@มหาวิทยาลัย A
ฉันนั่งสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลังพวงมาลัยหลังจากที่รถเคลื่อนมาจอดลานหน้าตึกคณะบริหารได้เพียงชั่วครู่ การเข้าเรียนแบบไม่ธรรมดาของฉันเป็นจุดสนใจไม่มากก็น้อยและฉันต้องยอมรับเสียงซุบซิบนินทาพวกนั้นให้ได้
นิ่งไว้...ไม่กี่อาทิตย์พวกเขาก็จะลืมไปเอง
ลมหายใจถูกพ่นออกจากปากฟู่ใหญ่ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูลงจากรถและปิดมันลงอย่างเบามือ นั่นไง...ยังไม่ทันได้ก้าวขาเลย เสียงนกเสียงกาก็กระทบเข้าโซนประสาทหูทันที
‘คนนี้ไงมึง ที่เข้ามากลางเทอม’
‘ก็พ่อเป็นถึงท่านทูต จะเข้าตอนไหนก็ได้ปะวะ’
‘เออ นั่นดิเนอะ’
‘เห็นว่าโอนมาจากเมกาด้วยนะมึง’
บลาบลาบลา~~
ฉันทำเป็นหูทวนลมแล้วเดินไปนั่งม้าหินอ่อนที่ว่างอยู่ใต้ตึกบริหาร ก่อนจะหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับหูฟังที่เตรียมไว้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ กดเข้าแอปฟังเพลงโปรดแล้วเปิดเพลงที่ชอบดังลั่นใส่หู
ระหว่างที่ฉันนั่งฮัมเพลงอย่างสบายใจ ก็มีผู้ชายตัวสูงรูปร่างสันทัดและใบหน้าที่หล่อเหลาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนหย่อนก้นลงนั่งม้าหินอ่อนตัวตรงข้ามอย่างถือวิสาสะ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่แสดงถึงความจริงใจมาให้...ให้ฉันเหรอ ไม่น่าใช่
ฉันหันมองซ้าย มองขวา ก็ไม่มีใครนี่หว่า แล้วเขาก็เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ฉันไม่ได้ยิน อ๋อ! ..ลืมว่าใส่หูฟัง ฉันเลยดึงมันออกทั้งสองข้าง ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มของคนตรงหน้า
“เธอเพิ่งมาวันแรกใช่ไหม”
“ชะ...ใช่” ฉันตอบกลับไปแบบงงๆ ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน รู้จักกันรึ...ก็เปล่า เขามาตีเนียนจีบฉันงั้นเหรอ
“งั้นเธอคงยังไม่มีชมรมสินะ”
“ชมรม?” ที่แท้ก็มาชวนเข้าชมรม...แต่ก็ยังดีกว่ามาขายขนมจีบ แล้วผู้ชายตรงหน้าก็เริ่มแนะนำตัวทันที
“อืม เราชื่อนนท์ เรียนบริหารเหมือนกัน แล้วเธอ”
“โรส”
“ทีนี้ก็รู้จักกันแล้ว มาเข้าชมรมเราเหอะนะ”
ฉันมองคนตรงหน้าที่นั่งทำหน้าตาน่าสงสารด้วยสายตาพิจารณา เขาก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรนะ ออกจะดูจริงใจด้วยซ้ำ บางทีฉันมีเพื่อนที่นี่ไว้สักคนก็น่าจะดีกว่าตัวคนเดียวนะ
“แล้วนนท์ ทำชมรมอะไรอะ” พอได้ยินฉันถามออกไปแบบนั้น สายตาคนตรงหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความหวังวาววับเป็นประกายทันที เดี๋ยวนะ...นี่ฉันสำคัญกับชมรมเขาขนาดนั้นเลยเหรอ
“จิตอาสาช่วยน้องๆ บนดอยอะ” นนท์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางร่าเริงสุดๆ คือฉันก็งงๆ แต่ชมรมน่าสนใจดีนะ ได้ช่วยเหลือคนอื่นด้วย ดีกว่าพวกการแสดงหรือร่ายรำเป็นไหนๆ
“อืม เราเข้าชมรมด้วยก็ได้”
“เยสสสส ชมรมไม่โดนยุบแล้วเว้ย” ทันทีที่ฉันตอบตกลง นนท์ก็ทำท่าแทงศอกเข้าข้างลำตัวพร้อมส่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ คือจำเป็นต้องขนาดนี้เลยเหรอ ก่อนจะหลุดประโยคที่ทำให้ฉันร้องอุทานออกมาเสียงหลง
“ฮะ?”
“คือ..ไม่ค่อยมีคนสนใจชมรมแบบนี้สักเท่าไหร่อะ แล้วกรรมการก็ยื่นคำขาดมา ถ้าสมาชิกไม่ถึงสามสิบคนจะยุบ แล้วโรสก็คือคนที่สามสิบพอดี ขอบคุณน้า” นนท์พยายามอธิบายให้ฉันเข้าใจด้วยเสียงอ่อยๆ ดูๆ ไปแล้วก็น่าสงสารนะ ทำความดีแต่ไม่มีคนเห็นด้วยมันน่าเห็นใจนะ แล้วเขาก็พูดอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับที่นี่ให้ฉันฟัง ฉันคิดว่านนท์น่าจะเป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ ไม่งั้นคงไม่มาทำชมรมแบบนี้หรอก
…
พอจบคลาส ฉันก็ยังคงพยายามทำความเข้าใจกับตัวอักษรภาษาไทยมากมายตรงหน้า ฉันอยู่กับภาษาอังกฤษมาตั้งหลายปี มันก็ค่อนข้างยากนิดหนึ่ง แบบไม่ค่อยชิน ก่อนจะได้ยินเสียงของผู้ชายที่เพิ่งเป็นเพื่อนฉันหมาดๆ เอ่ยชวนขึ้น
“โรส ไปกินข้าวกัน”
“อืม” ฉันเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเพื่อตอบรับคำชวนของนนท์ ก่อนจะเก็บของลงกระเป๋าแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตามหลังนนท์ออกมาจากห้อง ระหว่างทางฉันก็พยายามมองรอบๆ ไปด้วย เพื่อสังเกตจุดต่างๆ ของมหาวิทยาลัย จะได้ไม่เอ๋อ...เวลาไปไหนคนเดียว
นนท์เปิดประตูเข้าไปในโรงอาหารโดยมีฉันตามมาติดๆ ก่อนเขาจะหยุดกวาดสายตามองหาอะไรสักอย่าง และดูเหมือนจะเจอจุดหมายแล้วเพราะขายาวก้าวนำฉันไปโซนในสุดที่อยู่ริมหน้าต่าง แล้วมาหยุดที่โต๊ะๆ หนึ่งซึ่งมีคนนั่งอยู่แล้ว
แต่ที่ทำให้ฉันช็อกก็คือคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่หัวโต๊ะนั่น
“หู้ยยย..แอบมีแฟนไม่บอกเพลินเหรอ” เสียงเล็กของผู้หญิงหนึ่งในนั้นเอ่ยแซวนนท์ทันทีที่เห็นฉัน ก่อนที่คนถูกกล่าวหาจะแก้ตัวเป็นพัลวัน แต่ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์มาสนใจใครทั้งนั้น
“ทะลึ่งๆ ไม่ใช่แฟน”
“โรส” ฉันละสายตาจากคนหัวโต๊ะหันไปหานนท์ตามเสียงเรียก ก่อนเขาจะแนะนำผู้หญิงสองคนให้ฉันรู้จัก
“นี่เพลิน นี่มิณ สองสาวเนี่ยเรียนบัญชี แต่อยู่ชมรมเดียวกับเรา” ฉันได้แต่ยิ้มน้อยไปให้พวกเธอทั้งสอง ก่อนพวกเธอจะส่งยิ้มกลับมาเช่นกัน แล้วกลิ้งลูกตากลับไปมองคนที่หัวโต๊ะต่อ..แต่เขาไม่ได้สนใจฉันสักนิด ไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือด้วยซ้ำ
“ส่วนนี่รุ่นพี่ยูตะและก็รุ่นพี่ธาม” แล้วนนท์ก็แนะนำผู้ชายอีกคนที่นั่งข้างผู้หญิงที่ชื่อมิณ ดูเหมือนสองคนนี้จะเป็นแฟนกัน และอีกคนที่ฉันรู้จักเป็นอย่างดี ฉันหันไปยิ้มให้ผู้ชายที่ชื่อยูตะและหันกลับมาที่ธาม แต่เขายังคงก้มหน้าอยู่กับหนังสือเหมือนฉันไม่มีตัวตนในสายตาเขาไปแล้ว
“พี่หาสมาชิกครบแล้วเว้ย ชมรมเราไม่โดนยุบ” นนท์ลากเก้าอี้ออกมานั่งลงข้างคนที่ชื่อเพลินและพูดบอกสองสาวด้วยท่าทางตื่นเต้น โดยมีอีกสายตากราดเกรี้ยวของผู้ชายที่ชื่อยูตะมองอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ถูกกันเหรอ...กับนนท์เนี่ย
“ถามจริง? คนที่ว่าคือพี่โรสคนนี้สินะ” ผู้หญิงคนที่ชื่อมิณเอ่ยถามขึ้นแล้วชี้มาที่ฉันก่อนนนท์จะตอบกลับไปทันควัน
“อืม โรสเพิ่งโอนย้ายมาจากเมกา พี่ก็เลยไปชิงตัวมาซะก่อน”
ฉันค่อยเหลือบมองคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะตลอดเวลาแต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบสนองเลย ยังคงนิ่ง...และนิ่ง กลายเป็นฉันเองซะแล้วที่อยู่ไม่เป็นสุข
“นนท์ เราไปห้องน้ำก่อนนะ” พูดจบฉันก็เดินออกมาเลยโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดหมายอยู่ไหน รู้แต่ฉันต้องไปจากตรงนี้ อยู่นานกว่านี้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้มันต้องไหลออกมาแน่ๆ ทำไมมันถึงเจ็บแบบนี้นะ…
ทำไมเขาถึงมาเรียนที่นี่ เขาควรอยู่ที่กรุงเทพไม่ใช่เหรอ เมื่อวันก่อนว่าช็อกแล้ว วันนี้ยิ่งช็อกกว่า แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปดี ใจฉันมันแตกเป็นเสี่ยงๆ ทุกครั้งที่เจอเขา ทุกครั้งที่เขาทำเหมือนไม่รู้จัก ทำเหมือนไม่เห็นแบบนี้ ฉันก็แย่น่ะสิ
ฉันเดินกลับมาที่รถเปิดประตูขึ้นไปนั่งอย่างคนหมดแรง ก่อนจะฟุบหัวลงกับพวงมาลัย ปล่อยน้ำตามันไหลออกมาอยู่แบบนั้น ฉันกลั้นมันไว้ไม่ได้จริง ฉันไม่เคยตัดใจจากเขาได้ ถึงจะพยายามแค่ไหนก็ตาม เลือกเองก็กลายเป็นเจ็บปวดเจียนตายซะเอง…..
“งั้นจูบเอง”อื้อออ~สิ้นเสียงธามปากฉันก็ถูกปิดด้วยจูบเขาทันที คนอะไรเอาแต่ใจชะมัด แต่สุดท้ายฉันก็ยอมให้เขาจูบอยู่แบบนั้น ฉันไม่เคยต้านทานสัมผัสที่เขามอบให้ได้เลยสักครั้ง และมันต้องเลยเถิดไปไกลแน่ๆ ถ้าไม่ติดว่ามีสายเรียกเข้าซะก่อนครืดดดด~~ ครืดดดดดฉันรีบผลักธามออกก่อนจะล้วงเข้าไปเอามือถือในกระเป๋าออกมาโดยที่ปากหนาของนายธานินทร์ยังซุกไซร้อยู่บนซอกคอฉันไม่ยอมหยุดชู่วววว์~“ธาม หยุดก่อน คุณพ่อโทรมา”แต่พอเห็นว่าใครโทรมา ฉันเลยต้องส่งสัญญาณไปให้ธามเงียบและหยุดทำสิ่งที่เขากำลังอยู่ทันที แต่มีรึที่คนอย่างนายธานินทร์จะฟัง เขานิ่งไปพักนึงแต่พอฉันรับสายปุ๊บปากหนาก็กดจูบลงมาที่เดิมปั๊บ“คะ คุณพ่อ”‘พ่อเตรียมชุดไว้ให้หนูแล้วนะ มาแต่งตัวที่บ้านเราแล้วกันเนอะ’ระหว่างที่คุณพ่อกำลังพูดฉันก็ต้องคอยปรามคนข้างๆ จนไม่มีสมาธิฟัง ว่าแต่คุณพ่อพูดถึงชุด...ชุดอะไร“ชุดอะไรคะ”‘อ้าวก็ชุดไปงานเลี้ยงบ้านคุณอาตะวันเย็นนี้ไง อย่าบอกนะว่าหนูลืม’แป
ปึกก...ตุ๊บบบบโอ๊ยยย/โอ๊ยยเห้ย!!ฉันกับนนท์หันกลับไปมองทางต้นเสียงพร้อมกันและภาพที่เห็นก็คือรุ่นน้องสองคนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้หินอ่อนหน้าคณะร่วงลงไปกองรวมกันอยู่กับพื้น“เชี่ยยย!”แต่ที่ทำให้นนท์อุทานออกมาเสียงหลงและฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูกนั่น ก็เพราะคนทำไม่ใช่ใครอื่น..แต่เป็นแฟนฉัน เสียงผู้คนแตกตื่นทำให้ฉันได้สติและรีบพุ่งตัวไปขวางธามไว้ก่อนเขาจะเข้าซัดเด็กนั่น“ธาม ธาม หยุด เป็นอะไร ไปทำพวกเขาทำไม”ปักกก...อึกกกธามดันร่างฉันออกและพุ่งเข้าไปเตะปากน้องคนหนึ่งอย่างแรงจนเลือดพุ่งออกมาเหมือนใส่เอฟเฟคยังไงยังงั้น และมันทำให้คนแถวๆ นั่นพากันมามุงดูกันใหญ่ ฉันเองก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนเอามือปิดปากตัวเองแบบยังช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่“ใจเย็นนน รุ่นพี่ ใจเย็นก่อนนะ” นนท์พยายามเข้ามาขวางไว้เพราะธามทำท่าจะพุ่งใส่อย่างเดียว ฉันไม่เคยเห็นธามของขึ้นแบบนี้มานานมากแล้วนะ เขาไม่ใช่คนจะมารังแกใครสุ่มสี่สุ่มห้า พวกนี้ต้องไปทำอะไรให้ธามไม่พอใจถึงขั้นสุดแน่ๆ“....” ธามไม่พูดอะไรเอาแ
“อยากเล่นง่ะ” รุ่นพี่คนที่กำลังเล่นอยู่หันมาถามฉัน ฉันรีบฉีกยิ้มกว้างพยักหน้าให้เขาแทนคำตอบทันที“นู้น ไปให้ไอ้ธามมันสอนไป”ฉันเดินไปหาธามเกาะแขนเขาทำตาปริบๆ บวกกับสีหน้าออดอ้อนสุดๆ แต่คำตอบที่ได้มาคือไม่ กะแล้วเชียว…“งั้นรุ่นพี่สอนเราหน่อยซิ นะคะ” ฉันเดินกลับมาพูดกับรุ่นพี่คนเดิมที่ไล่ฉันไปหาธามเมื่อกี้ด้วยเสียงออดอ้อน เขาหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะตอบตกลง แต่…“มานี่” ธามดึงแขนฉันมายืนอีกฝั่งของโต๊ะซะก่อน ตวัดตามองรุ่นพี่คนนั้นอย่างกราดเกรี้ยว ส่วนรุ่นพี่คนนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมุมปากให้แบบกวนๆ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม“ธามจะสอนโรสใช่ม่ะ เยสส!” เสียงตื่นเต้นหลุดออกมาเมื่อธามส่งไม้ยาวมาให้ฉันเขาไม่ตอบอะไรแต่จับตัวฉันหันเข้าหาโต๊ะ แล้วช้อนเข้าด้านหลัง จับมือฉันที่ถือไม้วางทาบไปบนโต๊ะ ส่วนอีกมือก็ถูกเขาจับขึ้นไปวางบนโต๊ะเพื่อรองไม้ยาวนั่นอีกทีตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะโฟกัสกับอะไรก่อนดี ลูกกลมๆ นั่น ไม้ มือ หรือคนที่อยู่ประชิดด้านหลัง ใจเต้นแรงแปลกๆ คงเพราะตื่นเต้นที่จะได้เล่นพูลเป็นครั้งแรกล่ะมั้ง“มองที่ลูกขาว”เสียงทุ้มของธามทำให้ฉันละสายตาจากใบหน้าคมที่อยู่เกือบชิดแก้มฉันมาสนใจที่ลูกสีขาวตาม
พอรถเคลื่อนเข้าจอดสนิทหน้าตึกบริหาร ฉันก็เตรียมตัวจะลงจากรถ แต่ธามเรียกไว้ซะก่อน“เดี๋ยว”“หืม”ธามเอื้อมมือมาเปิดเก๊ะหน้ารถหยิบถุงอะไรไม่รู้มายื่นให้ ฉันรับมาแล้วเปิดดูด้วยความอยากรู้ทันที ปรากฏว่าข้างในมันคือยาคุมฉุกเฉิน! จริงสิ ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย“เม็ดแรกกินได้เลย และกะ..”“รู้แล้วๆ โรสรู้หรอกน้า” ฉันพูดแทรกขึ้นพลางก้มหน้างุด บ้าจริง ไม่คิดว่าฉันจะอายบ้างเลยรึไงนะ ฉันรีบเก็บถุงยาเข้ากระเป๋าและเปิดประตูลงจากรถทันที หน้างี้ร้อนผ่าวเลย แดงแค่ไหนแล้วเนี่ย นี่โลกเรามาถึงจุดที่ต้องให้ผู้ชายมาสอนกินยาคุมแล้วเหรอ…“อะ...อ้าว ทำไมจอดนี่อะ” ฉันถามขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อเห็นธามปิดประตูรถและกดรีโมทล็อกทันที ฉันนึกว่าเขาจะขับรถไปซะอีก“จอดไม่ได้?” ธามหันมาเลิกคิ้วถามแบบกวนๆ พลางก้าวเท้าเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าฉัน“จอดได้ แต่ธามก็ต้องเดินไกล ขับรถไปไม่ดีกว่าเหรอ”“ชอบเดิน”“ง่ะ แล้วทำไมไม่เดินมาจากคอนโดโน่นเลยอะ” กวนมาก็กวนกลับ แฟร์ๆ คนอะไรนิ่งๆ แต่กวนประสาทโคตรๆ ธามเค้นเสียงในลำคอก่อนจะโน้มหน้ามากระซิบข้างหูฉัน“ความจริง กลัวโรสเหนื่อยต่างหาก เดี๋ยวคืนนี้ไม่มีแรง”ผลั่กกก!“พะ...พูดบ้าไรเนี่ย” ฉัน
11:50 น.Rungsita Talkอ๊อดดดด!!ฉันหยิบกระเป๋าสะพายใบโปรดของตัวเองแล้วเดินตรงไปเปิดประตูทันทีโดยไม่ส่องตาแมว เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร และก็ไม่ผิดจากที่คิด“เสร็จยัง”ฉันพยักหน้าให้ธามแทนคำตอบ ก่อนจะดึงประตูปิดลง พากันเดินไปที่ลิฟต์ทันที….….“ธาม ทำไมมานี่อะ” ฉันเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะอยู่ๆ ธามก็เลี้ยวรถเข้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมืองแบบไม่บอกกล่าว จำได้ว่าเราไม่ได้คุยกันว่าจะไปไหนนิ ฉันนึกว่าเขาจะเข้ามหาลัยเลยซะอีก“ไอ้ยูมันชวนมากินข้าว”“อ่อ” ก็แทนที่จะบอกกันก่อนสักนิด นึกจะพาไปไหนก็ไป จริงๆ เลยพอรถจอดสนิทฉันก็เปิดประตูลงจากรถ ส่วนธามก็เดินมาจูงมือฉันให้ไปตามทางที่เขาอยากจะพาไป สักพักเขาก็พาฉันเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง และเดินมาหยุดที่โต๊ะยาวกลางร้าน ที่มียูตะ มิณ เพลิน ดิน พี่หนูดา และพะ...พลอยใส ฉันรีบหลบหลังธามทันทีที่พลอยใสหันมามอง เอาจริงๆ ที่เจอวันนั้นยังช็อกๆ อยู่เลย“ไม่มีไรหรอก” ธามดึงตัว
เฮือกกกก!ผมสะดุ้งโหย่งก่อนจะพุ่งตัวไปหาร่างบางบนเตียงที่จู่ๆ ก็ดีดตัวขึ้นนั่งหายใจหอบถี่จนตัวโยน พลางฟุบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง เหงื่อผุดออกเต็มกรอบหน้า ผมคิดว่าเธอน่าจะฝันร้าย“ฝันร้ายอีกแล้ว?”“อือ..” โรสครางรับในลำคอก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม ฉีกยิ้มบางให้ ราวกับจะบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ผมโคตรกังวลใจ ผมเห็นเธอเป็นอย่างงี้มาสองครั้งสองครา จนเริ่มอยากรู้ว่าเธอฝันถึงอะไรกันแน่ แต่ก็ไม่อยากคาดคั้นผมเอามือวางบนหัวเล็กทุยแล้วออกแรงโยกเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมายื่นให้โรส และหมุนตัวกลับไปจัดการตัวเองต่อให้เรียบร้อย“ธาม มีคลาสเช้าเหรอ”“อืม โรสหล่ะ” ผมครางตอบแล้วถามกลับ พลางติดกระดุมเสื้อตัวเองไปด้วย“วันนี้คลาสบ่าย งั้นโรสขอเอารามไปเล่นที่ห้องนะ นะธาม นะ” เสียงออดอ้อนเอ่ยขึ้น ผมละสายตาจากกระดุมเสื้อตัวเองที่ติดเสร็จพอดี ถอดมองไปยังเงาในสะท้อนผ่านกระจกบานใหญ่ที่ผมยืนอยู่ เห็นโรสนั่งทำตาปริบๆให้ผมอยู่บนเตียง ผมหมุนตัวเดินไปนั่งลงข้างๆ แล้วเอ่ยขึ้น&ld