로그인สาวน้อยมองซ้ายมองขวา หาเพื่อนร่วมห้องที่น่าจะคุ้นตาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เจอ มีเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก ผ่านเธอไปอย่างมีจุดหมาย ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะวันที่ครูให้แนะนำตัว เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตา เธอจึงแทบจะจำหน้าใครในห้องไม่ได้เลย และในตอนนี้เธอรู้สึกเคว้งอย่างบอกไม่ถูก ครั้นจะเดินไปขอเข้าแถวกับกานต์ก็คงไม่ถูก จะเดินผ่านสายตาที่มองแบบเด่น ๆ ไปเดาหัวแถวข้างหน้าก็กลัวจะหน้าแตก
เธอยืนงกงงท่ามกลางผู้คนผ่านไปผ่านมาเฉียดเบียดข้างกายเธอ เหงื่อที่มือผุดเม็ดออกมาจนเปียกชื้น แผ่นหลังเปียกโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลเป็นทางจนเปียกแฉะ เสียงหวานของพี่แจนประชาสัมพันธ์ผ่านไมค์เริ่มแผ่วเบาภายในหู เสียงรอบข้างเริ่มค่อย ๆ แผ่วลง แต่มีเสียงอู้อี้วี้ดดังขึ้นในหู ภาพนักเรียนเข้าแถวภายหน้ากลายเป็นภาพซ้อน ที่เพิ่มจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า ลมหายใจถี่ รู้สึกเหมือนหายใจเข้าไม่ถึงปอด “ป๊อบ !” เสียงแหลมเล็กเรียกดังลั่น นี่น่าจะเป็นเสียงเดียวที่เธอได้ยินในตอนนี้ ตุ้บ ! “ป๊อบ เป็นไร ลุกขึ้นก่อน ๆ” ท่อนแขนเล็กเรียวประคองแผ่นหลังเธอ ขึ้นมาจากพื้นดินกรุ่นฝุ่น ผู้คนกรู่เข้ามามุงดู เธอยังคงรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ในตอนนี้เธอมีเพียงความรู้สึกที่อยากขอบคุณกานต์ ที่คอยอยู่ข้าง ๆ ประคองปกป้องชีวิตของเธอมาตลอด ตั้งแต่เด็ก จนถึงในตอนนี้ก็มีเพียงกานต์ ที่คอยอยู่ข้าง ๆ ‘ขอบคุณนะกานต์’ เธอเอ่ยขอบคุณในใจ พร้อมฝืนอมยิ้มให้ในขณะที่นอนคลุกฝุ่น พรึ่บ ! “อย่ามุง ๆ ถอยออกไป ๆ กลับไปเข้าแถวครับนักเรียน” ครูวิทกันนักเรียน ที่เข้ามามุงดูให้ถอยหลังออกห่าง “พาไปห้องพยาบาลเลย” ครูวิทสั่งการให้พาเธอไป “ค่ะครู” ‘ค่ะครู ? เอ๊ะ !’ สาวน้อยนึกเอ๊ะในใจ สีหน้าที่ดูไม่สู้ดีในก่อนหน้า ถูกแทรกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ‘ไม่ใช่กานต์หรอกเหรอ ? ถ้าไม่ใช่กานต์แล้วเป็นใคร’ เธอคิดในใจ “ป๊อบเป็นไรไหม นี่ยาดม หายใจเข้านะ” เธอลืมตาขึ้นมาดูเจ้าของอ้อมกอด ที่ช้อนแผ่นหลังของเธออยู่ตอนนี้ “เจส” “เจสซี่จ้ะ เรียกให้ครบด้วย” “ค่อย ๆ ลุกนะ ลุกไหวไหม” สาวน้อยค่อย ๆ ประคองตัวเองขึ้น พร้อมแรงดึงจากคนที่ประคองแขน ใจจริงเธออยากจะเป็นลมต่อด้วยซ้ำ เมื่อรู้ว่าอ้อมแขนที่ประคองแผ่นหลังและต้นคอเธอเมื่อครู่ ไม่ใช่กานต์ แต่เป็นเพื่อนสาวอย่างเจส “วะ วะ ไหว” สาวน้อยทั้งสองประคองร่างของกันและกันขึ้นยืนจนนิ่งเที่ยง เจสดึงแขนของป๊อบขึ้นพาดคอ แล้วค่อย ๆ พยุงร่างเล็กไปยังห้องพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลจากนี้นัก “ขอบคุณป๊อบ” เจสกระซิบข้างหู “ขอบคุณอะไร ป๊อบสิต้องขอบคุณเจส” “ก็ถ้าป๊อบไม่เป็นลม เราก็จะได้เข้าแถวไง เราไม่อยากเข้าแถว คริ ๆ” เจสหัวเราะคิกคัก พร้อมประคองเพื่อนสาวเข้าห้องพยาบาล ด้วยสีหน้าพึงใจแบบขั้นสุด “แล้วนี่ แกแต่งตัว ?” สาวน้อยหรี่ตามองดูเพื่อนสาวที่ประคองอยู่ข้าง ๆ ด้วยร่างผอมบางผิวขาวเหลือง เลยดูค่อนข้างจะตัวเล็ก หน้าตาจิ้มลิ้มคิ้วดกดำที่ดำเพิ่มจากการเขียนคิ้ว แก้มชมพูหน่อย ๆ บวกกับกิ้บหลากสีหลากทรงหนีบแน่นในผมแทบทุกเส้น ถึงแม้จะตัดทรงอันเดอร์คัตที่ไว้ข้างบนยาว ข้างหน้าเป็นหน้าม้าเต่อ แต่ก็พอจะมีเนื้อที่เส้นผมไว้ประดับกิ้บสวยงามได้ ก็จึงไม่แปลกใจที่สาวน้อยจะถามคำถามนั้นกับเธอ “แต่งแบบสวย ๆ ย่ะ นี่ยังไม่เต็ม แม่มาส่งก่อน” เพื่อนสาวตอบกลับ พร้อมพูดแบบจีบปากจีบคอ กลิ่นเฉพาะตัวของห้องพยาบาลเป็นสิ่งแรกที่พุ่งตรงเข้าจมูก กลิ่นที่เธอเองก็แทบจะคุ้นชิน เพราะตั้งแต่เด็กเธอก็วนเวียน ๆ กับโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง แต่นี่เป็นการเข้าห้องพยาบาลครั้งแรกในรั้วมัธยมของเธอ เสียงพัดลมเพดานหมุนวนเอี๊ยดอ๊าดต้อนรับการมาเยือนของสาวน้อย เพื่อนของเธอเลือกเตียงที่อยู่ในสุด เขาค่อย ๆ ประคองร่างน้อยช่วยวางลงอย่างอ่อนโยน ก๊อก ๆ ~ เสียงเคาะประตู “เป็นไงบ้างล่ะปานใจ” ครูวิทเดินเข้ามาถามไถ่ “ไม่เป็นไรแล้วค่ะครู” สาวน้อยตอบกลับ ด้วยสีหน้าที่มีชีวิตชีวาขึ้นหน่อย “เป็นค่ะครู เมื่อกี้ที่หนูประคองมา ป๊อบแทบจะไม่ได้สติเลยค่ะ คงน่าจะได้นอนพักในนี้ทั้งวันเลยค่ะ” เจสยืนพรวดขึ้นคุยกับครูวิทอย่างเอาจริงเอาจัง “แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะครู เดี๋ยวหนูจะอยู่เฝ้าเพื่อนเองค่ะ” เจสเสนอตัวเฝ้าป๊อบ ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเต็มใจอย่างสุด ๆ “ตอนนี้โอเคแล้วใช่ไหม” ครูวิทมองข้ามหัวเจสที่อยู่ตรงหน้า ก้มมองดูป๊อบพร้อมทำสัญลักษณ์มือโอเค “ค่ะ” สาวน้อยส่งสัญลักษณ์มือโอเคตอบ “ส่วนเธอ --- ไปเข้าแถว !” ครูวิทกำข้อมือเรียว ดึงออกนอกห้องพยาบาลภายในไม่กี่วิ “ครู ... หนู ... ต้องอยู่กับป๊อบ ...” “ป๊อบ --- เข้าแถวเสร็จเดี๋ยวเรามาอยู่เป็นเพื่อนนะ” เสียงแหลมของเพื่อนสาวค่อย ๆ แผ่วลงตามระยะทางที่ถูกลากหายไป สาวน้อยถอนหายใจด้วยความผิดหวัง เธอคิดว่าคนที่ประคองเธอจากกองดินผงจะเป็นคนที่เธออยากให้เป็น แต่กลับไม่ใช่ ติ้ง ! เสียงแจ้งเตือนข้อความเด้งขึ้นหน้าจอมือมือของเธอ ‘ป๊อบเป็นไรไหม เข้าแถวเสร็จกานต์จะรีบไปหานะ’ สาวน้อยอมยิ้มขึ้นโดยอัตโนมัติ ‘ป๊อบเหมือนจะตัวร้อนเฉย ๆ กานต์ไปเรียนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงป๊อบ’ สาวน้อยกดส่งข้อความ พร้อมดึงผ้าห่มที่พับกองอยู่ปลายเท้าขึ้นมาห่มปิดทั้งตัวทั้ง ๆ ที่อากาศร้อนจะแทบจะอบไก่ให้สุกได้เพียงแค่วางไว้เฉย ๆ ในห้องนี้กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงง ~ เสียงสัญญาณดังลั่นทั่วโรงเรียน เป็นเสียงสัญญาณที่บอกว่าวันทั้งวันที่เหน็ดเหนื่อยนี้ ได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอให้พวกเจ้ากลับไปใช้ชีวิตต่อที่บ้านนะ หนุ่มน้อยเดินรั้งท้ายกลุ่มคู่กับเพื่อนเนิร์ดแว่น ที่กระเป๋าสะพายหลังแอ่น ปลายทางคือหน้าโรงเรียน ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยร้านขายของกิน เต็มแน่นทั่วทางเท้า ในช่วงหลังเลิกเรียน สิ่งที่นักเรียนใฝ่หามากกว่าการได้กลับบ้านคือของกิน การเรียนทั้งวัน โดยมีอาหารตกถึงท้องแค่ตอนเที่ยงกับช่วงเปลี่ยนคาบ ที่แอบแวะร้านค้าโรงเรียน ไม่เพียงพอต่อความต้องการเลยสักนิด การได้กินของอร่อย ๆ หลังเลิกเรียนนับเป็นสิ่งวิเศษสุด ๆ แล้วในแต่ละวัน “เอาลูกชิ้นหกไม้ครับ” บอลชะโงกหน้า สั่งแม่ค้าที่ง่วนอยู่กับออเดอร์ก่อนหน้า “ไม่ไปกินน้ำปั่นร้านลุงใจดีกับเราจริงดิ” พีทออดอ้อนกอดแขนล่ำสูงของบอล “โทษทีว่ะเพื่อน กูต้องไปซ้อมว่ายน้ำอะ” “มึงจะว่ายน้ำไปตลอดชีวิตเลยเหรอวะ” “ว่ายน้ำน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่กูทำได้ดีที่สุดว่ะ” “เออนะ ตั้งแต่เริ่มเรียนว่ายน้ำด้วยกันมาตอนปอหนึ่ง มึ
2 สัปดาห์ผ่านไป‘ประกาศถึงนักเรียนโรงเรียนวาสอุดมวิทยาทุกคน ในวันพรุ่งนี้ในคาบเรียนที่เจ็ด จะมีการเลือกชุมนุม ณ หอประชุมศิษย์เก่าสัมพันธ์วาสวิทฯ ให้ทุกคนตรวจดูรายชื่อชุมนุมที่สนใจในรายชื่อที่แนบมาให้นี้ สวัสดี // สภานักเรียนวาสอุดมวิทยา’กานต์เปิดดูข้อความอัตโนมัติ ที่แจ้งเข้ามาในมือถือ พร้อมเพื่อน ๆ ในห้องถึงข่าวแจ้งถึงการเลือกชุมนุม เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทันที เมื่อทุกคนได้อ่านข้อความดังกล่าว“มีแต่ชุมนุมที่น่าสนใจทั้งนั้นเลย”“นั่นดิ เลือกอะไรดี”“บอล มึงจะเลือกชุมนุมไรวะ”“กูว่าจะเลือกว่ายน้ำว่ะ” บอล หนุ่มน้อยที่ดูน่าจะดูแตกเนื้อหนุ่มที่สุดในกลุ่ม ผิวแดงดำแดด กับรูปร่างทรงนักกีฬา สูงใหญ่ ค่อนข้างล่ำเมื่อเทียบกับเด็กมอหนึ่ง“เออ มึงเคยไปเรียนพิเศษมาหนิ ใช่ป้ะ // นายล่ะ แคน”“เราลังเลอะ ว่าจะเลือกแลปวิทย์ฯหรือจินตคณิตดี” แคน หนุ่มน้อยผมหยิกดำ ร่างบางสูงผอม ผิวสีน้ำผึ้ง เอ่ยตอบ ด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย“เราก็คิดเหมือนนายเลย แคน” เซคัล หนุ่มน้อยแว่นหนาเตอะ ตัวเล็กขาวผ่อง ตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้น เพราะน่าจะมีเพื่อนในกลุ่มลงชุมนุมด้วย“นายสองคนก็หนีจากวิทย์ฯคณิตสักหน่อยก็ไม่ได้เลยเนอ
“ไม่ปล่อย บอกมาก่อนว่าชื่ออะไร”“อ๋อ...ปานใจ” ชายหนุ่มอ่านชื่อบนหน้าอกของเธอ“งั้นพี่เรียกเรียกน้องปานใจนะ”“หนูชื่อเจสซี่ค่ะพี่ อยู่มอหนึ่งห้องแปด” เสียงแหลมแจ๋วพูดโทนสองสามสี่ แทรกขึ้นพร้อมชะโงกหน้าคั่นผู้สนทนาทั้งสอง“น้องปานใจกำลังหลบเรียนเหรอคะ ?” ชายหนุ่มผลักหน้าเจสออกจากเรดาร์ เอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงหวานปนสายตาเจ้าเล่ห์“ไม่ได้หลบค่ะ กำลังเข้าเรียน” สาวน้อยตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะอยากคุยด้วย“หลบแหละพี่ว่า --- พี่ควรจะบอกครูดาหวันไหมนะ” ชายหนุ่มมองชะเง้อเข้าไปในห้อง ที่ครูกำลังพูดคุยกับนักเรียนอยู่“หนูว่าพี่ควรปล่อยแขนหนูก่อนค่ะ” สาวน้อยมองส่งสัญญาณมาที่แขน ที่ชายหนุ่มกำลังกำแน่น“อ่า --- พี่ลืม โอเค ปล่อยแล้ว” ชายหนุ่มยกมือขึ้นข้างตัว‘เดชผล ปานใจ’ เสียงครูเรียกเช็กชื่อในห้องดังลอดออกมาข้างนอก‘น่าจะหลบค่ะครู’ สาวน้อยผมหยิกหน้าห้องตอบกลับ และครูก็กำลังวางปากกาลงกระดาษที่ถืออยู่ในมือ เพื่อเช็กชื่อขาด“ครูครับ น้องปานใจอยู่นี่ครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงดัง ทำเอาคนทั้งห้องมองหันมายังต้นเสียงสาวน้อยเบิ่งตาโตเต็มไปด้วยสีหน้าตกใจ หันหน้าหนีจากกลุ่มเพื่อน ที่พยายามชะโงกหน้าผ่านช
กริ้ง ~ สิ้นเสียงสัญญาณเข้าห้องเรียนในคาบแรก หนุ่มน้อยรีบเบิ่งพรวดเข้ามาในห้องพยาบาล มองควานหาสาวน้อย จนพบร่างเล็กน้อยห่มผ้าคลุมโปงอยู่สุดห้อง“ป๊อบ เป็นไงบ้าง”“ป๊อบดีขึ้นแล้วกานต์ --- กานต์มาทำไม ทำไมไม่ไปเรียน”“กานต์กำลังจะไปเรียนแล้ว คาบแรกวิชาสุขศึกษาน่ะ ห้องข้าง ๆ นี่เอง”“อ่อ”“ว่าแต่ป๊อบห่มผ้าทำไมน่ะ หนาวเหรอ”“นิดหน่อยน่ะกานต์”“แต่ ... ป๊อบเหงื่อชุ่มเลยนะ” หนุ่มน้อยก้มลงปาดเหงื่อข้างขมับของสาวน้อย“เอิ่ม ... ป๊อบเพิ่งกินยาไป สงสัยยากำลังออกฤทธิ์ กานต์ไปเรียนเถอะ ป๊อบอยู่คนเดียวได้”หนุ่มน้อยมองออกกลับมาหน้าห้อง ที่มีกระจกใสบานใหญ่กั้น“โอเค งั้นกานต์ไปเรียนแล้วนะ ถ้ามีอะไรให้กานต์ช่วยบอกได้เลยนะ”“โอเค”หนุ่มน้อยเดินออกจากห้องจนลับสายตา สาวน้อยสาดตามองจนสุดสาย ก่อนจะถีบผ้าห่มหนาพ้นตัวสาวน้อยครุ่นคิดว่าจะออกไปเรียนดีไหม ในเมื่อตอนนี้อาการก็ปกติดีที่สุดแล้ว หรือจะนอนเป็นผักอบร้อนคนเดียวในนี้ คิดไปคิดมามันก็เหงาอยู่ไม่น้อย ที่ต้องอยู่คนเดียวในห้องที่มีเตียงว่างเรียงรายนับสิบ จนเกิดความคิดในหัวว่า ‘วันนี้ไม่มีใครป่วยเลยหรือไงนะ’เพียงไม่นานเมื่อสิ้นความคิด เสียงเปิดประตูที่เ
สาวน้อยมองซ้ายมองขวา หาเพื่อนร่วมห้องที่น่าจะคุ้นตาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เจอ มีเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก ผ่านเธอไปอย่างมีจุดหมาย ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะวันที่ครูให้แนะนำตัว เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตา เธอจึงแทบจะจำหน้าใครในห้องไม่ได้เลย และในตอนนี้เธอรู้สึกเคว้งอย่างบอกไม่ถูก ครั้นจะเดินไปขอเข้าแถวกับกานต์ก็คงไม่ถูก จะเดินผ่านสายตาที่มองแบบเด่น ๆ ไปเดาหัวแถวข้างหน้าก็กลัวจะหน้าแตกเธอยืนงกงงท่ามกลางผู้คนผ่านไปผ่านมาเฉียดเบียดข้างกายเธอ เหงื่อที่มือผุดเม็ดออกมาจนเปียกชื้น แผ่นหลังเปียกโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลเป็นทางจนเปียกแฉะ เสียงหวานของพี่แจนประชาสัมพันธ์ผ่านไมค์เริ่มแผ่วเบาภายในหู เสียงรอบข้างเริ่มค่อย ๆ แผ่วลง แต่มีเสียงอู้อี้วี้ดดังขึ้นในหู ภาพนักเรียนเข้าแถวภายหน้ากลายเป็นภาพซ้อน ที่เพิ่มจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า ลมหายใจถี่ รู้สึกเหมือนหายใจเข้าไม่ถึงปอด“ป๊อบ !” เสียงแหลมเล็กเรียกดังลั่น นี่น่าจะเป็นเสียงเดียวที่เธอได้ยินในตอนนี้ตุ้บ !“ป๊อบ เป็นไร ลุกขึ้นก่อน ๆ” ท่อนแขนเล็กเรียวประคองแผ่นหลังเธอ ขึ้นมาจากพื้นดินกรุ่นฝุ่น ผู้คนกรู่เข้ามามุงดู เธอยังคงรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ใน
ตึ้ง ~ ตึ้ง ~“ป๊อบ ! เสร็จยังลูก กานต์มารอหน้าบ้านแล้วนะ”“เสร็จแล้วแม่ หนูจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ”สาวน้อยเยื้องย่างลากกายเล็กลงมาจากชั้นสองของบ้าน ด้วยชุดนักเรียนเอี่ยมอ่อง พร้อมกลิ่นละอองน้ำหอม และเครื่องประทินผิวกายกลิ่นฟุ้งทั่วบ้าน“แค่ไปโรงเรียนต้องขนาดนี้ไหมเนี่ย” แม่ยืนเท้าสะเอวซ้ายเอียงคอ มองดูลูกสาวที่ค่อย ๆ เยื้องย่างลงบันได พร้อมส่องกระจกบานเล็กในมือ“แล้ววววววววววว” สาวน้อยเบ้ปากกึ่งยิ้มเบา ๆ เอียงคอรับปฏิกิริยาของผู้เป็นแม่ ที่ได้แต่ยืนยิ้มปริ่มหัวเราะอยู่ผ่านหน้า“เร็วเข้า หนูกานต์มารอนานแล้ว”“เข้าใจแล้วค่ะแม่” สาวน้อยนั่งกับพื้นกระเบื้องเย็น สวมใส่รองเท้านักเรียนสีขาวตรงชั้นต่างระดับหน้าบ้าน ก่อนที่จะลุกเข้ามาในบ้านทั้งที่ใส่รองเท้าแล้ว มือเล็กคว้าหยิบนมจืดสองกล่องชิดกัน ที่แม่วางเอาไว้ให้แล้วเดินออกไป“ไปแล้วนะแม่” พูดจบเธอก็วิ่งแจ้นพ้นตัวบ้าน เหลือเพียงแม่ที่ยืนส่ายหน้าอมยิ้มในความเป็นลูกสาวของเธอ“กานต์รอนานไหม ? ” สาวน้อยเอ่ยถามหนุ่มน้อย ที่ยืนจับสายกระเป๋าบนบ่ากรีดตัวยืดตรงอยู่ตรงหน้า“ไม่นาน กานต์ก็เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง” หนุ่มน้อยยิ้มรับ พร้อมเม็ดเหงื่อที่ไหลเอื