Home / โรแมนติก / SiRen เงือกสาว ผจญภัย / #15 เกาะที่ไร้ชื่อ

Share

#15 เกาะที่ไร้ชื่อ

last update Last Updated: 2025-06-18 15:23:51

เพลิงลุกไหม้ยอดไม้ โหมกระท่อมริมฝั่งทะเลสาบให้กลายเป็นเศษเถ้าดำราวสรวงสวรรค์เคยทอดทิ้งที่นี่ไปนานแล้ว...

ข้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใต้แสงสีส้มของความสูญเสีย

ข้ารู้สึกราวกับห้วงเวลาหยุดหมุนในชั่วครู่ที่สายตาจับจ้องไปยังร่างหนึ่งบนพื้น—เรน ชายผู้เคยเป็นทั้งเพื่อน ทั้งรัก และบัดนี้…เป็นเพียงซากอดีตที่ไร้คำแก้ตัว

เสียงสะอื้นของนีร่าดังแผ่วอยู่เบื้องหลัง หยดน้ำตาสีดำยังร่วงทีละหยดลงสู่ผืนดินที่เปียกชื้นจากทั้งฝนที่เพิ่งจางหาย และเลือดที่ยังไม่แห้ง

ข้าอยากยื่นมือไปปลอบนาง

แต่ข้ากลับยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น...เพราะบางความเจ็บ ก็ไม่มีถ้อยคำใดปลอบประโลมได้

> “อีธาน…”

เสียงนางเบาเหมือนเสียงคลื่นลมที่ซัดชายฝั่ง

ข้าหันมาช้า ๆ และสบตากับนาง

ดวงตาคู่นั้น—แม้จะยังงดงาม—กลับเต็มไปด้วยร่องรอยของการแตกสลาย

> “ข้า…เหนื่อยเหลือเกิน…”

นางเอ่ยก่อนจะซบหน้าลงบนบ่าข้า ข้าได้แต่ยกแขนขึ้นโอบประคองแผ่นหลังบางเอาไว้แน่น มาริเบลยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ร่างเล็กที่เปื้อนเลือดและดินเงยหน้ามองพี่สาวอย่างเงียบงัน น้ำตาของนางไม่ไหล…เพราะนางไม่เหลือแม้แรงจะร้องไห้อีกแล้ว

ข้าอยากให้คืนวันสงบกลับมา แต่ในโลกนี้—มันไม่เคยง่ายเช่นนั้น

เพราะแล้วในขณะที่แสงเพลิงยังไหวริบไหวยามค่ำ คืนที่ควรเงียบสงบหลังบทอวสานแห่งความรุนแรง กลับปรากฏเสียงระเบิดดังก้องจากเบื้องทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบ

> “ปึงงง!!!”

ผืนน้ำกระเพื่อมไหว เสียงตะโกนและเสียงกลองโทนดังขึ้นราวกับลั่นฆ้องศึก ข้าตวัดสายตาไปทันที ร่างของนีร่าผงะเงยหน้ามองตามด้วยความตื่นตระหนก

> “นั่น…นั่นเสียงปืนใหญ่!”

> “เราถูกจู่โจมอีกแล้ว!”

หนึ่งในเงือกสาวตะโกนขึ้น ขณะที่ร่างของพวกนางต่างแตกตื่นอีกครั้ง

ท้องทะเลเบื้องหน้ากำลังถูกผ่าออกด้วยเงาทะมึนของเรือใหญ่—เรือสำเภาสามเสา ธงดำปลิวไสวกลางลม กลางหัวธงปักตราหัวกะโหลกสองดาบไขว้ เสียงคำรามของลูกเรือดังกระหึ่มบนดาดฟ้า

> “เรือ…ของโจรสลัด!?”

ข้ากัดฟันแน่นในทันใด ดวงตาสอดแนมผ่านเปลวไฟไปยังร่างสูงใหญ่บนหัวเรือ—ร่างนั้นยืนมั่นคงไม่ไหวเอน เส้นผมยาวประบ่าถูกลมพัดปลิว เสื้อคลุมหนังเสือคลุมไหล่ หนวดเคราดำเข้มบดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง และตาข้างหนึ่งเป็นเพียงรอยแผลปิดทับด้วยแผ่นหนังดำ

> “กัปตันแบร์กตัน…” ข้าเอ่ยชื่อต้องห้าม—เสียงข้าสั่น

โจรสลัดผู้เป็นตำนานแห่งน่านน้ำใต้ ชายผู้ไม่มีหัวใจและไม่รู้จักความเมตตา

> “นีร่า! เจ้าและมาริเบลรีบหนีไป!” ข้าตะโกนขึ้น ก่อนจะยกดาบขึ้นมาเบื้องหน้า

> “ไม่…ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไว้” นางกระชับมือมาริเบลแน่น ดวงตายังคงไหลหยดน้ำตาดำอย่างไม่หยุดหย่อน แต่นางกลับไม่แสดงความอ่อนแออีก

เสียงแตรเป่าเรียกลูกเรือดังก้อง

เรือเทียบฝั่งอย่างรวดเร็วด้วยทักษะชำนาญของลูกเรือแบร์คตัน

และร่างนั้น—กัปตันแบร์กตัน—ก็ก้าวลงสู่ผืนทรายโดยไม่หวั่นไหวแม้เศษเถ้าจะยังลอยฟุ้งกลางอากาศ

> “เจ้าเป็นใครกัน ข้าจำไม่ได้ว่ามีชื่อเจ้าอยู่ในเส้นทางการล่าของข้า…” แบร์กตันเอ่ยเสียงต่ำ กระบี่โค้งข้างเอวส่องประกายราวเขี้ยวอสรพิษ

ข้ายืดตัวตรง พยายามกลืนคำกลัวลงคอ

> “แต่ชื่อของข้า จะสลักในดวงตาเจ้าก่อนตะวันรุ่ง—ถ้าข้าต้องตายตรงนี้ ก็จะตายเพื่อปกป้องพวกนาง”

แบร์กตันหัวเราะเบา ๆ—เสียงหัวเราะที่ปราศจากมวลความเมตตาใด ๆ ทั้งสิ้น

> “ความรักหรือ? ช่างน่าสมเพช…”

เขาคว้ากระบี่ออกจากฝักอย่างเชื่องช้า แสงจากเพลิงสะท้อนคมโลหะเหมือนเลือดสด

และในค่ำคืนนั้น—

กลางหมู่บ้านเงือกที่กำลังจะกลายเป็นตำนานเถ้าธุลี เสียงปะทะของดาบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

โลหะกระทบดังกังวาน เสียงฝีเท้าโถมใส่กันท่ามกลางควันไฟ ความเจ็บปวด และอดีตที่หลอกหลอน...

แต่คราวนี้...ข้าจะไม่ยอมให้ความรักต้องสูญเสียอีกแล้ว ไม่ว่านี่จะเป็นศึกสุดท้าย หรือเพียงบทเริ่มต้นของฝันร้ายครั้งใหม่

ข้า—นีร่า—กำมือของมาริเบลแน่นยิ่งกว่าทุกครา

เรือนร่างของน้องข้ายังบอบบาง มือขาวซีดที่เคยว่ายน้ำเก่งกาจ บัดนี้กำลังสั่นระริกด้วยแรงเจ็บจากบาดแผล

> “พี่...พี่จะพาเราไปที่ใด…” นางเอ่ยเสียงแผ่ว ร่างน้อยสะดุดกับรากไม้เบื้องหน้า

> “ที่ใดก็ได้ที่แสงไฟของพวกมันไปไม่ถึง” ข้าตอบ ทั้งที่ในใจยังไม่รู้แม้กระทั่งทิศทางที่จะวิ่งต่อ

เบื้องหลังนั้น...เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของพวกโจรสลัดไล่ตามมาไม่ห่าง

พวกมันย่ำลงบนพื้นดินอย่างไม่ปรานี พร้อมเสียงคำรามต่ำราวกับสัตว์ป่า—พร้อมฉุด พร้อมฆ่า หากพวกข้าถูกพบ

สายลมเย็นยามค่ำพัดเอากลิ่นควันไฟและเหล็กไหม้มาปะทะจมูก

เสียงเปลวไฟแตกตัวอยู่เบื้องหลังประหนึ่งจะเผาชีวิตและอดีตของพวกข้าให้กลายเป็นเพียงผงธุลี

> “รีบ!” ข้ารั้งมาริเบลให้ก้าวเท้าต่อไปอย่างรวดเร็ว

เท้าเปล่าของเราสองพี่น้องเหยียบย่ำไปบนพื้นทรายหยาบกร้าน ก่อนจะมุดเข้าเขตป่ารกร้างซึ่งเคยเป็นทางลับสู่บึงน้ำต้องห้าม

ต้นไม้สูงชะลูดต้อนรับพวกข้าด้วยเงามืด

กิ่งไม้เกี่ยวผ้าคลุมของข้าจนหลุดรุ่ย ผมยาวเปียกชื้นของข้ากระเซิงจนบดบังวิสัยทัศน์

แต่มือข้ายังไม่ยอมปล่อยมาริเบลแม้เพียงชั่วครู่

> “พี่ นั่น…” เสียงน้องนางเบาเหมือนเสียงลม

ข้ามองตามปลายนิ้วนาง—เห็นเงาเสาไม้ผุ ๆ โผล่ขึ้นจากพงหญ้าด้านหน้า นั่นคือ สะพานเก่า…แต่สะพานนั้นพังครึ่งซีก

ไม้ผุจนเห็นโพรงด้านล่างเป็นน้ำลึกกรัง ลำธารเล็กที่หลบซ่อนตัวเงียบงันในความมืด

ข้าไม่แน่ใจว่ากระโดดลงไปจะเจอสิ่งใด…

แต่หากยังลังเลอยู่ตรงนี้ อีกไม่เกินหนึ่งลมหายใจ พวกมันจะตามมาทันแน่นอน

> “จับข้าไว้แน่น ๆ อย่าหวั่นไหว” ข้ากระซิบ ก่อนจะดึงนางมากอดแนบอก

แล้วข้าก็กระโจนลงไป—ร่างทั้งสองพุ่งผ่านอากาศ

เสียงลมหวิวอยู่ข้างหู ก่อนจะ ตู้มมม! เสียงร่างเรากระทบน้ำเย็นจัด

ความเย็นเฉียบกัดร่างข้าทันที

มาริเบลกอดข้าแน่น เราสองพี่น้องดำลงสู่ความมืดของสายน้ำที่เคยเป็นบ้าน แต่บัดนี้กลับเย็นชาไร้ไอรัก

ข้าว่ายฝ่าความมืดลงสู่โพรงใต้น้ำ—หวังว่ามันยังไม่ถูกทับถมไปตามกาลเวลา

> “อีกนิดเดียว…ทนไว้…” ข้ากระซิบกับนาง

ในใจ ปอดของข้าเริ่มตึง ร่างเริ่มชา และแสงริบหรี่ที่ปลายโพรงน้ำคือสิ่งเดียวที่ข้ายึดไว้ไม่ให้จม

ในที่สุด...

ข้าก็โผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำอีกฝั่งหนึ่ง—เป็นอ่าวเล็กที่เงียบงัน ห่างไกลจากเสียงระเบิดและกรีดร้อง

ข้าหอบหายใจแรง กอดมาริเบลไว้แน่น—นางยังคงไอจนน้ำตาไหล

> “พี่...เรารอดหรือ” นางถามทั้งที่เสียงยังสั่น

> “ยังไม่…แต่เรากำลังจะ” ข้ากระซิบตอบ ก่อนจะหันมองผืนทะเลที่มืดมิดเบื้องหน้า

ข้ายังไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะพาไปที่ใด—แผ่นดินใหม่? หรือนรกอีกบท?

แต่ตราบใดที่มือข้ายังจับมือมาริเบลไว้ได้...

ข้าจะหนีให้พ้นแม้ต้องแลกด้วยลมหายใจสุดท้ายของตน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #23 การกลับมาของเเบลควัลเชอร์

    เสียงหยดน้ำจากผนังถ้ำกระทบแอ่งหินอย่างเนิบช้า กลิ่นชื้นของความตายเจืออยู่ในอากาศ แสงคบเพลิงสะท้อนประกายสีทองที่แวววาวอยู่รอบตัวกัปตันแบร์กตัน เขายืนอยู่กลางห้องถ้ำโอ่อ่า รายล้อมด้วยกองทองคำ เพชรนิลจินดา และถ้วยสุราจากยุคสมัยที่หล่นหายไปจากประวัติศาสตร์ ทว่าเบื้องหลังประกายนั้น ไม่มีอะไรขยับ ไม่มีแม้แต่ลมหายใจของชีวิต"เจ้ามาได้ยังไง..." แบร์กตันเอ่ยเสียงต่ำ พริบตาเดียวมือขวาของเขาก็แตะปลายดาบแล้วอีธานยืนอยู่ตรงปากถ้ำ แสงคบเพลิงสะท้อนใบหน้าเปรอะโคลนและเหงื่อ “ข้าควรเป็นฝ่ายถามมากกว่า… นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”สายตาของทั้งสองประสานกัน เต็มไปด้วยความหวาดระแวง อีธานเหลือบมองรอบถ้ำด้วยความประหลาดใจ แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับไม่มีสมบัติใด ๆ นอกจากเศษซากกระดูกมนุษย์ เครื่องเงินขึ้นสนิม และคราบแห้งของเลือดที่ฝังในหิน"เจ้ามองไม่เห็นหรือ?" แบร์กตันกระซิบคล้ายละเมอ "ดูสิ… ทองคำของราชาโจรสลัด! อยู่ตรงนั้นน่ะ”“ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น!” อีธานสวนเสียงแข็ง “ข้าเห็นแต่เงาแห่งความตาย”มือของแบร์กตันสั่นเล็กน้อย เขาหันขวับมามองอีธาน ดวงตาฉายแววสับสนและโกรธเคือง "เจ้าจะเอามันไปจากข้าใช่มั้ย... เจ้าคิ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #22 ภาพลวงตาเเด่คนโลภ

    แบร์กตันขมวดคิ้ว สัญชาตญาณนักล่าทะเลในตัวเขาเตือนว่า ไม่ควรก้าวต่อไปแต่ก็เหมือนทุกคน…พวกเขาก้าวตามเสียงนั้นไปโดยไม่รู้ตัวรอยเท้าคนเปลือยเปล่านำพวกเขาสู่แนวหินสูงชัน ปกคลุมด้วยเถาวัลย์และหญ้า เสียงลมหายใจเบา ๆ หลายเสียงที่ “ไม่ใช่ของพวกเขา”> “นั่น…” ซินชี้ขึ้นเบา ๆเบื้องหน้าคือ “ปากถ้ำ” มืดมิด ลึก และเย็นชืด แต่ด้านในกลับมีแสงระยิบระยับเหมือนเทียนนับร้อยเล่ม…หรือบางอย่างที่สว่างกว่า> “ข้าไม่ชอบแบบนี้เลยกัปตัน…” บรอลพึมพำ ขวานในมือหนักขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุแบร์กตันเงียบ เขาค่อย ๆ ย่างเท้าเข้าไปในถ้ำเมื่อพวกเขาก้าวข้ามเงาความมืดของปากถ้ำ—โลกทั้งใบก็เปลี่ยนไปภาพตรงหน้าเหมือนมาจากตำนานที่บรรพบุรุษยังไม่กล้าฝันถึงกอง ทองคำ หีบสมบัติ เพชร พลอย เหรียญทองเรียงรายซ้อนกันสูงจรดเพดานถ้ำ บางหีบเปิดออก เผยให้เห็นสร้อยคอแห่งราชา โล่ทองคำแห่งเทพเจ้า และมงกุฎที่ดูราวกับเป็นของกษัตริย์ในยุคโบราณ> “...พระเจ้า…” ซินพึมพำ เบิกตากว้างแสงสีทองกระทบดวงตาของพวกเขา ดึงดูดใจรุนแรงจนยากจะละสายตา> “ถ้าเราหอบไปแค่ครึ่งเดียว...ครึ่งเดียวก็พอ...” บรอลพูดทั้งที่น้ำลายไหล และมือเริ่มยื่นไปหา

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #21 เรือเเบลควัลเชอร์ที่หายสาปสูญ

    กลุ่มของกัปตันแบร์กตัน ใน ป่าลึกของเกาะต้องสาปคบเพลิงเปลวสีส้มสาดเงาบิดเบี้ยวบนลำต้นไม้รอบข้างเสียงใบไม้แห้งกรอบใต้เท้าทำให้บรรยากาศเงียบงันดูอึดอัดยิ่งขึ้นกัปตันแบร์กตันเดินนำหน้า ร่างสูงของเขากดอากาศให้แน่นตึงราวกับแรงกดดันจากทะเลลึกซินเดินตามติด ส่วนบรอบลากขวานใหญ่ติดพื้นอย่างไม่ตั้งใจไม่มีใครพูดอะไร...จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา> “...เดร็กซ์ไปไหน?”ซินหยุดเดิน ดวงตาเหลือบไปมองรอบตัว> “เมื่อกี้ยังเดินตามอยู่…ข้างหลังเจ้า บรอลบรอลเงยหน้าอย่างงุนงง> “ข้า...คิดว่าเขาเดินล้าหลังอยู่นะ”แบร์กตันชะงัก ฝีเท้าหนักของเขาหยุดลงทันที> “หยุดทุกคน”เสียงของเขาเด็ดขาดเย็นยะเยือกกลุ่มโจรสลัดหันมามองกันและกัน> “ใครเห็นเดร็กซ์ครั้งสุดท้าย?”แบร์กตันถามช้า ๆ น้ำเสียงต่ำแต่กดดันราวกับลมพายุก่อนคลื่นซัดความเงียบกลืนกลุ่มลงชั่วขณะบรอลเป็นคนแรกที่พูด> “ตอนเราผ่านแนวหินด้านหลัง...เขาหยุดฉี่”ซินหันขวับ> “แล้วทำไมเจ้าไม่รอเขา!?”> “เพราะข้าไม่คิดว่าเขาจะ ‘หายตัว’!”เสียงถกเถียงเริ่มดังขึ้นแต่แบร์กตันไม่สน เขาหันหลังทันที ก้าวยาวกลับไปทางที่มาในมือขวา เขาคว้าดาบออกมาอ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #20 ท่ามกลางความหิวกระหาย

    บรอลยกคบเพลิงขึ้นสูงกว่าเดิม มองไปรอบด้านด้วยคิ้วขมวด“ข้าไม่ชอบที่นี่เลย…เสียงลมเหมือนเสียงคนคร่ำครวญ มันผิดธรรมชาติ”วินซ์ถอนหายใจเบา ๆ แล้วบ่น“ก็อย่ามัวฟังสิวะ เดินต่อเถอะ ข้าอยากให้เรื่องนี้จบเร็ว ๆ”ซินหันกลับมาหยุดกะทันหัน นางจ้องหน้าวินซ์“เจ้าไม่เข้าใจเหรอ? ป่าแบบนี้น่ะ...ถ้าเดินโดยไม่ฟังอะไรเลย มีหวังกลายเป็นศพไวขึ้นสามเท่า”แบร์กตันที่เดินนำอยู่หันกลับมา เสียงเย็นชาของเขาดังกระแทกอากาศ“เลิกเถียง...ทุกเสียงที่ได้ยิน ให้จำไว้ว่า ‘มัน’ ก็ได้ยินเราด้วย”(เพิ่มเติมในฉากโขดหินมีรอยเท้า)เมื่อแบร์กตันก้มตรวจรอยเท้า เขาพึมพำ“นีร่า...เจ้ายังมีชีวิตอยู่สินะ”ซินเดินเข้ามาใกล้เงียบ ๆ แล้วพูดเสียงแผ่ว“ท่านแน่ใจใช่ไหม...ว่าคุ้ม?”แบร์กตันไม่ตอบทันที เขาเพียงแค่มองลึกเข้าไปในความมืดเบื้องหน้า แล้วตอบ“เงือกตัวนี้...มีราคาที่สูงกว่าชีวิตพวกเจ้า รวมกันทั้งลำเรือ”บรอลสอดแทรกขึ้นมา“แล้วถ้ามันลากพวกเราทั้งลำลงทะเลล่ะ?”แบร์กตันหันกลับไปสบตาเขา ดวงตาไม่มีแววลังเล“ก็อย่าให้มันได้โอกาส” ป่าทางตะวันตกของเกาะต้องสาป แสงจันทร์ลอดผ่านเรือนยอดไม้เป็นลำ ๆ สะท้อนบนผิ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #19 การตามล่าจากโจรสลัด

    เมืองคอร์เซียร์...เมืองท่าขนาดใหญ่ทางฟากตะวันตกของทวีปที่เหล่าโจรสลัด นักล่าทะเล และพ่อค้าวัตถุต้องสาปต่างพากันมารวมตัว ไม่ใช่เพื่อศีลธรรม...แต่เพื่อผลประโยชน์ เงินทอง และเลือดเรือโจรสลัด “แบล็คดราฟต์” ของกัปตันแบร์กตัน จอดเทียบอย่างลับ ๆ ที่ท่าเรือหมายเลขเจ็ดของเมืองกลางยามสนธยา ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยกลุ่มเมฆแดงหม่น แววตาเจ้าของเรือก็ไม่ต่างกัน“ลากของขึ้นฝั่ง!” แบร์กตันสั่งเสียงห้วนลูกเรือสองคนลากกรงเหล็กขนาดใหญ่คลุมด้วยผ้าดำขึ้นจากเรือ แบกผ่านตรอกแคบ ๆ ไปยังด้านในของเมืองที่หมายของพวกเขาคือ — โรงละครสัตว์ใต้ดินซึ่งว่ากันว่าสะสมสิ่งมีชีวิตประหลาดไว้มากกว่ารัฐบาลราชสำนักเสียอีกภายใต้โคมไฟน้ำมันที่ส่องไหวริบ ๆ เจ้าของโรงละครออกมาต้อนรับชายวัยกลางคนตัวเตี้ย ร่างอ้วนท้วน ใบหน้าคล้ายลูกหมู ผูกผ้าพันคอแดงทับเสื้อกำมะหยี่เก่าแก่“เจ้าพาสิ่งนั้นมาหรือยัง?” เขาถามเสียงขุ่น “ข้าจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวังนะ...แบร์กตัน”แบร์กตันโบกมือผ้าคลุมกรงถูกเปิดออก...เผยให้เห็นเพียงเเค่คนเเคระคนนึงเท่านั้น“ไม่มี!?” เจ้าของโรงละครร้องเขาก้าวไปจนหน้าดำหน้าแดง “เจ้ากล้าหลอ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #18 เสียงที่ล่อลวง

    สายลมจากทะเลพัดโชยผ่านใบไม้หนาทึบ กลิ่นเกลือและไอชื้นของป่าไหลเข้าปะทะจมูก แต่นีน่าไม่แม้แต่จะหายใจลึก หัวใจเธอมีเพียงความเร่งรีบ"มาริเบล...ต้องรอด"น้องสาวของนางนอนอยู่ในถ้ำเล็กริมชายหาด ดวงตาร้อนผ่าว ผิวที่เคยสดใสเริ่มซีดจางจากพิษของบาดแผลขณะหลบหนี แม้นีร่าจะใช้ความรู้จากเผ่าตนรักษาเบื้องต้น แต่สมุนไพรที่ต้องการมีเฉพาะในป่าภายในเกาะ ซึ่งแปลกและไม่คุ้นเคยนางจำตำราได้ว่า ใกล้ภูเขาใจกลางเกาะนี้เคยมี “ดอกวารีทอง” — ดอกไม้ขนาดเล็กที่มีกลีบสีเงินสลับทอง ผสมกับราก "เฟินน้ำเที่ยงคืน" แล้วบดกับเกลือ จะถอนพิษจากบาดแผลลึกได้“นางจะต้องไม่เป็นอะไร…” นีร่าพึมพำในใจ ขณะฝ่าไผ่รกและเลื้อยไม้ขึ้นสู่แนวเขาเล็กแต่ทันทีที่นางไปถึงลำธารกลางป่า...เสียงบางอย่างก็ดังขึ้น—เสียงเพลงแผ่วเบา แฝงความเศร้าโศก ราวเสียงร้องของหญิงสาวใต้ผิวน้ำนีน่าหยุดชะงัก หางตากวาดไปรอบ ๆ — ไม่มีใครแต่ผิวน้ำสั่นเบาเหมือนมีบางสิ่งตื่นขึ้นจากก้นลึก> “...ผู้หลงทางในความมืด… กลิ่นเลือดเจ้าช่างหวานนัก…”เสียงนั้นกระซิบในหัว ไม่ใช่เสียงมนุษย์ ไม่ใช่เงือกธรรมดาทันใดนั้น ผิวน้ำก็แตกกระจาย ร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมา—เงือกสาวผิวซีดจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status