เช้าวันต่อมาพวกเขาตั้งใจจะไม่ออกไปไหน โดยที่เลือกทำกิจกรรมครอบครัวที่บ้านแทนไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ ทำขนมหรือแม้แต่การดูหนังด้วยกันซึ่งนั่นทำให้น้องเพียงมีความสุขมาก
“แม่ขา” เด็กหญิงนั่งบนเก้าอี้ มองดูมารดาหยิบนั่นทำนี่ในครัว
“ขาลูก”
“พ่อบอกว่าต่อไปนี้วันหยุด เราจะมาอยู่ที่นี่กันใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ หนูโอเคไหมคะ” อิสริยาตอบ
“โอเคมากเลยค่ะ หนูชอบอยู่บ้าน”
หญิงสาวหันมาหอมแก้มเด็กหญิงแรงๆ “แม่ก็ชอบค่ะ” แม่ชอบทุกที่ที่มีลูกอยู่ด้วย เธอต่อประโยคนี้ในใจ
เวลาผ่านไปอีกหกเดือน การก่อสร้างห้างใหม่คืบหน้าไปมาก แต่ความสัมพันธ์ของสกนธีกับอิสริยากลับดูเหมือนจะตรงกันข้าม ชายหนุ่มไม่เคยผิดสัญญาที่ให้ไว้กับลูกและหญิงสาวอีก แต่กลายเป็นว่าคนที่พยายามห่างเหินคือตัวอิสริยาเอง
ระยะหลังทั้งสองคุยกันด้วยท่าทีถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมากขึ้น จนดูว่าความสัมพันธ์คล้ายจะเป็นเพื่อนร่วมบ้านมากกว่าคู่สามีภรรยา ทั้งสองรับประทานอาหารร่วมกันทุกวันในมื้อเช้าและเย็น ร่วมออกความคิดเห็นเรื่องต่างๆ ได้เป็นปกติ ไม่มีเค้าความโกรธเคืองกันอีก ไปงานโรงเรียนลูกด้วยกันได้อย่างปกติ สามารถพูดคุยและหัวเราะกันได้เหมือนไม่เคยโกรธกัน ในความสัมพันธ์ทางกายพวกเขาสามารถจับมือหรือแตะต้องตัวกันได้ในแบบเพื่อน จนสกนธีเริ่มทำใจได้ว่าเขากับเธอคงไม่มีวันปรับจูนให้กลับมาคงสถานะสามีภรรยาได้อีก
ครบรอบปีวันที่อิสริยาและสกนธีมีปากเสียงจนเขาหลุดปากไล่เธอออกจากบ้าน เย็นนั้นเป็นวันเสาร์สกนธีกลับมาจากบริษัทตั้งแต่บ่าย เขาเดินตามหาอิสริยาและลูกจนพบหญิงสาวอยู่ในห้องนั่งเล่นตามลำพัง
“ลูกล่ะครับเอ๋” ภาพที่เธอนั่งตามลำพังค่อนข้างแปลกตาสำหรับเขา ด้วยว่าปกติเธอจะอยู่ที่นี่เพราะมาเป็นเพื่อนลูกเท่านั้น
“อาสุพลรับไปว่ายน้ำค่ะที่สโมสรหมู่บ้าน” เธอขมวดคิ้วมองเมื่อเห็นว่าเขาซ่อนอะไรไว้ด้านหลัง “มีอะไรเหรอคะพี่เก่ง”
หญิงสาวกลับมาเรียกเขาว่า ‘พี่’ ตั้งแต่ที่ยอมสงบศึกกันเมื่อหกเดือนก่อน และตกลงใจกันว่าจะทำหน้าที่เป็นพ่อและแม่เท่านั้น
เธอชักเท้าหนีแทบไม่ทันเมื่ออยู่ๆ เขาทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าพร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ยื่นส่งให้เธอ
“วันนี้ครบรอบปีที่เราทะเลาะกัน พี่อยากจะขอให้เรามีโอกาสเริ่มใหม่อีกครั้งได้ไหมครับเอ๋ พี่รู้ว่าพี่ทำไม่ดีไว้มากๆ แต่เราก็รักกันมานานกว่านั้นเยอะ ให้โอกาสพี่อีกครั้งได้ไหม ให้เรากลับมาเป็นครอบครัวจริงๆ อีกครั้งเดียว ถ้าพี่ทำไม่ดีอีกเอ๋จะทำยังไงก็ได้”
เป็นความจริงที่ว่าเธอยังรักเขาอยู่ ความรักที่บ่มเพาะมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมไม่สามารถหายไปได้ทั้งหมดเพราะความผิดที่ผ่านมาของสกนธี แต่หนึ่งปีที่ผ่านมาที่เราสองคนอยู่ในช่วงลดระดับความสัมพันธ์นั่นก็ดีกับใจเธอมากเช่นกัน อิสริยาคิดอย่างลังเล
“พี่เก่งคะ เอ๋รักพี่นะ แต่หนึ่งปีที่ผ่านมาของเรามันดีมากเลย ดีจนเอ๋อยากให้เราอยู่แบบนี้กันไปเรื่อยๆ ก่อนได้ไหมคะ” หญิงสาวรู้ดีว่าคำขอของเธออาจจะดูเห็นแก่ตัว ไม่พร้อมใช้ชีวิตคู่กับเขาแต่ก็ยังกั๊กเขาไว้
“แต่ถ้าพี่ไม่อยากรอก็ได้นะคะ เอ๋เข้าใจ”
“ไม่ๆๆ พี่รอได้” แค่รู้ว่าเรายังรักกันอยู่ จะให้เขารอถึงเมื่อไหร่เขาก็ยินดี เพราะว่าสกนธีผูกใจไว้กับอิสริยาตั้งแต่สมัยที่เราสองคนยังเป็นวัยรุ่น เป็นรุ่นพี่มอหกกับรุ่นน้องสาวชั้นมอหนึ่ง ความรักแบบพัพพี้เลิฟที่ไม่มีใครคิดว่ามันจะมาไกลได้เกือบยี่สิบปีแบบในวันนี้
“งั้นวันนี้เรามาฉลองที่พี่กับเอ๋คืนดีกลับมาเป็นเพื่อนกันก่อนแล้วกันนะ”
สกนธีรับโทรศัพท์จากสุพลว่าน้องเพียงจะอยู่รับประทานอาหารที่บ้านอา ชายหนุ่มเลยจัดโต๊ะอาหารสำหรับสองคนคือเขาและแม่ของลูก
“ได้สิคะ แล้วน้องเพียงจะกลับบ้านกี่โมง เราต้องไปรับลูกไหม”
หญิงสาวย้ายจากในบ้านมานั่งที่เก้าอี้ตัวยาวตรงระเบียงหลังบ้านซึ่งเป็นมุมที่สกนธีปรับปรุงให้เป็นที่จิบกาแฟแบบเปิด สามารถชมนกชมไม้ได้ มีแปลงดอกไม้ต้นไม้ที่เขาลงไว้กำลังมีดอกพอดี รอบนอกมีต้นไม้ปลูกเป็นแนวค่อนข้างทึบตัดแต่งแทนรั้วกั้นสายตาจากคนภายนอกไม่ให้มองเข้ามาเพื่อความเป็นส่วนตัว
“เดี๋ยวอาพลมาส่งน้องเพียงเอง น่าจะมืดๆ เห็นว่าติดลมเล่นกับเพื่อนๆ ที่นั่นกันหลายคน”
หญิงสาวพยักหน้า สุพลเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพและในหมู่บ้านนี้การรักษาความปลอดภัยค่อนข้างดีเธอจึงไม่กังวลอะไร
สกนธีลุกไปรับอาหารและเครื่องดื่มที่เขาสั่งเดลิเวอรี่มา เขาบอกให้อิสริยานั่งรอเฉยๆ ได้เลย หญิงสาวจึงปล่อยให้เขาจัดการไปตามเรื่องตามราว เธอมองแก้วไวน์ที่ถูกวางตรงหน้า
“มีไวน์ด้วยเหรอคะ ท่าทางจะพิเศษจริงๆ วันนี้”
หญิงสาวรับมาจิบพลางนึกไปถึงว่าเราไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ได้ดินเนอร์กันตามลำพังน่าจะเป็นช่วงก่อนน้องเพียงคลอด
ที่นั่งข้างตัวยวบลงเพราะมีคนมานั่งข้างๆ สกนธีไม่ได้ดื่มไวน์แบบอิสริยาแต่เขาเลือกเป็นบรั่นดีออนเดอะร็อค
“สเต๊กไหม พี่ตัดให้” ชายหนุ่มใช้ส้อมจิ้มสเต๊กเนื้อส่งให้เธออ้าปากรอ ฉากนี้เหมือนตอนที่เราเป็นแฟนกันชัดๆ เธอคิดในใจ
“เหมือนตอนที่เรายังเป็นแค่แฟนกันเลยค่ะ ตอนนั้นมันดีจัง” อิสริยาคิดว่าเธอคงเมาไวน์แล้วแน่ๆ ถึงพูดเรื่องในอดีตเกือบสิบปีก่อน
“ถ้าดี งั้นเราก็กลับไปเป็นอย่างตอนนั้นก็ได้” เขาตอบ
เธอนิ่งคิด “เป็นแฟนกันเหรอคะ”
“ฮื่อ ก็เอ๋ชอบตอนนั้นไม่ใช่เหรอ งั้นเราก็กลับไปเป็นแฟนกันก็ได้พี่ตามใจ”
“แค่แฟนนะ ไม่เอาผัวเมีย พี่มันชั่ว ชอบทิ้งให้อยู่คนเดียว คุยงานอะไรในผับในบาร์ กับข้าวทำไว้ให้ก็ไม่กินพอวันไหนไม่ทำก็ถามหา กินเสร็จไม่เคยล้าง ไม่เคยหยิบจับอะไรสักอย่าง” เธอบ่นยืดยาว
สกนธีมองคนที่เริ่มเมา จิบไวน์สลับกับสเต๊ก บ่นไปด้วยพร้อมกันด้วยดวงตาที่อ่อนลง คำพูดของเธอเป็นเหมือนกระจกที่ทำให้เขาเห็นตัวเองว่าทำไมเธอจึงไม่กลับมาในสถานะเดิมอีก
“พี่เลิกนัดในผับแล้ว ร้านเฮียหมิงเจ๊งแล้วไม่ไปแน่ๆ ส่วนกับข้าวต่อไปวันไหนถ้าเอ๋ทำพี่จะกินให้หมด วันไหนเอ๋ไม่ทำพี่จะทำเอง กินเสร็จแล้วจานพี่ก็จะล้างเอง งานบ้านพี่ก็จะทำเองด้วยโอเคไหม”
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่