Войти“อื้อ” หนุ่มน้อยพยักหน้ารับ พร้อมสีหน้าที่พร้อมจะเล่าให้ฟังอย่างเต็มใจ ด้วยความที่สนิทกันตั้งแต่เด็ก มีอะไรก็เล่าให้ฟังและช่วยกันแก้ปัญหาต่าง ๆ มาหลายเรื่องราว จึงแทบจะไม่มีความลับต่อกันเลยสักเรื่อง
ทั้งสองหย่อนบั้นท้าย นั่งลงระเบียงตรงข้ามห้องเรียน เอียงหน้าพูดคุยกันอย่างอ่อนโยน “เมื่ออาทิตย์ก่อน กานต์ได้ยินเสียงพ่อกลับมาบ้าน กานต์ก็ตื่นวิ่งมาหาพ่อ แต่กานต์เห็นผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่แม่ยืนอยู่หน้าบ้าน” “พ่อกานต์มีเพื่อนผู้หญิงด้วยเหรอ ?” “ถ้าเป็นแค่เพื่อน กานต์ก็คงไม่มาเครียดแบบนี้หรอกป๊อบ” “... แล้วแม่ก็ออกมาจากห้อง ตอนนั้นกานต์หลบอยู่บนบันได แม่ขึ้นเสียงใส่พ่อ กานต์กลัวมาก” สาวน้อยกุมมือโอบพร้อมลูบหลังมือของเขาเบา ๆ “... พ่อก็ไม่สนใจนะ พ่อเดินไปที่ห้องนอนได้แป๊บนึง ก็เดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางน่ะ” “พ่อต้องไปเที่ยวกับเพื่อนแน่ ๆ” “ไปเที่ยวก็ดีสิ เพราะเที่ยวเสร็จก็น่าจะกลับมาบ้าน” “... พ่อลากกระเป๋าเดินออกจากบ้าน ขึ้นรถไปกับผู้หญิงคนนั้น เหลือแต่แม่ที่นั่งร้องไห้อยู่คนเดียว” “พ่อไม่ชวนแม่ไปด้วย ...” “ไม่ป๊อบ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ที่เหมือนเราจะไม่เข้าใจ แต่กานต์ดันเข้าใจ กานต์ถึงเครียดอยู่อย่างนี้ไง” หนุ่มน้อยดึงมือกลับ “ป๊อบไม่เห็นจะเข้าใจเลย” สาวน้อยทำหน้างง “อือ ... ช่างเหอะ แค่ได้เล่าให้ใครสักคนฟัง กานต์ก็โอเคขึ้นบ้างแล้ว” หนุ่มน้อยเอียงหน้าฝืนยิ้มให้กับสาวน้อย “เนอะ ... อย่างน้อยได้เล่าออกมามันก็ดีกว่าที่เก็บไว้คนเดียวเนอะ” สาวน้อยยิ้มตอบ ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจ “ป๊อบจะอยู่ข้าง ๆ กานต์เสมอนะ” สาวน้อยโผเข้ากอดหนุ่มน้อยที่นั่งนิ่ง เธอลูบแผ่นหลังหนุ่มน้อยอย่างอ่อนโยน “โตขึ้นป๊อบจะแต่งงานกับกานต์ แล้วทำงานเลี้ยงกานต์กับป้าแก้วเองนะ” สาวน้อยพูดประโยคพลางลูบหลังหนุ่มน้อยอย่างอ่อนโยน หนุ่มน้อยยิ้มออกมาด้วยความคลายกังวล “ระ... เรา กลับกันเถอะนะ” หนุ่มน้อยพยายามดันตัวออกจากอ้อมกอด “กลับบ้านกัน ๆ เดินกลับพร้อมกันนะ” สาวน้อยคลายกอดแล้วยืนขึ้น พร้อมหยิบกระเป๋าสอดเข้าแขน “อื้อ” หนุ่มน้อยตอบ พร้อมลุกขึ้นก้าวขาออกจากตรงนั้น ทั้งสองเดินเคียงคู่กัน จากตึกสอบของห้องพิเศษ ผ่านตึกสอบของห้องเรียนธรรมดา “เพิ่งสอบเสร็จเหรอป๊อบ” เสียงแหลมคุ้นหู ดั่งแว่วมาจากข้างหลังเยื้อง ๆ “อ๋อ ... สอบเสร็จนานแล้วน่ะ ข้อง่ายมากป๊อบเลยทำไม่นาน --- ว่าแต่ข้าวฟ่างรอแม่มารับเหรอ” สาวน้อยหันกลับไปตอบกลับอย่างทันควัน “ไงกานต์” อดีตเพื่อนร่วมห้อง ยกมือทักทายหนุ่มน้อย ที่เดินติดด้านข้างอีกฝั่ง “หวัดดีข้าวฟ่าง สอบเป็นไงบ้าง” หนุ่มน้อยยิ้มแย้มทักทายกลับ “ก็...” “ไปกันเถอะกานต์ แดดมันร้อน” สาวน้อยคว้ามือหนุ่มน้อยรุดลิ่ว หายจากจุดนั้นด้วยความเร็วแสง “ข้าวฟ่างยังไม่ได้ตอบกลับเลยนะป๊อบ” หนุ่มน้อยสะบัดมือหลุด หันหน้าถามกับสาวน้อย “ก็แดดมันร้อน เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” “แต่ตอนนี้เราก็ยืนอยู่กลางแดด ---” “ก็ ... ก็นะ ... มันไม่เหมือนกัน ... ไปกันเถอะ ร้อน” สาวน้อยเลิ่กลั่กขั้นสุด ก่อนจะตั้งหน้าเดินต่อ จนมาถึงหน้าโรงเรียน สาวน้อยเหลือบไปเห็นรถคุ้นตา ที่จอดอยู่ด้านหน้า ‘ รถแม่นี่นา’ สาวน้อยนึกขึ้นได้ว่า ได้เอ่ยบอกแม่ไว้ให้มารับหลังสอบเสร็จ สาวน้อยโบกไม้โบกมือให้แม่ ที่นั่งคุยโทรศัพท์ท่าทางตัวเล็กตัวน้อยอยู่ แม่เห็นที่สาวน้อยโบกมือ เลื่อนกระจกลง กวักมือเรียกสาวน้อยให้ขึ้นรถ “แม่ ไป เลย หนู จะ เดิน กลับ” สาวน้อยทำปากพะงาบ ๆ เป็นคำ ๆ โดยไร้เสียง แม่ได้แต่ทำหน้างง ๆ แม่จึงวางโทรศัพท์ที่หูลง แล้วขับวนมาจอดเทียบท่ารับเธอ “ขึ้นรถ” แม่เปิดกระจกเรียกลูกสาว “สวัสดีครับป้าประภา” หนุ่มน้อยก้มหน้าสวัสดี “อ้าว หนูกานต์ พอดีเลย กลับด้วยกันสิลูก เดี๋ยวป้าไปส่ง” “แม่กลับเลยค่ะ หนูกับกานต์จะเดินกลับเอง” สาวน้อยชะโงกหน้าผ่านกระจก บอกกล่าวกับแม่ แล้วดึงตัวกลับทันที “มันร้อนนะลู ...” สาวน้อยพูดแทรกแม่ขึ้นมาทันที “ไม่ร้อนเลยค่ะ อากาศกำลังเหมาะกับการเดินเล่น” “เที่ยงนี่นะ” แม่พูดพร้อมเอียงคอกึ่งเบะปากเบา “ตามนี้นะคะแม่ เจอกันที่บ้านค่ะ” สาวน้อยเปิดประตูรถ กดปุ่มเลื่อนกระจกปิดสนิท แล้วปิดประตูกลับ แม่ได้แต่พยักหน้ารับคำขอของลูกสาว ‘เด็กคนนี้เดาอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ’ แม่คิดในใจ ก่อนจะเหยียบคันเร่งผ่านหน้าทั้งคู่ไป “ป๊อบไม่กลับกับแม่อะ” “ไม่อะ ป๊อบอยากเดินกลับ” “มันร้อนนะ” หนุ่มน้อยยื่นเสื้อแขนยาวที่พับไว้ในกระเป๋า กางออกวางปกแผ่นหลังรวมถึงหัวของสาวน้อย “ไม่ร้อนเลยสักนิด ดูสิ เหงื่อไม่ออกเลยสักหยด” สาวน้อยรีบปาดเหงื่อข้างขมับออกทันที ทั้งที่แผ่นหลังของเธอ เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ จนชุดนักเรียนบางเผยให้เห็นลายชั้นในการ์ตูนที่เธอชอบณ ร้านน้ำปั่นลุงใจดี“อ้าว หนูป๊อบ หวัดดี”“หวัดดีค่ะลุง”“ไม่มาหาลุงนานเลยนะ เป็นไงบ้างแม่สบายดีไหม ?”“สบายดีค่ะลุง”ลุงวาฬ เจ้าของร้านน้ำปั่นลุงใจดี ยกมือที่ถือช้อนก้านยาวทักทายสองหนุ่ม เอ่ยทักทายสาวน้อยที่เดินมาด้วยกัน สาวน้อยมาที่นี่ตั้งแต่จำความได้ เนื่องแม่ของสาวน้อยเป็นเพื่อนรัก ที่แอบเคยรักกันสมัยเรียนวาสอุดมวิทยารุ่นเดอะ ๆ แม่พาเธอมาบ่อยครั้ง เธอจำได้ว่าทุกครั้งที่มาลุงจะทำนมเย็นปั่นหวานหอมมาให้เสมอ เธอนั่งดูนมเย็นตามประสา นั่งฟังผู้ใหญ่สองคนระบายทุกข์สุข หัวเราะกลบกันไป จนเธอเริ่มโตขึ้นหน่อยก็มาบ่อยกับกานต์ แต่คำทักทายที่ถามว่า “แม่สบายดีไหม ?” ก็ยังคงเป็นคำถามทักทาย ที่ต้องได้ยินอยู่ตลอด“นั่งก่อนเด็ก ๆ” ลุงเก็บของบนโต๊ะ ที่ลูกค้าคนก่อนเพิ่งลุงปัดก้นไปเมื่อครู่“เอาไรกันบ้างอะ เดี๋ยวลุงทำให้” ลุงปัดมือกับผ้ากันเปื้อนลายปลาวาฬน่ารัก ที่ขัดกับหนวดดำแกมหงอกบนใบหน้า“ผมเอาโกโก้ปั่นครับ” พีทตอบ“เอิ่ม ... ผมด้วยครับ” กานต์เปิดดูเมนู เอียงคอซ้ายขวาลังเลนิดหน่อย ก่อนจะเอาเมนูตามพีท“เหมือนเดิมก็ได้ค่ะ” ป๊อบปิดเมนูที่เพิ่งเปิดได้แค่หน้าหมวดขนมหวาน“เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน” ลุงทำท่
กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงง ~ เสียงสัญญาณดังลั่นทั่วโรงเรียน เป็นเสียงสัญญาณที่บอกว่าวันทั้งวันที่เหน็ดเหนื่อยนี้ ได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอให้พวกเจ้ากลับไปใช้ชีวิตต่อที่บ้านนะ หนุ่มน้อยเดินรั้งท้ายกลุ่มคู่กับเพื่อนเนิร์ดแว่น ที่กระเป๋าสะพายหลังแอ่น ปลายทางคือหน้าโรงเรียน ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยร้านขายของกิน เต็มแน่นทั่วทางเท้า ในช่วงหลังเลิกเรียน สิ่งที่นักเรียนใฝ่หามากกว่าการได้กลับบ้านคือของกิน การเรียนทั้งวัน โดยมีอาหารตกถึงท้องแค่ตอนเที่ยงกับช่วงเปลี่ยนคาบ ที่แอบแวะร้านค้าโรงเรียน ไม่เพียงพอต่อความต้องการเลยสักนิด การได้กินของอร่อย ๆ หลังเลิกเรียนนับเป็นสิ่งวิเศษสุด ๆ แล้วในแต่ละวัน “เอาลูกชิ้นหกไม้ครับ” บอลชะโงกหน้า สั่งแม่ค้าที่ง่วนอยู่กับออเดอร์ก่อนหน้า “ไม่ไปกินน้ำปั่นร้านลุงใจดีกับเราจริงดิ” พีทออดอ้อนกอดแขนล่ำสูงของบอล “โทษทีว่ะเพื่อน กูต้องไปซ้อมว่ายน้ำอะ” “มึงจะว่ายน้ำไปตลอดชีวิตเลยเหรอวะ” “ว่ายน้ำน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่กูทำได้ดีที่สุดว่ะ” “เออนะ ตั้งแต่เริ่มเรียนว่ายน้ำด้วยกันมาตอนปอหนึ่ง มึ
2 สัปดาห์ผ่านไป‘ประกาศถึงนักเรียนโรงเรียนวาสอุดมวิทยาทุกคน ในวันพรุ่งนี้ในคาบเรียนที่เจ็ด จะมีการเลือกชุมนุม ณ หอประชุมศิษย์เก่าสัมพันธ์วาสวิทฯ ให้ทุกคนตรวจดูรายชื่อชุมนุมที่สนใจในรายชื่อที่แนบมาให้นี้ สวัสดี // สภานักเรียนวาสอุดมวิทยา’กานต์เปิดดูข้อความอัตโนมัติ ที่แจ้งเข้ามาในมือถือ พร้อมเพื่อน ๆ ในห้องถึงข่าวแจ้งถึงการเลือกชุมนุม เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทันที เมื่อทุกคนได้อ่านข้อความดังกล่าว“มีแต่ชุมนุมที่น่าสนใจทั้งนั้นเลย”“นั่นดิ เลือกอะไรดี”“บอล มึงจะเลือกชุมนุมไรวะ”“กูว่าจะเลือกว่ายน้ำว่ะ” บอล หนุ่มน้อยที่ดูน่าจะดูแตกเนื้อหนุ่มที่สุดในกลุ่ม ผิวแดงดำแดด กับรูปร่างทรงนักกีฬา สูงใหญ่ ค่อนข้างล่ำเมื่อเทียบกับเด็กมอหนึ่ง“เออ มึงเคยไปเรียนพิเศษมาหนิ ใช่ป้ะ // นายล่ะ แคน”“เราลังเลอะ ว่าจะเลือกแลปวิทย์ฯหรือจินตคณิตดี” แคน หนุ่มน้อยผมหยิกดำ ร่างบางสูงผอม ผิวสีน้ำผึ้ง เอ่ยตอบ ด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย“เราก็คิดเหมือนนายเลย แคน” เซคัล หนุ่มน้อยแว่นหนาเตอะ ตัวเล็กขาวผ่อง ตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้น เพราะน่าจะมีเพื่อนในกลุ่มลงชุมนุมด้วย“นายสองคนก็หนีจากวิทย์ฯคณิตสักหน่อยก็ไม่ได้เลยเนอ
“ไม่ปล่อย บอกมาก่อนว่าชื่ออะไร”“อ๋อ...ปานใจ” ชายหนุ่มอ่านชื่อบนหน้าอกของเธอ“งั้นพี่เรียกเรียกน้องปานใจนะ”“หนูชื่อเจสซี่ค่ะพี่ อยู่มอหนึ่งห้องแปด” เสียงแหลมแจ๋วพูดโทนสองสามสี่ แทรกขึ้นพร้อมชะโงกหน้าคั่นผู้สนทนาทั้งสอง“น้องปานใจกำลังหลบเรียนเหรอคะ ?” ชายหนุ่มผลักหน้าเจสออกจากเรดาร์ เอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงหวานปนสายตาเจ้าเล่ห์“ไม่ได้หลบค่ะ กำลังเข้าเรียน” สาวน้อยตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะอยากคุยด้วย“หลบแหละพี่ว่า --- พี่ควรจะบอกครูดาหวันไหมนะ” ชายหนุ่มมองชะเง้อเข้าไปในห้อง ที่ครูกำลังพูดคุยกับนักเรียนอยู่“หนูว่าพี่ควรปล่อยแขนหนูก่อนค่ะ” สาวน้อยมองส่งสัญญาณมาที่แขน ที่ชายหนุ่มกำลังกำแน่น“อ่า --- พี่ลืม โอเค ปล่อยแล้ว” ชายหนุ่มยกมือขึ้นข้างตัว‘เดชผล ปานใจ’ เสียงครูเรียกเช็กชื่อในห้องดังลอดออกมาข้างนอก‘น่าจะหลบค่ะครู’ สาวน้อยผมหยิกหน้าห้องตอบกลับ และครูก็กำลังวางปากกาลงกระดาษที่ถืออยู่ในมือ เพื่อเช็กชื่อขาด“ครูครับ น้องปานใจอยู่นี่ครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงดัง ทำเอาคนทั้งห้องมองหันมายังต้นเสียงสาวน้อยเบิ่งตาโตเต็มไปด้วยสีหน้าตกใจ หันหน้าหนีจากกลุ่มเพื่อน ที่พยายามชะโงกหน้าผ่านช
กริ้ง ~ สิ้นเสียงสัญญาณเข้าห้องเรียนในคาบแรก หนุ่มน้อยรีบเบิ่งพรวดเข้ามาในห้องพยาบาล มองควานหาสาวน้อย จนพบร่างเล็กน้อยห่มผ้าคลุมโปงอยู่สุดห้อง“ป๊อบ เป็นไงบ้าง”“ป๊อบดีขึ้นแล้วกานต์ --- กานต์มาทำไม ทำไมไม่ไปเรียน”“กานต์กำลังจะไปเรียนแล้ว คาบแรกวิชาสุขศึกษาน่ะ ห้องข้าง ๆ นี่เอง”“อ่อ”“ว่าแต่ป๊อบห่มผ้าทำไมน่ะ หนาวเหรอ”“นิดหน่อยน่ะกานต์”“แต่ ... ป๊อบเหงื่อชุ่มเลยนะ” หนุ่มน้อยก้มลงปาดเหงื่อข้างขมับของสาวน้อย“เอิ่ม ... ป๊อบเพิ่งกินยาไป สงสัยยากำลังออกฤทธิ์ กานต์ไปเรียนเถอะ ป๊อบอยู่คนเดียวได้”หนุ่มน้อยมองออกกลับมาหน้าห้อง ที่มีกระจกใสบานใหญ่กั้น“โอเค งั้นกานต์ไปเรียนแล้วนะ ถ้ามีอะไรให้กานต์ช่วยบอกได้เลยนะ”“โอเค”หนุ่มน้อยเดินออกจากห้องจนลับสายตา สาวน้อยสาดตามองจนสุดสาย ก่อนจะถีบผ้าห่มหนาพ้นตัวสาวน้อยครุ่นคิดว่าจะออกไปเรียนดีไหม ในเมื่อตอนนี้อาการก็ปกติดีที่สุดแล้ว หรือจะนอนเป็นผักอบร้อนคนเดียวในนี้ คิดไปคิดมามันก็เหงาอยู่ไม่น้อย ที่ต้องอยู่คนเดียวในห้องที่มีเตียงว่างเรียงรายนับสิบ จนเกิดความคิดในหัวว่า ‘วันนี้ไม่มีใครป่วยเลยหรือไงนะ’เพียงไม่นานเมื่อสิ้นความคิด เสียงเปิดประตูที่เ
สาวน้อยมองซ้ายมองขวา หาเพื่อนร่วมห้องที่น่าจะคุ้นตาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เจอ มีเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก ผ่านเธอไปอย่างมีจุดหมาย ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะวันที่ครูให้แนะนำตัว เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตา เธอจึงแทบจะจำหน้าใครในห้องไม่ได้เลย และในตอนนี้เธอรู้สึกเคว้งอย่างบอกไม่ถูก ครั้นจะเดินไปขอเข้าแถวกับกานต์ก็คงไม่ถูก จะเดินผ่านสายตาที่มองแบบเด่น ๆ ไปเดาหัวแถวข้างหน้าก็กลัวจะหน้าแตกเธอยืนงกงงท่ามกลางผู้คนผ่านไปผ่านมาเฉียดเบียดข้างกายเธอ เหงื่อที่มือผุดเม็ดออกมาจนเปียกชื้น แผ่นหลังเปียกโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลเป็นทางจนเปียกแฉะ เสียงหวานของพี่แจนประชาสัมพันธ์ผ่านไมค์เริ่มแผ่วเบาภายในหู เสียงรอบข้างเริ่มค่อย ๆ แผ่วลง แต่มีเสียงอู้อี้วี้ดดังขึ้นในหู ภาพนักเรียนเข้าแถวภายหน้ากลายเป็นภาพซ้อน ที่เพิ่มจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า ลมหายใจถี่ รู้สึกเหมือนหายใจเข้าไม่ถึงปอด“ป๊อบ !” เสียงแหลมเล็กเรียกดังลั่น นี่น่าจะเป็นเสียงเดียวที่เธอได้ยินในตอนนี้ตุ้บ !“ป๊อบ เป็นไร ลุกขึ้นก่อน ๆ” ท่อนแขนเล็กเรียวประคองแผ่นหลังเธอ ขึ้นมาจากพื้นดินกรุ่นฝุ่น ผู้คนกรู่เข้ามามุงดู เธอยังคงรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ใน







