อเล็กซิสมัดผมตัวเองเป็นทรงหางม้า และไม่ลืมที่จะเติมมาสคาร่า ทาปากด้วยสิปสติกสีชมพูกุหลาบที่เธอมองว่าเข้ากันดีกับลุคแต่งตัวในฤดูร้อน เธอเช็กเสื้อผ้าและหน้าตาของตัวเองในกระจกให้แน่ใจ โอเค พอมั่นใจว่าสวยแล้วก็เช็กส่วนอื่นต่อ อเล็กซิสเลือกสวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ๊คเกตหนังสีดำ กางเกงยีน (แน่นอนว่ายี่ห้อเล็กซี่) และรองเท้าผ้าใบสีแดง มันเป็นสไตล์เดิมๆที่เธอชอบแต่ง บางครั้งเธอใส่เดรสหวาน ๆ บ้าง แต่กางเกงยีนทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากกว่า
“นี่มันหน้าร้อนนะจ๊ะ”
เด็กสาวเม้มปากเมื่อพี่สาวทักพร้อมกับรอยยิ้มขบขัน “แดดร้อนกับเสื้อแจ๊คเกตเนี่ยนะ”
“ก็ไม่ร้อนเท่าไรนี่” เธอโต้ แต่ถอดเสื้อแจ็คเกตออก ก่อนจะนำมันมาผูกไว้ที่เอวแทน
ในห้องนอนของสองสาวมีเตียงเดี่ยวสองหลัง ทั้งห้องถูกแบ่งออกเป็นสองเขตแดนนั่นคือ เขตแดนของไบรซ์และเขตแดนของอเล็กซิส ส่วนของไบรซ์จะมีเพียงโปสเตอร์วงดนตรีคันทรี่ใบเดียวแปะอยู่บนโต๊ะบวกกับกีตาร์โปร่งทำจากไม้มะฮอกกานี ไบรซ์มีเสียงที่ไพเราะมาก ทั้งยังเล่นกีตาร์เก่ง แต่เธอไม่ค่อยแสดงออกเท่าไรเพราะติดนิสัยขี้อายและเก็บตัว อเล็กซิสเล่นกีตาร์ได้เหมือนกัน แต่ไม่เก่งเท่าพี่สาว ข้าวของของไบรซ์ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ในขณะที่ข้าวของของคนน้องจะถูกวางไว้ระเกะระกะ แถมยังรุกล้ำอาณาเขตของพี่สาวอีกด้วย อเล็กซิสติดโปสเตอร์ภาพนักร้องและนักแต่งเพลงคนโปรดที่ชื่อคาร์เมน และนักแสดงคนอื่นอีกมากมาย บนโต๊ะเขียนหนังสือมีรูปภาพของเธอกับเพื่อน ๆ ประดับไว้หลายรูป ส่วนมุมสุดของชั้นที่อยู่ติดกับโต๊ะมีมงกุฎพลาสติกถูกวางทิ้งทับหนังสือกองมหึมา แต่อยู่ในลักษณะเอียงจนเกือบตกจากชั้นวาง
“พอพี่ไม่อยู่ เธอก็ทำห้องรกซะแล้วนะ”
“เปล่าสักหน่อย” อเล็กซิสปฏิเสธ แต่เริ่มเก็บของบางชิ้นให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น
ท่ามกลางกองรูปภาพมากมาย มีรูปหนึ่งที่อเล็กซิสชอบมาก นั่นคือ รูปของสามสาวสวยกอดคอคล้องกันยืนยิ้มแย้มให้กับกล้อง ร่างสูงสุดที่ยืนอยู่ตรงกลางและสวมชุดนักกีฬาบาส คือ
อเล็กซิสที่กำลังยิ้มกว้าง คนผมน้ำตาลแดงทางด้านขวาชื่อ จูน จอยซ์ เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่อนุบาล เธอสวยและมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับอเล็กซิส แต่มีบุคลิกสง่าแบบผู้ใหญ่ ในขณะที่อเล็กซิสดูเป็นเด็กน้อย อาจเป็นเพราะจูนมีดวงตาสีมรกตที่ค่อนข้างดุกับรอยยิ้มหยิ่งยโสอยู่ในที ทำให้เด็กสาวมีสายตาเหมือนผ่านอะไรมาหลายอย่างในชีวิต เด็กสาวทางซ้ายชื่อว่า เอโลดี้ ลี มีรูปร่างเล็กหน้าตาน่ารัก ผมสีน้ำตาลเข้มยาวสลวย แล้วยังมีรอยยิ้มสดใสเหมือนอากาศยามเช้า รูปนี้ถูกถ่ายไว้เมื่อไม่นานมานี้เอง เป็นช่วงหลังจากจบการแข่งขันบาสเกตบอลรอบสุดท้าย แม้ว่าทีมซานโบซ่าจะแพ้ให้กับอีกทีมอโมร่าจากรัฐรีเวอร์แลนด์ แต่ก็เป็นการแข่งขันที่น่าจดจำ เพราะพวกเขาไม่เคยเข้ารอบลึกถึงขนาดนี้ ซานโบซ่า โพสต์ เล่นข่าวนัดชิงแชมป์บาสเกตบอลหญิงระดับโรงเรียนเป็นข่าวใหญ่ลำดับที่สองเลยทีเดียว (รองจากข่าวทีมฟุตบอลชายของโรงเรียนซานโบซ่าที่ชนะถ้วยรางวัลแชมป์ฟุตบอลไฮสคูล) หากมองแค่รูปถ่ายคงคิดว่าเด็กสาวทั้งสามเป็นเพื่อนรักกัน (อเล็กซิสเองอยากให้เป็นเช่นนั้น) แต่จริง ๆ แล้ว เด็กสาวที่อยู่ทางขวาและซ้ายต่างเหม็นขี้หน้ากันอย่างกับอะไรดี“แล้วจูนกับเอดี้เป็นไงบ้าง ดีกันแล้วหรือยัง”
“คิดว่าพวกเราคงมีโอกาสเจอวันโลกแตกมากกว่าเห็นสองคนนี้เป็นเพื่อนกันนะ”
ไบรซ์หัวเราะ
อเล็กซิสนึกถึงคำถามของเจสซี่เมื่อครั้งก่อน ว่าทำไมจูนกับเอโลดี้ถึงอยู่กลุ่มเดียวกันทั้งที่เกลียดกันนักหนา เหตุผลของผู้หญิงนั้นเข้าใจยาก และบางครั้งแม้แต่ผู้หญิงด้วยกันก็ไม่เข้าใจ
จุดเริ่มต้นที่จูนและเอโลดี้มาอยู่กลุ่มเดียวกันโดยมีอเล็กซิสเป็นตัวคั่นกลางมาจากการตกลงกันเองของเด็กสาวทั้งสองล้วน ๆ จูนไม่ต่างจากควีนบีในหนังวัยรุ่นยอดฮิตทั้งหลาย เธอสวยที่สุดในโรงเรียนและเป็นที่ปรารถนาของเหล่าหนุ่ม ๆ ส่วนเอโลดี้เป็นหนึ่งในสาวพ็อปพิวลาร์ แถมยังเป็นหัวหน้าทีมเชียร์ลีดเดอร์ แม่ของจูนเคยเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงเมื่อราวยี่สิบปีก่อน ชอบบังคับให้ลูกสาวมีความฝันแบบเดียวกับเธอ และเพราะจูนต้องแบกรับความคาดหวังของแม่ ทั้งยังชื่อเสียงจากการเป็นลูกสาวของนักแสดงดังในอดีต แถมยังเกิดมาท่ามกลางกองเงินกองทองมากมาย จูนจึงติดนิสัยรักษาระยะห่างกับทุกคนและคิดว่าคนอื่นอยู่ต่ำกว่าระดับตัวเองทั้งนั้น ยกเว้นกับอเล็กซิสที่เธอนับเป็นเพื่อนรัก ทั้งสองเจอกันตั้งแต่อนุบาลและเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่นั้น ที่โรงเรียน จูนเป็นดาวเด่น เด็กผู้หญิงที่พวกผู้หญิงด้วยกันเกลียด แต่อยากเป็นเหมือนจูน
ส่วนจุดเริ่มต้นของมิตรภาพระหว่างอเล็กซิสกับเอโลดี้นั้นเกิดขึ้นในคาบวิชาวรรณคดี เอโลดี้ชอบมานั่งกับอเล็กซิสเวลารับประทานข้าวกลางวันเสมอ แรก ๆ จูนไม่พอใจที่เห็น ‘คนอื่น’ นั่งร่วมโต๊ะด้วย จนกระทั่งกลุ่มของพวกเธอกลายเป็นที่จับตามองมากกว่าเดิม เพราะว่าเอโลดี้สามารถเรียกกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์และพวกนักกีฬามานั่งด้วย สุดท้ายจูนจึงยอมรับสมาชิกใหม่ด้วยเงื่อนไขข้อนี้ พวกเธอกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในโรงเรียนและเป็นพวกที่ใคร ๆ ก็เรียกว่า ‘กลุ่มคนดังสุดคูล’ ใคร ๆ ก็อยากเป็นคนดังกันทั้งนั้น แม้ในเพียงสังคมโรงเรียน อเล็กซิสไม่ชอบวิธีที่เพื่อนของเธอตกลงกันแบบนี้ แต่ตัวเธอเองก็อดยอมรับไม่ได้ว่า การเป็นคนดังทำให้ชีวิตในโรงเรียนราบรื่นมากขนาดไหน
จนถึงตอนนี้ อเล็กซิสยังคงตื๊อให้ไบรซ์ลุกออกจากโต๊ะเรียน “พี่รู้ไหม แค่วางหนังสือลงสักวันก็ไม่เป็นไรหรอก...ไม่สิ ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ แค่สามสี่ชั่วโมงเอง พวกหนังสือไม่โกรธพี่หรอก เชื่อฉันสิ”
ไบรซ์เป็นคนดื้อรั้นมาก หากเธอยืนกรานว่าจะติวหนังสือต่อแม้อยู่ในช่วงวันหยุดยาว เธอก็จะทำให้ได้ พี่สาวคนโตมองน้องสาวอย่างรำคาญ “พี่ไปไม่ได้ พี่ต้องท่องเนื้อหาทั้งหมด ถ้ากินหนังสือได้คงกินไปแล้ว”
“ปล่อยวางบ้างเถอะน่า พี่อ่านต่อตอนกลางคืนก็ได้ นะ ๆ เพื่อเจ้าลิง เอดี้ก็มาด้วยนะ แล้วก็อาจจะมีเดวี่อีกคน”
“คนเยอะแล้วนี่ พี่ก็ไม่ต้องไปแล้ว”
อเล็กซิสวางแขนลงบนขอบเก้าอี้ของไบรซ์ “เออนี่ ฉันโทรหาเดวี่แล้ว แต่เขาไม่รับสายเลย คงไม่รู้ว่าฉันกลับมาแล้ว บางทีเขาอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้ ฉันก็เลยจะไปหาเขาที่บ้านเพื่อเช็กอีกที เจสซี่กับเอดี้จะพาชาร์ลีไปห้างก่อน พี่ไปกับพวกเขาสิ เดี๋ยวพวกเราเจอกันที่นั่น ไปเถอะนะ นะ ๆ”
“ไปไม่ได้” ไบรซ์ขยับเก้าอี้เพื่อสะบัดน้องสาวออกไป “เดี๋ยวเธอจะเข้าใจพี่เอง เร็ว ๆ นี้แหละ ถึงเธอจะสมองดีขนาดไหน แต่ก็ไม่มีทางท่องเจ้าพวกนี้ภายในวันสองวันได้ ๆ”
อเล็กซิสอ่อนใจในความรั้นของพี่สาว “โอเค พี่จะเอาอะไรหรือเปล่าล่ะ” เธอยอมแพ้แล้ว
“ไอศกรีมรสช็อกโกแลตมิ้นต์ของป๊อปปี้ เจลาโต้” พี่สาวสั่ง อเล็กซิสครางไม่พอใจ “เฮ้อ ฉันชอบรสช็อกโกแลตพรีเมี่ยม และก็ไม่อยากกินคนเดียวทั้งควอทซ์ด้วย!”
“เธอก็ค่อย ๆ กินสิ”
“พี่ก็รู้ว่ามันยาก คนเราจะกินไอศกรีมทีละนิดได้ไง พวกเราต้องกินมันให้หมดทีเดียวสิ”
ไบรซ์สั่นหัวเอือมระอา “หยุดดราม่าสักที ไม่ว่าจะช็อกโกแลตพรีเมี่ยม ดาร์คช็อกโกแลต มิลค์ช็อกโกแลต เธอกินแต่ช็อกโกแลตที่ไม่ใส่อะไรเพิ่มยกเว้นนมกับน้ำตาลทั้งนั้น กินแต่ของเดิม ๆ น่าเบื่อจะตาย”
“ไม่นะ ยังมีช็อกโกแลตอัลมอนด์กับมาคาเดเมียที่ฉันชอบ อ้อ ถ้าเพิ่มคาราเมลได้ก็ดี เห็นไหม ไม่ได้มีแค่ช็อกโกแลตสักหน่อย”
“ต่างกันตรงไหนยะ เอาเถอะ รีบไปเถอะสาวน้อย สุภาพบุรุษทั้งสองท่านคงรอเธอจนรากงอกแล้วนะ”
“พวกเขาคงออกไปแล้ว อย่าห่วงเลยค่ะคุณแม่ เดี๋ยวกลับมานะจ๊ะ”
พวกเขาทำให้นึกถึงเจสซี่ พี่ชายก็บ้าวิดีโอเกม สะสมของเล่นฮีโร่ต่าง ๆ อ่านการ์ตูน แอบดื่มเหล้า ลองสูบบุหรี่ แต่สุดท้ายอเล็กซิสสั่นหัวแล้วกางหนังสือพิมพ์ออก เธอตามสถานการณ์ในนิวโฮปไม่ทัน เมื่อก่อนจะอ่านทุกคอลัมน์เพื่อหาความรู้ชิงทุน แต่ถ้าก่อนเวลานี้ก็จะพุ่งไปอ่านที่หน้าดาราทันที หากเจอสัมภาษณ์หรือข่าวศิลปินที่ชอบก็จะตัดเก็บไว้ เมื่อเปิดไปหน้าสองก็อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการขอเงินเยียวยาความเสียหาย ขอบเวลาที่กำหนดครอบคลุมไปถึงปีหน้านู่น เธออ่านแล้วเจ็บปวดในใจจริงสิ ถ้าเจสซี่ยังอยู่ เขาก็ต้องทำเรื่องเหมือนกันนี่นาบางทีพรุ่งนี้เธออาจจะได้รู้ว่าพี่ชายอยู่ที่ไหนกันแน่“จริงสิ อเล็กซ์ นายได้ติดต่อที่บ้านบ้างหรือเปล่า” เธอถามขึ้นพอดีกับที่ชายหนุ่มร้องโอดโอยเพราะแพ้เรมีไม่เป็นท่า เขาคลานขึ้นมานั่งบนโซฟา ปล่อยให้อาคุสะเล่นแทน พอเห็นร่างสูงโย่งปีนขึ้นมาแล้ววางศีรษะลงกับตัก หญิงสาวก็ยิ้มขำขันกับท่าทางขี้อ้อนแบบนี้“เธอจะโอเคหรือ แล้วก็หมอนั่น” อเล็กซ์ถามเสียเบา“ทำไมจะไม่โอเค/คิดอะไรเยอะแยะ”อาคุสะหันมาขมวดคิ
พอเขาพูดถึงขนาดนี้ อเล็กซิสรีบลุกขึ้นแล้วประคองใบหน้าของเขาไว้ อเล็กซ์เปราะบางกับเรื่องนี้มาก เหมือนเป็นปมในใจที่แก้ไม่หาย“ถ้าไม่มีนาย ฉันคงไม่รอด” เธอสบตาเขา พยายามให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความมั่นใจและเชื่อใจที่เธอมี อเล็กซิสจำด่านทดลองที่เต็มไปด้วยซอมบี้และสัตว์นรกได้อย่างแม่นยำ เพราะพลูทักซ์ ทั้งกลุ่มจึงแยกกันไป และเพราะเธอได้เจอเขาถึงรอดมาได้ ไม่อย่างนั้นคงตายตั้งแต่เจอหุ่นยนต์พิฆาตไล่ฆ่าแล้ว “หุ่นยนต์มันล่าฉัน นายช่วยฉันไว้ อเล็กซ์ เราต่างปกป้องกันและกัน แล้วเราจะทำแบบนั้นต่อไป”ริมฝีปากบางซีดเผยรอยยิ้ม“สกาย อย่ากลัวด้านมืดของตัวเอง” เขาบอก “แล้วพวกเราจะรอด”เมื่อนั้นทั้งสองไม่พูดอะไรอีก เพราะแรงดึงดูดของแต่ละฝ่ายทำงานแทบตลอดเวลา เธอก้มหน้าลงจูบเขาช้า ๆ แผ่วเบาจนเริ่มรุนแรงขึ้น และพายุขนาดย่อมก็เริ่มโหมพัดขึ้นใหม่โดยที่อเล็กซิสเริ่มเองสี่ทุ่มห้าสิบหกนาที หญิงสาวนั่งอ่านข้อความที่เพื่อน ๆ ส่งให้อเล็กซ์เพราะเจ้าตัวขี้เกียจตอบกลับ ข้อความแรกเป็นของบลูที่ขอให้อเล็กซ์ซื้อชีสเบอร์เกอร์เลี้ย
เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ หญิงสาวถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าทีละตัวก่อนจะสำรวจรูปร่างตัวเองแบบที่ทำเป็นประจำ อย่างน้อยก็ดูมีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้างเมื่อเทียบกับตอนอยู่ในเกาะ แต่ซี่โครงก็ยังขึ้นชัด เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเปิดน้ำให้เต็มอ่าง ตามด้วยสบู่และจุดเทียนหอม ที่นี่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่โรงแรมจึงใช้ประโยชน์จากความสะดวกสบายเต็มที่ เมื่อน้ำได้ที่ก็ลงไปแช่ มือโอบฟองมารอบ ๆ สักพักจึงพิงที่วางคอแล้วหลับตาเจสซี่...พี่อยู่ไหนเธอคิดถึงพี่ชาย เขาอาจจะเป็นเดวิสคนเดียวที่เหลืออยู่ หลังจากที่เธอพบว่าซานโบซ่าถูกทำลายเรียบ ความหวังเดียวคือพี่ชายและพี่สาวที่อยู่ต่างเมือง แต่เมื่ออเล็กซิสเข้าไปในเว็บไซต์ของวิทยาลัยแพทย์ของเดลฟีเพื่อหาข้อมูลติดต่อก็พบข้อความไว้อาลัยให้กับ ไบรซ์ เดวิสตั้งแต่หน้าแรกเป็นเรื่องช็อกระลอกสองก็ว่าได้ เธอไม่ได้เสียแค่พ่อและเจ้าลิงน้อย แต่ยังพี่สาวที่รัก เมื่อก่อนอเล็กซิสเคยอยากมีห้องส่วนตัว แต่ในวันนี้อยากกลับไปนอนในห้องเดิม มีไบรซ์อยู่ด้วย อยากกวนเวลาพี่สาวอ่านหนังสือ อ้อนให้เธอมัดผมหรือถักเปียให้ เวลามีปัญหาอะไรก็ขอคำปรึกษาวันที
เมื่อนึกถึงตอนที่ขู่แสตนเนอร์เพื่อฝากสารไปถึงเมเคอร์ อเล็กซิสยอมรับว่ากลัวตัวเองในตอนนั้นมาก ปกติเธอไม่ใช่คนที่ฆ่าใครก่อนถ้าไม่มีผู้ใดยื่นมีดเข้าหา และแม้ตอนนั้นพวกเขาคิดจะฆ่าเธอ แต่...ง่ายมากราวกับดีดนิ้วก็พรากชีวิตคนเหล่านั้นไปแล้ว มันไม่เหมือนกับตอนที่เธอฆ่าเบลินดา มันมีความฉุกละหุก ความกระเสือกกระสนที่จะเอาชีวิตรอด แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ มันก็เป็นการสังหารที่น่ากลัว ความแค้นที่มีต่อกลุ่มกบฏและเอไลโตทำให้เธอลงมืออย่างรวดเร็ว ยิ่งยามที่พวกเขาข่มขู่เพื่อนของเธอ เห็นเล่ห์กลของเมเคอร์ที่พร้อมจะหักหลังได้ทุกเวลา ชั่ววูบหนึ่ง เป๊าะ! พวกเขาก็ตายในฝัน บางครั้งเธอพบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางฝนเลือด ตัวชุ่มโลหิตจนได้กลิ่นเหม็นคาวเต็มจมูก นี่หรือ ผู้หญิงที่เคยอยากจะเป็นหมอแบบพ่อ อยากช่วยชีวิตคน?เธอเดินออกเส้นทางชีวิตนั้นมาไกลแค่ไหนแล้วนะหญิงสาวจ้องมือข้างขวาที่ยกขึ้นมา มันไม่สั่น แต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะชกใคร เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต ไมเคิล เรมี และอาคุสะก็มาอยู่ด้วย ที่พักของอเล็กซ์สะดวกสบายและกว้างใหญ่พอพักได้ยี่สิบคนเลยมั้ง ก็ทั้งชั้นเป็นของเขานี่นา เขาต้องท
“นั่น พ่อ ๆ ยัยตัวเล็กเอาไปเล่นหมดเลย” เจสซี่วัยสิบสองชี้อเล็กซิสทำหน้าบูดก่อนสะบัดหน้า เสื้อสูทผู้ชายที่สวมคลุมตัวลากยาวไปกับพื้น ตอนนั้นตัวเธอเล็กนิดเดียวเองนี่นา แถมยังเอาแว่นตาของคาเลบมาใส่อีก มันจึงใหญ่เกินใบหน้าเล็กและคอยจะหล่นจากจมูกเสมอ มือขวาของเด็กหญิงลากกระเป๋าเอกสารของคาเลบเสมือนเป็นของตัวเอง เธอเล่นเดินเตาะแตะอยู่แบบนั้นมาสักพักก่อนที่พี่ชายจะเห็นคาเลบวิ่งมาคว้าไว้ เขาหาของตั้งนาน สุดท้ายก็เจอเจ้าตัวเล็กเอาไปสวมเล่น ผู้เป็นพ่อจึงดึงแว่นไปสวมบนหน้าของเขาเหมือนเดิม “อย่าเอาของพ่อไปเล่นอีกนะ อเล็กซ์”“หนูจะซ้อมไว้ก่อน” เธอตอบเสียงใสแจ๋วเขาหัวเราะแต่มือริบกระเป๋ากับถอดเสื้อสูทออกจากตัวเธอเรียบร้อย “งั้นก็ตั้งใจเรียนนะ” บอกแล้วลูบศีรษะอย่างอ่อนโยนบางครั้งความทรงจำเหล่านี้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน บางครั้งก็ดูยาวนานยิ่งกว่าอายุขัยของโลกเธอลืมตาขึ้นแล้วจับหน้าผากของตัวเอง ในฝันยังสัมผัสได้ถึงมืออุ่นของคาเลบอยู่เลย อเล็กซิสไ
ชายหนุ่มจึงหันไปมองคาเลบก็เห็นว่าอีกฝ่ายส่ายหน้า“อ้อ ขอโทษ คงสะเทือนใจไป” เขาพึมพำ “ผมจำหน้าอเล็กซิสได้ แต่เธอมักจะหันมายิ้มให้ผม บอกว่าจะกลับมาหาผม แล้วพวกเราจะไปด้วยกัน ผมไม่รู้ว่าไปไหน แค่นั้นล่ะครับ ขอโทษด้วย ผมไม่เห็นเบลินดาเลย แต่เห็นปีศาจมากมาย เห็นเลือด เห็นหุ่นยนต์ แล้วก็เลือด...เลือด...อะ ขอโทษที”ชายหนุ่มเม้มปาก สถานการณ์ดูแย่กว่าเดิม น่าแปลกนักที่เวลาพยายามนึกถึงเบลินดาทีไรจะไม่สบายใจทุกที อึดอัด อยากจะตะโกนแล้วก็ทำร้ายคุณนายคาร์เตอร์มากกว่า ราวกับหัวใจอีกดวงในตัวเขารังเกียจชื่อนี้ คุณนายคาร์เตอร์ดูช็อกกับคำพูดของเขามาก ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งเธอดูตกใจมากเท่าไร ก็ยิ่งมีก้อนคำพูดมากมายที่เขาอยากจะพ่นออกมา แคดมันกลั้นหายใจแล้วตั้งสติ“ขอโทษ ผมจำลูกสาวคุณไม่ได้ ไม่เคยมีภาพเธอผุดขึ้นมาในหัวเลย”คุณนายคาร์เตอร์พยักหน้า เหมือนจะจับน้ำเสียงได้ว่าเขาหงุดหงิดและไม่อยากพูดถึงเบลินดาอีกแล้ว “แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”แคดมันถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเองที่ไม่เกี่ยวกับเวด มิลเลอร์ ความทรงจำที่ไม่รู