หนึ่งปีต่อมา
“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ
“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก”
น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”
“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้”
เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆ
โดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้
เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน
“ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะพี่เก่ง” อิสริยาแกะลูกอมส่งให้สามีที่กำลังทำหน้าที่ขับรถ เมื่อคืนเขาทำงานจนดึกแล้วยังต้องตื่นเช้ากว่าปกติเธอจึงค่อนข้างเป็นห่วง
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มอ้าปากรับลูกอมที่ภรรยาส่งป้อนให้ถึงปาก
“ให้เอ๋ขับก็ได้นะคะ ถ้าพี่เก่งง่วง”
“ไม่เป็นไรพี่ไหว เดี๋ยวบ่ายๆ ไปหาที่นอนที่น้ำตกเอาก็ได้”
“หู... น้ำตก ปีนี้เราจะไปน้ำตกไหนกันคะแม่” น้องเพียงถามเมื่อได้ยินว่าพ่อพูดถึงน้ำตก
“ไปเจ็ดสาวน้อยลูกไปค้างกันคืนนึง แต่บ้านอากงจะไปแค่ฟาร์มนมแล้วกลับ” อิสริยาตอบพร้อมกับบอกให้ลูกกลับไปนั่งดีๆ “น้องเพียงนั่งดีๆ ค่ะลูก เดี๋ยวล้ม”
“แม่...” เสียงร้องดังมาจากในคาร์ซีท เด็กหญิงสโรชาเห็นพี่สาวลุกมาก็อยากจะตามมาด้วย
“นั่งกันดีๆ ทั้งคู่เลย น้องเพียงกลับไปนั่งกับน้องค่ะลูก ไม่งั้นแม่ไม่พาไปน้ำตกนะ”
เนื่องจากเป็นช่วงหน้าร้อนที่น้ำค่อนข้างน้อย มีน้ำตกไม่กี่ที่มีน้ำพอให้เล่น น้ำตกเจ็ดสาวน้อยในอุทยานแห่งชาติเจ็ดสาวน้อยยังเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ยังมีน้ำเต็ม
ใช้เวลาขับรถราวสามชั่วโมงพวกเขาก็ไปถึงสุสานใหญ่ของจังหวัดสระบุรี อิสริยาขึ้นไปเจอครอบครัวบนศาลาโรงทานของสมาคม หญิงสาวทำหน้างงเมื่อเห็นคนที่ไม่รู้จักอยู่ในโต๊ะด้วย
“เอ๋ นี่ณิชชาแม่ของน้องวิน ณิชนั่นเอ๋น้องสาวผมกับสามีเขา เด็กๆ นั่นหลานๆ บ้านเราเอง” อังกูรแนะนำอิสริยาให้รู้จักแม่ของลูกชาย ทำให้อิสริยาปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันทีรับไหว้คนที่น่าจะมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ แต่ดูอ่อนวัยกว่าเธอมาก
“สวัสดีค่ะคุณเอ๋”
“สวัสดีค่ะ ณิชน่าจะอายุน้อยกว่าพี่ไม่ต้องเรียกคุณนะคะเรียกพี่ได้เลย เอ๊ะ... นั่น” อิสริยามองไปที่ด้านข้างของณิชชา เห็นเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับหลานชาย ใบหน้ามีประพิมพ์ประพายคล้ายกันอย่างยิ่ง
“น้องหวานหวาน ลูกสาวพี่อีกคน” อังกูรตอบแทน เขาบอกเด็กหญิงเสียงนุ่มอ่อนลงกว่าปกติที่คุยกับคนอื่น
“น้องหวานหวานครับ ธุอาเอ๋กับอาเก่งสิลูก อาเอ๋เป็นน้องสาวพ่อเอง” เด็กหญิงทำตามอย่างว่าง่าย
“สวัสดีค่ะอาเอ๋” เด็กหญิงส่งยิ้มเลยไปให้น้องเพียงที่อายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปี
“สวัสดีค่ะ น่ารักจังเลยลูก” อิสริยาลูบศีรษะหลานสาวคนใหม่อย่างงงๆ เธอหันมาคุยกับแม่ของหลาน “น้องวินมีแฝดด้วยเหรอคะ อเมซซิ่งมาก ข่าวดีจัง”
“ค่ะพี่เอ๋ น้องหวานหวานอยู่กับณิชน่ะค่ะ” ณิชชาสะดวกใจตอบแค่นั้น อิสริยาพยักหน้าอย่างเข้าใจไม่ส่งคำถามอะไรต่อให้เธอลำบากใจ
“มาๆ นั่งกันลูก อาเอ๋พาผัวพาลูกกินข้าวก่อน” เสี่ยกวงกับภรรยาที่กลับมาจากไปไหว้ทีกงหรือเจ้าที่ใหญ่ในสุสานบอกให้ลูกสาวลูกเขยรับประทานข้าวต้ม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ผู้มาไหว้บรรพบุรุษมักจะทำก่อนเข้าไปด้านใน
“หมูหยองไหมลูก หมูแผ่นก็มีนะ” อันธิกาส่งของที่ว่าให้หลานๆ เตรียมมาเผื่อเพราะเกรงว่าเด็กๆ จะรับประทานอาหารเจของโรงทานไม่ได้
“ขอบคุณค่ะอาแบม”
“ผัดผักบุ้งลูก จะได้ตาสวยๆ” อังกูรใช้ตะเกียบคีบผัดผักบุ้งไฟแดงใส่ถ้วยข้าวต้มของลูกและหลานสาว
“แล้วน้องพิงค์กินได้ไหม” เขาหันมาถามหลานคนเล็ก
“น้องพิงค์มีโจ๊กมาค่ะ” อิสริยารีบบอก เธอให้แม่บ้านเตรียมโจ๊กมาให้ลูกสาวคนเล็กจากบ้าน ส่วนน้องเพียงบอกว่าจะมารับประทานข้าวต้มที่นี่
"กาน่าฉ่ายเห็ดหอมจ้ะ” สกนธีเดินไปเลือกกับข้าวที่รู้ว่าหญิงสาวชอบมาวางให้
“ขอบคุณค่ะ”
เช้าวันนั้นออกจากโรงทานก็เป็นการขับรถต่อเข้าไปในส่วนของสุสาน หลุมฝังศพของครอบครัวนั้นอยู่ในโซนที่เป็นหลุมใหญ่ ซึ่งต้องจ้างเจ้าหน้าที่ดูแลทำความสะอาดและปลูกหญ้า ตัดหญ้าให้เรียบร้อยเป็นพิเศษ
ในระหว่างพิธีไหว้ อิสริยาสังเกตเห็นว่าอังกูรกับณิชชามักจะเลี่ยงที่จะสนทนากัน ยกเว้นในเวลาที่มีลูกฝาแฝดชายหญิงอยู่ด้วย
“มองอะไรเขาจังเอ๋” สกนธีถาม
“เฮียต้นกับณิชเขาดูแปลกๆ ค่ะ ไม่เหมือนคนมีลูกด้วยกันเลย” อิสริยาเรียกพี่ชายด้วยชื่อเล่นที่นานๆ จะเรียกสักครั้ง ในเฉพาะเวลาที่เรื่องที่พูดค่อนข้างจริงจัง
“อืม... เขาก็คงมีเรื่องต้องปรับตัวกันมั้ง” สกนธีพูดกลางๆ และชวนเปลี่ยนเรื่อง
“พี่โทรไปจองรีสอร์ตไว้แล้ว เสร็จนี่เราจะเลยไปเลยหรือว่าเอ๋จะไปฟาร์มโคนมกับบ้านป๋าก่อน”
“ไปซื้อนมกับขนมก่อนก็ได้ค่ะ ต้องกินข้าวเที่ยงกับป๊าก่อน เรากินเป็นพิธีก็ได้” เนื่องจากในธรรมเนียมของที่บ้าน หลังจากไหว้แล้วสมาชิกในบ้านจะร่วมรับประทานอาหารที่นำมาไหว้ เป็นเคล็ดเพื่อให้เป็นสิริมงคลเจริญรุ่งเรืองของลูกหลานในรุ่นต่อๆ ไป
“กินผลไม้หรือขนมแค่เป็นพิธีที่นี่ก็พอพี่เอ๋ แบมให้คนจัดของไหว้แบ่งให้บ้านเจ้แล้วนะ เอาไปกินที่รีสอร์ทก็ได้ค่ะ”
อันธิกาน้องสาวเดินมาสมทบ สายตาก็มองอังกูรกับเด็กๆ ช่วยกันเผากระดาษไหว้ก่อนจะลาของ
“ก็ดีเหมือนกัน แล้วเมื่อเช้าเฮียเขาไปรับน้องหวานกับแม่มาเหรอ” อิสริยาอดไม่ได้ที่จะถาม
“เช้าที่ไหนละเจ้ เฮียหายไปทั้งคืน เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยนอนบ้านหรอก บางทีก็พาน้องวินไปด้วย ส่วนมากจะพาน้องวินไปคืนวันศุกร์เสาร์คงไปค้างบ้านณิช” อันธิกากระซิบกระซาบ
“เอ้า ทำไมเฮียทำแบบนั้น ไม่คิดจะพาณิชเข้าบ้านแบบถูกต้องรึไง ลูกก็โตป่านนี้แล้ว” อิสริยานึกไม่ชอบใจพฤติกรรมพี่ชายตัวเองขึ้นมา
“เฮียเขาก็คงพยายามอยู่มั้งเจ้ เห็นเฮียย้งว่าแบบนั้นนะ” อันธิกาพูดถึงย้งหรือยงธนัท รุ่นน้องของอังกูรที่ตอนนี้ทำงานกับพี่ชายในตำแหน่งผู้ช่วยคนสนิท นอกจากนั้นยงธนัทยังเป็นคนรักของอันธิกาอีกด้วย
“ไม่ถามเฮียย้งล่ะ เขาน่าจะรู้ดีที่สุดว่าเฮียต้นไปทำอะไรยังไงมาบ้าง สนิทกันดีนี่”
เพราะว่าในบ้านอังกูรจะมีสถานะเป็นพี่ชายที่แสนดีของน้องสาวสองคน เป็นลูกชายคนโตของพ่อแม่ เป็นผู้นำครอบครัวที่ขึ้นมาดูแลธุรกิจแทนเสี่ยกวงที่วางมือเต็มตัวแล้ว แต่พวกเธอไม่รู้เลยว่านอกบ้านอังกูรเป็นอย่างไร ตอนที่สกนธีเล่าว่าเคยเจออังกูรที่สถานบันเทิงเมื่อก่อนเธอก็ไม่อยากเชื่อแต่ตอนนี้เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้ว
“พี่ชายเอ๋เขาก็ผู้ชายปกติ ไม่ได้มีอะไรแปลกจะไปซักไซ้เขาทำไม” สกนธีเปรย ในฐานะที่เขาก็เป็นผู้ชายเห็นอังกูรในอีกมุมที่น้องสาวไม่เคยเห็น แต่ชายหนุ่มมองว่าพี่ชายภรรยาก็ยังสถานะโสดมันก็ไม่ได้ผิดอะไร
“เข้าข้างกัน ไม่ใช่ว่าแอบไปมีลูกนอกบ้านแบบเฮียหรอกนะพี่เก่ง” อิสริยาเปลี่ยนเป้าหมายทำเอาเจ้าตัวหัวเราะ
“เอ้า ทำไมหันมาทางพี่เฉยได้ล่ะ พี่จะเอาเวลาที่ไหนไปมีทุกวันนี้ไปทำงานลูกก็โทรตามทั้งวันแล้วเนี่ย”
ไม่ใช่แค่โทรเปล่าหากไม่ได้ไปโรงเรียน น้องเพียงจะกดโทรหาพ่อแบบวิดีโอคอลวันละสองครั้งกลางวันและเย็น ด้วยเพราะเหตุผลว่าหนูคิดถึงพ่อ น้องก็คิดถึงพ่อทำให้สกนธียิ้มหน้าบานทุกครั้งที่คุยกับลูกสาว แม้ว่าบางครั้งเขาจะอยู่ในที่ประชุมก็ตาม
“ลูกบอกว่าคิดถึงพ่อ น้องก็คิดถึงขอโทรหน่อยนะคะ” อิสริยาเล่าให้เขาฟังว่าน้องเพียงพูดอย่างไรตอนขอใช้โทรศัพท์
“โทรมาเถอะ พี่ไม่ว่าหรอกกลัวแต่ว่าโตอีกหน่อยจะอยากโทรหาคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแล้ว” ท้ายเสียงของคุณพ่อลูกสองมีแววกังวลชัดเจนจนอิสริยาหันไปมองหน้าเขา
“ถ้าลูกเป็นแบบนั้น พี่เก่งจะทำยังไงคะ”
“เอ๋อย่าพูดสิ พี่รับไม่ได้” สกนธีพูดตามตรง ยิ่งเขาเคยทำให้ภรรยาเสียใจมาเป็นปีๆ ก็กลัวว่าลูกสาวจะเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน กลัวกรรมตามสนองแบบนั้น
“เอ๋พูดเล่น อย่าคิดมากสิคะ น้องเพียงเพิ่งแปดขวบครึ่ง น้องพิงค์ก็เพิ่งขวบเดียวเองมีเวลาอีกเยอะ”
“เนอะ กว่าลูกจะพร้อมมีแฟนก็อีกสักสิบกว่าปีโน่น อายุสักยี่สิบห้ากำลังดี” ชายหนุ่มสีหน้าดีขึ้นทันตาเขาเดินไปหาลูกที่กำลังสนุกกับการเผากระดาษและนั่งมองใกล้ๆ
อันธิกามองตามพี่เขยแล้วหันมาทางพี่สาว
“พี่เก่งเขาเป็นเอามากเลยนะคะ กลัวกรรมตามสนองเหรอสมัยก่อนพี่ก็เฟี้ยวมาก่อนสุดมาก่อนอะไรงี้”
“คงงั้นล่ะ กลัวบ้างก็ดี” อิสริยาหัวเราะไม่ได้ทุกข์ร้อนใดใด
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่