สกนธีออกมาจากห้องน้ำพอดีกับสองแม่ลูก เขาเองก็ต้องเปลี่ยนชุดเปียกๆ ออกเหมือนกัน
“หิวไหมพี่ว่าเราไปแวะคาเฟหาอะไรกินก่อนไหมเอ๋ เผื่อลูกจะหิวขนมด้วย” ใส่ใจลูกแล้วเขาเองก็ไม่ลืมแม่ของลูก ไม่อยากให้เธอคิดว่าเขาสนใจแต่ลูกอย่างเดียว
“ก็ดีค่ะ อยากพักขาบ้าง” ยอมรับเลยว่าการนั่งท่าเดิมในเรือหนึ่งชั่วโมงทำให้เธอเมื่อยขามากพอกับยืนขายของนานๆ ได้เลย
ยี่สิบนาทีต่อมาพวกเขาก็มาถึงคาเฟที่อยู่ห่างจากที่นั่นประมาณสิบกิโลเมตร ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในเครือเดียวกันโดยที่ถ้าเป็นลูกค้าเรือคายัคจะได้สิทธิ์ซื้อเครื่องดื่มในราคาพิเศษ และนอกจากนั้นก็ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมทุ่งดอกไม้อีกด้วย
“ดอกไม้สีชมพูสวยจังค่ะแม่” เด็กหญิงมองไปนอกหน้าต่าง ไกลออกไปเห็นต้นไม้ใหญ่มีดอกสีชมพูบานร่วงเต็มพื้น
“ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ลูก เดี๋ยวเรากินเสร็จไปถ่ายรูปกันก็ได้”
“ดอกชมพูสวยจัง อยากมีที่บ้านบ้างจังค่ะ”
“ที่บ้านเราปลูกได้ลูก แต่ห่างตัวบ้านหน่อยเพราะรากเขาไปไกล” สกนธีรู้ดีว่าต้นไม้ใหญ่แบบนี้ควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้านระยะห่างอย่างน้อยสี่เมตร ป้องกันรากชอนไชทำให้บ้านเสียหาย
น้องเพียงยิ้มกว้าง “คุณพ่อน่ารักจังค่ะ”
ตอนนี้ความรู้สึกของเด็กหญิงที่มีต่อบิดากลายเป็นความสนิทใจดังเดิม เธอรู้สึกชื่นชอบคนเป็นพ่อมากขึ้นเพราะเขาเอาใจใส่เธอและคอยเอาอกเอาใจจนความกลัวในระยะแรกหายไปจนหมด
แต่นั่นก็คือปกติของเด็ก โลกของเด็กยังเต็มไปด้วยความสนุกและไม่ซับซ้อน คิดอะไรแสดงแบบนั้นซึ่งต่างจากโลกของผู้ใหญ่ ความผิดของสกนธีอาจจะไม่ได้ถึงขั้นเลวร้ายหากเทียบกับหลายๆ บ้าน แต่ตัวเขาในอดีตก็ห่างไกลจากคำว่า ‘สามีที่ดี’ อยู่มากโขเช่นกัน
“อ้าวไอ้เก่ง มาเที่ยวเหรอวะ” ชานนท์และญาณินภรรยาที่เลือกมาเที่ยวคาเฟใกล้กรุงเทพฯ และมาร้านเดียวกันแบบบังเอิญตรงมาทักเพื่อนที่โต๊ะของสกนธี
ชายหนุ่มหันไปมองแล้วรีบเชิญให้อีกฝ่ายนั่ง
“อ้าวมึงจะมาราชรีทำไมไม่บอกกู สวัสดีครับน้องนินได้โต๊ะยังนั่งด้วยกันก็ได้” เขาทักทายญาณินและขยับตัวย้ายฝั่งมานั่งโซฟาตัวเดียวกับอิสริยา ช่วงใกล้เที่ยงแบบนี้คาเฟมีลูกค้าค่อนข้างแน่น
“สวัสดีค่ะพี่เก่ง พี่เอ๋ นินกับนนท์เพิ่งมายังไม่มีที่นั่งเลยค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
“เชิญเลยค่ะ นั่งหลายๆ คนก็สนุกดี น้องเพียงสวัสดีอานนท์กับอานินสิลูก อานนท์เป็นเพื่อนคุณพ่อส่วนอานินเป็นแฟนอานนท์จ้ะ” พอมารดาพูดจบเด็กหญิงก็ยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนอย่างชดช้อย ทำเอาญาณินยิ้มแก้มปริ
“สวัสดีค่ะอานิน อานนท์”
“สวัสดีค่ะน้องเพียง น่ารักมากๆ เลย วันนี้หนูมาเที่ยวกับคุณพ่อคุณแม่เหรอคะ”
“ค่ะ วันนี้พ่อพาไปพายเรือล่องแก่งมาค่ะ สนุกม้ากมาก” เธอลากเสียงเป็นการยืนยันว่าสนุกจริงแบบที่พูด
“โห... น่าไปมากเลยค่ะ ล่องแก่งที่.... ใช่ไหมคะ ที่อยู่ติดคาเฟ” ญาณินเอ่ยชื่อสถานที่หนึ่งออกมา อิสริยาพยักหน้าตอบแทน
“ใช่ค่ะ น้องนินคลอดแล้วก็ไปสิคะ พี่ว่าสนุกดี เจ้าหน้าที่ดูแลก็เยอะดีค่ะ” เพราะว่าตอนนี้ญาณินกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ จึงจำเป็นต้องงดกิจกรรมที่อาจจะกระทบกระเทือนเด็กในท้อง อิสริยาจึงแนะนำให้เป็นช่วงหลังคลอดน่าจะเหมาะกว่า
“เจอพี่เอ๋ก็ดีเลยค่ะ กำลังคิดว่าถ้านินมีอะไรอยากปรึกษาปัญหาแม่ๆ ลูกๆ นินโทรหาได้ไหมคะ เพื่อนนินไม่มีใครเคยท้องสักคนเลยค่ะ”
อิสริยายิ้มกว้าง “ได้สิคะ แต่พี่คลอดน้องเพียงมาหลายปีแล้วนะ ตอนนี้เรื่องการแพทย์อาจจะมีอะไรที่ก้าวหน้ากว่าเดิม แต่ถ้าเป็นเรื่องการดูแลตัวเองหรือคลอดแล้วมีปัญหาเรื่องการเลี้ยงน้องถามพี่ได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่เอ๋ เสียดายจังค่ะเราน่าจะมีน้องพร้อมกันเนอะ เวลาไปฝากท้อง ไปหาหมอจะได้มีเพื่อนไป”
อิสริยาทำสีหน้าเหมือนกินยาขม ก่อนจะปฏิเสธ “พี่ไม่เคยคิดว่าจะมีน้องให้น้องเพียงเลยค่ะ ยิ่งตอนนี้คงยิ่งไม่เหมาะ”
เธอไม่ได้พูดต่อว่าอะไรที่ไม่เหมาะ และทุกคนบนโต๊ะก็ไม่ได้แย้งเธอ นอกจาก...
“แต่หนูอยากมีน้องค่ะแม่ หนูอยากเป็นพี่” น้องเพียงโพล่งขึ้นมา
“เอ่อ...” คนเป็นแม่ถึงกับไปไม่เป็น สกนธีหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของลูก ลูกรัก...
“ถึงเวลาก็มีเองแหละค่ะลูก รอคุณแม่ไม่เครียดก่อนนะคะ”
“แต่แม่เครียดทุกวันค่ะ หนูเห็นแม่ทำหน้าแบบนี้” เด็กหญิงทำสีหน้าขึงขังแล้วพูดต่อ “ทุกวันเลย”
อิสริยาหน้าเหวอ เธอไม่คิดว่าเด็กอนุบาลจะจับความรู้สึกและอารมณ์ของผู้ใหญ่ได้ถึงขนาดนี้ ที่ผ่านมาเธอคิดมาตลอดว่าตนเองไม่ได้ทำให้ลูกรู้สึกว่าตนเองเครียดแต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย
“เปล่าหรอกค่ะลูก พ่อเอง พ่อไม่ดีพ่อทำให้แม่เครียด ตอนนี้พ่อก็ช่วยแม่ดูแลหนูแล้วไงคะ” สกนธีเอื้อมมือไปคว้าร่างเล็กของลูกมากอด เด็กหญิงดิ้นยุกยิกไปมาก่อนจะนั่งบนตักพ่อดีๆ
“พ่อดื้อเหรอคะ”
“เมื่อก่อนพ่อดื้อค่ะ ตอนนี้พ่อเป็นคนดีแล้ว”
เสียงพ่อลูกถามตอบทำให้อิสริยาคร้านจะฟังต่อ เธอหันมาคุยกับญาณินแทนเรื่องพัฒนาการของทารกในครรภ์ในแต่ละช่วง
ช่วงบ่ายญาณินและชานนท์เปลี่ยนแผนมาร่วมทริปไปกับครอบครัวของสกนธีด้วย สาวๆ เห็นตรงกันว่ากิจกรรมการขับรถวิบาก หรือรถบักกี้ซึ่งตามโปรแกรมเป็นการขับรถลุยป่าใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงนั้น จะปล่อยให้เด็กหญิงสุพิชชาไปกับพ่อและเพื่อนพ่อ ส่วนสองสาวจะนั่งรอที่ร้านขนมที่เปิดให้บริการในฟาร์มแทน
รถบักกี้เป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อมีขนาดใหญ่และปลอดภัยมากกว่ารถ ATV ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มรถประเภทเดียว มีทั้งแบบสองที่นั่งและสี่ที่นั่ง เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ตามสถานที่ท่องเที่ยวหรือฟาร์มต่างๆ จัดให้มี ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมเพราะตอบโจทย์ได้สำหรับทั้งนักท่องเที่ยวสายลุยแบบแอดเวนเจอร์ หรือสายที่อยากขับรถชมวิว ชมความงามตามธรรมชาติไปเรื่อยๆ ปัจจุบันในประเทศไทยมีให้เลือกใช้บริการได้หลายที่
“หนูแน่ใจนะลูกว่าอยากไปกับพ่อ” อิสริยาถามย้ำก่อนจะส่งลูกสาวขึ้นรถบักกี้
“ค่ะแม่ หนูชอบนั่งรถ แม่รอตรงนี้นะคะอย่าไปไหนนะ” เด็กหญิงปีนขึ้นรถแต่ยังไม่วายย้ำกับมารดา
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่