เลิกเรียน..
ฉันเดินงงๆ มาที่ตึก IST เป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตมหาลัยหลังจากเรียนที่นี่มาได้ 3 ปีและไม่คิดจะมาเหยียบมันเพราะไม่ได้มีธุระสำคัญอะไร แต่ก็อย่างที่รู้กันไง วันนี้ฉันมีนัดกับเลโอ Nightshade เลยมาๆให้มันจบๆไป หมอนั่นจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายอีก น่ารำคาญแค่ไหนถามใจ -.- MONÉ : อยู่หน้าตึกละ ฉันไลน์ไปหาเลโอก่อนพอเดินมาหยุดอยู่หน้าตึก เพราะเดี๋ยวถ้าขึ้นไปห้อง Nightshade อะไรนั่นก็เงียบกริบแบบครั้งที่แล้วอีก แล้วเลโอก็ตอบกลับมาทันที Line~ Line~ LEO : ครับเจ๊ แป๊บนะ LEO : ผมติดประชุมด่วนที่ห้องชมรมวารสาร MONÉ : เรื่องเยอะ LEO : ส่งสติ๊กเกอร์รูปหมาทำหน้าอ้อน MONÉ : ชักช้า LEO : ใจเย็นนะครับ นอนรอเลยก็ได้ LEO : ส่งสติ๊กเกอร์รูปหมาทำตาปิ๊งๆเหอะ! ฉันอ่านไลน์แล้วนึกเซ็งขึ้นมา มีประชุมทำไมไม่ยกเลิกนัดกับฉันตั้งแต่แรกเล่า แต่เด็กคือเด็กนั่นแหละ หมอนี่นี่มันวุ่นวายชะมัดเลย! สุดท้ายฉันก็เดินตรงไปที่ห้อง Nightshade เงียบๆอีกตามเคย เพราะไหนๆก็มาแล้ว รอคุยให้จบๆ ไปเลยดีกว่า
แกร๊กกก แอ๊ดดดด~ แต่พอเปิดประตูห้อง Nightshade เข้ามา จากที่คิดว่าห้องนี้จะเงียบๆ เพราะนี่มัน 5 โมงกว่าแล้ว ในห้องกลับมีผู้ชาย 3 คนนั่งอยู่และกำลังมองมา คนแรก...คือไอ้บ้าหน้านิ่งที่ทำจักรยานฉันพังอ่ะ เห็นหน้าแล้วอยากเข้าไปอัดให้น่วมสักทีสองทีจัง -.- ส่วนอีกสองคนก็คงเป็นเพื่อนๆ กันล่ะมั้ง แต่ถึงจะจ้องกันขนาดนั้นก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ ฟุ้บบบ~ “เลโอให้มารอ” ฉันเป็นฝ่ายพูดออกไปแบบไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่หลังจากทิ้งตัวลงบนโซฟาตรงข้ามกับผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่และเยื้องกับเตโชที่นั่งตรงโซฟาเดี่ยวหัวโต๊ะ แล้วผู้ชายท่าทางกะล่อนนิดๆ คนหนึ่งก็พูดขึ้นมา “โหดเว้ยเด็กไอ้เลโอ” “มาคุยงานก็พอ” ได้ยินแบบนั้นฉันเลยสวนกลับไป แล้วหมอนั่นที่ดูจากแถบเสื้อแล้วยังเป็นรุ่นน้องฉันอีกก็พยักหน้าออกมาอย่างกวนๆ “อ่อ..ครับ” “มันบอกมั้ยว่าจะมาเมื่อไหร่?” ผู้ชายตัวสูงผิวขาวอีกคนเงยหน้าขึ้นมาถามฉันเสียงเรียบ คนนี้ฉันเคยเห็นนะ เพราะหน้าหมอนี่ขึ้นหราอยู่บนเว็บมหาลัยอ่ะ แต่ชื่อไรนะ.. รันเวย์ Nightshade ป้ะ? น่าจะอะไรทำนองนั้นอ่ะ “หึ บอกแค่ให้นอนรอ” ฉันตอบกลับไปแล้วนั่งนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ไอ้รุ่นน้องกะล่อนคนนั้นก็ถามซักไซ้ขึ้นมาใหม่ “แล้ว..ไปรู้จักไอ้เลโอมันยังไง?” “แปล Text ของหมอนั่น” ฉันพูดพร้อมกับส่งสายตาไปทางเตโชที่กำลังนั่งอ่าน Text ที่ฉันแปลอยู่พอดี เลยไม่ต้องอธิบายอะไรต่อให้มากความ แล้วคนที่ถามก็พยักหน้ามองไปทางเตโชนิดหน่อยก่อนจะหันกลับมามองฉันอีกที “อย่างมึงยังต้องแปลอีก?” ผู้ชายที่น่าจะชื่อรันเวย์มั้งนะ..ถ้าจำไม่ผิด หันไปถามเตโชที่นั่งเงียบๆ อยู่อย่างสงสัย แล้วไอ้บ้านั่นก็เหลือบตามามองฉันนิดหน่อยก่อนจะหันไปตอบด้วยสายตากวนๆ ทั้งที่หน้ายังนิ่งอยู่เหมือนเดิม “Eng ไม่แข็งแรง” เอิ่ม คำพูดก็ธรรมดานะ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนหมอนั่นทำเสียงเสแสร้งแปลกๆ หรือฉันคิดมากไปเองฟะ -.- “เลอะเทอะ” พอเตโชตอบออกมาแบบนั้น รันเวย์ก็พูดแล้วทำท่าส่ายหัวออกมาแบบขำๆ ฉันมองท่าทางนั่นแว๊บเดียวก็รู้เลยว่าจริงๆ หมอนี่ก็แปลเองได้เหมือนกัน แล้วเลโอมันจะมาจ้างฉันแปลเพื่อ?! พรึ่บ! “ไหนเอามาดูดิ๊ แล้วชื่อไรเจ๊อ่ะ” อยู่ๆ ไอ้รุ่นน้องกะล่อนคนเดิมที่ดูจากพฤติกรรมแล้วน่าจะเป็นสมาชิก Nightshade เหมือนกันก็พูดขึ้นมาแล้วดึง Text ในมือเตโชไปดู แต่เดี๋ยวสิ.. เจ๊อีกละ เรียกเหมือนไอ้เลโอเด็กน้อยนั่นไม่มีผิด -.- “เจ๊ไร เป็นญาติกันไง๊?!” พรึ่บบบ ฉันถามออกไปจังหวะเดียวกับที่เตโชดึง Text ในมือหมอนั่นคืนไป แล้วเปิดอ่านมันต่ออย่างไม่พูดอะไร แล้วไอ้รุ่นน้องนั่นก็ส่ายหัวออกมาเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มแบบมีเลศนัยกลับมาให้ “ป่าว ก็ห้าวดี ..ชอบ” “ของขาด?” จิ๊~ พอฉันสวนกลับไปแบบนั้น คนตรงหน้าก็ส่งจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยสีหน้าพอใจ ก็ไม่ใช่ผู้หญิงใสซื่อไง..บอกไปละ แล้วก็ไม่ได้หวั่นไหวกับไอ้คำพูดหวานๆ พวกนั้นด้วย ไร้สาระ “เจ๊แม่งโดนใจฉิบหาย” หมอนั่นพูดและมองมาที่ฉันอย่างพอใจมากเป็นพิเศษอีกที.. ไอ้แต่แววตาที่ดูเหมือนไม่มีอะไรนั่นแหละตัวดี เพราะมันดูจ้องเข้ามาแบบมีนัยยะบางอย่าง..ที่ถ้าให้เดาก็คงไม่พ้นเรื่องที่ Nightshade ชอบหมกมุ่นกับมันน่ะสิ ...เซ็กส์! ผู้หญิง! ผลัวะ! “น้อยๆ หน่อยไอ้สัส เขามาคุยงาน” แล้วฝ่ามือของรันเวย์คนที่ดูจะเป็นสุภาพบุรุษสุดละมั้งในห้องนี้ก็กระทบเข้าที่หัวไอ้รุ่นน้องนั่นทันที ก่อนที่หมอนี่จะส่งเสียงดุออกมาซึ่งฉันก็มองภาพตรงหน้าเฉยๆ ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร แต่ไอ้รุ่นน้องกะล่อนที่น่าจะเป็นสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าคนนี้ชื่ออะไรนะ? มันมีหมอนี่กับอีกคนหนึ่งอ่ะที่ฉันนึกชื่อไม่ออก “โห่เฮีย แล้วเจ๊แปลดีป้ะ เผื่อกูใช้บริการบ้าง?” รุ่นน้องคนเดิมเอ่ยปากบ่นอุบอิบใส่รันเวย์ ก่อนจะทำตาเยิ้มแบบโคตรจะไม่เก็บอาการใส่ฉัน พร้อมกับหันไปถามเตโชที่นั่งเงียบกริบอยู่สักพัก “...งั้นๆ” แล้วหมอนั่นก็ตอบกลับมาด้วยสีหน้ากวนๆ แถมยังแสยะยิ้มมุมปากเหมือนตั้งใจยั่วโมโหกัน ฉันเลยหลุดปากสวนกลับไปทันควัน “กวนตี....” “โว้ววว เจ๊ไม่อยากพูดแบบนั้นหรอก” ฉันยังพูดไม่ทันจบคำ ไอ้รุ่นน้องนั่นก็รีบยกมือห้ามขึ้นมาด้วยท่าทางกวนๆ พอกัน เหมือนกำลังเตือนฉันให้ระวังคำพูดตัวเองอยู่ยังไงอย่างงั้น ส่วนรันเวย์ก็หันมองไปอีกทางแล้วกระตุกยิ้มมุมปากออกมาบ้าง จิ๊! Nightshade นี่มันกวนตี... เหมือนกันทุกคนเลยมั้ง! “ต้องกลัว?” ฉันเลิกคิ้วถามไอ้รุ่นน้องนั่นแล้วหันไปจ้องหน้าเตโชอย่างท้าทาย แล้วรุ่นน้องตรงหน้าก็ยิ้มๆ ออกมาพร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงว่าฉันควรจะกลัวคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะนั่นสักหน่อย ซึ่งมันโคตรจะปัญญาอ่อนเลย! “หึ...” แล้วสิ่งที่ทำให้ฉันฟิวส์ขาดขึ้นมาจนเก็บอาการไม่อยู่ ก็คือเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ของเตโชที่ดังขึ้นหลังจากนั้น ทั้งที่มือกำลังยก Text นั่นขึ้นมาอ่าน แต่ดวงตาคมเข้มของหมอนั่นกลับจ้องมาที่ฉันอย่างเย้ยหยันจนน่าหมั่นไส้! “งั้นๆ ก็วาง!” พอเห็นท่าทางที่มันขัดลูกตาแบบนั้นฉันเลยลุกพรวดไปคว้า Text ในมือเตโชโยนลงบนโต๊ะเสียงดัง พรึ่บบบ ตึงงง! เออดีไม่ต้องอ่านมันละ! เดี๋ยวเอาตังค์คืนไปเลยนะ เก่งมากทำไมไม่แปลเองวะ! แล้วทำไมอะไรที่เป็นหมอนี่นี่มันน่าหงุดหงิดชะมัดเลยฮะ ไอ้หน้าเรียบๆ ท่าทางนิ่งๆ มันกวนใจฉันไปหมดทุกอย่างเลยอ่ะ “หึ.. วางแล้ว..ก็ว่าง” แล้วหมอนั่นก็หัวเราะในลำคอแบบเดิมขึ้นมาอีกที ก่อนจะพูดออกมาสีหน้าเรียบและจ้องมาที่ฉันด้วยแววยิ้มเยาะเหมือนไม่สำนึกอะไรสักนิด จนฉันถึงกับกัดฟันแน่นและเลือกจะลุกขึ้นหันหลังหนีท่าทางกวนประสาทนั่น เอองั้นกลับเลยละกัน รำคาญ! หมับ! พรึ่บบบ! แต่พอฉันหมุนตัวกลับหลังหันก็ดันถูกเตโชคว้าแขนไว้ แล้วกระชากเข้าไปหาเขาอย่างแรงและรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน รู้ตัวอีกทีฉันก็ล้มลงมานั่งอยู่บนตักของหมอนี่ที่ก็โน้มตัวลงมากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “งั้น..มาทำอย่างอื่น” “ไอ้... อื้ออออ” แล้วอยู่ๆ เตโชก็ใช้มือหนาล็อคท้ายทอยฉันเอาไว้ ก่อนจะกดจูบลงมาอย่างรวดเร็วจนฉันตาเบิกโพลงและดิ้นขลุกขลักทุบอกหมอนี่ไปมาอย่างตกใจท่ามกลางเสียงโวยวายของรุ่นน้อง Nightshade คนนั้นที่นั่งอยู่ไม่ไกล ตุ้บ! ตุ้บ! พลั่กกก! “ไอ้เหี้ยยย คนนี้ของกู” “หึ.. ของมันแล้ว” ระหว่างที่มือฉันทั้งทุบทั้งผลักเตโชจนสุดแรง ก็เหลือบไปเห็นรันเวย์หลุดขำออกมาและเอื้อมมือไปปิดตาไอ้รุ่นน้องนั่นที่กำลังโวยวายอะไรกันแบบจับใจความไม่ถูก ก่อนที่รันเวย์จะฉุดกระชากลากหมอนั่นออกไปแล้วก็ไม่ยอมช่วยฉันสักนิดไง เหอะ! ไอ้พวก Nightshade! ไอ้คนแร้งน้ำใจ! อื้อออ แล้วไอ้บ้านี่จะปล่อยได้รึยัง?! จ๊วบ.. จ๊วบ.. ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ! “อื้อออ ไอ้อ้าอ่อยย! (ไอ้บ้าปล่อยยย!) ” ฉันละสายตาจากสองคนนั้นมาออกแรงทุบอกเตโชอย่างแรงพอตั้งสติได้ว่ายังถูกไอ้บ้าเตโชขโมยจูบอยู่แบบนี้ ...โว้ยยย! แล้วหมอนี่มันมาจูบฉันทำไมวะเนี่ย! ไอ้บ้าเตโชปล่อยเดี๋ยวนี้นะเว้ย! “อื้อออ” และยิ่งฉันดิ้นเตโชก็ยิ่งกดจูบลงมาอย่างแรง ก่อนจะแทรกลิ้นเข้ามาอย่างรวดเร็วจนฉันลุกลี้ลุกลนไปหมด “อื้อออ อ่อยย! (ปล่อย!) ” ฉันออกแรงดิ้นซ้ำๆ จนเหนื่อย แต่เตโชกลับไม่กระดุกกระดิกเลยด้วยซ้ำ เหมือนที่ฉันออกแรงทุบไปมากมายมันโคตรจะเปล่าประโยชน์เลยไง ได้ยินเสียงโอดโอยก็จริง แต่เป็นเสียงของไอ้รุ่นน้องนั่นที่แว่วมาไม่ใช่เสียงหมอนี่ไง! “เฮียเตมึงแม่งงงงง~!!!” “เอโอ..อ่อยยย (เตโช..ปล่อยยย) ” ฉันเริ่มพูดออกไปเสียงอ่อนและดิ้นเบาลง เพราะหมอนี่เล่นจูบฉันนานมากและรุนแรงมากจนเริ่มหายใจไม่ออก พอเห็นฉันนิ่งไป..เตโชก็ยอมถอนจูบออกให้ แต่มืออีกข้างก็ยังล็อคเอวฉันเอาไว้ไม่ให้ลุกหนีไปไหน “อื้อออ แฮ่กกก -////-” พอเป็นอิสระจากจูบที่สูบวิญญาณนั่น ฉันก็สูดหายใจรับอากาศเข้าปอดทันที แล้วพอหันมาอีกทีรันเวย์กับไอ้รุ่นน้องคนนั้นก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ดิ ฉันเลยหันไปจะฉะไอ้บ้าที่มาขโมยจูบฉันแทน แต่หมอนี่กลับมองมาด้วยสีหน้านิ่งจนอยู่ๆ ฉัน..ก็พูดอะไรไม่ออก -////- “จะ...ปล่อยได้ยัง?!” นี่แหละประโยคแรกที่ฉันคิดได้ -_- ฉันเอาแต่ก้มหน้าและเอื้อมมือไปจับหน้าตัวเองอย่างลืมตัว ทำไมหน้ามันร้อนๆ ฟะ?! แล้วทำไมอยู่ๆ ฉันถึงไม่กล้าสบตาหมอนี่ขึ้นมาซะได้เนี่ยฮะ “เก่งนักก็ลุกเอง” เตโชพูดออกมาเสียงเรียบ ได้ยินแบบนั้นฉันก็ดิ้นขลุกขลักไปมา แต่แขนหนาเป็นมัดนั่นมันรัดตัวฉันไว้แน่นจนแค่จะขยับยังทำแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำอ่ะ! “ก็ปล่อยเซ่! ปล่อยนะเว้ยไอ้บ้าเตโช!!!” ฉันพยายามออกแรงผลักแขนเตโชออกอีกครั้งจนสุดแรงแต่ก็ทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้เลย แถมหมอนี่ยังเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วก็เอาแต่ส่งเสียงเยาะเย้ยออกมาอยู่ได้ “ลุกไม่ไหว?” “เออดิ! แรงควายขนาดนั้น!” คราวนี้ฉันตะคอกกลับไปแบบหอบๆ ไอ้บ้าเอ๊ย แล้วจะมาล็อคไว้ทำไมวะเนี่ย! “...หรือไม่อยากลุก?” “ไอ้...!!!” ฉันกำลังจะด่าออกไป เตโชก็พูดสวนขึ้นมาอีก.. “พยายามไป” แล้วหมอนี่ก็พูดออกมาก่อนจะหลุดยิ้มมุมปากนิดๆ จนฉันแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นสีหน้าที่ต่างออกไปจากหน้านิ่งๆ เดิมๆ สักครั้งเลยไง “พยายามบ้าระ... อื้อออออ~” พอฉันเอ่ยปากจะเถียงออกไป เตโชก็กดจูบลงมาอีกอย่างรีบร้อนและดูหิวกระหายจนฉันตกใจอีกครั้ง ก่อนจะดิ้นพล่านเพราะเขาเริ่มทำมันรุนแรงขึ้นเหมือนกำลังหมั่นเขี้ยวฉันเต็มที อื้อออ!!! อีกแล้วหรอวะไอ้บ้า! อย่าให้รอดไปได้นะเว้ย! จะเอาคืนอย่างสาสมเลย!!!หลังจากประทับตราเสร็จ ติณณ์ก็ให้ฉันเข้ามารอเขาในห้องๆ หนึ่ง ก่อนจะเดินแยกไปทำธุระแล้วตามเข้ามาทีหลัง พอติณณ์เดินมาทิ้งตัวลงทั้งข้างฉันปุ๊บ ฉันเลยถามถึงเรื่องวันนี้ออกไปอย่างสงสัยทันที“ถามได้มั้ย? ติณณ์รู้ได้ยังไงว่าสภากฎ....”“ท่านปู่บอก”ฉันยังพูดไม่ทันจบติณณ์ก็ตอบกลับมาอย่างรู้ทัน คำถามนี้ฉันว่าใครๆ ก็สงสัยอ่ะ เพราะดูเหมือนเขาจะมารู้เรื่องนี้ทีหลังเหมือนกัน ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่เสียเวลาทะเลาะกับคิระตั้งนานหรอก จริงมั้ย…“แล้ว..ท่านปู่ได้บอกมั้ยว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”ฉันทำหน้าสงสัยออกไปเพราะลึกๆ ก็อยากรู้... มันจะด้วยเหตุผลอะไรกันนะ ถึงทำให้สภากฎที่ดูจะน่าเคารพนับถือทำเรื่องแบบนี้ได้ ไม่ Make sense เอาซะเลยแฮะ แล้วติณณ์ก็พยักหน้าและเริ่มเล่าเรื่องที่ได้รับฟังจากท่านปู่ออกมา“แม่ติณณ์ไปรู้มา..ว่าสภากฎจะยึดอำนาจ Dark Shadow เลยจำเป็นต้องกำจัดทายาททุกคนเพื่อให้ไม่มี Leader อีกต่อไป ซึ่งตอนนั้นว่าที่ Leader และ Leader’s Wife คือพ่อแม่ติณณ์และลุงกับป้า ...หรือพ่อแม่คิระ”พรึ่บบบ!พูดจบติณณ์ก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันอุ้มขึ้นไปนั่งตักเขาเบาๆ แล้วมุดหน้าของเขาลงมาใช้คางเกยไหล่ฉันเอาไว้“ท่
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!“.....”เสียงปืนดังสนั่นอยู่นานกว่าจะหยุด ฉันเลยใช้จังหวะนี้คว้ามือเลโอออก ก่อนจะหันไปเห็นโศกนาฏกรรมที่ทั้งติณณ์และคิระที่น่าจะเพิ่งเข้าใจอะไร กราดกระสุนรัวใส่ตัวแทนสภาฯ จนไม่หลงเหลือลมหายใจ แถมเลือดสีแดงฉานยังเปื้อนไปทั่วพื้นที่บริเวณนั้น แล้วเลโอก็รีบยื่นมือมาจะปิดตาฉันอีกแต่ยังคว้ามือเขาเอาไว้ และพูดออกไปเสียงเรียบหมับ!“นั่นติณณ์นะเลย์…”ฉันพูดออกไปพร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของเลโออย่างต้องการให้เขาเข้าใจ คือภาพตรงหน้ามันน่ากลัวน่ะใช่ แต่นั่นติณณ์ไง! จะให้ฟังแต่เสียงโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไงก็ใช่เรื่อง!พอฉันพูดจบเลโอก็พยักหน้าแล้วยอมเอามือออกทั้งที่ยังส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ แถมยังไม่ยอมถอยออกห่างจากฉันแม้แต่ก้าวเดียวแล้วอยู่ๆ Member กว่าครึ่งหอประชุมที่ไม่เห็นด้วยกับการพิพากษาที่ดูจะป่าเถื่อนแบบนั้น ก็ถึงกับวิ่งวุ่นลงมาและคว้าปืนขึ้นมาจ่อไปที่ติณณ์และคิระแบบไม่เกรงกลัวอะไร เท่าที่ดูคนพวกนั้นน่าจะเคารพในอำนาจของสภาฯ กันมากมายแบบที่ยอมตายแทนได้เลยด้วยซ้ำ“ไอ้พวกสวะ!”เสียงผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวขึ้นเหมือนตั้งตัวเป็นอร
@ DARK SHADOW CASTLE (JAPAN)ผลัวะ!เสียงฝ่ามือของรันเวย์กระทบเข้าที่หัวของติณณ์อย่างแรงพร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดหลังจากที่รู้ข่าวว่าฉันท้อง ตามมาด้วยเสียงบ่นอุบอิบอย่างเอาแต่ใจจน Nightshade คนอื่นๆ ถึงกับส่ายหน้าให้กับความพาลหาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปทั่วของพ่อลูกอ่อนขี้เหวี่ยงตรงหน้าฉัน“ไวนัก! ไม่ต้องเสือกคลอดก่อนล่ะ”พูดจบรันเวย์ก็ถลึงตาใส่ติณณ์ คือต้องใช้คำนี้จริงๆ อ่ะ เขาถลึงตาแบบจริงจังมาก! เดี๋ยวนี้หมอนี่อาการหนักน่าดู คือกลัวขั้นสุด กลัวว่าลูกตัวเองจะเป็นน้อง ซึ่งมันตลกชะมัด!“หึ..ก็ไม่แน่”แล้วติณณ์ก็ตอบกลับไปแบบกวนๆ จนรันเวย์ยิ่งหงุดหงิดหนัก เดินไปตบหัวบรรดาพ่อลูกอ่อน Nightshade ทั้งหมดแบบเรียงตัวอีกทีอย่างหมั่นเขี้ยวผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!“ไอ้พวกเวร!”เขาบ่นอุบอิบออกมาแบบพาลๆ แล้วเดินกลับมานั่งหน้าบูดต่อจนเจด้าถึงกับออกอาการเอือมๆแต่ก็แอบขำในท่าทางนั้น แล้วติณณ์ก็ยังไม่วาย..พูดออกมาแบบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกครั้ง แถมยังลอยหน้าลอยตาใส่รันเวย์อย่างอารมณ์ดีว่าใครในตอนนี้“เห็นแก่เพื่อนเหอะ ให้ลูกกูเป็นพี่”พอติณณ์พูดจบเท่านั้นแหละ รันเวย์ก็ชี้หน้าติณณ์กลับมาแบบเกรี้ยวกราดมาก แล้วโพล่งออกม
“อีกทีได้นะติณณ์..แต่มิณท้องเพิ่มไม่ได้แล้ว :)"พอฉันพูดจบติณณ์ก็ทำหน้าอึ้งออกมาแบบเห็นได้ชัด แล้วถอดท่อนเอ็นของเขาออกจากร่างกายของฉันแบบรีบร้อนและตกใจ“พูดใหม่มิณ.. พูดอีกที”ติณณ์จ้องหน้าฉันและพูดซ้ำๆ อย่างคาดหวังในคำตอบ แม้เขาจะดูตกใจมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ดูตื่นเต้นมากจนฉันหลุดยิ้มให้กับท่าทางนั้น และชี้นิ้วไปที่ติณณ์ช้าๆ“...นี่พ่อ”ก่อนจะย้อนกลับมาชี้ตัวฉัน…“...นี่แม่”และจบลงด้วยการชี้ไปที่หน้าท้องแบนราบของตัวเองที่ด้านในมีบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้น โดยที่ฉันเองก็เพิ่งจะรู้ตัว ซึ่งเขาก็มองมาอย่างตั้งใจฟัง“นี่ลูก”“หึ...”พรึ่บบบ!พอฉันพูดจบติณณ์ก็ทิ้งตัวลงมาอย่างรวดเร็วและกอดฉันไว้แน่นมาก แถมยังมุดหน้าหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างดีใจ จนฉันอดแซวทั้งที่ยังขำกับท่าทางแบบนั้นไม่ได้ >__มัวแต่ดีใจ คิ
พรึ่บบบ พลั่กกก “อื้อออ~”ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องน้ำ ติณณ์ก็วางร่างฉันลงแล้วดันตัวฉันให้ถอยไปติดกับผนังห้องน้ำอย่างรีบร้อน ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดน้ำฝักบัว และประกบริมฝีปากของเขาลงมาอย่างรวดเร็วและร้อนแรงผ่านม่านน้ำจากฝักบัวตรงหน้าติณณ์แทรกลิ้นของเขาเข้ามาไล่ต้อนลิ้นฉันอย่างช่ำชอง พร้อมกับกระชากเสื้อผ้าของฉันจนขาดวิ่นหลุดติดมือ แล้วโยนมันออกไปแบบสนใจทิศทางใดๆ สักพักเขาก็ผละจูบออกแล้วโน้มตัวลงมาทิ้งรอยมากมายบนตัวฉันในพริบตา“อื้อออ อ๊ะ!”ฉันร้องครางออกไปอย่างเสียวซ่านกับสัมผัสที่ติณณ์มอบให้ และเลื่อนมือไปขยำกลุ่มผมของติณณ์เอาไว้อย่างระบายอารมณ์ พร้อมกับเงยหน้ารับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ…แล้วติณณ์ก็เลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมากอบกุมหน้าอกของฉันเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ บีบเคล้นมันเบาๆ จนแรงขึ้น..แรงขึ้นตามลำดับ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายฉัน จนฉันเคลิบเคลิ้มล่องลอยตามรสสัมผัสของเขาไปอย่างกู่ไม่กลับ“อย่าอ่อยบ่อยได้มั้ย…”ติณณ์พูดออกมาเบาๆ พร้อมกับหายใจถี่ขึ้นตามระดับความรุนแรงของการกระทำ และเลื่อนมือไปปลดกระดุมกางเกงตัวเองอย่างรีบร้อน แต่ฉันกลับปัดมือเขาออกแล้วเป็นฝ่ายปล
::: TECHO :::หลังจากเสร็จภารกิจทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน รวมถึงผมกับมิณที่กำลังขับรถกลับคอนโด ส่วนเรื่องคำพิพากษาไอ้คิระกับคำอธิบายเรื่องข้อตกลงของ Emergency Privilege ทั้งของผมและมิณ จะมีการเรียกประชุม Member ทั้งหมดที่ Dark Shadow Castle (JAPAN) ในอีกสองวัน ซึ่งก็จะตรงกับวันสถาปนาพอดี และ Nightshade ที่มีเอี่ยวด้วยวันนี้จะต้องไปฟังคำพิพากษาร่วมกันทั้งหมด“ยิ้มไรคนเดียว”พอหันไปเห็นใบหน้าเล็กกำลังนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีและดูจะแฮปปี้เกินเรื่องไปหน่อยทั้งที่วันนี้เจอเรื่องหนักหนาสาหัสขนาดนั้น ผมเลยถามออกไปแบบงงๆ ในท่าทางที่แปลกไป แล้วมิณก็ตอบกลับมา“เปล่าหนิ”ใบหน้าเล็กทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ดูจะปกปิดรอยยิ้มในแววตานั่นไม่มิด หน้าผมมีไรติดหรอวะ -.-? หรือมิณไปกินไรผิดมาตั้งแต่ที่เกาะละ วันนี้เมียแลอารมณ์ดีจัด“มีไรบอกมา”ผมส่งเสียงเข้มออกไป แล้วเอามือไปยีหัวมิณซ้ำๆ อยู่หลายที หึ..เกือบจะไม่ได้กลับมาเห็นรอยยิ้มแบบนี้แล้วมั้ยกู มีเมียเก่งแม่งโคตรน่าภูมิใจ เปิดใช้คำขอทีเล่นเอาตัวแทนสภากฎเหวอไปเลย บอกตามตรงใจผมตอนนั้นแม่งกระตุกวูบ เวลามิณทำอะไรแม่งเหนือความคาดหมายของผมตลอด แล้วมิณก