ตอนเป็นเด็ก ฉันเคยฝันอยากเป็นเจ้าหญิงที่ได้แต่งงานกับเจ้าชายรูปงามและครองรักกันอย่างมีความสุขตราบนานเท่านาน แต่พอฉันเติบโตขึ้น จึงทำให้ได้รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน ในชีวิตจริงการที่เราได้พบเจอคนดีๆสักคน คนที่เขารักเราจริงไม่ทิ้งเราไปไหนไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม เขาก็จะอยู่เคียงข้างเราเสมอ ถ้าฉันได้เจอกับคนๆนั้นฉันจะรักษาเขาไว้ให้ดีที่สุด
ในขณะที่ฉันกำลังฝันถึงเจ้าชายรูปงามที่กำลังจะได้จุมพิตกันอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งตื่นจากฝัน "กริ๊งงงงงงงงง" มันเป็นเสียงโทรศัพท์นั่นเอง แล้วฉันก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันอยู่ใกล้ๆฉัน ฉันจึงลืมตาขึ้นดู แล้วฉันก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมแขนของใครสักคน ฉันจึงนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ ฉันจึงได้รู้ว่าอ้อมแขนนี้เป็นของใครและนั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ฉันจึงค่อยๆขยับตัวลุกออกมาจากตรงนั้น แต่ก็มีเสียงพูดขึ้นมาว่า "ตื่นแล้วหรือ หลับสบายไหมยัยขี้เซา" ครั้งนี้เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนพร้อมด้วยรอยยิ้มที่เห็นแล้วละลาย ทำให้ฉันเคลิ้มไปอยู่ครู่หนึ่ง "ขอโทษนะคะ ที่ฉันมานอนตรงนี้ คุณคงจะอึดอันน่าดู ฉันจะรีบกลับห้องตัวเองเดี๋ยวนี้เลยค่ะ" ฉันรีบดีดตัวลุกจากที่อย่างไวแล้วรีบวิ่งไปที่ประตู และเขาก็ตะโกนบอกกับฉันว่า "ฉันไม่ได้ว่าอะไรเธอเสียหน่อย อ้อ! เมื่อกี้นี้พี่กวินโทรมาบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดคุณปู่ ท่านอยากให้เราสองคนไปร่วมงานด้วย เธอรีบไปอาบน้ำแต่งตัวนะเดี๋ยวเราจะไปดูของขวัญให้คุณปู่กัน หรือเธอจะใช้ห้องอาบน้ำที่นี่ก็ได้นะ ฉันไม่ถือ" เขาพูดจบแล้วยิ้มเยาะอย่างภูมิใจ โอ้ย! อีตาบ้านี่พูดอะไรก็ไม่รู้ คำพูดเขาทำให้ฉันรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ฉันจึงตัดสินใจรีบวิ่งออกจากห้องนั้นโดยเร็วไว เมื่อมาถึงห้องของตัวเอง ฉันก็รีบอาบน้ำแต่งตัวทันที ฉันรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยที่จะได้ไปเลือกซื้อของขวัญให้คุณปู่ของเขาด้วยตัวฉันเอง ที่ตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จะได้ซื้อของให้ผู้ใหญ่คนสำคัญ ปกติฉันจะซื้อของให้แต่กับจินและเจ็ทเท่านั้น ฉันจึงค่อนข้างกดดันเล็กน้อย เพราะไม่รู้จะซื้ออะไรดี เมื่อเราทั้งคู่พร้อมจึงออกเดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่นี่เต็มไปด้วยข้าวของมากมายจนฉันตาลายไปหมด เราสองคนเดินกันไปเรื่อยจนมาถึงร้านขายของใช้ในบ้าน ฉันจึงแวะเข้าไปดูและพบกับชุดแก้วกาแฟคู่รักชุดหนึ่ง ตัวแก้วเป็นรูปเด็กผู้ชายหนึ่งใบและเด็กผู้หญิงอีกหนึ่งใบ ยืนถือลูกโป่งสีแดงเป็นรูปหัวใจครึ่งดวง หากนำแก้วมาประกบกันจะกลายเป็นหัวใจเต็มดวง ฉันเห็นว่ามันน่ารักดีเลยกะว่าจะซื้อเก็บไว้ แต่ฉันยังไม่ทันเอ่ยปากพูดใดๆก็มีเสียงพูดขึ้นว่า "คุณครับ! ผมเอาชุดแก้วกาแฟชุดนี้ครับ ช่วยคิดเงินให้ด้วยนะครับ" เขาไปบอกพนักงานขายและหันมายิ้มให้ฉัน จากนั้นพนักงานขายก็เดินมาหยิบแก้วที่อยู่ในมือฉันไปคิดเงินทันที เมื่อคิดเงินสินค้าเสร็จแล้วเราก็ออกเดินทางตามหาของขวัญของคุณปู่กันต่อ เราเดินหากันอยู่พักใหญ่จึงมาเจอกับร้านขายของสะสมโบราณร้านหนึ่ง ภายในร้านเต็มไปด้วยข้าวของมากมาย ส่วนใหญ่ค่อนข้างที่จะมีอายุทั้งนั้น ฉันเดินเล่นไปเรื่อยๆจนไปเจอกับนาฬิกาแขวนผนังที่ทำจากไม้นำมาแกะสลักมีลวดลายสวยงามเรือนหนึ่ง ฉันคิดว่าจะซื้อเรือนนี้ให้เป็นของขวัญคุณปู่ ฉันยืนจ้องอยู่ครู่ใหญ่ เจ้าของร้านเป็นคุณลุงอายุประมาณ60กลางๆจึงเดินมาพูดคุยด้วยเพราะเห็นว่าฉันสนใจ "สนใจนาฬิเรือนนี้หรือหนู หนูนี่ตาถึงนะ นาฬิกาเรือนนี้มีที่มาที่ไปอยู่ เป็นนาฬิกาของผู้ชายคนหนึ่งเขาทำขึ้นมาเพื่อมอบให้ภรรยาของเขา เพื่อแทนความหมายว่าเวลาของเราจะเดินไปพร้อมกัน แต่เขายังไม่ทันได้มอบให้เธอ ภรรยาเขาก็มาจากไปเสียก่อน เขาจึงเอามาขายที่นี่ ก่อนจะขายลุงก็ถามเขาว่าทำไมเอาของสำคัญแบบนี้มาขาย เขาก็ตอบว่าตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วเพราะเวลาของเขาหยุดเดินตั้งแต่วันที่ภรรยาเขาจากไป หนูสนใจซื้อไหมเดี๋ยวลุงลดราคาให้" คุณลุงพูดจบก็หันมายิ้มให้ฉัน ทีแรกฉันก็ลังเลแต่ก็ตอบตกลงซื้อทันที เมื่อได้ของขวัญของคุณปู่แล้ว ฉันนึกว่าจะได้กลับบ้าน แต่เขากลับลากฉันไปที่ร้านๆหนึ่ง เป็นร้านเสื้อผ้าและเครื่องสำอางค์ในร้านเดียวกัน ฉันสงสัยจึงถามเขาออกไป "คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ คุณจะซื้ออะไรให้ใครหรือคะ นี่มันร้านเสื้อผ้าผู้หญิงนะคะ" เขาก็ตอบกลับว่า "ฉันพาลูกเป็ดขี่เหร่มาแปลงโฉมให้เป็นหงส์หน่ะสิ" เขาพูดและยิ้มจากนั้นก็ดีดนิ้วเรียกพนักงานมา มีพนักงาน4-5คนมารุมล้อมฉัน ทั้งเอาชุดมาให้ลอง ทั้งแต่งหน้าทำผม วุ่นวายกันไปหมด ใช้เวลาอยู่พักใหญ่พวกเขาเหล่านั้นก็แปลงโฉมฉันเสร็จ และให้ฉันไปยืนหน้ากระจกเพื่อส่องผลงานของพวกเขา ฉันหันไปมองพวกเขาแต่ละคนทำหน้าเหมือนภูมิใจมาก เมื่อแต่งหน้าทำผมเสร็จ ฉันก็มายืนส่องกระจก และฉันก็ต้องตกใจ ภาพที่สะท้อนในกระจกเหมือนไม่ใช่ฉัน หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสสีชมพูอ่อน ใบหน้าที่แต่งแต่เหมือนไม่ได้แต่ง สวยแบบธรรมชาติ สวยจนฉันคิดว่า ถ้าฉันหลงรักตัวเองจะผิดไหมนะ ฉันยืนหมุนไปหมุนมาอยู่พักใหญ่ จนเขาคงทนรอไม่ไหวเลยเข้ามาตาม เมื่อเขาเห็นฉันก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง คงจะตะลึงในความสวยของฉันหล่ะสิ มันเหมือนความฝันไม่มีผิด เหมือนในละครที่พระเอกพานางเอกมาร้านเสื้อผ้าแล้วพอเห็นนางเอกก็ตะลึงในความสวยยังไงอย่างงั้น ถ้านี่คือความฝันที่ทำให้ฉันสวยเหมือนเจ้าหญิง ฉันก็อยากจะฝันต่อไปแบบนี้อีกนานๆ... ...โปรดติดตามตอนต่อไป...ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ จากคนที่เคยคิดว่าไม่น่าจะมารักกันได้ ก็กลับกลายเป็นว่าได้มารักกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขนี่ก็ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังจากวันที่ฉันและคุณศรันย์ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ในทุกๆวันที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างสามีและภรรยาเรามีความสุขกันมาก คุณศรันย์เคยขอฉันแต่งงานใหม่ แต่ฉันก็ปฏิเสธไป เพราะเราได้แต่งงานกันไปครั้งนึงแล้ว ถึงแม้ว่าการแต่งงานในตอนนั้นมันจะเป็นงานแต่งงานหลอกๆก็ตาม แต่ความรู้สึกที่เรามีให้กันในตอนนี้มันคือของจริง ฉันจึงคิดว่ามันไม่จำเป็นที่เราจะต้องจัดงานแต่งงานขึ้นมาอีก ปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่ก็ใกล้จะถึงวันครบรอบ 30 ปีที่ก่อตั้งบริษัท เดอะวันแล้ว ฉันและคุณศรันย์เรายุ่งกับการเตรียมงานกันอย่างมาก เพราะเราตั้งใจว่าจะทำให้ทุกคนที่มางานได้รับความสุขกลับไป ธีมส์ของงานในครั้งนี้คือ "วันพิเศษ แด่คนที่พิเศษ" รายละเอียดของงานคืออยากให้คนที่มาร่วมงานได้บอกความรู้สึกที่มีให้อีกฝ่ายได้รับรู้ หากอีกฝ่ายตอบรับความรู้สึกนั้น เรามีของรางวัลให้ไปเที่ยวพักรีสอร์ท 2วัน 1คืน (ซึ่งแน่นอนว่ารีสอร์ทนั้นเป็นของบ้านฉันเอง) ในขณะที่เรากำลังเตรียมง
ช่วงเวลาในตอนนี้มันช่างพิเศษเสียเหลือเกิน ฉันได้อยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของชายที่ฉันไม่คิดว่าจะได้มารักกัน ใบหน้าของฉันแนบกับหน้าอกของเขาและได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ราวกับว่าหัวใจดวงนั้นจะระเบิดออกมาใส่หน้าฉันเสียให้ได้ เรายืนกอดกันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็พูดกับฉันว่า "ฉันว่าเรามาจบสัญญานี่กันดีกว่านะ" เมื่อฉันได้ยินแบบนั้นก็หน้าซีดและใจสั่น น้ำตาก็ไหลมาคลอๆที่เบ้าตา ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอตอบกลับเขาไปว่า "ที่คุณทำมาทั้งหมดนี้เพียงเพื่ออยากจะจบสัญญานี่หรือคะ ได้ค่ะ! งั้นเรามาจบสัญญากันเถอะ!" ฉันพูดจบก็หันหลังเพื่อที่จะเดินหนีออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาของฉันในขณะที่ฉันกำลังหันหลังเพื่อก้าวเดินหนีไปนั้น เขาก็คว้าแขนของฉันแล้วดึงกลับไปกอดอีกครั้งแล้วพูดว่า "นี่! ฟังฉันพูดให้จบก่อนสิ! เธอจะรีบไปไหน ทำตัวเป็นนางเอกละครไปได้ ที่ฉันหมายถึงก็คือให้เรายุติสัญญาจอมปลอมนี่ แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ต่างหาก ยัยบื้อเอ๊ย!" เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก โอ้ย!ทำไมฉันถึงได้ทำอะไรน่าอายแบบนั้นกันนะ! ยัยมาริสายัยโง่เอ๊ย! "ขอโทษนะคะ ที่ฉันด่ว
ในชีวิตฉันเคยหวังว่าสักวันหนึ่งจะมีคนมาทำเซอร์ไพรส์วันเกิดให้ แล้วในวันนั้นฉันคงจะมีความสุขมากๆ แต่ไม่คิดว่าวันนั้นที่ฉันหวังเอาไว้จะมาถึง เพราะเขาคนนี้ทำให้ความหวังของฉันเป็นจริง ความสุขที่คิดไว้ก็เกิดขึ้นจริง และมากกว่าที่คาดคิดไว้เสียอีกในตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำทั้งหมดนี้เพื่ออะไร จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ฉันก็มีความสุขมากกับสิ่งที่เขาทำให้ ไม่ว่าเขาจะทำไปเพื่ออะไรก็ตาม ขอแค่ให้เขาอยู่ข้างฉันแบบนี้ก็พอ คำอธิฐานในวันเกิดปีนี้ที่ฉันอยากจะขอก็คือ ฉันอยากให้เราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอดกาล และไม่อยากให้สัญญาจอมปลอมนั้นต้องจบลง เพราะตอนนี้ใจของฉันไม่ใช่ของฉันอีกต่อไปแล้วฉันยืนหลับตาและอธิฐานอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงพูดขึ้นมาว่า "นี่เธอ! จะขออะไรหนักหนา เธอขอนานไปแล้วนะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงให้เธอไม่ไหวหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า" เสียงนั้นทำเอาฉันต้องรีบลืมตาขึ้นมาทันที เพราะกลัวว่าหากฉันหลับตานานกว่านี้เขาอาจจะพูดแซวฉันอีกก็เป็นได้ "ก็คุณเป็นคนบอกให้ฉันอธิฐานเองนี่คะ ฉันก็เลยขอเยอะหน่อย เผื่อว่าจะสมหวังกับเขาบ้าง" ฉันพูดตอบกลับเขา และเขาก็ถามฉันกลับมาว่า "แล้วเธอขออะไร
หลังจากงานเลี้ยงจบลง ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ วันเวลาผ่านไปได้สองเดือนครึ่งแล้วหลังจากที่เราแต่งงานกัน เหลือเวลาอีก15วันเท่านั้น สัญญาของเราสองคนก็จะจบลงวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันตื่นมาตามปกติ แต่ที่แปลกไปจากเดิมก็คือ ฉันลืมตามมาเจอเขานอนอยู่ข้างๆพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้และพูดทักทายฉันว่า "อรุณสวัสดิ์ ตื่นเสียทีนะยัยขี้เซา ฉันมานอนอยู่ข้างๆตั้งนานยังไม่รู้สึกตัวอีก ถ้าเกิดว่ามีใครทำมิดีมิร้ายกับเธอจะทำยังไง" มันก็จริงอย่างที่เขาว่า เพราะฉันไม่รู้สึกตัวเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาตอนไหน แล้วทำไมเขาถึงได้มานอนอยู่ข้างๆฉันได้หล่ะ? พอคิดได้อย่างนั้นฉันเลยถามออกไป "แล้วคุณเข้ามาห้องฉันได้ยังไงคะ แถมยังมานอนข้างๆฉันอีก นี่คุณคิดจะทำอะไรฉันคะ ไม่ได้นะคุณ! ถึงเราจะเป็นสามีภรรยากันก็จริง แต่มันก็แค่ในนาม คุณไม่มีสิทธิทำอะไรฉันนะคะ" พอฉันพูดจบเขาก็หัวเราะลั่นและพูดว่า "นี่เธอ! เพี้ยนหรือเปล่า? นี่บ้านฉัน ฉันก็ต้องมีกุญแจไขเข้ามาอยู่แล้ว ที่ฉันเข้ามาเพราะฉันเคาะประตูเรียกเธอตั้งนานแล้วไม่มีเสียงตอบรับ ฉันกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรเลยรีบเข้ามาดู แต่เห็นเธอยังนอนกรนอยู่แถมละเมอด้วย และฉันขอบอกตรงนี้เล
เมื่อเราสองคนได้ของขวัญและชุดที่จะใส่ไปออกงานแล้ว เราก็เดินทางไปสถานที่จัดงานทันที เราเดินทางมาถึงสถานที่หนึ่ง ที่เหมือนกับคฤหาสน์ที่ดูหรูหราเหมือนกับในละคร ทางเข้าสองข้างทางมีดอกไม้หลากสียาวไปจนถึงตัวคฤหาสน์ ข้างหน้าก่อนเข้าไปในตัวอาคารมีน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ทุกอย่างมันเหมือนกับเราอยู่ในฉากละครฉากหนึ่ง ที่เป็นฉากของพวกไฮโซมางานเลี้ยงกัน ทุกคนแต่งตัวจัดเต็มไม่มีใครยอมใคร ทั้งหญิงและชายแต่งตัวดูดีกันทุกคน เมื่อเราสองคนเดินเข้าไปในงาน สิ่งที่ฉันเห็นคือ ความสวยงามอลังการงานสร้าง ยิ่งกว่าอยู่ในละครเสียอีก ทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่ของแพงๆ จะหยิบจะจับอะไรทีต้องระวังอย่างมาก เพราะกลัวว่าถ้าทำพังจะไม่มีปัญญาจ่าย ในขณะที่ฉันกำลังยืนอึ้งอยู่นั้น เขาก็จับมือฉันและพูดว่า "อย่ายืนอึ้งนาน ถึงเธอจะทำอะไรพังก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันชดใช้ให้ เราไปหาคุณปู่กันเถอะ" เขาพูดพร้อมยิ้มเยาะฉัน และเราก็เดินไปหาคุณปู่เพื่อมอบของขวัญให้ "คุณปู่สวัสดีค่ะ สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณปู่ ริสาขอให้คุณปู่มีอายุยืนนานอยู่กับหลานๆไปนานๆนะคะ" ฉันกล่าวสวัสสดีพร้อมอวยพรท่าน และท่านก็หัวเราะชอบใจและ
ตอนเป็นเด็ก ฉันเคยฝันอยากเป็นเจ้าหญิงที่ได้แต่งงานกับเจ้าชายรูปงามและครองรักกันอย่างมีความสุขตราบนานเท่านาน แต่พอฉันเติบโตขึ้น จึงทำให้ได้รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน ในชีวิตจริงการที่เราได้พบเจอคนดีๆสักคน คนที่เขารักเราจริงไม่ทิ้งเราไปไหนไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม เขาก็จะอยู่เคียงข้างเราเสมอ ถ้าฉันได้เจอกับคนๆนั้นฉันจะรักษาเขาไว้ให้ดีที่สุดในขณะที่ฉันกำลังฝันถึงเจ้าชายรูปงามที่กำลังจะได้จุมพิตกันอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งตื่นจากฝัน "กริ๊งงงงงงงงง" มันเป็นเสียงโทรศัพท์นั่นเอง แล้วฉันก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันอยู่ใกล้ๆฉัน ฉันจึงลืมตาขึ้นดู แล้วฉันก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมแขนของใครสักคน ฉันจึงนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ ฉันจึงได้รู้ว่าอ้อมแขนนี้เป็นของใครและนั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ฉันจึงค่อยๆขยับตัวลุกออกมาจากตรงนั้น แต่ก็มีเสียงพูดขึ้นมาว่า "ตื่นแล้วหรือ หลับสบายไหมยัยขี้เซา" ครั้งนี้เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนพร้อมด้วยรอยยิ้มที่เห็นแล้วละลาย ทำให้ฉันเคลิ้มไปอยู่ครู่หนึ่ง "ขอโทษนะคะ ที่ฉันมานอนตรงนี้ คุณคงจะอึดอันน่าดู ฉันจะรีบกลับห้องตัวเองเด