ " ร่างบางพยายามหายใจด้วยตัวเอง แต่มันก็จุกแน่นที่หน้าอกมาก ๆ
"…" พิมพ์ตะวันกำหมัดแน่นทั้งสองข้างจ้องมองหน้าเพอร์ซุสอย่างแน่นิ่ง
"นี่ไม่เอาน่า..ฉันก็แค่ล้อเธอเล่นเอง ใครจะไปรู้ว่าเธอว่ายนะน้ำ (เพอร์ซุส) /นายรู้ไหมตัวอะไรที่มันชอบลงมากินในน้ำ..ตัวเหี้ยไง!! (พิมพ์ตะวัน) เธอพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับง้างหมัดและต่อยกระแทกเข้าไปเน้น ๆ ที่มุมปากของเขา
ตุ๊บ!! ใบหน้าหล่อร้ายหันขวับไปตามแรงกระแทกทันที
"ว๊าย..เลือด!!" นางแบบสาวที่เกาะอยู่ขอบสระอีกฝั่งตะโกนขึ้นและชี้หน้าพิมพ์ตะวันอย่างเอาเรื่อง
"เธอต่อยหน้าคนที่เพิ่งจะ..จูบช่วยชีวิตเธอไปเนี่ยนะ" เพอร์ซุสใช้ปลายลิ้นดุน ๆ มุมปากที่มีเลือดของเขาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
"ชาตินี้ขออย่าให้ได้เจอกันอีกเลย" พิมพ์ตะวันรีบยกมือขึ้นถู ๆ ขยี้ริมฝีปากตัวเองด้วยความรังเกียจ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินตรงไปที่เคาร์เตอร์บาร์เก็บของต่าง ๆ และเตรียมจะเดินออกไปจากร้าน
"ขอโทษนะพี่แอม" พิมพ์ตะวันยกมือไหว้ขอโทษรุ่นพี่อีกครั้ง เพราะเธอรู้ว่ารุ่นพี่เธอคงโดนตำหนิเอาแน่ ๆ
"รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป เธอกล้าทำแบบนี้กับลูกค้าได้ยังไง?" ผู้จัดการเดินตามมาด่าเธอฉอด ๆ
"ฉันจะไล่เธอ (ผู้จัดการ) / ไม่ต้องไล่..ฉันขอลาออก (พิมพ์ตะวัน) " เธอเดินตรงกลับเข้าไปหาพร้อมกับชี้หน้าไอ้ผู้จัดการร่างท้วมจอมหื่นนั้นอย่างเอาเรื่อง
"..อะ..จะ..จะออกก็ไปสิ" ผู้จัดการหน้าสั่นเล็กน้อย เพราะเห็นตอนที่เธอต่อยเพอร์ซุสแล้วก็นึกกลัวขึ้นมาเหมือนกัน หมัดหนักจนปากแตกขนาดนั้น
พิมพ์ตะวันเดินไปขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ของเธอ ซึ่งเพอร์ซุสเองก็วิ่งตามออกมาดูเช่นกัน
"นี่..ฉันแค่ล้อเล่นเองนะ เธอโกรธเวอร์ไปรึเปล่าฮะ?" เพอร์ซุสตะโกนถามไป นิ้วโป้งก็กดแผลที่มุมปากไป
"ความเป็นความตาย..มันล้อเล่นได้ด้วยเหรอ?" พิมพ์ตะวันหันกลับมาจ้องหน้าเขาก่อนจะบิดมอเตอร์ไซค์เล็งไปที่รถหรูคันละหลายสิบล้านของเพอร์ซุสที่จอดอยู่ไม่ไกล
ปั่ก ๆ ๆ เธอยกเท้าขึ้นกระทืบที่กระจกมองหน้ารถของเขาแรง ๆ เพื่อระบายอารมณ์โกรธ
ก่อนจะขี่วนรอบลานจอดรถชูนิ้วกลางให้กับเขาเน้น ๆ ก่อนจะบิดออกไปจากบาร์ทั้ง ๆ ที่ตัวเปียกโชก
บรื้น ๆ ๆ ร่างบางบิดรถมอเตอร์ไซค์เร่งความเร็วไปบนท้องถนนที่เงียบสงัดในยามค่ำคืน ไร้ซึ่งแสงไฟใด ๆ จากรถยนต์คันอื่น ๆ แม้ว่ามันจะดูน่ากลัวและอันตราย แต่เธอก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาจนเคยชินแล้ว
บรื้น ๆ ๆ เสียงท่อรถคำรามลั่น หลังจากที่ควบรถมอเตอร์ไซค์ออกไปได้สักพักใหญ่ ๆ ความโกรธที่ครอบงำค่อย ๆ ลดลง และเมื่อสติของเธอค่อย ๆ กลับมา..
"ฉิบหายแล้ว..นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไปวะเนี่ย" เธอพึมพำออกมาใต้หมวกกันน็อกของตัวเองอีกครั้ง
"รถไอ้ฝรั่งบ้านั้นคันละกี่ล้านกันนะ...โอ๊ย..อิพิมพ์ ๆ ๆ ซวยแล้วไง"
"ซวยแน่ ๆ "
ป๊อก ๆ ๆ ๆ พิมพ์ตะวันยกมือซ้ายโขกที่หมวกกันน็อกตัวเองซ้ำ ๆ
"เดี๋ยวนะ ปากของฉันไปจูบกับปากเน่า ๆ ของหมอนั้นงั้นเหรอ!!"
"ทำไม ๆ ๆ จูบแรกของฉันต้องเป็นไอ้..ฝรั่งจอมหื่น โรคจิตแบบนั้นด้วย"
"แบบนี้ฉันต้องล้างปากด้วยแอลกอฮอล์กี่รอบกันเนี่ย อี๋ ๆ ๆ ๆ "
( วันต่อมา )
หมู่บ้าน พฤษภา
บ้านเดี่ยวขนาดกลาง
บนโต๊ะกินข้าว
"อ้าวพิมพ์ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องออกไปทำงานพิเศษแล้วเหรอลูก?" คุณพ่อเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นพิมพ์ตะวันเดินลงมาช่วยแม่ของเธอทำกับข้าว และตั้งโต๊ะสำหรับอาหารมื้อเย็น
"พอดี..พิมพ์มีปัญหาที่ทำงานนิดหน่อยนะคะ ก็เลย..ลาออก" พิมพ์ตะวันตักข้าวใส่จานและเดินไปรินน้ำให้กับทุกคนในโต๊ะ
"อ๋อ.....ก็ดี ๆ ขี่รถไป ๆ มา ๆ แม่เขาเป็นห่วงแย่เลยลูก" คุณพ่อพยักหน้ารับก่อนจะหันไปลูบหัวลูกชายคนเล็ก วัยเจ็ดขวบอย่างเอ็นดู
"ว่าแต่พิ้งยังไม่ลงมาเหรอคะ?" พิมพ์ตะวันเอ่ยถามถึงน้องสาวคนกลางของเธอเพราะนี่ก็ได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว
"วันนี้น้องไปเรียนพิเศษนะลูก เห็นว่าจะกลับดึกหน่อย" แม่หันกลับมาตอบก่อนที่ทั้งสี่คนจะเดินกลับมานั่งรวมรับประทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
"งั้นเดี๋ยวคุณบอกลูกแล้วกันนะว่า เลิกเรียนเสร็จให้โทรมาบอก เราจะได้ออกไปรับ" คุณพ่อพูดขึ้นพร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือตัวเองอีกครั้ง
"กลับดึก ๆ คนเดียวมันอันตราย" ท่านถอนหายใจออกมาเบา ๆ
"ปะ ๆ กินข้าวกันลูก" คุณพ่อที่นั่งหัวโต๊ะพูดขึ้นพร้อมกับตักอาหารจานโปรดไปวางให้ลูกชายคนเล็ก และก็ไม่ลืมที่จะตักอาหารให้กับพิมพ์ตะวัน ลูกสาวคนโตด้วยเช่นกัน
"ขอบคุณค่ะคุณพ่อ" เธอก้มหัวเล็กน้อยและกินข้าวต่อไป
"เอ่อ..พอดีพิมพ์ลาออกจากงานกะทันหันนะคะ แล้ว..ค่าหอพักในมหาลัยมันก็ยังขาดอยู่"
"มหาลัยเอกชนน่ะ ต่อให้เราจะได้ทุนเรียน แต่ยังไงค่าใช้จ่าย ค่ากิน ค่าอยู่ มันก็สูงอยู่ดี" คุณพ่อเงยหน้าขึ้นและพูดกับเธอเสียงเรียบ ๆ
"ที่พูดเนี่ยไม่ได้จะอะไรหรอกนะ..แต่พ่อแค่ไม่อยากเห็นลูกต้องเหนื่อย หางานทำระหว่างเรียนก็เท่านั้น " ท่านพูดพร้อมกับหันไปมองทางแม่เล็กน้อย
"แล้วค่าหอยังขาดอยู่เท่าไหร่ละลูก เดี๋ยวแม่ช่วยเอง" คนเป็นแม่ก็รีบพูดแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าสามีเริ่มจะพูดกดดันลูกสาวคนโตมากจนเกินไป
"…พิมพ์ขาดอยู่สามพันบาทค่ะ..แต่พิมพ์ไม่ได้ขอแม่ฟรี ๆ น่ะ..พิมพ์แค่จะขอยืมก่อนนะคะ" พิมพ์ตะวันอธิบายไปตามตรง เพราะเธอไม่ได้ขอเงินทางบ้านใช้มานานแล้ว ตั้งแต่เริ่มทำงานพาร์ไทม์เองได้ พิมพ์ก็ไม่เคยขออีกเลยจริง ๆ
"แต่ค่าไปเรียนเต้นของพี่พิ้งพลอยตั้งเกือบหกพันเลยนะฮะ ทำไมพ่อไม่เห็นบ่นพี่พิ้งเลย" น้องชายคนเล็กเคี้ยวข้าวไปก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
"พัตเตอร์ พูดแทรกผู้ใหญ่แบบนี้ไม่น่ารักเลยนะลูก" คุณพ่อดุใส่น้องชายคนเล็ก
"พี่พิมพ์เขาโตมากแล้ว ตอนนี้เขาก็น่าจะสามารถยืนด้วยตัวเองได้แล้ว..เพราะอีกหน่อยพอพ่อแม่แก่ตัวมา ก็คงจะมีแค่พิมพ์เนี่ยแหละที่เป็นที่พึ่งพาของน้อง ๆ " คุณพ่อมองตรงมาที่พิมพ์ตะวันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
"เอาเป็นว่าค่าหอพัก กับค่ากินใช้ เดือนนี้พ่อช่วยพิมพ์เองแล้วกัน" คุณพ่อหยิบกระเป๋าตังขึ้นมาเปิดออกและหยิบแบงค์พันขึ้นมาห้าใบ วางลงบนโต๊ะ
"ขอบคุณนะคะ คุณพ่อ" พิมพ์ตะวันยกมือไหว้ขอบคุณไป
"แล้วก็..ไม่ต้องเอามาคืนนะ พ่อให้..ยังไงพิมพ์ก็ลูกพ่อเหมือนกัน" คุณพ่อยิ้มก่อนจะวางถ้วยจานและลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารไปในทันที
กลางดึกในคืนนั้น
พิมพ์ตะวันตั้งใจจะเดินลงมาเพื่อหยิบน้ำดื่มในตู้เย็น แต่ทว่าเธอก็ต้องชะงักฝีเท้าไปเมื่อเห็นว่าคุณพ่อกับแม่ของเธอกำลังยืนเถียงกันอยู่พอดี
"ผมทำงานเป็นผู้จัดการแบงค์นะคุณ ไม่ใช่เจ้าของธนาคารที่จะผลิตแบงค์ขึ้นมาเองได้"
"คุณต้น เบา ๆ หน่อยได้ไหม..เดี๋ยวลูก ๆ ก็ตื่นกันหมด" หญิงวัยกลางคนเดินไปบีบไหล่ของสามีให้เบาเสียงลง
"อีกอย่าง ยัยพิมพ์แทบจะไม่เคยร้องขออะไรเลย วันนี้แค่ลูกมาขอเงินค่าหอพัก..ถ้าคุณไม่ให้ฉันให้ลูกเองก็ได้"
"ให้เองงั้นเหรอ ไอ้ร้านเบอร์เกอร์รี่โง่ ๆ ของคุณผมยังต้องช่วยประคองอยู่เลย!!"
"บางทีผมก็คิดนะ เพราะลำพังแค่รับผิดชอบเมียตัวเอง ลูกตัวเอง หน้าซองเงินเดือนผมก็แทบไม่เหลือแล้วนะ"
"แต่นี่ยังต้องมานั่งรับผิดชอบลูกติดอีก!! ผมเหนื่อยนะคุณ..ผมเหนื่อยคุณได้ยินไหม?"