Masukทั้งคู่เดินออกจากบ้าน ด้วยมือถือกล่องนมคนละกล่อง พร้อมมุ่งหน้าไปยังโรงเรียน ที่อยู่ไม่ไกลจากนี้มากนัก สาวน้อยกระโดดโลดเต้น เชิดหน้าให้สะท้อนกับแดดอ่อน เผยความงามของใบหน้าให้ชาวซอยได้เชยชม
“โห ... หนูป๊อบ วันนี้สวยสดใสมากเลยน๊า” ลุงสมจิตบ้านข้าง ๆ ที่กำลังรดน้ำต้นไม้ ทักทายก่อนใครเพื่อน “กานต์ เอ็งมากับใครน่ะ ข้าไม่คุ้นหน้าเลยว่ะ” น้าแจ่มร้านข้าวกำลังจัดเตรียมร้าน เอ่ยแซวสาวน้อย พลางเสียงหัวเลาะหยอกล้อ “ไอ้ป๊อบ เอ็งแพ้กุ้งเหรอวะ ทำไมมันแดงอย่างนั้นล่ะ” พี่กุ่ยร้านซ่อมรถ ที่คอยซ่อมจักรยานให้ตั้งแต่เด็ก นั่งงัดล้อ แซวจนสาวน้อยโกรธหน้าแดง “สวยแล้วไอ้ป๊อบ อย่าไปฟังไอ้กุ่ยมัน เอ็งสวยขึ้นเหมือนเดิมอยู่แล้ว” ลุงก๊ง พ่อพี่กุ่ย ที่นั่งจิบกาแฟบนม้าหินอ่อน พร้อมตาหมายที่เป็นคู่เล่นหมากรุกขาประจำ แก้ต่างให้ลูกชาย พลางหัวเราะชอบใจ สาวน้อยพอได้ยินอย่างนั้นก็เริงร่ามากขึ้นกว่าเดิม เธออยากจะไปถึงโรงเรียนให้เร็ว เพื่อที่จะเอาหน้าสวย ๆ ไปให้คนอื่น ๆ ได้เชยชมบ้าง ทั้งสองเร่งฝีเท้าฝ่าแดดอ่อน จนมาถึงโรงเรียน ด้วยวันนี้เป็นวันประกาศห้องเรียน นักเรียนส่วนมากจะรวมตัวกันตรงบอร์ดหน้าหอประชุม ส่วนนักเรียนชั้นอื่นก็กระจัดกระจายกันตามจุดประจำของตนเอง เสียงดีใจ เสียงผิดหวังดังแทรกกันอยู่เป็นระยะ บางคนได้อยู่ห้องเดียวกันกับเพื่อน จับมือกันกระโดดโลดเต้นด้วยความเปรมปรีดิ์ บางคนไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ก็เสียใจไปตามระเบียบ หนุ่มน้อยเดินเอื่อยไปยังบอร์ด ที่มีใบรายชื่อนักเรียนห้องพิเศษติดอยู่ ส่วนสาวน้อยวิ่งมุ่งไปก่อนหน้าแล้ว เบียดแทรกตัวเองไปจนหน้าชิดกระดาน หนุ่มน้อยยังก้าวไปไม่ถึงกระดาน สาวน้อยก็วิ่งมาส่งข่าว “กานต์ ตั้งใจฟังดี ๆ นะ” สาวน้อยเอ่ยเกริ่นด้วยน้ำเสียงเรียบ “อื้อ” “กานต์ติดห้องพิเศษ” สาวน้อยยิ้มร่าด้วยความดีใจ แต่ ... “แล้วป๊อบล่ะ ติดไหม ?” หนุ่มน้อยย้อนถามด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม “ป๊อบ ... ไม่ติด” สาวน้อยทำหน้าหงอย “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเราก็อยู่ในโรงเรียนเดียวกัน” หนุ่มน้อยคว้ามือสาวน้อย ขึ้นกุมให้กำลังใจ “เนอะ ยังไงเราก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน เจอกันทุกวันอยู่แล้ว” สาวน้อยฝืนยิ้ม ตาแดงก่ำคล้ายจะร้องไห้ หนุ่มน้อยสัมผัสได้ถึงรังสีความเสียใจจากสาวน้อย เขาสวมกอดสาวน้อยที่ยืนแข็งทื่อ ลูบแผ่นหลังปลอบใจ ส่งความอบอุ่นและห่วงใยไปยังสาวน้อย จนสาวน้อยกั้นไว้ไม่อยู่ ร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายใคร “ไม่เป็นไรนะ” หนุ่มน้อยปลอบใจเธอ พลางลูบหลังของเธอเบา ๆ “อย่าร้องไห้เลย ป๊อบอุตส่าห์แต่งหน้ามาสวย ๆ จะเลอะเอานะ” หนุ่มน้อยดึงตัวเธอออกช้า ๆ มองหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตา เปลือกตาที่บรรจงปัดสวย แก้มชมพูที่ส่องแล้วส่องอีก ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา ไหลรวมกันหยดลงพื้นไปหมด หนุ่มน้อยหยิบผ้าเช็ดหน้า ที่พกเป็นประจำขึ้นซับใบหน้าที่เปรอะนองไปด้วยน้ำตา “ไปดูกัน ว่าป๊อบได้อยู่ห้องไหน” หนุ่มน้อยจูงมือสาวน้อย ชะโงกมองหาชื่อแต่ละห้อง โดยไม่สนใจจะไปดูชื่อของตัวเอง “นี่ไง เจอแล้ว ป๊อบอยู่ห้องแปด ห้องเดียวกันกับข้าวฟ่าง ป๊อบมีเพื่อนอยู่นะ” หนุ่มน้อยหันมาบอกสาวน้อยที่กำลังจะหยุดร้องไห้ เหลือเพียงแค่สะอื้นนิดหน่อย แต่สาวน้อยกลับร้องไห้โฮขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้หนักกว่ารอบแรก จนคนรอบข้างหันมองกันหมด แต่เธอก็ไม่สนใจ ร้องออกมาราวกับฟ้าจะถล่ม ตึ่ง ตึง ตึ้ง ~ ‘ประกาศ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนวาสอุดมวิทยา สำหรับนักเรียนมอหนึ่งและนักเรียนมอสี่ ไม่ต้องเข้าแถว ให้นักเรียนดังกล่าวเข้าห้องพบครูประจำชั้นตามใบรายชื่อห้องที่ติดไว้ให้ ขอบคุณครับ’ “ป๊อบต้องหยุดร้องไห้แล้วแหละ เพราะกานต์จะไปห้องตามที่ครูประกาศแล้ว” หลังจากสิ้นเสียงประกาศ หนุ่มน้อยก็วางมือออกจากเธอ พร้อมจะไปยังห้องของตัวเอง “ป๊อบก็ต้องไปห้องป๊อบนะ” “นั่นไงข้าวฟ่าง ... ข้าวฟ่าง ...” หนุ่มน้อยตะโกนโบกมือเรียกเพื่อนสาว “ป๊อบไปเองได้” ว่าแล้วสาวน้อยก็เดินแจ้นออกจากตรงนั้น ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปห้องไหน จนต้องวนกลับมาดูห้องในกระดาน แล้วค่อยก้าวขาช้า ๆ พลางท่องเลขห้องไปจนถึงที่หมาย นักเรียนแต่ละคน ก็กระจัดกระจายแยกออกจากกลุ่มหน้าหอประชุม ไปยังห้องของตนเอง ห้อง ม.1/1 “สวัสดีครับนักเรียน” / สวัสดีค่ะ / ครับ “ยินดีกับนักเรียนทุกคนที่สอบผ่าน และได้อยู่ห้องนี้นะครับ ครูชื่อครูทินกร หรือเรียกว่าครูทิน เป็นครูที่ปรึกษาห้องเรานะครับ” ครูหนุ่มเนิร์ดใส่แว่นตัวเล็ก แนะนำตัวหน้าห้องเรียน “นักเรียนรู้จักครูกันแล้วเนอะ ทีนี้ตานักเรียนบ้าง ที่ต้องออกมาแนะนำตัวให้เพื่อน ๆ รู้จัก” นักเรียนยืนแนะนำตัวทีละคน จนมาถึง “สวัสดีครับ ผมเด็กชายกานต์ทวี ก้องกิจตระกูล ชื่อเล่นกานต์ ครับ” สิ้นการแนะนำตัวของหนุ่มน้อย ครูก้มหน้ามองดูใบรายชื่อ แล้วพูดแทรกขึ้น ก่อนที่คนต่อไปจะเอ่ยแนะนำตัว “กานต์ทวี --- นักเรียนทุกคนครับ กานต์ทวี ก้องกิจตระกูล คือคนที่สอบได้คะแนนสูงสุด ปรบมือให้เพื่อนด้วยครับ” ครูทินยืนปรบมืออยู่หน้าห้อง หนุ่มน้อยโค้งคำนับไหว้ขอบคุณเสียงปรบมือ แล้วจึงนั่งลงพร้อมรอยยิ้มที่ปริ่มบนใบหน้า ห้อง ม.1/8 สาวน้อยเดินเอื่อยเฉื่อยตามเพื่อนคนอื่นเข้าไปในห้อง นั่งลงตรงเก้าอี้ว่าง เยื้องสายตาข้าง ๆ เห็นเพื่อนเก่าที่นั่งคุยกับเพื่อนใหม่ของหล่อน อย่างสนิทสนมปนความสนุกสนาน ส่วนเธอนั้นนั่งเงียบบึ้งตึงมองโต๊ะ ที่เต็มไปด้วยลอยขีดเขียนหลากสีอย่างเงียบ ๆ “สวัสดีครับนักเรียน” เสียงคุ้นหู เหมือนเคยได้ยินดังแว่วเข้ามา ก่อนที่ครูหนุ่มคนนั้น ... คนที่คุมสอบห้องพิเศษจะเข้ามา ทำให้เธอเบิ่งตากว้างขึ้น ด้วยความตกใจ “ครูชื่อครูวิทยา หรือเรียกว่าครูวิท เป็นครูประจำชั้นมอหนึ่งทับแปดครับ” ครูหนุ่ม แนะนำตัวหน้าห้อง “ครูจะให้แนะนำตัวทีละคนนะครับ เริ่มที่คนแรกครับ ...” ครูวิทผายมือให้คนที่นั่งติดหน้าต่างแนะนำตัวคนแรก แต่ละคนก็แนะนำตัวกันจนเกือบหมด จนมาถึงสองคนสุดท้ายที่นั่งอยู่ปลาย ๆ หลังห้อง “สวัสดีค่ะ ดิฉันเด็กหญิง ขวัญฤดี ปิ่นสุข ชื่อเล่นข้าวฟ่างค่ะ” “อะ คนสุดท้าย ... เอ๊ะ ครูคุ้นหน้าคนนี้มาก เหมือนเคยเห็น” สาวน้อยก้มหน้าพยายามหลบสายตา ท่ามกลางสายตาเพื่อน ๆ ที่มุ่งจ้องมาที่เธอ “ยืนขึ้นแนะนำตัวครับ” ครูวิทผายมือให้เธอ ที่พยายามนั่งตัวเล็กหดหลบสายตา “สะ... สวัสดีค่ะ เด็กหญิงปานใจ จงใจรัก ชื่อเล่น ป๊อบค่ะ” สาวน้อยพูดติดขัดตะกุกตะกักอยู่ในลำคอ พอพูดเสร็จเธอก็รีบนั่งลงทันที แต่ก็ไม่แคล้วที่จะโดนแซว “รอบนี้ไม่ขอเวลาเพิ่มแล้วเนอะ” ครูหนุ่มหัวเราะออกมา “ไม่ค่ะ” สาวน้อยกลับมาก้มหน้าก้มตาต่อ “หลังจากนี้ครูจะปล่อยให้พวกเธอทำความรู้จักกัน แล้วรอฟังประกาศอีกทีนะ” “ขอบคุณครับ/ค่ะ” พูดเสร็จครูหนุ่มก็ออกจากห้องไป พร้อมหันมองสาวน้อย ยิ้มพลางหัวเราะให้เธอ หลังจากที่ครูเดินพ้นห้องไป ในห้องเต็มไปด้วยความวุ่นวายอย่างสุดชีวิต เพื่อนแต่ละคนลุกเดินไปมา วุ่นวายกันทั่วห้อง ถามชื่อ ถามบ้านกันจ้าละหวั่น ยกเว้นเธอที่นั่งซึม ๆ อยู่คนเดียว “หวัดดี” หนุ่มน้อยท่าทางตุ้งติ้งผมหน้าม้ายาวเรียงแทบ เดินมาหยุดต่อหน้าเธอ พร้อมทักทาย “หวัดดี” สาวน้อยทักทายกลับ “เราชื่อเจสซี่นะ เป็นกะเทย” “เค ...เราชื่อป๊อบ” “เราเห็นเธอนั่งอยู่คนเดียว เราก็ไม่อยากมีเพื่อนเยอะ แต่เราอยากเป็นเพื่อนกับเธอ เป็นเพื่อนกันนะ เพื่อนสองคน จบ ๆ” “ได้ เป็นเพื่อนกัน” สาวน้อยยิ้มเจื่อนคิ้วชนกันรับเพื่อนใหม่ “เรานั่งด้วยนะ” “ได้ ๆ” เจสซี่ยกโต๊ะข้าง ๆ มาชิดกับโต๊ะที่เธอนั่ง ตึ่ง ตึง ตึ้ง ~ ‘ประกาศ ถึงนักเรียนชั้นมอหนึ่งและมอสี่ ในสัปดาห์หน้าจะมีกิจกรรมเปิดบ้านรับนักเรียนใหม่ มีคอนเสิร์ตจากพี่มอปลาย และเลือกชมรม ณ หอประชุมศิษย์เก่าสัมพันธ์วาสวิทฯ ในเวลาบ่ายโมง ให้นักเรียนตรวจดูรายชื่อชมรมที่สนใจ ในเพจของโรงเรียน หรือบอร์ดประชาสัมพันธ์หน้าหอประชุม ขอบคุณครับ’ ตึ่ง ตึง ตึ้ง ~ณ ร้านน้ำปั่นลุงใจดี“อ้าว หนูป๊อบ หวัดดี”“หวัดดีค่ะลุง”“ไม่มาหาลุงนานเลยนะ เป็นไงบ้างแม่สบายดีไหม ?”“สบายดีค่ะลุง”ลุงวาฬ เจ้าของร้านน้ำปั่นลุงใจดี ยกมือที่ถือช้อนก้านยาวทักทายสองหนุ่ม เอ่ยทักทายสาวน้อยที่เดินมาด้วยกัน สาวน้อยมาที่นี่ตั้งแต่จำความได้ เนื่องแม่ของสาวน้อยเป็นเพื่อนรัก ที่แอบเคยรักกันสมัยเรียนวาสอุดมวิทยารุ่นเดอะ ๆ แม่พาเธอมาบ่อยครั้ง เธอจำได้ว่าทุกครั้งที่มาลุงจะทำนมเย็นปั่นหวานหอมมาให้เสมอ เธอนั่งดูนมเย็นตามประสา นั่งฟังผู้ใหญ่สองคนระบายทุกข์สุข หัวเราะกลบกันไป จนเธอเริ่มโตขึ้นหน่อยก็มาบ่อยกับกานต์ แต่คำทักทายที่ถามว่า “แม่สบายดีไหม ?” ก็ยังคงเป็นคำถามทักทาย ที่ต้องได้ยินอยู่ตลอด“นั่งก่อนเด็ก ๆ” ลุงเก็บของบนโต๊ะ ที่ลูกค้าคนก่อนเพิ่งลุงปัดก้นไปเมื่อครู่“เอาไรกันบ้างอะ เดี๋ยวลุงทำให้” ลุงปัดมือกับผ้ากันเปื้อนลายปลาวาฬน่ารัก ที่ขัดกับหนวดดำแกมหงอกบนใบหน้า“ผมเอาโกโก้ปั่นครับ” พีทตอบ“เอิ่ม ... ผมด้วยครับ” กานต์เปิดดูเมนู เอียงคอซ้ายขวาลังเลนิดหน่อย ก่อนจะเอาเมนูตามพีท“เหมือนเดิมก็ได้ค่ะ” ป๊อบปิดเมนูที่เพิ่งเปิดได้แค่หน้าหมวดขนมหวาน“เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน” ลุงทำท่
กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงง ~ เสียงสัญญาณดังลั่นทั่วโรงเรียน เป็นเสียงสัญญาณที่บอกว่าวันทั้งวันที่เหน็ดเหนื่อยนี้ ได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอให้พวกเจ้ากลับไปใช้ชีวิตต่อที่บ้านนะ หนุ่มน้อยเดินรั้งท้ายกลุ่มคู่กับเพื่อนเนิร์ดแว่น ที่กระเป๋าสะพายหลังแอ่น ปลายทางคือหน้าโรงเรียน ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยร้านขายของกิน เต็มแน่นทั่วทางเท้า ในช่วงหลังเลิกเรียน สิ่งที่นักเรียนใฝ่หามากกว่าการได้กลับบ้านคือของกิน การเรียนทั้งวัน โดยมีอาหารตกถึงท้องแค่ตอนเที่ยงกับช่วงเปลี่ยนคาบ ที่แอบแวะร้านค้าโรงเรียน ไม่เพียงพอต่อความต้องการเลยสักนิด การได้กินของอร่อย ๆ หลังเลิกเรียนนับเป็นสิ่งวิเศษสุด ๆ แล้วในแต่ละวัน “เอาลูกชิ้นหกไม้ครับ” บอลชะโงกหน้า สั่งแม่ค้าที่ง่วนอยู่กับออเดอร์ก่อนหน้า “ไม่ไปกินน้ำปั่นร้านลุงใจดีกับเราจริงดิ” พีทออดอ้อนกอดแขนล่ำสูงของบอล “โทษทีว่ะเพื่อน กูต้องไปซ้อมว่ายน้ำอะ” “มึงจะว่ายน้ำไปตลอดชีวิตเลยเหรอวะ” “ว่ายน้ำน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่กูทำได้ดีที่สุดว่ะ” “เออนะ ตั้งแต่เริ่มเรียนว่ายน้ำด้วยกันมาตอนปอหนึ่ง มึ
2 สัปดาห์ผ่านไป‘ประกาศถึงนักเรียนโรงเรียนวาสอุดมวิทยาทุกคน ในวันพรุ่งนี้ในคาบเรียนที่เจ็ด จะมีการเลือกชุมนุม ณ หอประชุมศิษย์เก่าสัมพันธ์วาสวิทฯ ให้ทุกคนตรวจดูรายชื่อชุมนุมที่สนใจในรายชื่อที่แนบมาให้นี้ สวัสดี // สภานักเรียนวาสอุดมวิทยา’กานต์เปิดดูข้อความอัตโนมัติ ที่แจ้งเข้ามาในมือถือ พร้อมเพื่อน ๆ ในห้องถึงข่าวแจ้งถึงการเลือกชุมนุม เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทันที เมื่อทุกคนได้อ่านข้อความดังกล่าว“มีแต่ชุมนุมที่น่าสนใจทั้งนั้นเลย”“นั่นดิ เลือกอะไรดี”“บอล มึงจะเลือกชุมนุมไรวะ”“กูว่าจะเลือกว่ายน้ำว่ะ” บอล หนุ่มน้อยที่ดูน่าจะดูแตกเนื้อหนุ่มที่สุดในกลุ่ม ผิวแดงดำแดด กับรูปร่างทรงนักกีฬา สูงใหญ่ ค่อนข้างล่ำเมื่อเทียบกับเด็กมอหนึ่ง“เออ มึงเคยไปเรียนพิเศษมาหนิ ใช่ป้ะ // นายล่ะ แคน”“เราลังเลอะ ว่าจะเลือกแลปวิทย์ฯหรือจินตคณิตดี” แคน หนุ่มน้อยผมหยิกดำ ร่างบางสูงผอม ผิวสีน้ำผึ้ง เอ่ยตอบ ด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย“เราก็คิดเหมือนนายเลย แคน” เซคัล หนุ่มน้อยแว่นหนาเตอะ ตัวเล็กขาวผ่อง ตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้น เพราะน่าจะมีเพื่อนในกลุ่มลงชุมนุมด้วย“นายสองคนก็หนีจากวิทย์ฯคณิตสักหน่อยก็ไม่ได้เลยเนอ
“ไม่ปล่อย บอกมาก่อนว่าชื่ออะไร”“อ๋อ...ปานใจ” ชายหนุ่มอ่านชื่อบนหน้าอกของเธอ“งั้นพี่เรียกเรียกน้องปานใจนะ”“หนูชื่อเจสซี่ค่ะพี่ อยู่มอหนึ่งห้องแปด” เสียงแหลมแจ๋วพูดโทนสองสามสี่ แทรกขึ้นพร้อมชะโงกหน้าคั่นผู้สนทนาทั้งสอง“น้องปานใจกำลังหลบเรียนเหรอคะ ?” ชายหนุ่มผลักหน้าเจสออกจากเรดาร์ เอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงหวานปนสายตาเจ้าเล่ห์“ไม่ได้หลบค่ะ กำลังเข้าเรียน” สาวน้อยตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะอยากคุยด้วย“หลบแหละพี่ว่า --- พี่ควรจะบอกครูดาหวันไหมนะ” ชายหนุ่มมองชะเง้อเข้าไปในห้อง ที่ครูกำลังพูดคุยกับนักเรียนอยู่“หนูว่าพี่ควรปล่อยแขนหนูก่อนค่ะ” สาวน้อยมองส่งสัญญาณมาที่แขน ที่ชายหนุ่มกำลังกำแน่น“อ่า --- พี่ลืม โอเค ปล่อยแล้ว” ชายหนุ่มยกมือขึ้นข้างตัว‘เดชผล ปานใจ’ เสียงครูเรียกเช็กชื่อในห้องดังลอดออกมาข้างนอก‘น่าจะหลบค่ะครู’ สาวน้อยผมหยิกหน้าห้องตอบกลับ และครูก็กำลังวางปากกาลงกระดาษที่ถืออยู่ในมือ เพื่อเช็กชื่อขาด“ครูครับ น้องปานใจอยู่นี่ครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงดัง ทำเอาคนทั้งห้องมองหันมายังต้นเสียงสาวน้อยเบิ่งตาโตเต็มไปด้วยสีหน้าตกใจ หันหน้าหนีจากกลุ่มเพื่อน ที่พยายามชะโงกหน้าผ่านช
กริ้ง ~ สิ้นเสียงสัญญาณเข้าห้องเรียนในคาบแรก หนุ่มน้อยรีบเบิ่งพรวดเข้ามาในห้องพยาบาล มองควานหาสาวน้อย จนพบร่างเล็กน้อยห่มผ้าคลุมโปงอยู่สุดห้อง“ป๊อบ เป็นไงบ้าง”“ป๊อบดีขึ้นแล้วกานต์ --- กานต์มาทำไม ทำไมไม่ไปเรียน”“กานต์กำลังจะไปเรียนแล้ว คาบแรกวิชาสุขศึกษาน่ะ ห้องข้าง ๆ นี่เอง”“อ่อ”“ว่าแต่ป๊อบห่มผ้าทำไมน่ะ หนาวเหรอ”“นิดหน่อยน่ะกานต์”“แต่ ... ป๊อบเหงื่อชุ่มเลยนะ” หนุ่มน้อยก้มลงปาดเหงื่อข้างขมับของสาวน้อย“เอิ่ม ... ป๊อบเพิ่งกินยาไป สงสัยยากำลังออกฤทธิ์ กานต์ไปเรียนเถอะ ป๊อบอยู่คนเดียวได้”หนุ่มน้อยมองออกกลับมาหน้าห้อง ที่มีกระจกใสบานใหญ่กั้น“โอเค งั้นกานต์ไปเรียนแล้วนะ ถ้ามีอะไรให้กานต์ช่วยบอกได้เลยนะ”“โอเค”หนุ่มน้อยเดินออกจากห้องจนลับสายตา สาวน้อยสาดตามองจนสุดสาย ก่อนจะถีบผ้าห่มหนาพ้นตัวสาวน้อยครุ่นคิดว่าจะออกไปเรียนดีไหม ในเมื่อตอนนี้อาการก็ปกติดีที่สุดแล้ว หรือจะนอนเป็นผักอบร้อนคนเดียวในนี้ คิดไปคิดมามันก็เหงาอยู่ไม่น้อย ที่ต้องอยู่คนเดียวในห้องที่มีเตียงว่างเรียงรายนับสิบ จนเกิดความคิดในหัวว่า ‘วันนี้ไม่มีใครป่วยเลยหรือไงนะ’เพียงไม่นานเมื่อสิ้นความคิด เสียงเปิดประตูที่เ
สาวน้อยมองซ้ายมองขวา หาเพื่อนร่วมห้องที่น่าจะคุ้นตาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เจอ มีเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก ผ่านเธอไปอย่างมีจุดหมาย ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะวันที่ครูให้แนะนำตัว เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตา เธอจึงแทบจะจำหน้าใครในห้องไม่ได้เลย และในตอนนี้เธอรู้สึกเคว้งอย่างบอกไม่ถูก ครั้นจะเดินไปขอเข้าแถวกับกานต์ก็คงไม่ถูก จะเดินผ่านสายตาที่มองแบบเด่น ๆ ไปเดาหัวแถวข้างหน้าก็กลัวจะหน้าแตกเธอยืนงกงงท่ามกลางผู้คนผ่านไปผ่านมาเฉียดเบียดข้างกายเธอ เหงื่อที่มือผุดเม็ดออกมาจนเปียกชื้น แผ่นหลังเปียกโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลเป็นทางจนเปียกแฉะ เสียงหวานของพี่แจนประชาสัมพันธ์ผ่านไมค์เริ่มแผ่วเบาภายในหู เสียงรอบข้างเริ่มค่อย ๆ แผ่วลง แต่มีเสียงอู้อี้วี้ดดังขึ้นในหู ภาพนักเรียนเข้าแถวภายหน้ากลายเป็นภาพซ้อน ที่เพิ่มจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า ลมหายใจถี่ รู้สึกเหมือนหายใจเข้าไม่ถึงปอด“ป๊อบ !” เสียงแหลมเล็กเรียกดังลั่น นี่น่าจะเป็นเสียงเดียวที่เธอได้ยินในตอนนี้ตุ้บ !“ป๊อบ เป็นไร ลุกขึ้นก่อน ๆ” ท่อนแขนเล็กเรียวประคองแผ่นหลังเธอ ขึ้นมาจากพื้นดินกรุ่นฝุ่น ผู้คนกรู่เข้ามามุงดู เธอยังคงรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ใน







