รุ่งสาง – บ้านไม้เก่าริมหน้าผา
เสียงคลื่นยังซัดฝั่งไม่หยุด แต่แสงอาทิตย์อ่อนๆ เริ่มลอดผ่านบานหน้าต่างไม้ นีร่าลืมตาช้าๆ ความเมื่อยล้าหนักอึ้งทั่วร่าง แต่ความอบอุ่นจากผ้าห่มหนายังโอบเธอไว้ เธอหันไปมองข้างตัว—ที่ว่างเปล่าแล้ว อีธานไม่อยู่บนฟูก แต่ผ้าห่มอีกผืนยังอุ่น เหมือนเขาเพิ่งลุกไปเมื่อไม่นาน กลิ่นคาวเกลือทะเลปะปนกับกลิ่นเนื้อย่างจางๆ ลอยมาเข้าจมูก เธอยันตัวลุก รวบเสื้อคลุมมาสวม ก่อนเดินโซซัดโซเซไปเปิดประตูห้อง ตรงโต๊ะไม้ใกล้เตาผิง—อีธานกำลังนั่งแยกปลาออกจากก้าง แผ่นหลังเขากว้างและดูสงบอย่างแปลกประหลาด ใกล้ๆ กัน ไอล่านั่งห่มผ้า หน้าตาซีด แต่ตายังมองตามเขาตลอด นีร่าก้าวเข้ามาช้าๆ เสียงฝีเท้าบนพื้นไม้ทำให้อีธานเงยหน้าขึ้น ยิ้มมุมปากอย่างเหนื่อยๆ “เจ้าตื่นแล้ว…” เสียงเขาแหบต่ำเหมือนเพิ่งผ่านทั้งคืนที่ไม่ได้หลับ เธอพยักหน้า เอียงหน้ามองถาดปลาเค็มกับถุงสมุนไพร “เจ้าออกไปหามาตั้งแต่เมื่อไหร่” “ตอนฟ้ายังไม่สาง” อีธานตอบเรียบๆ มือยังจัดอาหารใส่ถ้วย “มีร่องรอยพวกมันอยู่แถวชายป่า…แต่คงยังไม่กล้าบุกมาตอนเช้า” นีร่านั่งลงข้างไอล่า มองเพื่อนสาวที่ยังไม่เอ่ยอะไร เธอยื่นมือแตะหลังมือไอล่าเบาๆ “เจ้าไหวหรือยัง” ไอล่าเงยหน้าขึ้นช้าๆ แววตาอ่อนล้าจนเจ็บหัวใจ “…ข้าไม่แน่ใจ แต่ข้า…จะพยายาม” อีธานยื่นถ้วยปลาต้มให้ “กินเถอะ เจ้าต้องมีแรง” ไอล่ารับมาถือไว้สองมือ มองเขานิ่งๆ สักครู่ ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว “เมื่อคืน…ข้าได้ยินเสียงเจ้าพูดกับนีร่า…ข้าขอโทษที่ข้าทำอะไรไม่ได้เลย…” “อย่าโทษตัวเอง” นีร่าสอดมือไปกุมมือเพื่อนแน่น “เจ้ารอดมาได้…นั่นก็มากพอแล้ว” อีธานหันไปมองนีร่า สบตากันเงียบๆ ในความเงียบ มีบางอย่างอุ่นลึกที่ต่างคนต่างเข้าใจ แล้วเขาก็ถอนหายใจยาว ลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวข้าจะออกไปดูรอบๆ อีกรอบ…ถ้ามีร่องรอยพวกมันใกล้กว่านี้ เราต้องย้ายที่หลบ” มือแกร่งวางบนไหล่นีร่าแผ่วๆ “กินเถอะ เจ้าเองก็ต้องพัก…เมื่อคืนเจ้าก็เหนื่อยไม่ต่างกัน” นีร่าใจเต้นแรงนิดๆ กับน้ำเสียงอ่อนโยนแบบที่หาได้ยากจากเขา แต่เธอพยักหน้าเบาๆ อีธานเอ่ยเสียงต่ำก่อนก้าวออกไปทางประตู “ถ้ามีอะไรผิดปกติ…ตีระฆังให้ข้าได้ยิน” บานประตูไม้ปิดลง เงียบไปพักใหญ่ มีแค่เสียงคลื่นกับลมทะเลพัดผ่าน—และความรู้สึกอุ่นแปลกๆ ที่หลงเหลือในอกเธอ นีร่านั่งลงใกล้ๆ ไอล่า มือยังคงกุมมือเพื่อนสาวแน่นไว้ นีร่า (เสียงอ่อนโยน) “ไอล่า…เจ้าเก่งมากแล้ว ที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยทิ้งพวกเราเลย” ไอล่า (น้ำเสียงสั่น) “แต่ข้ากลับรู้สึกว่า...ข้าอ่อนแอเหลือเกิน ที่ไม่สามารถปกป้องมาริเบลได้” นีร่า (บีบมือไอล่าเบาๆ) “ไม่ต้องโทษตัวเองเลย มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป เราไม่ทันตั้งตัว” ไอล่า (กลั้นน้ำตา) “แต่เจ็บปวด…เจ็บปวดที่ต้องเห็นน้องเราตายไปแบบนั้น…” นีร่า (สายตาอบอุ่นและมั่นคง) “ความเจ็บปวดนั้น…มันแสดงว่าเรารักมาริเบลมากแค่ไหน” “และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะสู้ไปด้วยกัน เพื่อปกป้องกันและกัน” ไอล่า (พยักหน้า น้ำตาค่อยๆ ไหล) “ขอบคุณนะ…นีร่า ที่อยู่กับข้า ข้าไม่รู้จะผ่านเรื่องนี้ไปได้ถ้าไม่มีเจ้า” นีร่า (ยิ้มบางๆ) “เราไม่เคยอยู่คนเดียวไอล่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น…เราคือครอบครัว” “และครอบครัว…จะไม่มีวันปล่อยมือกัน” ไอล่าหยุดร้องไห้ หันมายิ้มให้กันอย่างอบอุ่นยามค่ำคืน – ริมชายฝั่งที่เงียบสงัดคลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินเป็นจังหวะสายลมเย็นปะทะผิวจนหนาวสะท้านดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงจ้าเหนือผืนน้ำสีหมึกนีร่ายืนอยู่บนผืนทรายแผลที่แขนยังพันผ้าแน่น แต่เลือดยังซึมออกไม่หยุดข้างเธอ อีธานยืนเงียบเขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองหน้าเธอราวกับอยากจำทุกรายละเอียดไว้ให้ขึ้นใจนีร่าหันมามองเขาดวงตาสองคู่สบกันในความเงียบ“ข้าจะรีบกลับมา”เธอเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงสั่นอีธานพยักหน้า แต่สายตาเขาเต็มไปด้วยห่วง“นานแค่ไหน?”“ข้าไม่รู้…”นีร่ากลืนน้ำลาย“แค่ไม่กี่วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด”อีธานถอนหายใจ มือใหญ่ลูบผมเธออย่างแผ่วเบา“เจ้าพูดเหมือนมันจะง่าย”“มันไม่ง่าย” เธอยิ้มจางๆ“แต่ข้าต้องลอง”เขาเงียบไปนาน ก่อนจะหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งจากเอวด้ามเป็นเหล็กเรียบเรียง เส้นคมคมกริบ“เอาไว้ป้องกันตัว”นีร่ารับมาไว้ในมือสายตาเธอเริ่มพร่าเธอขยับเข้าไปใกล้ โอบแขนรอบตัวเขาแน่น“ข้ากลัว…”เธอกระซิบ“กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก”“ข้าก็กลัวเหมือนกัน”เขากอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม“แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเข้มแข็งกว่าใคร ข้าจะรออยู่ตรงนี้…ทุกวัน”นีร่าซบหน้ากับอกเขา น้ำตาไหลเงียบๆเธอไม่
นีร่ายังคงสั่นเทา น้ำตาไหลไม่หยุดอีธานคุกเข่าลงข้างเธอ มือใหญ่ประคองใบหน้าเธอแผ่วเบา“นีร่า…มองข้า…เจ้าอยู่ที่นี่ ปลอดภัยแล้ว”เธอกะพริบตา ถอยหายใจแรงเหมือนจะขาดใจเสียงในคอแหบจนแทบไม่เป็นเสียง“มัน…มันไม่ใช่แค่ฝัน…ข้าเห็นแม่จริงๆ”อีธานกอดเธอไว้แน่นกลิ่นเลือดและเหงื่อยังติดตัวเธอ“แม่ของข้า…ตาเปลี่ยนเป็นสีดำ…”เธอกัดริมฝีปาก มือสั่นจนแทบกำอะไรไม่อยู่“เธอกลายเป็น…สัตว์ประหลาด…พูดว่าข้า…ต้องกลับไป…เป็นเหมือนพวกมัน…”เสียงสะอื้นดังลอดออกมาอีธานค่อยๆ ลูบหลังเธอ“ไม่…เจ้าจะไม่เป็นเหมือนพวกมัน”น้ำเสียงเขาหนักแน่น“ข้าสัญญา”นีร่าเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ“ถ้าแม่ยังมีชีวิต…ข้าต้องหาคำตอบ…ข้าต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น…”“งั้นเราจะไปด้วยกัน”อีธานพูดช้าๆ จ้องตาเธอแน่วแน่“ไม่ว่าต้องไปที่ไหน…เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียว”เสียงคลื่นนอกหน้าต่างยังซัดเข้าฝั่งไฟตะเกียงสั่นไหวเงียบๆในอกนีร่า ความกลัวค่อยๆ แปรเป็นแรงฮึดสู้เธอพยักหน้าช้าๆ“เราจะหาความจริง…ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร…”อีธานกระชับมือเธอแน่นขึ้นและในค่ำคืนที่หนาวเหน็บหัวใจสองดวงก็ผูกพันกันมั่นคงกว่าเดิมสองวันถัดมาแผลบนแขนของนีร่าไม่ดีขึ้น
หัวหน้าเงือกพุ่งใส่อีธานสุดแรงครีบใหญ่หวดอากาศจนเกิดเสียงแตกดัง วืด!อีธานเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้ายปลายมีดในมือฟาดเฉียงเข้าที่คอด้านข้างของมันฉึก!เสียงเนื้อฉีกดังชัดเลือดสีหมึกกระฉูดราดเต็มตัวเขาหัวหน้าเงือกคำรามลั่นจนพื้นสะเทือนร่างมหึมาสะบัดถอยหลังไปสองก้าวชั่ววินาทีนั้น…ศรเซรีออนในมือนีร่าเปล่งแสงจ้าเหมือนจะปล่อยพลังสุดท้ายออกมาเธอยกศรขึ้น…ริมฝีปากแห้งแตกพึมพำถ้อยคำเวทเสียงแหบจนแทบฟังไม่ออก“…จบสิ้น…อสูร…”ประกายฟ้ารูปวงเวทหมุนรอบตัวเธอพลังเวททะลักขึ้นจนฝนสาดกระจายเป็นวงแสงจากศรสว่างจ้า—แต่ทันใดนั้นร่างเธอก็สั่นแรงแผลลึกบนแขนซ้ายฉีกกว้างกว่าเดิม เลือดพุ่งร้อนวาบเต็มมือนีร่าหอบแรง สายตาพร่าเสียงในหูเธอกลายเป็นเสียงอื้ออึงภาพรอบตัวพร่ามัวเหมือนฝันหัวหน้าเงือกที่บาดเจ็บคอคำรามต่ำมันถอยไปช้า ๆ หยาดเลือดดำหยดตามพื้นสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด…และความเกลียดชังก่อนมันจะพุ่งหนีเข้าความมืดหลังบ้านเรือนพังยับอีธานจะวิ่งตาม—แต่เขาหันมาเห็นนีร่าทรุดลงบนเข่าตัวเองศรเซรีออนร่วงจากมือกระแทกพื้นหิน“นีร่า!”เขาพุ่งเข้าประคองร่างเธอไว้แขนเธออ่อนแรงจนแทบไม่ขยับสายตาคู่สวยค่อย
นีร่าเหวี่ยงศรลงสุดแรงปลายศรเซรีออนเปล่งแสงฟ้าแทงเข้าข้างคอหัวหน้าเงือกฉึก!เสียงเนื้อแตกดังชัดเลือดสีหมึกทะลักออกมาเป็นฝอยดำข้นมันคำรามลั่นทั้งลานบ้านแต่พลังมันยังไม่หมด—เงือกกลายพันธุ์ใช้ครีบหนาฟาดสวนใส่เธอเต็มแรงผัวะ!ร่างนีร่ากระเด็นไถลไปตามพื้นหินเธอรู้สึกเหมือนอากาศในปอดหายไปหมดโลกทั้งโลกหมุนเคว้งอยู่ชั่ววูบเสียงอีธานตะโกน“นีร่า!”เธอพยายามลุก แต่แขนซ้ายชาไปหมดพอเหลือบลงมอง…แผ่นหนังแขนเสื้อขาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดไหลรินตลอดแนวแผลฝนโปรยแรงขึ้นจนทุกอย่างเย็นเฉียบแต่บาดแผลกลับร้อนจี๊ดราวไฟลวกเธอหอบหายใจ สายตาพร่าเสียงฝีเท้าเงือกกลายพันธุ์ก้าวมาช้า ๆมันก้มลง แยกเขี้ยวใส่เธอนีร่ากัดฟัน พยายามยันตัวขึ้นแม้แขนซ้ายจะสั่นจนแทบยกไม่ไหวศรเซรีออนสั่นแสงพร่าอยู่ในมือข้างขวาอีธานพุ่งมาคุกเข่าข้างเธอ“อย่าฝืน…! ถอยก่อน!”เธอสบตาเขาแม้เจ็บจนตัวสั่น แต่เสียงเธอยังนิ่ง“ไม่ได้…มันจะฆ่าพวกเขาทุกคน…”บีลาร์กับลุงโทบี้พุ่งเข้ามาขวางตรงหน้าหอกไม้ยกขึ้นพร้อมกัน แม้จะสู้ด้วยแรงที่สั่นระริกนีร่าหอบแรงหนึ่งทีแล้วกัดฟันจนเลือดซึมที่ริมฝีปากเสียงฝีเท้าเงือกกลายพันธุ์ที่กำลังจะก
เสียงกรีดร้องดังสะท้อนมาตามลมทะเลนีร่าชะงัก…มือยังถือถ้วยซุปที่อีธานเพิ่งตักให้เมื่อครู่แววตาเธอเปลี่ยนไปทันที — ความนิ่งสงบกลายเป็นความตื่นตัว“เสียงจากหมู่บ้าน…”เธอกระซิบ เบาแต่หนักแน่นอีธานวางชามลงแทบจะพร้อมกัน“ข้าจะไปด้วย”ไอล่าลุกพรวด“เดี๋ยว! มันอาจเป็นกับดัก—”“ไม่ไปตอนนี้จะไม่มีใครให้ช่วยแล้ว!” นีร่าตอบพลางคว้าศรเซรีออน ดวงตาสีฟ้าเรืองแสงจาง ๆศรในมือเธอร้อนจัด—เหมือนมัน “เตือน” ว่า ศัตรูอยู่ใกล้---กลางหมู่บ้าน — เปลวไฟลุกโชนร่างของเงือกกลายพันธุ์ 3-4 ตัว กำลังล้อมครอบครัวหนึ่งที่เหลือเพียงพ่อกับลูกสาว พ่อพยายามยื้อไว้ แต่เด็กหญิงร้องไห้เสียงแหบก่อนที่ครีบแหลมจะฟันลงมาที่ร่างพวกเขา—“ฟึ่บ!”เสียงบางอย่างพุ่งผ่านกลางอากาศแสงฟ้ารูปเกลียว ปรากฏขึ้นกลางฝูงเงือกศรเซรีออนแทงทะลุร่างของหนึ่งในพวกมัน ร่างมันกระตุกก่อนระเบิดเป็นเถ้าทะเล“ทางนี้!” เสียงนีร่าตะโกนเธอพุ่งเข้ามาท่ามกลางเปลวเพลิง ผมยาวสยายตามลม ใบหน้าเปื้อนฝุ่น แต่ดวงตาไม่สั่นไหวศรเวทในมือเปล่งแสงจ้า ราวกับรู้หน้าที่ของมันเองอีธานกระโจนตามมา สะบัดมีดคู่แทงเข้าลำตัวเงือกอีกตัวอย่างแม่นยำ เลือดสีดำทะลัก“หนีไปทา
แสงแดดสีทองอ่อนส่องลอดบานหน้าต่างเข้ามา นีร่ากับไอล่านั่งชิดกันบนพื้นไม้ ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีกนาน ต่างคนต่างเงียบราวกับต้องการให้หัวใจได้พักเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นที่บันไดอีธานกลับมาแล้วเขาเปิดประตูเข้ามาช้าๆ ในมือหิ้วตะกร้าที่มีก้อนขนมปังแห้ง ผลไม้ป่า และปลาเค็มสองตัว กลิ่นคาวผสมกลิ่นเค็มทะเลโชยอ่อนๆอีธานวางตะกร้าแล้วเดินเข้ามาหาทั้งสองคน เขาสบตานีร่า สายตาคู่นั้นอ่อนโยนจนหัวใจเธอสั่นอีธาน (เสียงทุ้มแผ่ว)“พอจะมีอะไรให้พวกเราอิ่มท้องไปถึงเย็น ข้าออกไปไกลหน่อย…คิดว่าไม่น่ามีใครตามรอยมาได้”ไอล่า (น้ำเสียงยังแหบ)“ขอบคุณ…เจ้าลำบากเพราะพวกเรามากแล้ว”อีธานส่ายหน้า เขาหันไปมองนีร่าแวบหนึ่งอีธาน“พวกเจ้าสองคนคือคนสำคัญ…ไม่มีอะไรเรียกว่า ‘ลำบาก’”นีร่าเม้มริมฝีปาก เธอรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ฝืนใจไว้นีร่า“เมื่อคืน…ข้าคิดว่าเราอาจไม่รอดแล้วจริงๆ”อีธานคุกเข่าลงข้างเธอ มือใหญ่สั่นน้อยๆ ขณะเอื้อมไปแตะแก้มนีร่าอีธาน“ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจ…ข้าจะไม่ยอมให้มันพรากเจ้าหรือใครไปอีก”เขาหันไปสบตาไอล่าอีธาน“ข้าสาบาน…เราจะพามาริเบลกลับไปฝังอย่างสมเกียรติ และเราจะหาทางล้างแค้นมัน”