สองเดือนต่อมาสกนธีและอิสริยาพาลูกไปเยี่ยมปู่ย่าที่ไร่เกษตรแนวใหม่ที่จังหวัดราชบุรี อันเป็นที่ซึ่งพวกท่านตั้งใจไว้จะอยู่ที่นี่จนถึงบั้นปลายชีวิต สกนธีทำหน้าที่สารถีชายหนุ่มลางานมาสองวันติดต่อกับวันหยุดเสาร์อาทิตย์อีกสองวัน ส่วนร้านของอิสริยานั้นเปิดตามปกติเพราะวางระบบให้ผู้จัดการและลูกจ้างคนอื่นทำงานได้แม้ว่าเธอจะไม่อยู่
บ้านปู่ย่าตั้งอยู่ที่อำเภอสวนผึ้ง ในโซนใกล้เคียงเป็นแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งนอกจากทำไร่องุ่นแล้วคุณศิริยังแบ่งพื้นที่อีกส่วนทำโรงเรือนเพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับจำหน่ายอีกด้วย
“อ้าวมากันแล้วเหรอลูก มาๆ เข้าบ้านกัน” คุณธิดาสตรีวัยหกสิบห้าเดินลงจากบ้านมาดูว่าใครมา “น้องเพียงหลานย่าโตขึ้นเยอะเลยลูก” นางรับไหว้เด็กหญิงแล้วคว้าตัวมากอดอย่างคิดถึง
“น้องเพียงคิดถึงคุณย่ากับคุณปู่ที่สุดเลยค่ะ” เด็กหญิงเดินคู่กับคุณย่าเข้าบ้าน พลางอ้อนไปด้วยจนสีหน้าคุณย่าแช่มชื่นจนปิดไม่มิด นางเรียกเด็กมาช่วยยกกระเป๋าของครอบครัวลูกชายและหันมาหาสองหนุ่มสาว
“เอ๋กับเก่งเข้าบ้านกันลูก แม่ทำกับข้าวไว้รอหิวกันไหม”
สกนธีหันมามองหน้าอิสริยาก่อนจะตอบมารดา “ยังไม่ค่อยหิวครับแม่ เมื่อกี้ก่อนถึงก็แวะคาเฟกินขนมรองท้องมาแล้ว ละพ่อไปไหนครับอยู่ในบ้านเหรอ”
“ถ้ายังไม่หิวงั้นเข้าบ้านมาพักก่อนลูก ส่วนพ่อเราไปโรงเรือนอีกสักพักก็คงกลับแล้ว”
นางเดินนำเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้เปิดเครื่องปรับอากาศไว้รอ เนื่องจากหน้านี้อากาศช่วงกลางวันเริ่มร้อน ส่วนกลางคืนและเช้ามืดยังคงค่อนไปทางเย็นอยู่
“ของฝากค่ะแม่ เพื่อนเอ๋ไปเที่ยวทางอีสานมาเลยฝากซื้อผ้าไหมจากทางนั้น ลายสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ” อิสริยาหยิบของฝากที่เธอตั้งใจเตรียมมาให้แม่สามีซึ่งเป็นสิ่งที่ทำประจำมาตลอด
“สวยจริงลูก เอาไว้แม่จะให้ช่างตัดเอาไว้ใช้เวลาไปวัดนะ” นางลูบคลำไปตามผืนผ้าไหมที่ทออย่างแน่นหนา เส้นไหมแวววาวส่งประกายจนรู้สึกชอบมาก ลูกสะใภ้รู้ใจจริงๆ ว่านางชอบอะไรไม่ชอบอะไร
“เย็นนี้แม่เตรียมกับข้าวไว้แล้ว เที่ยวนี้แม่ทำห้องให้ลูกใหม่ด้วย ยายหนูเพียงจะได้ห้องส่วนตัวด้วยนะ”
อิสริยายิ้มพึมพำขอบคุณ ใดใดแล้วไม่ว่าสกนธีจะเป็นสามีที่แย่อย่างไร แต่บิดามารดาของเขาเป็นคนดีมากพวกท่านต้อนรับขับสู้เธออย่างดีเสมอตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นคนรักของลูกชาย เธอคิดย้อนไปในสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อสิบปีก่อน
“วันนี้พี่เก่งไม่ทำงานเหรอคะ” สกนธีในตอนนั้นเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบห้า ตัวเขาเพิ่งเข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งหลังเรียนจบใหม่ แต่อิสริยากลับพบว่าเขามานั่งรอเธอที่หน้าคณะซึ่งตัวเธอในตอนนั้นเป็นนักศึกษาปีสองจะขึ้นปีสามอายุยี่สิบหมาดๆ
“วันนี้พี่เลิกงานเร็ว พี่ๆ ในแผนกมีไปต่างจังหวัดกันเลยเลิกตามเวลาน่ะ” ชายหนุ่มในชุดเชิ้ตขาวผูกเนกไทที่กำลังม้วนเนกไทเล่นเพลินๆ หยุดมือทันทีที่เห็นเธอเดินมาถึง
“ไปดูหนังกันไหมเอ๋ สอบเสร็จแล้วใช่ไหมครับ”
อิสริยาหันหลังไปมองเพื่อนๆ ที่เดินตามหลังมา
“แต่เอ๋กับเพื่อนนัดกันไว้แล้วว่าจะไปกินเลี้ยงฉลองสอบเสร็จค่ะ วันนี้พี่เก่งไปด้วยกันไหมคะแล้วเราค่อยไปดูหนังวันหลัง”
“สวัสดีค่ะพี่เก่ง”
“พี่เก่งไปกินชาบูด้วยกันไหมคะ”
สาวๆ ต่างทักทายเขาพร้อมกัน ชายหนุ่มยิ้มให้ทุกคนเพราะรู้จักคุ้นเคยกันดี “ได้ครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
“เย้... แต่อย่าเลี้ยงเลยค่ะ เราไปกันหลายคน”
หนึ่งสาวในกลุ่มร้องดีใจที่จู่ๆ ก็มีเจ้ามือ แต่เธอเกรงใจหากจะให้แฟนเพื่อนจ่ายคนเดียว
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ พี่เก่งเพิ่งทำงานอย่ามาเลี้ยงพวกเราเลย”
สาวๆ ตั้งสามคนรวมแฟนเขาอีกเป็นสี่ ใครจะกล้ารบกวนให้คนที่เพิ่งทำงานมาจ่ายทั้งหมด อีกอย่างพวกเธอเองก็จะมีแฟนตามไปด้วยเหมือนกัน แชร์กันดีที่สุดแล้ว
“ล้อเล่นน่ะ แค่พี่เก่งไปด้วยก็พอค่ะ เพราะเดี๋ยวแฟนพวกเราจะไปด้วยเหมือนกัน ไปแชร์กันไม่ต้องเลี้ยงนะคะ”
เพื่อนอีกคนของอิสริยาสรุป สกนธีจึงพยักหน้าตกลงตามนั้น
เย็นนั้นหลังจากออกจากร้านชาบู สกนธีมาส่งแฟนสาวที่หน้าคอนโดมิเนียมที่เธอพักและหยิบถุงกระดาษใส่กล่องขนมสีพาสเทลที่วางบนเบาะหลังรถส่งให้
“อะไรคะ” นักศึกษาสาวรับมาดูอย่างแปลกใจ
“ขนมครับ พ่อแม่พี่ไปเที่ยวเชียงใหม่มาท่านซื้อมาฝากเห็นแม่บอกว่าแบบนี้เอ๋ชอบ” เขาส่งกล่องขนมจากร้านดังในเชียงใหม่ ตัวเองไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับขนมจึงไม่รู้ว่ามันคืออะไร ชื่อขนมอะไร
“มาการอง” เธอพลิกกล่องดูก็รู้ หญิงสาวยิ้มแก้มปริอย่างถูกใจ “ฝากขอบคุณคุณพ่อคุณแม่พี่เก่งด้วยค่ะ เอ๋ชอบของร้านนี้มาก เอ๊ะ... ไม่ดีๆ เดี๋ยวคืนนี้เอ๋โทรหาไปขอบคุณท่านเองดีกว่า”
ได้ยินดังนั้นชายหนุ่มก็ยิ้มเอ็นดูแฟนสาว นึกดีใจที่คนรักกับครอบครัวเข้ากันได้ดี “โอเคครับ พรุ่งนี้เจอกันนะ พี่จะมารับไปดูหนัง”
วันต่อมาสกนธีมารอรับแฟนสาวตั้งแต่บ่าย
“พี่รออยู่ใต้คอนโดแล้วครับเอ๋” เขาส่งข้อความบอกแล้วนั่งรอคนรักในล็อบบี้ของคอนโดมิเนียม
“อ้าวมึงมาทำไรนี่วะเก่ง” อำพลเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกันที่พักที่นี่เดินออกจากลิฟต์มาเห็นเขาพอดี
“กูมารอแฟน แล้วมึงอยู่นี่เหรอ”
“กูเพิ่งย้ายมาอยู่เมื่อวานนี้เอง ละแฟนมึงคนไหนน้องหมวยนั่นน่ะเหรอ” อำพลถามต่อ
“แฟนกูชื่อเอ๋โว้ย ไม่ใช่น้องหมวย” สกนธีแก้คำพูด เริ่มไม่ชอบใจเพื่อนเก่านิดๆ
“เอ้ากูก็ลืมบ้างไรบ้าง จำได้แต่ว่าแฟนมึงขาวสวยหมวยอึ๋มเนื้อนมไข่ขนาดนั้น นี่ก็หลายปีแล้วนะนึกว่ามึงเลิกกันไปแล้วเสียอีก”
“คนนี้กูจริงจังและถ้ามึงพูดอะไรดีๆ ให้เกียรติแฟนกูไม่ได้ กูว่ามึงเงียบก็ได้นะไอ้อ่ำ”
‘ไอ้อ่ำ’ เงียบ ก่อนจะหน้าแดงเพราะเริ่มโมโห
“เออ กูไปก็ได้วะ ไอ้พวกเห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน แม่งกูยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
แต่ถึงจะโกรธแต่อำพลก็เลือกเดินหนีไปเพราะรู้ว่าสกนธีไม่ใช่คนมีความอดทนสูงแต่ไหนแต่ไร อีกฝ่ายทำท่าจะเดินตามแต่ถูกเรียกไว้เสียก่อน
“พี่เก่งคะ ช่างเขาเถอะ” อิสริยาได้ยินตั้งแต่ประโยคที่อำพลบอกว่าเธอขาวสวยหมวยอึ๋ม และรู้ว่าสกนธีปกป้องเธอแล้วจึงไม่คิดเอาเรื่องต่อ ชายหนุ่มหันมามองเธอด้วยสีหน้าที่อารมณ์กรุ่นโกรธยังไม่คลายตัว
“มันปากเสีย เอ๋อย่าไปถือนะ”
“ค่ะ เอ๋ไม่สนใจเขาหรอกเราไปกันเถอะ”
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่