ลิเดียรู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่ในความมืดมิด เสียงรอบข้างคล้ายจะเลือนหายไปพร้อมกับลมหายใจที่ติดขัด ภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือแรงกระแทกจากการพลิกคว่ำของรถกันกระสุน ก่อนที่ทุกอย่างจะดับสนิท
ว่าแต่…ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? …ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
“พะ...พี่ลีออง” หญิงสาวเอ่ยเรียกหาพี่ชายของเธอเป็นคนแรกในวินาทีที่ลืมตาตื่นอย่างช้า ๆ เสียงหัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว
ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ ปรับโฟกัสได้ทีละน้อยจากพร่ามัวก็ค่อย ๆ เริ่มชัดเจนมากขึ้น ภาพของเพดานสีขาวแปลกตาปรากฏขึ้นตรงหน้า บนเตียงที่เธอนอนมีแรงสั่นสะเทือนเป็นระยะ ๆ
กลิ่นยาปฏิชีวนะผสมกับกลิ่นของเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำทำให้เธอรู้สึกสะลึมสะลือ
“คุณหนู ๆ” เสียงของใครบางคนเรียกเธอเบา ๆ ลิเดียพยายามจะลุกขึ้นจากเตียงนอน แต่ร่างกายกลับหนักอึ้งและเจ็บแปลบไปทั้งตัว
ดิน ลูกน้องคนสนิทของพี่ชายที่ตอนนี้ใบหน้ามีรอยฟกช้ำไม่ต่างกัน เขามีแผลโดนยิงที่ต้นแขน และขาก็โดนเหล็กเสียบมาจนแทบจะไม่สามารถลุกจากเตียงได้ แต่เขาก็ยังคงกัดฟันลุกเดินตรงเข้ามาหาเธอเพื่อปลอบประโลมคุณหนูของเขา ให้สงบลง
“พี่ดิน?” เสียงของเธอแหบแห้ง เธอเหลียวมองไปรอบ ๆ สายตาที่เริ่มชัดเจนขึ้นเผยให้เห็นว่าเธอกำลังอยู่ในห้องโดยสารแคบ ๆ บนเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่ง และมีเพียงผู้ชายวัยกลางคน กับหญิงสาวอีกคนยืนประกบเธออยู่ข้าง ๆ เตียง แต่พอเหลือบเห็นสเตโทสโคปที่ห้อยอยู่ที่ลำคอ เธอก็พอเข้าใจทันทีว่าสองคนนี้คือแพทย์กับพยาบาลนั่นเอง
“คุณหนูได้รับแรงกระแทกจากอุบัติเหตุที่รุนแรงครับ”
“เท่าที่ตรวจดูแบบคร่าว ๆ น่าจะโชคดีที่ไม่มีส่วนไหนหัก”
“แต่การกระทบกระแทกแรงแบบนี้อาจส่งผลต่อสมองและอวัยวะภายในได้ ดังนั้นเราจำเป็นต้องพาคุณหนูของคุณไปตรวจสแกนสมองและร่างกายอย่างละเอียดทันทีที่ถึงโรงพยาบาล”
“…” ลิเดียแทบไม่ได้รับฟังคำวินิจฉัยใด ๆ ของหมอเลยแม้แต่คำเดียว ตอนนี้ใจของเธอห่วงและพะวงหาแต่พี่ชายคนเดียวเท่านั้น ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือเขาถูกยิงถึงสองที่ ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าตอนนี้เขาจะเป็นหรือตาย
“พี่ลีอองอยู่ไหนคะ” ลิเดียพยายามพูดออกมาด้วยความกังวล แต่ก็ถูกอาการเจ็บที่ข้างในลำตัวขัดขวางจนต้องกัดฟันทน
“เดียต้องการเจอพี่ลีอองเดี๋ยวนี้เลย” เธอมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง แต่เครื่องบินทั้งลำมีเพียงแค่เธอ ดินและหมอกับพยาบาลนอกเครื่องแบบแค่สี่คนเท่านั้นจริง ๆ
“นายจะไม่เป็นไรครับ...นายจะไม่เป็นไร” ดินเอ่ยตอบพร้อมกับจับมือเธอเบา ๆ เพื่อปลอบใจ
“...แต่ตอนนี้คุณหนูต้องรักษาตัวให้หายดีก่อนนะ”
“มาถึงขนาดนี้แล้ว พี่ดินบอกความจริงเดียมาไม่ได้เหรอคะ?” ลิเดียปาดน้ำตาและถามกลับไปตรง ๆ
“เรื่องทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น...มันคืออะไร ทำไมมีคนมาไล่ยิงเราแบบนี้” ลิเดียร้องไห้ไปพูดไปด้วยความสับสนและไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ดินเงียบและนั่งก้มหน้าอยู่สักพักใหญ่ ๆ
“พี่ดินพูดสิ...บอกความจริงเดียมา!” ลิเดียเขย่าแขนของเขาอย่างคาดคั้น
“คือ...มีคนตั้งใจจะลอบสังหารคุณหนู กับนายน่ะครับ” คำตอบของลูกน้องคนสนิทตรงหน้าทำเอาลิเดียตกใจสุดขีด หัวใจเธอเต้นรัว เธอพยายามจะลุกขึ้นจากเตียง แต่แค่ขยับตัวก็ทำให้ร่างกายเจ็บแปลบจนแทบไม่ไหว
“เขาจะฆ่าเดียกับพี่ลีอองทำไมเหรอคะ?”
“เรื่องมันยาวมากนะครับ เอาไว้คุณหนูหายดีเมื่อไหร่ แล้วผมจะเล่าให้ฟังทั้งหมดแน่นอนครับ” ดินพูดด้วยใบหน้าที่ซีด ๆ ขาเองก็เสียเลือดไปมาก และมีอาการหนาวสั่น จับไข้ แต่ก็ยังคงพยายามปลอบเธอให้สงบลง และปกป้องเธอด้วยชีวิตจริง ๆ ตามคำสั่งของลีออง ผู้เป็นเจ้านายของเขา
“ยานอนหลับมาที” หมอหันไปกระซิบบอกกับทางพยาบาล เพราะลิเดียในตอนนี้มีอาการเครียดและเริ่มคลุ้มคลั่ง เธอร้องไห้อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ขณะที่มือเท้าของเธอเกร็งไปหมด ซึ่งมันไม่ส่งผลดีต่อตัวของเธอสักเท่าไร
“อื้อ ๆ ๆ” น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาของลิเดีย เธอพยายามจะลุกขึ้นอีกครั้งแต่ก็ล้มลงเช่นเคย เธอร้องไห้ออกมาไม่หยุด ความเครียดและความตกใจกลัว มันผสมปนเปกันไปหมด จนร่างกายของเธอมันแทบรับไม่ไหวแล้ว
“พี่ลีออง...” ลิเดียรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะถล่มลงมา ความหวังเพียงอย่างเดียวที่เธอยึดมั่นเอาไว้คือพี่ชายของเธอ ที่ตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นตายร้ายดียังไง
“คุณหนูครับ ตอนนี้รักษาตัวเองก่อนเถอะนะครับ คุณเองก็บาดเจ็บสาหัสมากนะ” คุณหมอที่ยืนมองอยู่นานตัดสินใจพูดขึ้นพร้อมกับหันไปบอกกับทางพยาบาลให้ฉีดยาบางอย่างเข้าไปในตัวของเธอ
“ไม่...ไม่ฉันไม่อยากหลับ...ไม่ยะ...อยาก” ลิเดียรับรู้ทันทีว่ายาที่ฉีดคือยานอนหลับ เพราะเธอรู้สึกง่วงและเพลียมาก จนแทบลืมตาไม่ได้ พยาบาลสาวที่อยู่ใกล้รีบเข้ามาช่วยพยุงตัวเธอ
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ประเทศฮ่องกง
หลังจากที่เครื่องบินลงจอดในฮ่องกง ลิเดียถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันทีเพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน การตรวจสแกนสมองและร่างกายของเธอถูกดำเนินการไปอย่างละเอียด โชคดีที่ไม่มีส่วนใดของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส มีเพียงอาการช้ำและรอยฟกช้ำจากแรงกระแทกที่ทำให้เธอต้องพักรักษาตัว
ขณะที่ลิเดียยังคงนอนพักรักษาตัวบนเตียงคนไข้ภายในโรงพยาบาลในฮ่องกง ไม่นานดินก็เปิดประตูเข้ามาในห้องของเธอ พร้อมกับไม้เท้าค้ำยันเพราะขาของเขาบาดเจ็บจนแทบเดินไม่ไหว
ดินกัดฟันอดทนเดินมาทั้ง ๆ ที่เลือดจากแผลยังคงหยดเป็นทาง แต่สัญชาตญาณนักสู้ที่ผ่านการฝึกฝนและการต่อสู้มาหลายปีเริ่มทำงาน แม้ร่างกายของเขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าคับขันสุด ๆ เขารีบพุ่งตรงมาหาลิเดียทั้งที่ตัวเองยังไม่ทันได้รักษาอะไรเลยด้วยซ้ำไป
“เราต้องไปแล้วครับคุณหนู”
“ฮะ?” ลิเดียพึมพำด้วยเสียงสั่น เธอยังเจ็บปวดจากแรงกระแทกและเพิ่งฟื้นตัวแบบงุนงง
“เราต้องออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้ มีคนตามล่าคุณหนู...พวกมันเจอพวกเราแล้ว!” ดินอธิบายแบบคร่าว ๆ ก่อนจะพยุงลิเดียลงจากเตียงคนไข้ทันที
“...เราจะหนีไปไหนได้ล่ะ...เราจะหนีรอดเหรอคะ พี่?” ลิเดียเริ่มรู้สึกหวาดกลัว น้ำตาของเธอไหลออกมาทันทีที่ได้ยินว่าเธอไม่ปลอดภัยแม้แต่ในโรงพยาบาล
“รอดครับ...ยังไงคุณหนูก็ต้องปลอดภัย” ดินรีบจัดการเข็นเตียงของลิเดียออกจากห้องพัก และพาเธอไปหลบที่บันไดหนีไฟชั่วคราวก่อน ยังไม่ทันที่ประตูบันไดหนีไฟจะปิดสนิท
ชายชุดดำเกือบ ๆ สี่ห้าคนพร้อมอาวุธปืนครบมือ ก็สวนกลับเข้าไปที่ห้องพักฟื้นที่ดินเพิ่งพาลิเดียออกมา
“…” ลิเดียอ้าปากค้างอย่างกลัวจนตัวสั่นแทบยืนไม่ไหว
“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรนะ” ดินยกมือปิดตาคุณหนูของเขาเอาไว้ และค่อย ๆ ดันประตูปิดจนสนิทและกดล็อกประตูกันเอาไว้ระดับหนึ่ง
หลังจากที่ทั้งสองคนหลบอยู่ที่บันไดหนีไฟ เงาของพวกชุดดำก็เดินผ่านไปผ่านมา และที่สำคัญคือพวกมันพูดภาษาไทยอย่างชัดเจน
“พวกมันหายไปไหนได้วะ?” หนึ่งในพวกมันพูดขึ้นอย่างหัวเสีย
“หาให้ทั่วโรงพยาบาล เจอที่ไหน...ก็ยิงมันทิ้งซะ” อีกคนก็เสริมและเริ่มวิ่งออกตามล่าทั้งดินและลิเดียต่อ
“คุณหนู พอเดินไหวไหม?” ดินหันมากระซิบถามเธอเบา ๆ
“วะ...ไหว...ไหวค่ะ” ลิเดียพยักหน้ารับ ก่อนจะเป็นฝ่ายช่วยพยุงดินแทน เพราะเขาบาดเจ็บสาหัส
“เราแจ้งตำรวจให้ช่วยไม่ได้เหรอคะ?”
“พวกมันอยู่เหนือกฎหมายน่ะครับ”
“ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ”
“เขายิงปืนแบบนี้กลางโรงพยาบาลได้เลยเหรอพี่ดิน?”
“ปืนไร้เสียงน่ะครับ และอีกอย่างพวกมันไม่ได้เกรงกลัวต่อกฎหมายอะไรเลย”
ท่ามกลางความกดดันและสถานการณ์ที่บีบคั้น ลิเดียก้มลงมองที่ปลายเท้าของเธอ
“พี่ดิน...ละเลือดอะ” เธอเอ่ยบอกกับดินไปทันที ดินเองก็หน้าเสียไปเลย เพราะนั้นหมายความว่าคราบเลือดของเขามันเลอะอยู่ตามพื้นจนทำให้...
โครมมม!!! ประตูบันไดหนีไฟอีกชั้นถูกถีบอย่างแรง ก่อนจะมีเสียงฝีเท้าของชายฉกรรจ์หลายคนที่วิ่งขึ้นมาจากชั้นล่างนั้น
“หนี!! คุณหนูหนีไป” ดินรีบผลักให้ลิเดียวิ่งหนีไปก่อน เขาควักปืนที่เหน็บอยู่ขึ้นมากำไว้แน่น ทั้งที่รู้ว่าข้างหน้าคือความตาย แต่เขาก็เลือกที่จะทำตามคำสั่งจนวินาทีสุดท้ายจริง ๆ
“ไม่...เดียไม่หนี ถ้าจะต้องตาย...ก็ตายด้วยกันนี่แหละ” ลิเดียส่ายหน้าทั้งน้ำตา เธอไม่วิ่งและเลือกที่จะยืนข้าง ๆ ลูกน้องคนสนิทของพี่ชายแม้ว่าขาจะสั่นเทา และกลัวอย่างจับขั้วใจก็ตาม
เพราะต่อให้หนีไปเธอรู้ดีว่าถึงหนีไปคนเดียว ก็หนีไม่รอดอยู่ดี อีกอย่างดินปกป้องเธอขนาดนี้เธอจะทิ้งเขาเอาตัวรอดคนเดียวได้ยังไงกัน
“หนีไป!!” ดินหันไปผลักลิเดียให้วิ่งหนีไปจากตรงนี้ แต่จังหวะที่เธอหันหน้าไปอีกทาง
เสียงกระทบของประตูบันไดหนีไฟดังโครมใหญ่ ชายชุดดำที่จ่อปืนอยู่บนหน้าผากของลิเดียยิ้มเหยียดราวกับชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม ร่างของเธอสั่นเทาด้วยความกลัว ความหนาวเย็นของปืนที่จ่อเข้าที่ผิวหนังของเธอทำให้เธอรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ลมหายใจติดขัด หัวใจเต้นรัว เธอรู้สึกถึงความตายที่กำลังจะมาถึง
“ยินดีที่ได้พบนะครับ คุณหนูนิศาชล พิชญะนรินทร์” ชายชุดดำกระซิบใกล้หูเธอ น้ำเสียงเย็นยะเยือกทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ดินซึ่งอยู่ไม่ไกล ถูกปืนของอีกคนจ่อคาอยู่เช่นกัน เขากัดฟันแน่น ขณะที่มือของเขากำปืนไว้แน่น รู้ว่าถึงเวลานี้พวกเขาทั้งสองคนหมดทางหนีแล้วจริง ๆ
“หนีไป!!” ดินหันไปตะโกนบอกลิเดียอีกครั้ง แต่เธอกลับส่ายหน้า น้ำตาคลอเบ้าขณะที่เธอพยายามจะคุมสติ
“อย่าฆ่าพวกเราเลยค่ะ... เราไปทำอะไรให้พวกคุณโกรธเหรอ?” ลิเดียพยายามใช้คำพูดอย่างมีเหตุผล แต่น้ำเสียงสั่นไหวของเธอกลับเผยถึงความหวาดกลัวชัดเจน
ชายชุดดำหัวเราะเบา ๆ “คุณหนูคนสวยไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แต่ถ้าเราไม่ฆ่าคุณ...นายของเราก็จะฆ่าเราแทน”
“พวกมึงปล่อยคุณหนูไปเถอะนะ!” ดินพยายามเจรจา
“พวกมึงอยากได้อะไร...บอกมาเลย”
“หรือนายของมึงต้องการอะไรก็เอาไปเลย! แต่อย่าทำร้ายเธอเลย คุณหนูเธอไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย”
“แต่สิ่งที่นายกูต้องการ คือลมหายใจของคุณหนูมึงไง”
“…” ลิเดียพูดอะไรไม่ออกเลย เธอหลับตาลงอย่างยอมรับต่อโชคชะตาแล้วจริง ๆ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นมันกลัวมากจนเหมือนไม่มีสติไปแล้วในตอนนี้
“มันจะเจ็บแค่แป๊บเดียว” มันพูดพร้อมกับยกปืนขึ้นมาจ่อที่กลางขมับของเธอ
“หลับให้สบายนะครับ...คุณหนู” สิ้นประโยคนั้นเอง
ฟิ่ว ฟิ่ว ๆ ...เธอรับรู้ได้ถึงเสียงของปืนที่ยิงผ่านตัวของเธอไป แม้มันจะเป็นปืนไร้เสียงแต่เธอก็รับรู้ได้ถึงวิถีกระสุน ในวินาทีที่เธอลืมตาขึ้นและคิดว่าไปว่าวิญญาณของเธอกำลังจะหลุดออกจากร่างนั้น
“เฮ่อ!!” ลิเดียก็ต้องอ้าปากช็อกหนักกว่าเดิมเพราะชายคนที่กำลังจะยิงเธอ ถูกยิงเข้าที่กลางขมับและเลือดไหลอาบทั้งหน้า ก่อนจะล้มลงพร้อมกับคนที่เหลือที่ถูกยิงเข้าที่จุดเดียวกัน...
“ขอบคุณที่เธอยังไม่ตาย!” เสียงทุ้มเย็นชาดังขึ้นข้างหลังลิเดีย ทำให้หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น เธอค่อย ๆ หันไปมอง และสายตาปะทะเข้ากับชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำ ดวงตาคมกริบดุดันราวกับสัตว์นักล่าที่ไม่เคยพลาดเป้า เขามีรอยยิ้มเหยียดหยามแต่น่ากลัวอยู่บนใบหน้า
“คะ...คุณคือ?” ลิเดียเอ่ยถามอย่างหวาดกลัว สายตาของเธอยังเบิกกว้างด้วยความตกใจจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
🦌________🦁
🔥🔥🔥🔥
🦁🦌
🏴☠️
ขอบคุณยอดถูกใจเมื่อวานนะงับ
วันนี้กดได้อีกนะ (กดฟรี) อ้อน ๆ 💋