ค่ำวันนั้นอิสริยาหอบของส่วนตัวมาเก็บในห้องนอนของลูก ซึ่งปู่ย่าเพิ่งจัดแยกให้จากที่ปกติเวลาที่มาที่นี่สามคนพ่อแม่ลูกจะนอนห้องเดียวกันเสมอ
“ห้องนอนสีชมพู หนูชอบจังค่ะแม่” น้องเพียงกระโดดขึ้นเตียงอย่างร่าเริง ตอนนี้เธออาบน้ำสวมชุดนอนเตรียมตัวเข้านอนแล้ว
“ชอบแบบนี้ พ่อทำห้องที่บ้านให้ใหม่ดีไหมครับ” สกนธีเปิดประตูเข้ามา เพราะว่าห้องเด็กของน้องเพียงนั้นมีประตูเชื่อมกับห้องนอนเดิมของเขา เพื่อความสะดวกที่พ่อแม่จะได้มาดูแลลูกได้หากเกิดอะไรกลางดึก
“ดีค่ะพ่อ ทำที่ร้านใช่ไหมคะ” เด็กหญิงเอียงคอถาม
“ที่ร้านก็เป็นสีชมพูอยู่แล้วไงลูก” คนเป็นแม่ท้วง ทำให้เด็กหญิงทำสีหน้ายุ่งยากใจ
“มันไม่เหมือนค่ะแม่ คนละสี”
“ห้องนี้ชมพูอมม่วงแบบพาสเทล ห้องนั้นชมพูอย่างเดียวใช่ไหมลูก” สกนธีพูดนำทำให้เด็กน้อยพยักหน้า
“ใช่ค่ะพ่อ” เธอหันมาหามารดาพลางกอดแขนอ้อน “นะคะแม่ หนูอยากได้ห้องแบบนี้ที่บ้านเรา”
“ถ้าแม่ไม่อนุญาตพ่อทำให้ที่บ้านเรานะคะ แล้วหนูกับแม่ก็กลับไปนอนบ้านบ้างก็ได้” สกนธีต่อรอง หากอิสริยาไม่อนุญาตก็ถือว่าดีเสียอีก เพราะเขาจะได้มีเหตุอ้างพาลูกกลับไปนอนบ้าน และถ้าลูกไปหญิงสาวก็ต้องไปด้วยเพราะเธอไม่มีวันปล่อยให้ลูกไปกับเขาตามลำพังแน่ๆ
อิสริยาถอนใจ “ก็ได้ค่ะลูกแต่ให้พ่อออกเงินนะคะ แม่ไม่จ่ายนะ” อยากทำดีนักก็จ่ายไป เมื่อก่อนไม่เห็นอยากจ่ายอะไรสักอย่าง
“ได้เลย เดี๋ยวพี่ทำให้เอง” สกนธีตอบรับพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งด้านขวาของเด็กหญิง ตรงข้ามกับอิสริยาที่นั่งด้านซ้าย
“พ่อนอนด้วยคนได้ไหมคะลูก พ่อนอนคนเดียวแล้วเหงา”
“พ่อเหงาเหรอคะ” ลูกสาวถาม
“ใช่สิคะ ทุกทีมานี่เราก็นอนกันสามคนหนูจำได้ไหมลูก”
เด็กหญิงพยักหน้าเห็นด้วย เพราะทุกครั้งที่มาบ้านปู่ย่าบ้านเราจะนอนด้วยกันจริงๆ เธอจำได้
“นอนเลยค่ะพ่อ ห่มผ้าไหมคะ” มือเล็กๆ ดึงผ้าห่มจะเผื่อให้บิดาแต่มารดาดึงไว้
“ให้คุณพ่อไปหยิบผ้าห่มที่ห้องโน้นมาเองค่ะลูก” แค่นอนห้องเดียวกันก็แย่พอแล้ว อย่าหวังว่าเธอจะยอมใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับเขา หญิงสาวคิดในใจ
สกนธีรีบลุกกลับไปเอาผ้าห่มที่ห้องใหญ่มาทันที บทที่ อย่างน้อยประโยคนั้นก็แปลว่าเธออนุญาตให้เขานอนห้องเดียวกันได้ เขาใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็เดินกลับมาหลังจากที่หยิบผ้าห่มและปิดไฟที่ห้องใหญ่แล้ว กลับมาทันเห็นสองแม่ลูกกำลังหาวทั้งคู่พอดี
“นอนเลยครับแม่ลูก เดี๋ยวพ่อไปปิดไฟเอง”
“แม่ปรุงเสร็จแล้ว หนูตักข้าวต้มใส่ถ้วยเลยลูก” คุณธิดาบอกลูกสะใภ้ที่ลุกมาช่วยนางทำอาหารเช้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง นางหันรีหันขวางเปิดตู้เย็นแล้วชวนคุยต่อ
“ที่บ้านเรามีแฮมกับไส้กรอก หนูเพียงจะกินด้วยไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะแม่ ให้น้องเพียงกินข้าวต้มเหมือนคนอื่นก็ได้ค่ะ”
อิสริยาปฏิเสธ เธอมักจะสอนลูกให้เป็นคนอยู่ง่ายกินเองเวลาที่ไปที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง ไม่อยากทำให้เจ้าของบ้านลำบากใจ และอีกอย่างคือเด็กหญิงเองก็ชอบอาหารเช้าแบบไทยๆ มากกว่าอเมริกันเบรกฟาสต์
“เดี๋ยวนี้แม่ยังทำอาหารเองทุกวันเลยเหรอคะ” เธอถามต่อ
“ไม่แล้วลูก ปกติให้แม่บ้านทำแทนจ้ะ ยกเว้นว่าวันไหนอยากทำเองหรือบางเมนูให้แม่บ้านทำแล้วไม่ถูกใจ”
อิสริยาช่วยเด็กจัดโต๊ะอาหารเช้าเสร็จพอดีกับที่สกนธีพาลูกสาวลงมาที่ชั้นล่าง เด็กหญิงอาบน้ำแต่งตัวแล้วโดยที่พ่อลูกใส่เสื้อครอบครัวเข้าเซตเดียวกัน
“วันนี้หนูจะไปพายเรือใช่ไหมคะน้องเพียง” คุณศิริถามหลานสาวขณะที่รับประทานมื้อเช้าพร้อมหน้าพร้อมตา
“ค่ะคุณปู่ คุณปู่คุณย่าไปด้วยกันนะคะ”
“ไม่ไหวแล้วลูก ปู่ย่าแก่แล้ว น้องเพียงไปกับพ่อแม่เถอะ” ชายสูงวัยตอบพลางยิ้มใจดี
“โทรไปจองเรือไว้แล้วใช่ไหมลูก”
เพราะกิจกรรมพายเรือคายัคล่องแก่งนั้นจะต้องโทรไปจองล่วงหน้า เพื่อให้ทางเจ้าของสถานที่เตรียมเรือที่เหมาะสมไว้ให้
“เรียบร้อยครับแม่ ผมโทรไปจองแล้วรอบสายๆ แดดจะได้ไม่ร้อน” สกนธีไม่ได้จองแค่กิจกรรมพายเรือคายัค แต่เขาดูกิจกรรมอื่นๆ ในที่นั่นไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหารแกะ ให้อาหารปลาช่อนอเมซอน ขับรถดักกี้และอื่นๆ
เมื่อรับประทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว สกนธีก็พาสองสาวแม่ลูกขึ้นรถขับออกไปยังสถานที่พายเรือคายัคที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านไร่นัก เมื่อไปถึงเขาติดต่อเจ้าหน้าที่และจ่ายเงินแล้วทุกคนก็ได้รับเสื้อชูชีพ ซึ่งเรือที่เขาจองไว้เป็นเรือคายัครุ่นใหม่ของที่นี่เป็นเรือแบบสามที่นั่ง ซึ่งต่างจากปีก่อนที่มาคือเป็นเรือคายัคสองที่นั่ง
“ความจริงคุณจองเรือแบบเดิมก็ได้นะ ฉันรอบนฝั่งได้ค่ะ” อิสริยาออกตัว เพราะว่ารอบที่แล้วเธอก็ปล่อยให้สองพ่อลูกเล่นกันแค่สองคน
สกนธีก้มลงถามลูกสาว “หนูอยากให้แม่ไปเล่นกับเราด้วยไหมคะน้องเพียง”
เด็กหญิงพยักหน้าทันที “อยากค่ะ หนูอยากนั่งตรงกลางแม่เล่นกับหนูนะคะ”
หญิงสาวกลอกตามองบนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ถ้าขืนสกนธียังเอาลูกมาอ้างทุกเรื่องเธอมีแต่ต้องยอมไปตลอดละมั้ง อยากจะขัดใจลูกแต่เมื่อมองเห็นสีหน้าสดใสของเด็กหญิงสุพิชชาเธอก็ได้แต่เก็บคำปฏิเสธไว้ในอก
“กรี๊ด...” เสียงของเด็กหญิงวัยหกขวบดังไปทั่วบริเวณลำน้ำที่ไม่ได้กว้างมากเท่าใด ทันทีที่เรือถูกปล่อยออกจากจุดเริ่มต้นเรือพุ่งตัวลงสู่ผิวน้ำด้วยความรวดเร็วตามความชันของตลิ่งเหมือนเวลาที่เราเล่นสไลเดอร์
ในบางช่วงของเส้นทางมีหินก้อนใหญ่เรียงรายกันทำให้เรือถูกคลื่นซัดไปมา แต่ตลอดทางก็มีเจ้าหน้าที่คอยอยู่ดูแลเป็นระยะทำให้ไม่น่ากลัว ส่วนน้องเพียงก็ร้องกรี๊ดอย่างสนุกสนาน เด็กน้อยส่งเสียงคุยกับแม่บ้าง เอี้ยวตัวมาคุยกับพ่อที่นั่งท้ายเรือบ้างอย่างร่าเริง
การพายเรือล่องแก่งสิ้นสุดลงในเวลาราวหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่ขึ้นฝั่งถอดเสื้อชูชีพแล้ว อิสริยาพาลูกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกน้ำจนชุ่มออก เด็กหญิงที่ยังสนุกเต็มที่พูดแจ้วๆ ทำให้หญิงสาวรู้ว่าตัวเองคิดไม่ผิดที่ตามใจลูก เพราะเธอไม่เห็นน้องเพียงมีความสุขขนาดนี้มานานมากแล้ว
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่