ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีเข็มสั้นของนาฬิกาก็ชี้ไปที่เลขหนึ่งเข็มยาวชี้ไปที่เลขสี่ คิดว่าถ้าไม่มีความรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำแบบ ปุบปับฉันมีสิทธิ์นอนหลับยาว ดีไม่ดีอาจหลับลึกไปจนถึงเช้าวันใหม่ของอีกวัน ตื่นมาพร้อมสิวเต็มใบหน้าเพราะน้ำไม่ได้อาบ ฉันส่ายหน้าให้ความเพลียของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะขยับตัวลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำ
ล้างหน้าล้างตาเรียกความสดชื่นกลับมาแล้ว ทีนี้ความหิวก็มาเยือนสิ แล้วฉันมันก็คนประเภทอดทนต่อความหิวโหยของตัวเองไม่ได้ด้วย คว้ากระเป๋าสะพายข้างใบน้อยจากราวแขวน ยัดสิ่งจำเป็นลงไปได้ก็ออกจากห้อง กดลิฟต์ลงมาชั้นหนึ่ง เดินลากรองเท้าแตะแบบหูคีบออกมาหน้าหอ ยังหัวค่ำอยู่ผู้คนรวมถึงรถรายังคงคึกคัก ในซอยหอ มีเส้นทางลัดที่จะไปโน่นไปนี่ได้ คนทั่วไปที่รู้ว่ามันจะพาไปตรงไหนได้บ้างเลยอาศัยเส้นทางนี้สัญจรกัน ตอนเช้า ๆ กับหลังเลิกงานนี่รถติดยาวเลย
ว่าแต่ฉันจะกินอะไรดีล่ะเนี่ย
กวาดตามองทีละร้านอย่างใช้ความคิด
หน้าหอมีร้านของกินให้เลือกฝากท้องหลายร้านเลยแหละ ไม่ว่าจะอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ ข้าวราดแกง ข้าวไข่เจียว ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู สเต็ก ส้มตำ ไก่ย่าง ยำ ลูกชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นทอด และที่ร่ายมานี่แค่เบาะ ๆ เบา ๆ นะ ถ้าเดินออกไปหน้าปากซอยก็มีร้านค้าอีกเยอะมาก ๆ แต่วันนี้ขี้เกียจเดินไปไหนไกลแล้วไงเลยเดินดูใกล้ ๆ นี่เอา
หลังจากใช้เวลาตัดสินใจไม่ถึงสามนาทีฉันก็เดินมุ่งไปที่ร้านขายข้าวไข่เจียวของลุงกับป้า หยิบกระดาษปากกาที่วางไว้ในกล่องพลาสติกสีส้มมาติ๊กเครื่องหมายถูกในใบสั่งว่าจะใส่ท็อปปิ้งอะไรบ้าง ก่อนจะเดินไปร้านอาหารตามสั่งเพื่อสั่งต้มยำรวมมิตรน้ำข้น ซึ่งทั้งสองร้านคิวพอกัน
รอวนไปสิ…
“โห นี่ห้าทุ่มยี่สิบห้าแล้วเหรอเนี่ย” บ่นกับตัวเองเมื่อเห็นเวลา
จำได้ว่าอาบน้ำขึ้นเตียงมานอนอ่านนิยายก็ตอนสามทุ่มนิด ๆ ความรู้สึกเหมือนเพิ่งจะกระโดดขึ้นเตียงมาซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอะ เวลาทำตัวว่างทีไรเวลาเดินไวทุกที ฉันทำหน้าเซ็ง ปิดหนังสือแล้วควานหามือถือที่วางไว้ข้างตัวมาเล่นต่อ มันเป็นความคุ้นชินไปแล้วที่ก่อนนอนจะต้องเช็คโซเชียล
“หือ”
Harlan : …
“ปืน!”
ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยเมื่อสไลด์หน้าจอมาแล้วเจอแชตปืนเด้งขึ้นมาแบบพอดิบพอดี ราวกับมีตาทิพย์ว่าฉันกำลังเล่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่าเขาอาจจะกดทักผิดคน และด้วยเหตุนี้เมื่อมีความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวฉันเลยเลือก ที่จะอ่านอย่างเดียว ไม่พิมพ์ตอบข้อความอะไรกลับไป กระทั่งส่งสติ๊กเกอร์ ความจริงเรียกว่าอ่านไม่ได้ด้วยมั้งเนี่ย เพราะมีแต่จุดไข่ปลาสามจุด ใครเข้าใจก็เก่งละ
Harlan : ทำไม ?
อะไรคือทำไม ฉันย่นคิ้วไม่เข้าใจคำถามเมื่อแชตเด้งมาอีก
ไม่ใช่ว่าทักผิดงั้นเหรอ
Alinda : ???
Harlan : ก็ยังไม่นอนนี่
รู้สึกเหมือนโดนกวนประสาท ฉันเม้มปากแล้วโต้กลับ
Alinda : ก็ใช่ ยังไม่นอน มีปัญหาอะไรกับเรา ?
Harlan : ทำไม อยากให้มี ?
Alinda : งั้นก็ราตรีสวัสดิ์
Harlan : ยังไม่ง่วง
Alinda : แต่เราง่วงมาก
ฉันชักสีหน้าใส่มือถือประหนึ่งว่าคนกวนยืนอยู่ตรงหน้า ตัวเองไม่ง่วงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันงั้นเหรอ หรือเหงาจัดเลยฆ่าเวลาด้วยการหาเรื่องป่วนคนอื่น
Harlan : งั้นเดี๋ยวโทรหา เธอรับสายด้วยแล้วกัน
Alinda : เดี๋ยว ๆ
Harlan : อือ
Alinda : ปืน!
ฉันถึงกับเหวอ จับต้นชนปลายไม่ถูกกันเลยทีเดียวกับคำสั่งบวกความเอาแต่ใจนี้ของผู้ชายคนนั้น คือบอกว่าจะโทรหาเขาก็โทรมาทันทีทันใด ไม่ให้ฉันตั้งรับเลย แล้วไม่โทรธรรมดาด้วยนะ โทรมาเป็นวิดิโอไปอีกจ้า เหอะ! ไอ้เรื่องสภาพหน้าสดพร้อมรบฉันไม่แคร์อยู่แล้ว เพราะมันไม่ได้โทรมถึงขนาดโชว์ใครไม่ได้ ที่สงสัยคือต้องการจะเล่นตลกอะไรกับฉันงั้นเหรอ
ฉันขบริมฝีปากเบา ๆ ใช้ความคิดอย่างหนัก
ถ้ากดตัดสายทิ้งจะเป็นอะไรไหม
เสียมารยาทรึเปล่า
เราไม่ได้สนิทกัน ทำแบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ
ฉันคิดไปสารพัดอะ
“แฟนยัยพิมพ์เขาเป็นลูกชายเจ้าของร้านทอง ตามจีบยัยพิมพ์อยู่นานกว่าแม่ลูกสาวฉันจะยอมใจอ่อนตกลงปลงใจคบหาด้วย ไอ้ตอนเรียนมหา’ลัยน่ะไม่เคยมีแฟนอย่างใครเขาหรอก” ปากป้าณีพูดกับป้าหมอนคนที่แกกำลังเม้าท์ด้วย ทว่าปรายตามองมาทางฉันที่นั่งโต๊ะติดกัน ประโยคต้นพูดอวยลูกสาวตัวเอง ประโยคหลังนี่กระทบกระเทียบ นี่แหละนิสัยป้าฉัน ซึ่งก็คือลูกพี่ลูกน้องของพ่อตอนนี้ขั้นตอนการทำบุญเลี้ยงพระแล้วผ่านพ้นไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงคราวรับประทานอาหารร่วมกัน ป้าณีแกสั่งโต๊ะจีนมาหกสิบโต๊ะ อันนี้ทราบจากแม่ พี่พิมพ์วันนี้แต่งตัวสวยจัดเต็ม ข้างกายมีแฟนหนุ่มซึ่งได้รับการชื่นชมจากป้าณีไม่ขาดตามติดไม่ห่าง“โชคดีของยัยพิมพ์มันแล้วณีเอ๊ย แต่จะว่าไปแล้วลูกหลานตระกูลเธอได้แฟนหน้าตาดีกันทั้งนั้น” ป้าหมอนเอ่ยขึ้นมา ไม่ต้องคอยเงี่ยหูฟังฉันก็ได้ยินแม้ว่าเสียงดนตรีในงานจะดัง “อย่างแฟนของยัยหนูพริกหวานนั่นก็ดูดีเชียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฐานะทางบ้านคงไม่ธรรมดา ผิวพรรณงี้ผุดผ่อง หน้าหล่อยังกับพระเอกละครแน่ะ ได้ยินใครว่าขับรถราคาหลายล้านเลยนะ”“แฟนยัยพิมพ์ก็เปลี่ยนรถขับเป็นว่าเล่น เอาเถอะยังไงฉันขอตัวไปคุยกับแขกคนอื่นต่อแล้วกันนะหมอน”“ป้าณีแก
“แฟนปืนสวยจัง”ลงบันไดมาจากชั้นสองของบ้านประโยคแรกที่ได้ยินก็ทำฉันยิ้มกว้าง วางมือลงบนฝ่ามือแกร่งที่ยื่นออกมารอรับ ริมฝีปากสวยแนบจูบลงบนหลังมือฉันด้วยสัมผัสทะนุถนอม ก่อนเขาจะรวบเอวฉันเข้าไปกอดแนบอก“แฟนเค้าก็หล่อมากกกก” ลากเสียงพลางคล้องแขนโอบรอบลำคอแกร่ง โน้มคนตัวสูงให้ก้มต่ำลงมาหา จูบหนัก ๆ ที่แก้มนุ่มซึ่งนุ่มน้อยกว่าฉันนิดนึง ก่อนจะเกยคางกับแผ่นอกแข็ง ๆ แหงนคอมองดวงตาลุ่มลึกที่แสนอบอุ่น“ชักไม่อยากให้ดื้อไปออกงานแล้วสิ หรือเราจะไม่ไปดี” ปืนพึมพำ จูบเปลือกตาฉันตามด้วยจมูก แก้มทั้งสองข้าง และมาหยุดที่ริมฝีปาก“เปลี่ยนใจมานอนกอดกันอยู่บ้านแทนเถอะค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันปืนคิดถึงกอดอุ่น ๆ ของดื้อ” แล้วเขาก็จูบจุ๊บปากฉันติด ๆ กันจนฉันหลุดเสียงหัวเราะ คิดถึงส่วนหนึ่ง หวงก็ส่วนหนึ่งแหละอาการนี้อะ หลังกลับจากบ้านสวนปืนฉันก็เอ้อระเหยอยู่ในกรุงเทพฯ ต่ออีกสามวัน แล้วถึงได้กลับมาบ้าน ตอนมาปืนก็มาส่งนี่แหละ แต่เขาจะมาขลุกตัวอยู่บ้านฉันลากยาวมันก็ไม่เหมาะ อีกอย่างเขาต้องช่วยงานพ่อกับแม่ด้วย เพราะใกล้สิ้นปีแบบนี้ทั้งร้านอาหาร และบริษัทต่างก็ยุ่งพอกัน เมื่อวานกว่าจะขับรถมาถึงที่บ้านฉันก็ปาเข้าไ
‘เกียร์วิศวฯ คือเกียร์แห่งความภาคภูมิใจ มีไว้เพื่อระลึกถึงความยากลำบากว่ากว่าจะได้มากูต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหน ส่วนเกียมัวคือเกียร์ที่กูก็ต้องพึงระลึกอยู่เหมือนกันว่าอย่าได้ทำอะไรให้เกียนี้ระคายเคืองเพราะอาจส่งผลถึงชีวิตกูได้’“ยิ้มอะไรคะดื้อ” เสียงทุ้มนุ่มถามข้างหู“คิดถึงเรื่องเกียร์อยู่ค่ะ” เงยหน้ายิ้ม แผ่นหลังพิงอกแกร่งสบาย“เกียร์เหรอคะ ดื้อหมายถึงเกียร์อะไร เกียร์ที่ปืนให้ดื้อเก็บรักษาเอาไว้ หรือปืนที่เกียมัว” เขาเขี่ยปลายจมูกฉัน ประโยคท้ายกระซิบด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ“ก็ทั้งสองแหละ” ฉันยิ้มเต็มใบหน้า ปืนรัดแขนแน่นแสดงอาการมันเขี้ยวฉัน ถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าคนเยอะเขาคงจับฉันฟัดไปแล้ว ไม่ทำแค่หอมแก้มธรรมดาหรอก“นี่ ๆ ๆ ที่เราจะปาร์ตี้หมูกระทะกันเนี่ย มีของครบเหรอ”“เออว่ะ ถ้าแจนไม่ทักคงไม่มีใครคิด” เป้ขมวดคิ้ว เท้าเอว“ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงคืนนี้ก็ได้กิน”“พูดแบบนี้หมายความว่ามึงเตรียมไว้แล้วเหรอวะไอ้ปืน”“อือ”สรุปได้ว่าก่อนมาปืนให้คนงานช่วยเตรียมซื้อเสบียงไว้รอท่าพวกเราอยู่ก่อนแล้ว เหมือนเขารู้อะว่าความต้องการของทุกคนคืออะไร รางวัลที่เขาสมควรได้ฉันเลยจัดไปชุดใหญ่ หอมแก้มเน้
เราใช้เวลากินข้าวกันประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นฉันก็ไล่ปืนให้ไปนั่งดูทีวี ส่วนฉันก็ทำหน้าที่เก็บกวาดโต๊ะอาหารแล้วถึงนำจานชามทั้งหมดมาล้างทำความสะอาด เสร็จจากในครัวฉันก็แวบมาดูปืนแป๊บหนึ่ง เห็นเขานั่งดูหนังเงียบ ๆ ฉันก็ยิ้มพอใจก่อนจะหมุนตัวเดินมาทางห้องนอน อาบน้ำอีกสักรอบ คืนความสดชื่นให้ร่างกาย“ถึงว่าทำไมหายมานาน”เท้าพลันชะงักเมื่อได้ยินเสียงเอื่อยเฉื่อยทักขึ้นมา ฉันคลี่ยิ้มแล้วเดินตรงมาที่เตียง แขนยาว ๆ ข้างหนึ่งเด่ออกรอท่าให้ฉันถลาเข้ามาอยู่ในวงแขน ส่วนอีกข้างกำมือถือฉันไว้ ระหว่างเราไม่มีความลับต่อกัน ใครจะใช้ของใครจึงไม่ใช่ปัญหา เขาเล่นของฉัน ฉันเล่นของเขา หยิบผิดหยิบถูกสลับเครื่องกันประจำเพราะตอนนี้ เราใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ความคิดปืนอีกแหละ เงินเขาด้วย“นึกว่าจะได้นอนหลับสบายบนเตียงคนเดียวซะอีก” แสร้งบ่นทว่าก็ทิ้งตัวลงนอนซบอกอุ่น ๆ ที่ช่วงหลังมานี้ฉันใช้มันนอนต่างหมอนเป็นประจำ“คิดว่าจะได้นอนหลับสบายจริง ๆ เหรอคะคนสวย” ถามเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะงับแก้มฉันไปคำใหญ่ และดูดจนเกิดเสียงดังบ๊วบ ชอบเล่นอะไรแบบเนี้ย “ตอนอาบน้ำใหม่ ๆ นี่น่ากินนักแหละ” คราวนี้
ฉันกลั้นหายใจขณะเปิดและปิดประตู ก่อนจะเดินย่องเบา ลงน้ำหนักแค่ปลายเท้าเข้ามาในห้องนอนกว้าง ร่างสูงเปลือยท่อนบนอวดแผ่นหลังขาวจั๊วะของผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ที่กำลังนอนคว่ำหน้า ไม่รู้สึกรู้สากับอุณหภูมิที่เปิดเอาไว้เย็นจัด ฉันกัดริมฝีปากพลางอมยิ้ม คลานเข่าขึ้นมานั่งทับขาอยู่บนเตียง ใช้นิ้วชี้จิ้มสะกิดจึก ๆ บริเวณเหนือขอบกางเกงนอนขายาวก็ยังไม่ขยับจึงตัดสินใจเหยียดขาข้างขวาตวัดคร่อมสะโพกสอบก่อนจะพาตัวเองปีนขึ้นมานอนทับเรือนกายแข็งแรง แกล้งเป่าลมเข้าไปในหูสะอาด ปลุกคนนอนตื่นสายให้ตื่นจากการนอนหลับฝันดี“ปืนนนนน”“อือ”“ตื่นได้แล้วค่ะ ตอนนี้จะเที่ยงแล้วนะคะ”พรึ่บ“ว้าย” กรีดเสียงร้องด้วยความตกใจ ปืนพลิกตัวทีเดียวฉันก็ตกอยู่ใต้ร่างในอ้อมแขนเขา ทิ้งน้ำหนักตัวกว่าเจ็ดสิบกิโลกรัมให้ฉันเป็นคนแบกรับเอาไว้“แฟนปืนตัวหอมจังค่ะ” เสียงแหบแห้งของคนเพิ่งตื่นงึมงำ จมูกกับปากคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอ ฉันแทรกนิ้วเข้าไปซุกในเส้นผมนุ่มลื่น สิ่งที่โปรดปรานอีกอย่างหนึ่งของฉันคือการได้เล่นผมเขา แล้วเขาเองก็ชอบที่ฉันหมั่นนวดคลึงหนังศีรษะ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ ผู้ชายหลายคนอาจจะถือ ไม่ปลื้มที่แฟนเล่นหัวแต่ส
หลังจากกินอิ่มเราก็หอบหิ้วของฝากมาให้พ่อกับแม่ ปืนเขาคอยถามตลอดว่าเอาอันนั้นไหม พ่อจะกินไหม แม่จะชอบรึเปล่า แล้วเขาก็เข้ากันได้ดีกับน้องชายฉันมาก ๆ ฉันดีใจนะ ดีใจมากเลยล่ะที่การคบกันของเราสองคนไม่ได้นำพาความหนักใจให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อนฉันหลาย ๆ คนเจอปัญหาครอบครัวแฟนไม่ปลื้ม เข้ากับใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าวันใดวันหนึ่งฉันต้องเจอกับสถานการณ์แบบนั้นจะทำยังไง ซึ่งมันก็ไม่ได้คำตอบ เพราะเรายังไม่เจอ จนวันนี้ฉันมีแฟน และปัญหานั้นฉันกับปืนไม่มี จึงบอกได้เลยว่ามันคือความโชคดีของเรา “แอบคิดถึงผู้ชายคนไหนรึเปล่าคะดื้อถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” “อื้อ” “อื้อนี่คือไรดื้อ” “ก็คิดไง” “ว่าไงนะ!” “คิดถึงปืน” ยิ้มอ้อนปืนก่อนเอนหัวพิงไหล่เขาอย่างออดอ้อน “คิดถึงปืนในแง่ไหนเล่าให้ฟังหน่อย พูดดีมีรางวัล พูดไม่ดีต้องโดนทำโทษ” ฉันอมยิ้ม ปืนยกมือขึ้นลูบผม ได้ยินเสียงสูดดมแถวข้างขมับแล้วพึมพำว่า “หอม” “คิดว่าเค้าโชคดีจังที่ได้เจอกับเธอ และที่โชคดีไม่แพ้กันคือครอบครัวของเรารักและเอ็นดูเรา” มุ