Home / แฟนตาซี / Undisclosure / ผู้ใหญ่ก็อยากรู้เหมือนกัน

Share

ผู้ใหญ่ก็อยากรู้เหมือนกัน

last update Last Updated: 2025-02-08 12:08:19

เขาพูดถึงทุนการศึกษาที่เธออยากได้ใจจะขาด ทุนที่มอบโดยรัฐบาลนี้จะเป็นตัวช่วยสนับสนุนทางการเงินและโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชนะ ทุนคือกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จ รวมทั้งการใช้ชีวิตในเมืองหลวงฟิวเจอร์ริสติก เมโทรโพลิส ทั้งยังเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี การศึกษา และนวัตกรรม ประชากรส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกคนรวย เดลฟีอาจมีวิทยาลัยทางการแพทย์อันดับต้น ๆ แต่วิทยาลัยแพทย์ของมหาวิทยาลัยฟิวเจอร์ริสติกนั้นเป็นอันดับหนึ่ง หากให้อเล็กซิสเลือก เธอย่อมเลือกไปที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อจบการศึกษา เธอยังสามารถเข้าทำงานในโรงพยาบาลใดก็ได้ในเมืองหลวง ซึ่งอุปกรณ์และระดับเงินเดือนสูงกว่ามาก มันเป็นหนทางที่จะลาออกจากการเป็นชนชั้นกลางไปเป็นชนชั้นกลางระดับบน หรืออาจไปถึงชนชั้นสูงเลยก็ว่าได้ เจสซี่กับไบรซ์เคยได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิสอบสัมภาษณ์เช่นกัน แต่ทั้งสองไปไม่ถึงจุดหมาย อเล็กซิสรู้ดีว่าเธอเป็นความหวังสุดท้าย หรือไม่อย่างนั้น ทั้งครอบครัวคงต้องรออีกสิบกว่าปีกว่าชาร์ลีจะโต

“ฉันก็พยายามไม่หวังนะ แต่คิดว่าน่าจะมีโอกาสสูงอยู่ พวกเขาดูสนใจฉันมากพอสมควร” เธอเล่า ดวงตาแสดงออกว่ามั่นใจมากกว่าที่พูด

คิ้วเจสซี่กระตุกทันที อยากรู้รายละเอียด “พวกเขาถามเรื่องรัฐบาล กฎหมาย หรือข้อวิพากษ์ทางสังคมหรือเปล่า”

“ต้องถามสิ มีคำถามหนึ่ง ถามเกี่ยวกับการจัดการทางการทหารเพื่อต่อต้านผู้ก่อการร้าย ฉันบอกว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการของรัฐบาล”

 “หา?” เจสซี่ทำหน้าราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“รู้น่าว่ามันแปลก แต่ฉันไม่เห็นด้วยจริง ๆ นี่นา และคนปกติก็ต้องคิดแบบนี้หรือเปล่า มาตรการที่ว่าไม่นึกถึงพลเมืองที่อยู่แถวชายแดนเลยสักนิด มันเข้มงวดและไร้มนุษยธรรมเกินไป ฉันอาจไม่เห็นด้วยแต่แสดงทางเลือกให้ด้วย แน่นอนว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่า พวกเขาว่าไงรู้ไหม “เยี่ยมไปเลย คุณเดวิส คุณพูดในสิ่งที่เราคิดเลยทีเดียว แถมยังเสนอไอเดียที่เป็นประโยชน์มาก ไม่เลวเลย” เป็นไง เจ๋งใช่ไหมล่ะ พวกเขายังถามเกี่ยวกับเอชโอวันกับรัฐบัญญัตินี้ด้วย”

เอชโอวัน เป็นคำย่อที่ใช้อธิบายลักษณะอาการของผู้ที่มีความสามารถพิเศษที่รัฐบาลมองว่าผิดกฎหมายและถือว่าเป็นหายนะของชาติ เคสเอชโอวันยังเป็นที่มาของการร่างกฎหมายรัฐบัญญัติปี 2966 จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยแห่งความหวาดกลัวเมื่อหลายสิบปีก่อน

เจสซี่หัวเราะเสียงดัง “โอ๊ย ตาย ๆ พี่มั่นใจเลยว่า เธอต้องอธิบายเพราะอะไรถึงอยากให้มีการล้มเลิก แถมยังอธิบายวิธีจัดการกับกลุ่มเสี่ยงให้อีกด้วยแน่”

“แน่นอนสิ” เธอพยักหน้าราวกับไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย

“ไม่ได้หรอก ไม่ได้แน่ ๆ หมดหวังเลย พี่หมายความอย่างที่พูดนะ ลองบอกไบรซ์สิว่าเธอตอบยังไง เดี๋ยวไบรซ์ก็บอกเหมือนพี่เองแหละ”

คำตอบของพี่ชายตีแสกหน้าเข้าอย่างจัง อเล็กซิสไม่เข้าใจ เธอจำได้ดีว่าพวกกรรมการมองเธอด้วยความชื่นชมมากขนาดไหน

“ไม่...หรอก...”

“พี่รู้ว่าเธอฉลาดมาตลอด แต่บางครั้งเธอก็ติดนิสัยคิดบวกทำให้มองไม่เห็นความเป็นจริงตรงหน้า อ้อ แล้วไอ้นิสัยมั่นใจตัวเองเกินไปด้วย อเล็กซ์ ลองคิดดูดี ๆ สิ ทำไมเขาถึงอยากได้นักเรียนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายมาทำงานร่วมกับพวกเขาล่ะ”

“มันไม่ใช่การหาหุ่นเชิดสักหน่อย...แต่...แต่” ตอนนี้เองที่คำพูดของเธอกลับทำหน้าที่เปิดหูเปิดตาตัวเอง หลังจากจบการศึกษา นักเรียนทุนจะต้องเข้าทำงานกับองค์กรของรัฐบาล “อย่างงั้นเหรอ...เวรจริง ๆ” เธอสบถให้ตัวเองมากกว่าครั้งไหน ๆ เพราะอเล็กซิสอยากได้ทุนนี้มาก

“โธ่ อเล็กซ์เอ๊ย เธอมันไร้เดียงสาจริง ๆ” เจสซี่ขยี้หัวน้องสาว

อเล็กซิสปัดมือเขาออกไป “แล้วทำไมพี่ไม่ชนะ”

“อ้อ เพราะเมื่อก่อนพี่เป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาเหมือนเธอไง แต่ตอนนี้โตพอเข้าใจอะไร ๆ แล้ว”

อเล็กซิสโขกหัวตัวเองกับอกของเขา “เจสซี่!”

เขาหัวเราะ “อะไรอีกเล่า พี่พูดความจริงนี่นา”

“ไม่มีทาง ฉันยังเชื่อมั่นในตัวเองอยู่ เรามารอดูประกาศผลในวันอาทิตย์หน้ากันดีกว่า” เธอยืนขึ้น จ้องหน้าพี่ชายเช่นคนดื้อดึงจากนั้นหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองออกจากเตียง “ซื้อขนมพื้นเมืองมาด้วยนะ อย่าลืมลองชิม”

เพราะห้องเธออยู่ชั้นล่าง แล้วยังต้องแชร์กับไบรซ์ ถ้าเกิดเธอไม่สามารถคว้าทุนได้ ทั้งสองก็ต้องแชร์ห้องอีกครั้งเมื่ออเล็กซิสไปเรียนที่เดลฟี พวกเธออาจมีทะเลาะกันบ้างเพื่อแย่งเขตแดนในห้อง แต่ไม่เคยทะเลาะกันอย่างจริงจังหรือรุนแรง ถึงอย่างนั้นก็เถอะ วัยรุ่นทุกคนอยากมีห้องนอนเป็นของตัวเองกันทั้งนั้นนี่นา

“อเล็กซ์” พี่ชายเรียกชื่อ

“อะไรอีกล่ะ”

เขาทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่อเล็กซิสดูไม่ออกว่าคืออะไร เขาพูดขึ้นมาว่า “บางทีพี่อาจจะคิดผิดก็ได้ เธออาจจะมีความคิดต่อต้านอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่พวกหัวแข็งไม่เชื่อฟัง...ถ้าพวกเขาเห็นว่าเธอเป็นเด็กดีแบบนี้ ก็คงเลือกเธอมั้ง”

“พี่หมายความว่ายังไง”

เจสซี่ถอนหายใจ “ช่างเถอะ เอ้อ!” เขายังคงรั้งน้อง “อย่ากังวลกับเรื่องเงินมากนะ พี่มีงานทำแล้ว ถึงแม้เรียนปอโทควบไปด้วยจะเหนื่อยก็เถอะ แต่พี่พอมีเวลามากพอ แล้วเธอยังสามารถทำงานได้ช่วงเรียนปีหนึ่งกับปีสองเหมือนกับไบรซ์ หลังจากพี่กับไบรซ์เรียนจบ พวกเราก็จะทำงานกันเต็มเวลาแล้ว เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง เชื่อพี่สิ” เขาจบประโยคด้วยการขยิบตาแบบที่เขาชอบทำเวลาหลอกโปรยเสน่ห์สาว ๆ

อเล็กซิสยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้า ยิ่งเรียนสูง ค่าใช้จ่ายยิ่งเยอะ พวกเขาพยายามอย่างมากที่จะลดภาระของพ่อและแม่ ทุกคนต่างเติบโตขึ้น พ่อแม่ก็แก่ตัวลงเช่นกัน เด็กบ้านเดวิสทุกคนอยากให้คาเลบกับเบียนน่าลาออกจากงานมาพักผ่อนและอยู่อย่างสบายได้แล้ว

“เอาล่ะ เรื่องสุดท้ายแล้ว เพราะปิดเทอมฤดูร้อนนี้ พ่อกับแม่ยุ่งมาก บางทีพรุ่งนี้ พวกเราชวนไบรซ์ออกไปข้างนอกกันดีกว่า พาเจ้าชาร์ลีออกไปเที่ยว ทานข้าว เดินเล่นในสวน แล้วก็ทานไอศกรีม ไอ้เตี้ยชอบจะตาย เธอชวนจูน เดวี่ของเธอ กับเอดี้ด้วยสิ”

อเล็กซิสขำพรืด “จูนกับเอดี้อ่ะนะ เฮ้อ พี่อยากนั่งดูสองคนนั้นทะเลาะกันใช่ไหม”

“เออ ลืม เอดี้กับเดวี่ หรือ เดวี่กับจูน แต่พี่ชอบคุยกับเอดี้ งั้นเอดี้กับเดวี่” ชายหนุ่มถอนหายใจ “ไม่เข้าใจพวกผู้หญิงเลย เกลียดกันแต่ก็จับกลุ่มอยู่ด้วยกัน แล้วเธอก็บ้าพอที่จะนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างสองคนนั้น ไม่ปวดหัวหรือไงนะ”

“ช่างเถอะ ไว้คุยทีหลัง ฉันอยากอาบน้ำแล้ว อยากเจอพ่อกับแม่ด้วย”

เจสซี่พยักหน้าแล้วกลับเข้าห้องตัวเอง ทันทีที่อเล็กซิสย่องเดินลงชั้นล่าง คาเลบและเบียนน่าเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อเห็นเธอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกัน

ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ หรอกนะ ที่ชอบซุบซิบนินทา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Undisclosure    แจ้งข่าว

    “พ่อยังไม่กลับ และฉันกำลังจะไปรับชาร์ลี” เธอว่า จูนเพิ่งสังเกตเห็นว่าหญิงสาวสวมกระเป๋าสะพายเตรียมออกจากบ้าน ไบรซ์ไม่รอคำตอบ เธอปิดล๊อกบ้านแล้วลากจักรยานคันที่อเล็กซิสชอบใช้ออกมา พี่สาวของอดีตเพื่อนสนิทเดินผ่านไปโดยไม่แม้แต่จะมองกลับ เหมือนเจสซี่ ครอบครัวเดวิสเกลียดเธอไบรซ์ขี่จักรยานออกไปอย่างรวดเร็ว จูนมองตามจนหญิงสาวหายไปจากสายตาจึงเดินเข้าไปใกล้ตัวบ้าน มองผ่านหน้าต่างกระจกเห็นห้องรับแขกคุ้นตา ภาพของอเล็กซิสและตัวเองนั่งคุยกันบนโซฟาตัวนั้นคล้ายปรากฏให้เห็นตรงหน้าเหมือนกำลังดูโฮมวิดีโอ เธอคิดถึงวันเวลาที่จูนตัวน้อยสามารถวิ่งเล่นในบ้านหลังนี้ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง เธอมีเพื่อน มีคุณลุงคุณป้าที่เอ็นดูเธอ เจสซี่และไบรซ์ที่ยังดีต่อเธอ ตั้งแต่กลับมายังซานโบซ่า เธอเห็นเงาของตัวเองและอเล็กซิสอยู่แทบทุกมุมเธอได้อ่านโน้ตแผ่นนั้นไหม เธอขยำมันทิ้งหรือเปล่า หลายครั้งพยายามคิดหาเหตุผลกับการกระทำของตัวเอง แต่นอกจากความสะใจที่ได้แล้ว เธอไม่ได้ภูมิใจกับมันเลย เธอไม่ได้ชอบเดวี่ด้วยซ้ำ เขามองเธอเหมือนที่ผู้ชายมอง เขาไม่ได้ชอบเธอเหมือนที่ชอบอเล็กซิส เธอไม่ไ

  • Undisclosure    เผชิญหน้า

    เมื่อเธอละสายตาจากชายหนุ่มที่เดินออกไปก็สบตากับน้องชายของเขา นิโคไลมองเธอตาใส จากนั้นเผยอยิ้มนิด ๆ จูนยิ้มตอบแล้วรีบรับประทานให้หมด นิโคไลยังคงนั่งอยู่ แต่ไม่ลุกไปไหน“ขอโทษนะคะ เมื่อคืน...ฉันได้ยินคุณวลาดิเมียร์พูดถึงเรื่องคนที่ทำให้คุณ...เอ่อ ไม่ได้กลับไปเรียน ใช่หรือเปล่าคะ” เธอรู้ว่ามันเป็นคำถามของคนสอดรู้ แต่นั่นแหละ เธออยากรู้จริง ๆ ยิ่งเจสซี่ถูกจับไปแบบนี้ เธอต้องการรู้ทุกเรื่องนิโคไลยังคงยิ้ม “เมื่อคืนก่อนครับ คุณนึกว่าตัวเองหลับไปไม่กี่ชั่วโมงหรือ”จูนเอะใจ “เอ๋?”“คุณหลับทั้งวันเลย รู้สึกสดชื่นบ้างไหมครับ”เธอนึกถึงที่วลาดิเมียร์เล่า มิน่าเจสซี่ถึงถูกพากลับมาแล้ว “ฉันหลับนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“เหมือนเจ้าหญิงนิทรา...จริง ๆ วลาดให้สาวใช้ขึ้นไปปลุก แต่คุณเขวี้ยงหมอนใส่เธอ”หญิงสาวหน้าร้อนไปหมด แม้น้ำเสียงของชายหนุ่มไม่ได้บ่งบอกว่าตำหนิติเตียน แต่ขบขันมากกว่า “ฉันคงลืมไปไม่ใช่บ้าน...” เจสซี่ชอบแกล้งเวลาเธอนอน ดังนั้นเธอจึงติดนิสัยเขวี้ยงหมอนใส่เ

  • Undisclosure    รับผิดชอบ

    “มันจับเจสซี่เพราะต้องการเตือนพวกเรา”“ผมรู้!” แม้สีหน้าสงบ แต่น้ำเสียงของเขากร้าวขึ้น “เราดึงเขาเข้ามาทำงาน ผมเป็นห่วง ผมแค่ให้คนคอยดูว่าบราวน์เคลื่อนไหวอย่างไร พาเจสซี่ไปไหน หรือจัดการอย่างไร แต่ผมไม่ได้ให้พวกเขาเข้าไปช่วย ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร” วลาดิเมียร์ย้ำ “มันอาจจะขัดกับความคิดของพ่อ แต่เจสซี่ทำงานให้พวกเราแล้วเขาก็ตั้งใจ เขาเป็นคนของผม!”“เราตกลงแล้ว เจสซี่ยอมรับแล้ว ฉันเตือนเขาแล้วด้วยซ้ำ!” โวลคอฟวัยกลางคนยกมือห้ามไม่ให้บุตรชายพูด “ฟังนะ ฉันไม่ได้อยากจะใจร้ายอะไร แต่เราจะเสียทั้งหมดไปไม่ได้! สั่งให้พวกเขากลับมา ไม่ต้องไปเฝ้าบราวน์”จูนมองสลับไปมา แต่วลาดิเมียร์ยืนนิ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “คนพวกนั้นเป็นคนของผม รับฟังผมคนเดียว”“แก...” ผู้เป็นพ่อกัดฟันกรอด ดูเหมือนท่าที่แข็งขืนของลูกชายทำให้เขาทำตัวไม่ถูก“พ่อ!” นิโคไลโพล่งออกมาดังลั่น เมื่ออีกฝ่ายหันมา เขาก็เหล่มาทางจูน หญิงสาวนั่งไหล่เกร็ง มือกำกระโปรงแน่น“คุณจอยซ์” วลา

  • Undisclosure    domestic violence

    จูนตื่นจากภวังค์ เธอคิดว่าจะใช้เวลานานกว่านี้ อาจเป็นเพราะยังดึกมาก ถนนโล่ง มีเพียงคันนี้คันเดียว รถแท็กซี่จอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ออกแบบแนวร่วมสมัย เนื่องจากรู้สึกผิดที่สงสัยว่าคนขับเป็นคนของรัฐบาล เธอจึงให้ทิปไปห้าเรล เขายิ้มหน้าบาน แถมยังอุ้มประคบประหงมกระเป๋าเดินทางของเธอราวกับลูก แต่กระนั้นเมื่อรถจากไป มันก็ถูกทิ้งให้เปียกปอนท่ามกลางสายฝน รวมทั้งผู้โดยสารคนนี้ฝนยังคงตกลงมา แต่เธอไม่สนใจ จูนมองหาสวิตช์สำหรับกดกริ่งแต่หาไม่เจอ จึงเอาแต่ชะเง้อมองผ่านประตูใหญ่ มองลอดไปเห็นตัวบ้าน บางห้องยังเปิดไฟอยู่ มันไม่มืดนักเพราะมีแสงไฟจากสวนและหน้าประตู สักพักมีเสียงออกมาจากอินเตอร์โฟน“มาหาใครครับ”“ฉันมาหาคุณวลาดิเมียร์ โวลคอฟ”“เรื่องด่วนหรือครับ จากไหนครับ เวลาแบบนี้ด้วย”“ฉันจูน จอยซ์ แฟนของเจสซี่ เดวิส เลขาของคุณวลาดิเมียร์ ใช่ค่ะ ฉันมีเรื่องด่วนมาก”ประตูเปิดออกอัตโนมัติ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งพาเธอไปนั่งรอในที่ร่ม มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมที่มีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้โล่ง ๆ เหมือนเป็นห้

  • Undisclosure    One-sided love

    ตีสามครึ่งว่ากันว่าเป็นเวลาของซาตาน ตอนเด็ก จูนหวาดกลัวช่วงนี้มาก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเธอมักตื่นนอนแล้วพบเข็มนาฬิกาชี้เลขนี้เสมอ มันมาพร้อมกับอาการปวดห้องน้ำถึงขีดสุด แต่ไม่กล้าพอเดินออกจากห้อง ไม่กล้าแม้แต่ยื่นเท้าออกจากผ้าห่ม เด็กน้อยจูนมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มจนหลับไปอีก และตื่นมาพร้อมกับที่นอนเปียกชื้นตีสามครึ่งในอีกสิบกว่าปีต่อมา จูนยืนอยู่หน้าสถานีรถไฟ มันไม่น่ากลัวอีกต่อไปเมื่อมีคนพลุกพล่าน แม้จะดึกแค่ไหน แต่ฟิวเจอร์ริสติกไม่เคยหลับใหล ทว่าทุกย่างก้าวกลับทำให้หวนนึกถึงกลางดึกในวัยเด็ก ครั้งนี้จูนกล้าเดินออกจากผ้าห่มพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระ แต่ตลอดเวลากลับรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้อง ปีศาจที่มีดวงตาสีฟ้า ไรลี่ย์ บราวน์มือขวาสั่นตลอด เธอจึงเปลี่ยนมือซ้ายลากกระเป๋า มีเด็กสาวสองคนแบกเป้เดินผ่าน เธอได้ยินทั้งสองคนซุบซิบกัน“นั่นจูน จอยซ์หรือเปล่า”“ใครอะ ไม่เห็นรู้จัก”“ดาราเด็กน่ะ”หญิงสาวรีบเดินไปหน้าสถานีรอแท็กซี่ ต่อคิวได้ไม่นานก็เรียกได้คันหนึ่ง พอปิดประตูรถฝนตกลงมาพอดี ผู้คนแถวนั้นแตกฮือรีบหนีเข้าที่ร่

  • Undisclosure    อัลบิโน

    ไมเคิลยืนกอดอกพักขาไว้ข้างหนึ่ง คอเอียงไปทางขวาเวลาใช้หมกมุ่นอยู่กับความคิดในหัว พอเธอเดินออกมา เขาเงยหน้าขึ้นทันที“เธอเห็นเขาเหมือนฉันใช่ไหม”อเล็กซิสพยักหน้าทันที“เขามีตาสีแดง” น้องชายกอดอกแน่น “ฉันไม่เคยเห็นคนตาสีแดง แล้วเขา...เขายืนดูเฉย ๆ ฉันถามก็พูดไม่ออก แต่ได้ยินเสียงเขาในหัว...เวลานั้นจะขยับตัวไม่ได้จนกว่า...”“...จนกว่าจะมีคนช่วยดึงสติ”ทั้งสองพยักหน้าให้กัน อเล็กซิสจึงเฉลยเรื่องผิวของผู้ชายคนนั้น “ฉันคิดเว่าเขาเป็นคนผิวเผือก แล้วก็มีพลังจิตเอาไว้สื่อสารคน”“โทรจิตเหรอ แล้วผิวเผือกคืออะไร”ผู้เป็นพี่พยักหน้าก่อนจะอธิบายเรื่องผิวของชายคนนั้นก่อน “...แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมมีแค่ฉันกับนายที่เห็น แล้วเขาเป็นใคร เขาไม่ทำร้ายพวกเรา แถมยังช่วยเหลือด้วย ถึงแม้จะแค่เสียงเตือนก็เถอะ”ทั้งสองไม่คิดว่าคนคนนั้นเป็นผีหรือวิญญาณ เธอเห็นเงา และสัมผัสได้ว่าเขามีตัวตน แต่ความสามารถของเขาคืออะไรกันแน่ และต้องการอะไรเย็นวันนั้น หลังจา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status