เพล้งงงง!
หลังจากแก้วในมือเฮียโยถูกบีบจนแตกละเอียด และเฮียโยเองมองมาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์แบบนั้น ฉันก็จ้องหน้าเขากลับไปบ้างสลับกับมองหยดเลือดที่กำลังไหลลงที่พื้นช้าๆ แล้วเอ่ยปากถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมากเท่าที่จะทำได้ “เจ็บมั้ย?” แล้วเฮียก็เอาแต่จ้องมาแบบนั้นแต่ยังไม่ตอบอะไร ฉันเลยลุกขึ้นเดินเข้าไปกระชากแขนผู้หญิงที่นั่งข้างเฮียให้ลุกออกไป แล้วทิ้งตัวลงนั่งแทนที่พร้อมกับคว้ามือที่ชุ่มไปด้วยเลือดของเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดออกไปอีกที “ถามก็ตอบ” เฮียโยมองมาที่ฉันด้วยแววตานิ่งเรียบแล้วส่ายหัวออกมา พอเห็นแบบนั้นฉันเลยคว้าขวดเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้ามาเทราดลงบนแผลเฮียจนเขาสะดุ้งโหยง แล้วสะบัดมือเฮียที่ตัวเองจับอยู่ออกไปทันที ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากส่งไปให้เขาอย่างสะใจ “หึ.. เจ็บยัง?” “จิ๊ เล่นบ้าไรวะ?!” เขาส่งเสียงดุออกมาแล้วรีบคว้าน้ำเปล่ามาเทราดลงบนมือตัวเองแบบรีบร้อน ถ้าให้เดาคงแสบจัดอ่ะ แต่ช่วยไม่ได้ทำเป็นเท่เอง สมน้ำหน้า! “อะไรนะจะเอาอีก?” ฉันส่งเสียงเยาะเย้ยออกไป แล้วทำท่าจะราดเหล้าในมือลงไปอีก จนโดนเขาหันมาตวาดใส่เสียงดัง “โรส!” “เพื่อนกันเขาไม่หวงกัน” ฉันพูดออกไปตามที่คิด เพราะนี่มันไม่ใช่ครั้งแรก ทุกทีเวลาเป็นเรื่องพี่ริว เฮียโยมักจะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่แค่ฉัน แต่ใครๆ ในนี้ก็รู้ทั้งนั้น ถึงได้รวมหัวกันยั่วโมโหเขาอยู่นี่ไง แต่หวงจริงมั้ยอันนี้ไม่รู้นะ ฉันมโนล้วนๆ! “บอกตัวเอง?” แล้วคำพูดของเฮียก็ทำฉันชะงักไปนิดหน่อย แอบเห็นเขาส่งสายตาสะใจเหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะมาด้วย ยิ่งทำให้ฉันหมั่นไส้เขาเข้าไปใหญ่ “บ่อยไปว่ะเฮีย...” พอเขาตั้งใจล้อเล่นกับความรู้สึกฉันแบบนั้น ฉันก็กัดฟันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง และจ้องเข้าไปในตาคู่นั้น ก่อนที่เฮียจะเงียบไปจนเห็นได้ชัด “.....” “บ่อยไปที่สับสน..ว่าเพื่อนที่ดีเป็นไง” ฉันลอยหน้าลอยตาพูดออกไป แม้ในใจลึกๆ มันโคตรจะจุก แต่ช่วงระยะทำใจในหนึ่งปีที่ผ่านมา ฉันก็เล่นตัวเองมาสักพักแล้วไง เริ่มจะชิน -.- อีกอย่างครั้งนี้เขาเริ่มก่อน ทำไมต้องยอม! “เชี่ยยยยย~” แล้วเฮียบีทก็ถึงกับพยักหน้าและยกนิ้วมาให้ฉันรัวๆ ส่วนเฮียพายเองก็อมยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วพูดออกมาสั้นๆ “คมสัส” ตัดภาพมาที่เฮียโยตอนนี้ พอโดนฉันตอกกลับเขาก็นั่งนิ่งไปเลย ฉันเลยลุกขึ้นจากโซฟาไปคว้ากระเป๋าและทำท่าจะเดินหนี พร้อมกับหันไปบอกลิซเพราะวันนี้สนุกมากพอแล้ว “กลับเหอะลิซ” แต่หลังจากที่เฮียโยนั่งนิ่งอยู่สักพัก จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นมากระชากแขนฉันที่หันไปหาลิซอย่างแรง แล้วลากฉันเดินออกจาก VIP#8 โดยไม่สนใจใครทั้งนั้น “เจ็บ! ปล่อย!” ฉันพูดออกไปเสียงเข้ม ทั้งที่ยังก้าวขาเดินตามเฮียโยอยู่แบบนี้อย่างไม่รู้จุดหมาย แต่เฮียก็ยังทำเฉยและยิ่งกำข้อมือฉันแน่นมากด้วยมือข้างที่เลือดโชกนั่น จะว่าไปพอเห็นใกล้ๆ แผลที่มือของเขามันก็ใหญ่เอาเรื่องเหมือนกัน แถมเลือดก็ไหลไม่หยุด แต่ก็ช่างดิ.. บีบเอง! เจ็บเอง! ท่าจะบ้า! “เฮีย บอกให้ปล่อยไง!” ฉันพยายามสะบัดมือเขาออก แต่เหมือนยิ่งสะบัดเลือดก็ยิ่งไหลเยอะจนมันไหลตามข้อมือฉันลงมาอย่างน่ากลัว แล้วพอเดินมาได้สักพัก เฮียโยก็เหวี่ยงตัวฉันเข้ากับผนังอย่างแรงและตามเข้ามาคร่อมตัวฉันไว้ด้วยแขนแกร่งสองข้างที่กันไม่ให้ฉันเดินหนีไปได้ แถมยังตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวจนฉันแอบสะดุ้ง แต่ดึงสติกลับมาได้ทัน “ทำไมดื้อแบบนี้วะ!!!” น้ำเสียงโหดที่ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยถูกส่งมาพร้อมกับแววตาดุดัน ฉันเลยตอบกลับไปอย่างไม่ยอมกัน “ก็เป็นงี้นานแล้วป้ะ” พอฉันพูดแบบนั้นเฮียก็สวนกลับมาแบบทันควันอีกที แต่เขาก็โดนฉันเบรคเอาไว้อีกเหมือนกัน “โรส! เฮียบอกให้...” “ตัดใจ!” ฉันเติมคำต่อท้ายประโยคให้เฮียเสร็จสรรพ แล้วเขาก็เอาแต่มองมานิ่งๆ ฉันเลยพูดต่อ.. “...ไม่ต้องย้ำ จำได้” พูดจบฉันก็เป็นฝ่ายจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น ฉันคิดว่าฉันรู้นะ.. ฉันรู้เฮียจะพูดอะไร ฉันรู้! “จำได้ แต่ทำไม่ได้?” หึ.. แล้วเขาก็พูดออกมาจนได้ ไอ้คำพูดที่มันตอกย้ำกันซ้ำๆ แบบนั้น สุดท้ายฉันก็ได้ฟังมันจนได้ “ต่างคนต่างรักไป..” ฉันบอกออกไปเสียงสั่น แล้วหันหน้าหนีเฮียโยไปสงบสติอารมณ์สักพัก ซึ่งเขาก็กำลังมองมาอย่างไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของฉัน ก่อนที่ฉันจะสูดหายใจเข้าลึกๆ และหันไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง “เฮียจะรัก จะเอากับใครก็เรื่องของเฮีย.. โรสจะรัก จะเอากับใครก็...” “หยุดสักทีได้มั้ยวะ!!!” ฉันยังพูดไม่ทันจบเฮียโยก็ตวาดลั่นจนฉันชะงักไป แล้วเขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่พอใจออกมาอีก “หยุดทำให้มันแย่ลง! หยุดทำให้เราเป็นแบบนี้!” “เราหรอ?” ได้ฟังคำนั้น..ทำไมฉันถึงไม่คิดว่ามันเป็นคำที่ไม่เหมาะสมเอาซะเลย แล้วเขาก็เงียบไปอีก “.....” “หึ.. ก็ไหนว่าเพื่อนกันไง” ฉันพูดออกไปช้าๆ และจ้องหน้าเขานิ่ง เฮียเองก็ยืนเงียบกริบไม่พูดไม่จาอะไร เหมือนเราคุยกันผ่านความเงียบ ทั้งที่เมื่อก่อนเราเถียงกันแทบตายแบบไม่เว้นช่วงให้ความเงียบเข้ามาแทรงแซงได้เลยสักครั้ง “ไหนว่า..เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้วไง” ฉันค่อยๆ ทวนคำพูดเขาซ้ำออกไป แล้วเฮียก็หันมามองหน้าฉันด้วยแววตาที่อ่านความหมายไม่ออก และไร้ซึ่ง...คำอธิบายใดๆ “พูดเองก็ทำให้ได้ก่อนดีมั้ย แล้วค่อยมาบังคับ..ให้คนอื่นเขาตัดใจ” ฉันกัดฟันสวนกลับคำพูดของเขาทั้งหมดออกไป ก่อนจะใช้จังหวะที่เฮียนิ่งไป ผลักแขนของเขาที่มันขวางทางฉันเอาไว้ออก และรีบเดินออกจากอ้อมแขนของเฮีย แต่เฮียที่ไวกว่าก็คว้าแขนฉันกระชากกลับแบบไม่ทันให้ตั้งตัวเหมือนกัน จนสร้อยข้อมือของฉันขาดหลุดติดมือเขาและหล่นลงพื้นกระเด็นไปต่อหน้าต่อตา พรึ่บบบ! แกร๊กกก “หึ...” ฉันก้มมองสร้อยข้อมือที่คุ้นเคยที่ตอนนี้กำลังร่วงกระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างใจหาย แต่ทำได้แค่แสดงออกว่าฉันไม่เป็นอะไร แม้ลึกๆ มันทั้งเสียดาย และเสียความรู้สึกจนแทบจะดิ้นตายเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เปรียบเสมือนตัวแทนของเขา “ดีเน่อะ.. ใส่ให้เอง เหยียบเอง กระชากเอง” พูดจบฉันก็เงยหน้ามองเฮียที่กำลังจะก้มเก็บมัน แต่ฉันเลือกทิ้งตัวนั่งลงมาก่อน และค่อยๆ บรรจงหยิบชิ้นส่วนของสร้อยข้อมือตรงหน้าอย่างเบามือ รวบรวมจนครบและค่อยๆ ลุกขึ้นไปเผชิญหน้ากับเขา “โรส เฮียไม่ได้ตั้งจะ...” “เฮียถอดมันเอง..จำไว้” พอลุกขึ้นมาอยู่ๆ ความรู้สึกของฉันที่พอเห็นของรักของหวงพังยับเยินแบบนั้น มันก็ดันรู้สึกเฉยชากับคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ฉันเลยพูดออกไปแล้วเฮียก็ถึงกับถอนหายใจออกมา “มันไม่ใช่แบบนั้...” พรึ่บบบ! ไม่รอให้เขาพูดอะไรอีกต่อไป ฉันตัดสินใจเขวี้ยงสร้อยในมือที่เพิ่งก้มลงไปเก็บขึ้นมาได้ใส่เขาไปแบบเต็มแรงจนมันกระเด็นร่วงกระจัดกระจายไปที่พื้นอีกครั้ง แล้วพูดออกไปอย่างไม่รู้จะทนต่อไปทำไม “...เอาของของเฮียคืนไป! โรสจะไม่ใส่มันอีกแล้ว!” หมับ! “ใส่!” ได้ฟังฉันพูดแบบนั้นเฮียโยก็ตรงเข้ามาคว้าข้อมือฉันแน่น และพูดออกมาอย่างออกคำสั่ง แอบเห็นว่าหน้าเขาก็เริ่มซีดเพราะแผลที่มือก็ยังไม่มีการห้ามเลือดอะไรทั้งนั้น “ไม่ใส่! ที่ผ่านมาไอ้สร้อยบ้านี่มันผูกโรสไว้กับเฮีย เพราะงั้นหลังจากนี้ถ้าไม่มีมันก็อยากจะรู้เหมือนกัน...” ถึงตรงนี้ฉันที่คิดว่าจะโพล่งออกก็หยุดชะงักซะเอง ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งอย่างเรียกพลัง และพูดต่อไปแบบหน้าตาย เช่นเดียวกับเฮียโยที่มองมาด้วยแววตาที่ไม่ว่ายังไงฉันก็อ่านความหมายอะไรไม่ออกเลย “ก็อยากจะรู้...ว่ามันจะตัดใจได้มั้ย! ตัดใจตามคำสั่งของเฮียงะ.. อื้ออออ” ฉันยังพูดไม่ทันจบ อยู่ๆ เฮียโยก็ประกบริมฝีปากของเขาเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง เล่นเอาฉันยืนตัวแข็งทื่อกับสัมผัสที่เข้าฉกฉวยเข้ามาลิ้มลองมัน แถมเฮียยังแทรกลิ้นของเขาเข้ามาเกี่ยวหวัดอยู่กับลิ้นของฉันอย่างเอาแต่ใจ และใช้มือข้างหนึ่งกดท้ายทอยของฉันเอาไว้ไม่ให้ถอยหนี เฮียโยระบายความรู้สึกมากมายผ่านรสจูบที่ทำให้ฉันทั้งโกรธ มึนงง และตกใจไปพร้อมๆ กัน พอตั้งสติได้ฉันเลยผลักเขาออกเต็มแรงจนเขาเซถอยออกไป “หึ... นี่จูบจากใคร เพื่อน! หรือพี่ชาย!” ฉันตะคอกออกไปอย่างไม่เข้าใจ ใช่.. ฉันเคยต้องการมัน ต้องการสัมผัสพวกนี้จากเขา แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้ดิ ต้องไม่ใช่สัมผัสที่ทำไปเพราะอารมณ์ ไม่ใช่สัมผัสที่เขาเพิ่งทำมันกับคนอื่น! และเหมือนเดิม.. เฮียเงียบ! “ตอบดิวะ! ทำไมไม่ตอบ! เพื่อนกันมันจูบกันได้ใช่ป้ะ?! พี่น้องแม่งก็จูบได้ใช่ป้ะ?!” ฉันตะคอกออกไปอย่างหัวเสีย รู้สึกได้ทันทีว่าความอ่อนแอมันเริ่มแทรกแซงเข้ามาจนหน้าร้อนผ่าว “จะยั่วให้ได้อะไรวะ!!!” พลั่กกก! ตึงงงง! พอฉันตะคอกออกไปเฮียโยก็ตะคอกกลับมา แล้วเขาก็ออกแรงต่อยผนังเสียงดังลั่นจนฉันสะดุ้งเฮือก แต่ก็ยังไม่วายตอบกลับเขาไปแบบท้าทายอีก “ก็จะได้รู้ไว้ไง ว่าฐานะไหนแม่งก็จูบกันดะ... อื้อ” แล้วเฮียก็กดจูบลงมาอีกครั้งอย่างรุนแรงและดุดันเหมือนเคย มันเนิ่นนาน และเอาแต่ใจกว่าครั้งแรกจนน้ำตาที่ฉันกลั้นไว้ถึงกับไหลพรากออกมาจนได้ สักพักเขาก็ยอมปล่อย.. “ก็จะได้รู้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายคนไหน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนแม่งก็เอากันได้” ฉันพูดออกไปเสียงเรียบตามความรู้สึกที่อัดอั้นจากเหตุการณ์วันนี้ แล้วจ้องหน้าเขานิ่ง ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกไป เฮียเองก็เลื่อนมือข้างที่เจ็บนั่นมากำแขนฉันไว้และบีบมันจนมือสั่นไปหมด แต่ความรู้สึกที่ข้อมือฉัน มันก็เฉยชาพอกันกับใจฉันในตอนนี้เลย “จะเอาแบบนี้ให้ได้เลยใช่มั้ย...” เฮียโยเค่นเสียงลอดไรฟันออกมาและหันหน้าหนีฉันที่น้ำตาอาบแก้มไปมองทางอื่น ฉันเลยพูดออกไปเสียงเรียบแบบไร้ความรู้สึกใดๆ “เป็นเฮียจะรู้สึกยังไง?” “.....” “ถ้าไอ้ความรู้สึกบ้าบอแบบนี้ แม่งเกิดขึ้นกับเฮียตลอดเวลา” “.....” ฉันพูดออกไปช้าๆ ด้วยเสียงที่สั่นเกินควบคุม และใช้มืออีกข้างเอื้อมไปจับใบหน้าที่คุ้นเคยหันกลับมา ก่อนจะตั้งใจมองเข้าไปในแววตาของเขาและกลั้นใจพูดออกไปทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามามากมาย.. “ต่อจากนี้ไป...เราอย่ามาใกล้กันอีกเลย”หลายวันต่อมา...“อ้าววว ซาหวัดดีฮับคุณแม่ ฮ่ะๆ ~”เฮียบีทเดินควงไม้กลองเข้ามาในห้องซ้อมดนตรีที่มีฉันกับเฮียโยนั่งอยู่ แล้วเขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งด้วยท่าทางสบายๆฟุ้บ!“ไรเฮียอย่ามาแซว อยากตายด้วยไม้กลองรึไง -////-”พรึ่บบบ!ฉันเอื้อมมือไปคว้าไม้กลองจากมือเขาแล้วทำท่าจะฟาดเข้าให้ นี่ยังน้อยนะ ตอนฉันโทรไปบอกเฮียขำหนักกว่านี้หลายเท่าเลยเหอะ“เป็นไง เห็นไอ้นั่นแล้วเขินเลยป้ะ น่าอิจฉาจังเว้ย >////”พูดจบเฮียบีทก็แกล้งเอามือปิดหน้าปิดตาทำท่าทางกวนๆ ออกมาแถมยังทำตาปริบๆ มองไปหาเฮียโยที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ว่าแต่..ไอ้นั่นที่ว่านี่อะไร? เห็นแล้วทำไมต้องเขินด้วย?ครืดดด!“เชี่ยยย คณะคหกรรมค้นพบดาวดวงใหม่ งานดีสัส! เด็กในชมรมบอกมา”ยังไม่ทันที่ฉันจะถามอะไรเฮียบีท อยู่ๆ เฮียเลย์ก็พรวดพราดเปิดประตูห้องซ้อมดนตรีเข้ามา แถมยังคว้ามือถือตัวเองมาวางบนโต๊ะลงตรงหน้าพวกฉัน ในหน้าจอนั้นมีรูปผู้หญิงคนหนึ่งที่ขนาดแค่มองผ่านๆ ก็ยังถือว่าละสายตาได้ยากเหมือนกัน แล้วเฮียโยก็เอ่ยปากพูดอะไรงึมงำที่ฟังแล้วฉันถึงกับหันไปทำตาขวางใส่เขาทันที“จุ๊ๆๆ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะฆ่าเมียเหลือเกิน”“เฮ้ย!”“อุ่ย..
วันต่อมา...@ DARK SHADOW CASTLE“ทำไมทำหน้างั้น?”เฮียโยหันมาถามฉันที่นั่งนิ่งๆ อย่างใช้ความคิด เพราะวันนี้เป็นวันพิพากษาเฮียคิระที่สร้างเรื่องไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน อีกอย่าง..ฉันเพิ่งจะถามที่มาที่ไปของการทำสงครามขนาดย่อมครั้งนี้จากปากเฮียโยตอนมาที่นี่ ก็ได้ความว่าเฮียคิระกับเฮียเตไม่ค่อยจะถูกกันมาตั้งนานแล้วแค่เพิ่งจะมาฉะกันจริงจังก็คราวนี้“เฮียว่าเฮียคิระ...”“เฮียอีกละ -.- ทำไมต้องไปนับญาติกับมัน”ฉันยังไม่ทันพูดอะไร เฮียโยก็ออกอาการไม่พอใจขึ้นมาซะก่อน ที่จริงก่อนหน้านี้เฮียโยก็ออกอาการหงุดหงิดมากที่ฉันเอาแต่ถามถึงเฮียคิระไม่หยุด“อะไร เฮียต้องขอบคุณเค้ารึเปล่า เฮียคิระเป็นคนพาโรสไปหาหมอถึงรู้ว่าท้อง” ฉันพูดออกไปแล้วเฮียโยก็หันมามองด้วยสีหน้าแปลกใจ“มันรู้ก่อนใคร?”“ใช่ รู้พร้อมโรส แล้วรู้ก่อนพ่อของลูกเลยไง ชัดมั้ย?!”ฉันส่งเสียงประชดประชันและทำหน้าตากวนประสาทแบบที่เขาชอบทำออกไป แล้วเฮียก็ขยับเข้ามาใกล้พรึ่บ! หวืดดด“ถอยไปไกลๆ ไม่ต้องมาง้อ”เฮียโยเอื้อมแขนมาทำท่าจะโอบ แต่ฉันขยับตัวหนีแล้วยักคิ้วท้าทายแต่เขาก็ยิ่งทำหน้าตาได้ใจ“ป่าวง้อสักหน่อย แค่จะบอกว่าอย่างอแง เดี๋ยวจะโดนชุดใหญ
“อื้อ~”ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเฮียโยที่รัดแน่นแต่กลับอบอุ่นมากจนหลุดยิ้มบางๆ ออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แขนข้างหนึ่งของเขายื่นมาให้ฉันหนุนแล้วยังใช้มันกอดร่างฉันเอาไว้ ส่วนอีกข้างวางพาดผ่านหน้าท้องของฉันเหมือนกำลังกอดลูกของเรายังไงอย่างงั้นใช่..ลูกของเรา :)ตลอดค่ำคืนที่ยาวนานเฮียโยเอาแต่พูดคำนั้นจนฉันเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสที่เขาเติมเต็มมาให้อย่างอ่อนโยนและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นอีกมุมหนึ่งที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีตั้งแต่รู้จักกันมาถัดออกไปอีกหน่อยมีสมุดบันทึกที่เขาจะให้ฉันตั้งแต่เมื่อคืนวางอยู่ ฉันเลยเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดู แล้วก็โดนดึงความสนใจเอาไว้ด้วยข้อความสีชมพูมากมาย ตัดสีกับข้อความสีน้ำเงินที่ฉันเคยเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนJan 11,2017You have no idea how hard it is to pretend all the time.(คุณไม่รู้หรอกว่ามันยากขนาดไหนที่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกตลอดเวลา)♥ Don’t underestimate me, I notice more than you realize.(อย่าประเมินผมต่ำไป ผมสังเกตเห็นมันมากกว่าที่คุณเข้าใจ)Feb 28, 2017I need love from you but I know that it’ s hard.(ฉันต้องการความรักจากคุณ แต่ฉันรู้ว่ามันยาก)♥
“เมื่อกี๊ของแม่นะ ส่วนอันนี้อ่ะ..ของลูก”แคว่กกกกกก!O_O!พูดจบเฮียโยก็กระชากชุดนอนฉันจนขาดหลุดติดมือเขาไป โชคดีที่ฉันยังมีชั้นในปกคลุมร่างกายบางส่วนเอาไว้ แต่อากาศที่เย็นจัดภายในห้องก็ทำให้ฉันแอบสะท้านจนขนลุก“ไม่ขอนะ...”เฮียโน้มตัวมากระซิบข้างหูฉันด้วยแววตายียวนและตั้งใจกวนประสาท ฉันเลยยกมือขึ้นดันตัวเขาออกแล้วกำลังจะเอ่ยปาก แต่เฮียก็ชิงพูดขัดขึ้นมาซะก่อน“จุ๊ๆ พ่อลูกจะคุยกันฮะ แม่รอฟังเฉยๆ ครับห้ามดื้อ”“...อื้อออ”พูดจบเฮียก็กดจูบลงมาแบบหนักหน่วงกว่าเดิมหลายเท่า และเร่งจังหวะกระตุ้นให้ฉันเคลิบเคลิ้มตามเขา แถมยังเลื่อนมือมาสัมผัสเรือนร่างของฉันอย่างแผ่วเบา ลูบไล้มันไปมาอยู่อย่างนั้นจนฉันดิ้นพล่าน“อื้อออ~”ฉันขยับตัวไปมาตามสัมผัสของเฮียโยอย่างเก็บอาการไม่อยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลาเขาเลื่อนมือไปโดนตรงไหนมันก็ทนไม่ได้ ร่างกายฉันมันไวต่อความรู้สึกไปหมด“ชู่ววว เฮียแค่จูบลูก จับ..ลูก”เฮียโยถอนจูบและพูดออกมาเบาๆ แบบเน้นคำอยู่ข้างหูฉันจนฉันรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัวอีกครั้ง“ปล่อยโร...อื้อออ”ฉันเอ่ยปากพูดออกไปได้ไม่กี่คำเท่านั้น เฮียก็เลื่อนจมูกโด่งๆ ของเขาลงมาซุกไซร้ตรงซอกคอของฉัน
@ VAYO’ S CONDOแกร๊ก แอ๊ดดด“เมื่อไหร่จะพากลับห้อง”ฉันบ่นๆ ออกไปพอเฮียโยพาฉันวนกลับมาที่คอนโดเขาอีกครั้งหลังออกจากบ้านเขา ใจคอจะไม่ให้ฉันกลับห้องตัวเองเลยมั้ง น่าเบื่อจะแย่ -.-“ห้องไหนอ่ะ? ห้องลิซหรือห้องนิล”ฟุ้บ!พูดจบเฮียโยทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแบบชิลๆ แล้วเลิกคิ้วถามฉันที่ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเขาออกมา...หืม? นี่เขารู้ด้วยหรอว่าฉันย้ายไปอยู่ห้องเจ๊นิลแล้วอ่ะ“งง.. เมียทั้งคนถูกมั้ย เราทำไรเฮียรู้หมดแหละ”เฮียโยพูดออกมาอย่างรู้ทัน พร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยท่าทางกวนประสาทแบบนั้นไม่หยุด ก่อนที่ฉันจะตอบกลับไป“อะไร ใครเมีย คิดไปเอง!”“หึ..ก็ไม่รู้สิฮะ ถามเด็กในท้องมั้ยล่ะ โหลๆ พ่อชื่อไรอ่ะ? พ่อหล่อแบบนี้รึป่ะ? ฮ่ะๆ”เฮียโยพูดไปชี้นิ้วเข้าหาตัวเองไป แล้วเขาก็หลุดขำออกมาอย่างผู้ชนะ แถมยังยักคิ้วท้าทายฉันที่พอได้ฟังแล้วอยากจะคว้าแจกันเขวี้ยงใส่ให้รู้แล้วรู้รอด“รำคาญ! คืนนี้นอนข้างนอกไปเลยไป” พูดจบฉันก็เดินหนี แต่เฮียโยก็ยังส่งเสียงตามหลังมาแบบยียวนมากกก ให้ตาย!“ครับ เชิญตามสบาย ให้เฮียเซ็นยกมรดกให้ลูกเลยมั้ย ปากกาอยู่ไหนน้า~ หาแป๊บ”ชิ.. ประสาท!ครึ่งชั่วโมงต่อมา...ครืดดด!“เข้ามาทำไ
“...ว่าไงนะ?”ครืดดด!พูดจบฉันก็ลุกพรวดจากโต๊ะทันทีที่ได้ยินรุ่นพี่เฟรย่าพูดแบบนั้น แต่เฮียโยก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันพร้อมกับออกแรงดึงกลับไปนั่งตักเขา แถมยังใช้แขนแกร่งล็อคตัวฉันเอาไว้พรึ่บ!“อย่ามาจับ!” ปากฉันพูดกับเฮียโยแต่ตากลับจ้องไปทางรุ่นพี่เฟรย่าที่กำลังมองมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ“ใจเย็นนะฮะเลดี้ เดี๋ยวเฮีย...”“...อธิบายเอง”รุ่นพี่เลโอพยายามแก้สถานการณ์ แต่รุ่นพี่เฟรย่าก็พูดขัดขึ้นมา ก่อนจะจ้องมาที่ฉันไม่วางตาแล้วพูดต่อ“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”“ก็รีบอธิบายมาดิ!” ฉันตะคอกสวนกลับไปอย่างหงุดหงิด จนโดนเฮียโยดุออกมาเสียงเข้ม“โรเซ่”“โอ๊ะ เชื่อละว่าโหดจริง” รุ่นพี่เลโอมองมาที่ฉันขำๆ ก่อนที่เขาจะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นไปโอบรุ่นพี่เฟรย่าไว้แบบชิลๆ“มีเรื่องนิดหน่อยฮะเลดี้ ไอ้โยมันแค่เข้าไปช่วย”รุ่นพี่เลโอพูดอ้อมๆ ออกมาด้วยท่าทางเป็นมิตร แต่ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ แล้วยังไม่ทันจะถามอะไร รุ่นพี่เฟรย่าก็กวาดสายตามองคนในร้านนิ่งๆ ก่อนจะเหลือบมองรุ่นพี่เลโอแล้วพูดสวนขึ้นมา“โดนข่มขืนน่ะ”ขวับ!“ว่าไงนะ?!”O_O!ยอมรับว่าได้ฟังคำพูดนั้นฉันเองก็ตกใจ แต่ครั้งนี้เสียงที่ดังขึ้นมามันไม่ใช่ของฉันไ