อ้อ ไม่นับว่าหากเบนคนเดียวอยู่กับผู้หญิงมากกว่าหนึ่ง ข้อนี้ยกเว้น พวกเขาไม่สามารถมองหน้ากันระหว่างทำเรื่องแบบนี้ได้ เขาไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทั้งที่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกันได้แท้ ๆ
อเล็กซ์เลื่อนสายตามองไปทางอื่นเมื่อเห็นท่าทางยั่วยวนของซาร่าห์ “เอ่อ ล้อเล่น ช่างมันเถอะ คือ ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าหิว ก็เลยออกมา แล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียง...เสียงนั้นนั่นแหละ” เขาหรี่ตามองทั้งคู่พร้อมรอยยิ้มร้าย
แน่นอนว่าอเล็กซ์ต้องคุ้นกับเสียงของซาร่าห์ พวกเขาคบหาเป็นคู่รักกันตั้งสองสามสัปดาห์ก่อนที่เบนจะทำลายความสัมพันธ์ลง อย่างน้อย ตอนนี้ทั้งสองต่างคุยกันอย่างปกติ เหมือนเพื่อนที่ดีต่อกัน
“มันยากนักเหรอไง ที่จะหาผู้ชายสักคน” อเล็กซ์ถามอดีตแฟน “ที่ดีกว่าหมอนี่?”
“ใช่” ซาร่าห์สารภาพระหว่างสางผมสีทองของตัวเอง “ที่นี่ไม่ได้มีหนุ่มฮอตเยอะแยะสักหน่อย แถมส่วนใหญ่ก็ดูจะไม่สนใจพวกผู้หญิงกันแล้ว...รวมถึงนายด้วย”
“เปล่าซะหน่อย...” อเล็กซ์เม้มปาก “ก็พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
“รู้น่า เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงมาอยู่กับหมอนี่”
เบนหัวเราะ “ฉันว่ามันเป็นข้ออ้างของเธอมากกว่า เธอติดใจรสชาติของฉันต่างหาก ต่อให้มีผู้ชายมาเสิร์ฟให้ถึงที่ เธอก็ไม่ชอบใครเท่าฉันหรอก” เบนพูดอย่างทะนงตัว ซาร่าห์เบะปาก แต่ไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่เขาโอ้อวด เขารู้ว่าเธอเกลียดเขา แต่คงไม่ได้เกลียดทุกสิ่งที่เป็นเบน อย่างน้อยก็เรื่องนี้ ไฟราคะของคนทั้งสองตอบสนองกันและกัน แต่มันเป็นเพียงแค่ไฟ เมื่อหมดสิ้นเชื้อเพลิง ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก มันเป็นเรื่องที่คนจริงจังอย่างอเล็กซ์ไม่มีวันเข้าใจ (แม้อเล็กซ์จะไม่ใช่คนประเภทจริงจังจริง ๆ ก็ตาม)
อเล็กซ์เขยิบตัว กระซิบชื่อ “ทริสต้า” เบา ๆ ข้างหูของเบน เขารู้สึกเหมือนมีใครมาบิดที่ท้องทันที
“อันที่จริง ฉันนึกว่าเธอกำลังไล่ตามเจ้าหัวเงินนั่นซะอีก เห็นพวกผู้หญิงอยากขึ้นเตียงกับหมอนั่นจะแย่ ยังไม่ได้อีกเหรอ” เขาถาม
เด็กหนุ่มผมสีเงินคงเป็นเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวที่เบนยอมแพ้ให้กับรูปลักษณ์หน้าตาที่นำหน้ามนุษย์เพศผู้ทุกนาย พวกผู้หญิงหลงหมอนี่กันมากมาย ยิ่งเห็นเขาย้อมผมเป็นสีเงินแบบนั้น ยิ่งทำให้เขาดูต่างจากคนอื่น แต่น่าเสียดาย ถ้าเขาไม่ได้ทำตัวแปลกประหลาดเหมือนตอนนี้คงจะมีเสน่ห์มากกว่านี้ หมอนั่นทำตัวเหมือนมีคนกดปิดเสียงตัวเองไว้
“เขาเป็นพวกมนุษย์โรบอต ไม่มีความรู้สึก ไม่มีเสน่ห์อะไรนอกจากหน้าตา” ซาร่าห์ว่า
“นี่เธอล้มเลิกความคิดแล้วเหรอ”
หญิงสาวกลอกตา “เขาอาจจะหล่อ แต่พิลึกเกินไป ตอนนี้ คนโปรดของฉันคือหนุ่มผม
บลอนด์ต่างหาก เป็นพวกที่มาใหม่ เขาเหมือนจะเข้าใจความนัยของฉันอยู่เหมือนกันนะ แต่...เขาชอบนั่งอยู่กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตลอดเลย ให้ตายเถอะ เด็กคนนั้นน่าเอ็นดูมากจริง ๆ” ฉับพลันแววตาของซาร่าห์เหม่อลอยออกไป เหมือนกับว่าเธอกำลังมองหาเด็กคนนั้นในสมองอันน้อยนิดเบนคิดว่าเขารู้ว่าซาร่าห์หมายถึงใคร คนที่ทำตัวราวกับบอดี้การ์ดของแม่สาวแบมบี้ และเด็กผู้หญิงที่ซาร่าห์พูดถึงต้องเป็นอเล็กซิสแน่นอน
“รสนิยมของเธอมันแย่ลงนะ บลอนดี้”
อเล็กซ์มองเขาสลับกับซาร่าห์ กอดอกแน่น ถอนหายใจอยู่คนเดียว
“อเล็กซ์...” ซาร่าห์เรียก “ฉันรู้ว่า พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว เราไม่ได้รักกันแล้ว”
“อื้อ ไม่ได้แล้ว” อเล็กซ์ทวนคำ “บางที...มันอาจจะไม่ใช่ความรักมาตั้งแต่แรกก็ได้นะ”
ซาร่าห์พยักหน้าช้า ๆ “ครั้งก่อนที่ฉันขอกลับไป จริง ๆ แล้ว ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันไม่ได้อยากกลับไปจริง ๆ”
“ฉันรู้”
“ฉันเหงา อเล็กซ์”
“อื้ม ขอโทษที่ทำตัวห่างจากเธอ ทั้ง ๆ ที่บอกว่าให้อภัยไปแล้ว”
ไม่เอาน่า นี่มันฉากจบแบบสุขนาฏกรรมชัด ๆ แบบทุกคนต่างลงเอยกันด้วยดี แฮปปี้เอนดิ้ง เบนเริ่มขัดใจ
“ฉันคิดว่าพวกเราคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ถ้าหากนายยอมให้ฉันเป็นเพื่อนนายนะอเล็กซ์”
“แน่นอน ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธออยู่แล้ว” อเล็กซ์ส่งยิ้มอบอุ่นให้กับซาร่าห์ “แต่ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนของฉัน ดังนั้น ฉันขอแนะนำให้เธอเลิกยุ่งกับหมอนี่ได้แล้ว จำไม่ได้เหรอว่ามันทำอะไรไว้กับเธอ กับพวกเรา”
ซาร่าห์ก้มหน้าจ้องตักตัวเอง แต่เบนรู้สึกได้ว่าหางตาเธอแอบชำเลืองมองเขาอยู่ และเสียงที่เธอพูดมันเปลี่ยนไป ไม่ใช่เสียงใส ๆ หวาน ๆ แต่...เศร้า “ฉันรู้ อเล็กซ์ ฉันรู้ดี ขอบใจนะ ฉันสัญญาว่าเร็ว ๆ นี้แหละ”
อะไรวะ เบนมอง ‘เพื่อนใหม่’ สองคนแล้วทำหน้าไม่พอใจ
อเล็กซ์มองพวกเขาที่แต่งตัวเสร็จแล้ว จึงเอ่ยปากชวน “ไปหาไรกินกันเถอะ พอนั่งตรงนี้นาน ๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบาปขึ้นกว่าเดิมยังไงยังงั้น ไปเร็ว ๆ พวกทูตตกสวรรค์”
ชายหนุ่มร่างสูงยืนขึ้นแล้วเร่งให้พวกเขาขยับตัวไว ๆ ก่อนจะเดินนำหน้าไป ซาร่าห์ยังคงครุ่นคิดกับคำพูดของอเล็กซ์ “อย่างน้อยฉันก็ยังเป็นนางฟ้านะ ถึงจะตกสวรรค์ก็ตาม” เธอกล่าวด้วยเสียงเนิบ ๆ
หนุ่มดวงตาสีอำพันอมยิ้ม ขันในความใสซื่อของเธอ “พวกทูตตกสวรรค์แปดเปื้อนแล้ว และเมื่อนั้นจิตวิญญาณของพวกเขาจึงสกปรก หมอนี่ด่าว่าพวกเราเป็นปีศาจต่างหาก”
“ปีศาจ แต่ไม่ว่าจะปีศาจอะไร นายก็ไม่ใช่ลูซิเฟอร์” เธอว่า
เบนหัวเราะในลำคอ “แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันไม่เคยเป็นหรอก ไอ้พวกเทพบุตรพวกนั้น แต่ถ้าจะเป็น ฉันคงเหมือนลูกชายของลูซิเฟอร์ต่างหาก คนส่วนมากมักบอกแบบนี้นะ”
“อ้า ค่อยฟังดูเป็นนายหน่อย แล้วนายชื่ออะไรล่ะจ๊ะ คุณปีศาจ” ซาร่าห์ถามเหมือนยังไม่เข้าใจตำนานที่เขากำลังอ้างถึง
“เอล์ม ยายแก่พี่เลี้ยงของฉันชอบบอกว่าฉันเป็นหมอนี่”
ซาร่าห์ถลึงตาใส่เขาทันที “ฉันไม่ใช่ยัยเด็กขายดอกไม้นะยะ”
“อ้อ ก็ไม่ใช่น่ะสิ” เธอเป็นแค่กุหลาบ หรือดีหน่อยก็ซักคิวบัส
แต่ไม่ทันที่ทั้งสองจะก้าวเดินออกไป อเล็กซ์วิ่งกลับมา ตื่นเต้นดีใจกับอะไรบางอย่าง
“ฉันได้ยินคนพูดว่า มีข้อความปรากฏบนไอ้จอทีวีนั่น”
กำหนดตรวจสุขภาพวันที่ 21 กรกฎาคม 3012 เวลา 9 นาฬิกา โปรดมาที่ห้องโถงภายในเวลาที่กำหนด “ตรวจสุขภาพเหรอ เพื่ออะไร”ในคลับ กลุ่มอเล็กซิสที่ตอนนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเลือกนั่งโต๊ะตัวเดิมเสมือนเป็นเจ้าของที่ตรงนั้นไปแล้ว ไม่มีใครกล้ามานั่ง ในกลุ่มประกอบไปด้วยพี่น้องโธมัสสามคนบวกกับเด็กจากเมืองซานโบซ่าอีกสามคนเป็นหกคน“ฉันว่านะ พวกเขาอาจต้องการฝึกพวกเราทำอะไรบางอย่าง ถึงได้มีการตรวจสุขภาพนี่ไง” เวดแสดงความเห็น “หน่วยทหารพิเศษอะไรพวกนั้น" อเล็กซิสมองออกว่ามันไม่ใช่แค่ความเห็น แต่เพื่อนของเธออยากให้มันเป็นแบบนั้นต่างหาก“นายดูหนังมากไปแล้ว” ออสโล่ค้าน“แต่ฉันว่าเขามีเหตุผล” โนเอลสนับสนุนทฤษฎีของเวด “อีกอย่าง คิดแบบนี้ดีกว่าแบบอื่นเป็นไหน ๆ”“ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมรัฐบาลปล่อยให้พวกเราสับสนกันอยู่ตั้งนาน ทำไมไม่บอกพวกเราไปตรง ๆ” อเล็กซิสยังคงตั้งข้อสังเกต “ฉันไม่คิดว่ามันเป็นแบบนั้น พวกเขาปกปิดบางอย่าง...ที่ไม่ดีแน่ ๆ ถ้าจะฝึกพวกเราเป็นทหารจริง ๆ ก็ไม่เห็นต้องเงียบแบบนี้นี่นา”“แล้วเธอคิดว่าพวกเขาจะทำอะไรล่ะ” เทสซ่าถามสาวจากซานโบซ่าสั่นหัว “ไม่รู้เหมือนกัน” แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ“เธอเองยังไม่รู
“โนเอลโกรธพี่ เขากลัวว่าพี่จะกลายเป็นผู้หญิงสำส่อนและตอแหล” มินนี่เฉลยทุกอย่าง“เมื่อไหร่เธอจะเลิกเอาเรื่องของฉันมาพูดกับคนอื่นสักที” พี่สาวมองน้องตาขวาง “เธอเป็นน้องของฉันหรือเปล่า ไปนอนได้แล้วย่ะ”“ถ้าฉันไม่เล่าเรื่องของพี่ ฉันจะไปเล่าเรื่องของใครล่ะ” มินนี่ยิ้มทะเล้นแล้ววิ่งหนีไป อเล็กซิสหัวเราะเบา ๆ แต่พอเห็นสายตาเทสซ่าดุจนน่ากลัว อารมณ์ขันนั้นหายวับไปทันที“โทษที...” เด็กสาวมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง สามทุ่มแล้ว “เอาล่ะ ฉันขอตัวก่อนนะ”เทสซ่าหันไปหาออสโล่เหมือนขอความเห็น หนุ่มผมแดงสั่นหัว เธอจึงหันกลับมาหาอเล็กซิสอีก “ไม่ ไม่ ไม่ได้สิ นี่ยังไม่ดึกเลยนะ” โทนเสียงไม่เห็นด้วยสุด ๆ แต่เธอหยุดพูดสักพักเพื่อมองเวดจูบดูดดื่มกับสาวคนนั้น “อเล็กซิส เธอทำตัวเป็นยายแก่เลย”“คงจะแก่แล้วมั้ง”“เพราะเวดหรือเปล่า”เธอหัวเราะ “ไม่ใช่ สำหรับเรื่องนั้น ฉันสบายดี ยินดีเสียอีกที่เขาเจอคนใหม่ ดูเธอสิ สวยเป็นบ้าแถมยังมีชีวิตชีวาก
เธอหันไปเผชิญหน้ากับคนที่คอยไล่ทุกคนออกจากห้องด้วยกลิ่นนี้ เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูง ค่อนข้างเพรียวแต่ไม่ผอมแห้ง ออกจะแข็งแรงด้วยซ้ำ คนตรงหน้าสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงยีน และรองเท้าบูตส์ (ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าสีอะไร) เขาจ้องมา ขณะเดียวกัน อเล็กซิสก็จ้องกลับ สำรวจมองลักษณะจึงเห็นผมสีดำยุ่ง ๆ ที่ทำให้เธอนึกถึงเจสซี่ ชายหนุ่มคนนี้ดูหล่อก็จริง แต่ก็ดูนิสัยร้ายกาจด้วย เมื่อแสงจากการระเบิดของดวงดาวสาดเข้าที่ใบหน้านี้ เธอจึงเห็นว่าสีหน้าของเขาเหมือนสะลึมสะลือ แต่พอกะพริบตาอีกทีกลับส่งแววตายียวนกวนประสาท“ช่วยหยุดสูบบุหรี่ได้ไหม” เด็กสาวขอร้องอย่างสุภาพแทนที่จะตอบรับ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาตรงหน้า พร้อมกับบุหรี่ที่คาบไว้ในปาก “ทามมายล่ะ มีกฎห้ามหรา” เขาตอบเสียงยานคางมุมปากข้างหนึ่งของเขากระตุกเหมือนยิ้มเยาะเมื่อเห็นว่าเธออึ้งที่เขาปฏิเสธ ไม่สนใจมารยาทอันใด ชายร่างสูงจ้องหน้ายักคิ้วข้างหนึ่ง โทสะปะทุขึ้นในใจแต่ยังอยู่ในระดับแค่มีคนมาจุดไฟเย็นข้างใน อเล็กซิสพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง ปล่อยให้ไฟไหม้จนหมดแท่งเด็กสาวเดินหนีและพูดกับเจ้าเครื่องฉายว่า &ld
“คงงั้น สมน้ำหน้าแล้วนี่” เธอตอบ บางทีคนคนนี้อาจไม่ได้นิสัยแย่อะไรมาก อาจจะเป็นแค่เกรียนคนหนึ่ง “แล้วก็ขอบคุณที่นายผลักฉันออกไปด้วย...ถึงแม้จะเกือบโหม่งกำแพงก็เถอะ เอ ว่าแต่ตอนนั้นนายผลักฉันเหรอ”แต่เธอไม่ได้ติดใจอะไรมาก อเล็กซิสมองไปรอบ ๆ แล้วถอนหายใจ แต่แล้วแสงสว่างในห้องค่อย ๆ ลดลงจนมืดสนิท เครื่องโพรเจกเตอร์กลับมาทำงานอีกครั้ง ดวงดาวฟื้นคืนชีวิต“นายคงชอบห้องนี้มาก ก็ได้ ฉันปล่อยให้นายครองห้องก็แล้วกัน” เด็กสาวยอมแพ้ปราศจากอาการตะขิดตะขวงใจหรืออยากเอาชนะอีก เธอไม่มีอารมณ์มานั่งค้นหาคำตอบจากดาวพวกนี้อีกแล้ว ยิ่งเห็นท่าทางใจสลายเมื่อครู่ เธอนึกสงสารเขาอยู่ชายหนุ่มเงยหน้ามอง ปัดผมสีดำออกไปจากหน้า “อยู่สิ เธอจะอยู่ต่อก็ได้”“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่อยากดูอะไรแล้ว”“ไม่ ๆ...อยู่เถอะ ฉันอยากจะแบ่งห้องให้เธอใช้แล้วไง เธอต้องให้เกียรติฉันสิ นี่อุตส่าห์มีน้ำใจแล้วนะ”อเล็กซิสสั่นหัว แต่ไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวเหมือนก่อนหน้านี้ เธอนั่งลงบนพื้น น่าแปลกที่มันแห้งสนิท“เวทมนต
“ฟังดู...น่ากลัวแฮะ แถมประโยคหลังก็ไม่น่าไว้ใจ” เหมือนหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น ใบหน้าปีศาจของคาเมรอนผุดขึ้นมาในความคิดด้วยความหวาดระแวง กลัวว่าชายคนนี้จะกลายเป็นปีศาจเหมือนไอ้เวรนั่น แต่เขาดูไม่เหมือนคนพวกนั้น เธอไม่รู้สึกสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นอีก แต่กระนั้น...“ฉันนั่งดูนายเล่นกลก็ได้ ฉันเป็นผู้ชมที่ดีนะ ขอเถอะ อย่าคะยั้นคะยอเลย”อเล็กซ์คงสังเกตเห็นว่าเธอไม่สบายใจ เขาจึงพูดโน้มน้าวด้วยเสียงที่อ่อนโยนลง “ไม่น่ากลัวหรอก เธอปลอดภัยแน่ ๆ ฉันจะอุ้มเธอไว้แบบนี้ เถอะน่า ฉันต้องมีผู้ช่วย แล้วตอนนี้เธอได้รับตั๋วชมชั้นพิเศษเชียวนะ โชคดีขนาดไหนแล้ว”ใบหน้าของเขาห่างกับเธอไม่กี่คืบ และเพราะเหตุนี้ เธอจึงมองเห็นดวงตาของเขาได้เต็มตา มันเป็นสีดำสนิท แต่สะท้อนให้เห็นดาราจักรที่โลดแล่นอยู่ข้างใน และไม่รู้เพราะอะไร เธอเกิดเชื่อใจเขาขึ้นมา“นายสัญญานะว่ามันไม่อันตราย”“แน่นอน ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันสัญญา” เขาชูนิ้วก้อยขึ้น“แล้วทำไมต้องอุ้มด้วย” เด็กสาวไม่หยุดซักถาม“เพราะมันง่ายกว่
“ที่นี่มีไว้ทำอะไรกันแน่”ทีวีจอแบนบนโต๊ะแสดงรายละเอียดข้อมูลสุขภาพ ทั้งน้ำหนัก ส่วนสูง วันเกิด กรุ๊ปเลือด ระดับคอเลสเตอรอล ความดันโลหิต และอื่น ๆ เจ้าหน้าที่สาวสวมชุดเครื่องแบบสีขาวคล้ายนางพยาบาล (ขาวอีกละ!) คาดผ้าปิดปากสีเขียว เธอเอ่ยชมเบนด้วยน้ำเสียงสูงปรี๊ดว่าสุขภาพของเขาดีอย่างน่าเหลือเชื่อ“คุณครับ ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ เอาไว้ทำอะไร”เธอดึงแขนข้างที่สวมนาฬิกาแล้วอธิบายวิธีการใช้งาน อุปกรณ์ตัวนี้สามารถบันทึกข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาได้หมด โดยหากกดปุ่มแสดงรายละเอียดจะขึ้นเป็นจอโฮโลแกรม มันยังแสดงเวลาล่าสุดที่เขาสูบบุหรี่ครั้งสุดท้าย ใช่แล้ว ครั้งสุดท้าย เพราะห้องนั้นติดตั้งเครื่องดักจับควันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อเล็กซ์อกหักยับเยิน“สรุปที่นี่เอาไว้ทำไรวะ บอกมาสักทีสิเว้ยเฮ้ย”“คนต่อไป! อเล็กซานเดอร์ โวลคอฟ”เก้าอี้เลื่อนไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ จากนั้นตัวเบาะกระเด้งขึ้นผลักเขาออกจากที่นั่งโดยปริยาย เบนกระเด็นล้มลงออกมานอกห้อง คำถามที่เขาถามไปเมื่อครู่ นอกจากจะไม่ได้รับคำตอบแล้ว ตัวเองยังนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นเบนลูบก้นตัวเอง เขายืนรออเล็กซ์ไม่นาน ร่างสูงเดินออกมาต่างจากเขาที่ถูกผล
ทั้งสองเคยไปลองเล่นที่สนามบาสแล้วครั้งหนึ่ง เบนกับอเล็กซ์ไม่ค่อยนิยมเล่นกีฬาแนวนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ไปเล่นที่นั่นอีก ช่วงที่พวกเขายังเป็นนักเรียน ทั้งสองเลือกเข้าสมาคมศิลปะป้องกันตัว มวย ยิงปืน ว่ายน้ำ และเทนนิส ส่วนกอล์ฟซึ่งเป็นกีฬาที่คนส่วนใหญ่ในฟิวเจอร์ริสติกนิยมกลับเป็นกีฬาที่ทั้งสองเกลียด พวกเขาหลงใหลกีฬาแนวต่อสู้และใช้อาวุธ อันเนื่องมาจากอิทธิพลที่ได้รับมาจากเหล่าฮีโร่ในวัยเด็ก โดยเฉพาะเบนที่ชอบของพวกนี้มากเป็นพิเศษ เขายังมีงานอดิเรกสะสมอาวุธ ทั้งของโบราณและสมัยใหม่สนามบาสของที่นี่ปูพื้นด้วยไม้เมเปิ้ลขัดเงาเป็นมันวาว ส่วนอัฒจันทร์ตั้งอยู่ด้านในและมีเพียงฝั่งเดียว คนหกคนกำลังรอพวกเขาอยู่ ทั้งหมดสวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น หรือไม่ก็กางเกงยีน อเล็กซิสนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเทสซ่ากับเด็กหนุ่มผมสีแดง พอเทสซ่าเห็นหน้าเบน หญิงสาวหรี่ตามองเชิดคางขึ้น เบนนึกสนุกเลยขยิบตาพร้อมกับส่งยิ้มยียวนให้เธอ สาวคู่อริจึงทักทายตอบด้วยนิ้วกลาง“เฮ้” อเล็กซิสโบกมือทักทาย เขาหันเหความสนใจไปที่เด็กสาวคนนี้ทันที เบนเกือบจะโบกมือกลับอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เห็นว่าสายตาของเธอมองเลยไปยั
“โอเค ในเมื่อมินนี่ไม่ยอมลงมาเล่น งั้นเรามาโอน้อยออกกัน!” อเล็กซิสดึงความสนใจจากทุกคนอีกรอบ ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรืออยากเริ่มเล่นให้เร็วที่สุด แววตาของเธอเป็นประกายวิบวับพวกเขาแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมของอเล็กซิสประกอบไปด้วยโนเอล ออสโล่ และซาร่าห์ ส่วนทีมของเทสซ่ามีเบน อเล็กซ์ และเวด“ที่รัก พวกเราไม่เคยพรากจากกันเลย” เบนตรงเข้ากอดก่ายร่างสูงของเพื่อน ฝากฝังรอยเท้าไว้ที่ขากางเกงมากมายอเล็กซ์ทำหน้าเอือมระอา เขาดันศีรษะตัวเพื่อนออกไป แต่ไม่วายหัวเราะเบา ๆ“มีกฎข้อเดียวเท่านั้น ห้ามโกง! ห้ามใช้พลังพิเศษเด็ดขาด” เด็กสาวตาสีน้ำเงินประกาศ แต่ไม่ได้จ้องมองใครเป็นพิเศษ“นี่เธอก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ” เบนจ้องเพื่อนเขม็ง ต้องการให้อเล็กซ์คายทุกอย่างออกมาให้หมดเดี๋ยวนั้น“ใช่ เธอรู้ว่าฉันมีพลังพิเศษ แต่เขาไม่รู้เรื่องของนาย โอเค้? ทำไมต้องให้ฉันบอกทุกเรื่องด้วย นายไม่ใช่เมียสักหน่อย”“อ้าว ก็ฉันเป็นเพื่อนสนิท”“ที่แม่งนอนกับแฟนฉันเนี่ยนะ”“บอกแล้
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้
พวกผู้หญิงมีวิธีบรรเทาความเครียดต่างกับผู้ชาย ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน การได้จับจ่ายซื้อของคือความสุขและวิธีปลดปล่อยมวลพลังลบทั้งปวง ถึงแม้ที่นี่ไม่มีร้านบูติกแบรนด์ชั้นนำ หรือแม้แต่ร้านโนเนมดีไซน์ล้ำ มีเพียงตลาดมือสองและแผนกเสื้อผ้าในซูเปอร์ตั้งราวเรียงกันเป็นตับ ไร้รสนิยม แม้ทอยซิตี้ไม่มีตัวเลือกให้กับผู้หญิงมากนัก แต่แค่ได้สวมใส่ ลอง และซื้อ ก็สนองนี้ดได้ไม่ยาก และเพราะมันเป็นหนทางเดียวสำหรับพวกเธอคงมีแค่อเล็กซิสที่นั่งเท้าคางรอเทสซ่าแต่งตัวคนอย่างอเล็กซิสหรือจะแค่นั่งรอ เด็กสาวผู้ชื่นชอบสะสมเสื้อผ้าสวยและน้ำหอมเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งที่ค่าตัวจากงานพิเศษต่าง ๆ ละลายไปกับของพวกนี้ เหตุใดเธอจึงนั่งเบื่อ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ใครคือคนที่ช้อปด้วยต่างหาก และก็ไม่ใช่เพราะเทสซ่าแน่นอนเทสซ่าเดินออกจากห้องลองเสื้อพร้อมเบลินดา สวมเสื้อแจ็กเกตดำแบบเดียวกับที่เธอชอบยืมอเล็กซิสใส่สมัยอยู่ในหอพัก (ท่าทางจะชอบจริง ๆ) เสื้อนอกทับเสื้อสายเดี่ยวสีเขียวข้างใน ด้วยบุคลิกทะมัดทะแมง ผิวสีเชสนัทเกลี้ยงเกลา และรองเท้าบูตส์หนัง เธอยิ่งสวยและเท่เหมือนนางเอกเดินออกจากหนังแอคชั่น “สามพันสองร้อยชิป ไม่ใช่หนั
ไมเคิลส่ายหัวปัดมือให้เธอถอยออกไป (ไม่กล้าแตะตัวเธออีก) อเล็กซิสในอ้อมกอดอเล็กซ์ไม่ได้นอนหรือหลับ หากแต่ตื่นอยู่แต่เหมือนไม่ค่อยมีสติ ริมฝีปากพึมพำว่า “ปล่อย” เบา ๆ ในลำคอ“เปิดประตูสิ” อเล็กซ์สั่งเพราะมือทั้งสองอุ้มเพื่อนของเขาไว้“นายก็เขยิบสิ” เขาสั่งกลับ อเล็กซ์เลื่อนตัวเข้ามาใกล้ประตู เขาจับมืออเล็กซิสแตะที่ตัวสแกนเพื่อปลดกลอน มีเสียงดังกริ๊ก มือผลักบานประตูเปิดให้อเล็กซ์เข้าข้างใน “นี่” ไมเคิลไม่สนใจหญิงสาวเลยปิดประตูใส่หน้าหล่อนดังปัง เธอทุบครั้งหนึ่งก่อนจะด่าออกมา เมื่อนั้นเสียงฝีเท้าห่างออกไป ในที่สุด“ฉันอยากได้ผ้าชุบน้ำ”ไมเคิลพยักหน้า ส่วนอเล็กซิสก็พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงให้ได้ “ไม่...ต้อง...” จนอเล็กซ์ดันตัวเธอลง “ไม่” สภาพอเล็กซิสไม่ต่างจากคนเมายา เขาไม่รู้ว่าเธอไปโดนอะไรมาแต่ก็ทำตามที่อเล็กซ์บอก นั่นคือเข้าไปในห้องน้ำแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก พอเปิดก๊อกก็พบว่าน้ำแรงปกติ โกหกจริงด้วย มือทั้งสองรีบบิดน้ำหมาด ๆ พอออกมาก็เห็นสองอเล็กซ์เถียง
ไมเคิลรุดไปยังหน้าต่างตรงทางเดิน ยกบานหน้าต่างจนสุดแล้วชะโงกหน้าออกไป ลมแรงตีปะทะหน้า ถึงแม้เขาจะชอบอากาศเย็นสบายมากกว่าร้อน แต่เมื่อทอยซิตี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ลมกลับไม่น่าพิสมัย สายตาของเขาเลื่อนไปช้า ๆ ทีละจุด ทีละจุด แต่ไร้ประโยชน์ ถึงอเล็กซิสอยู่แถวนี้ก็ยากที่จะเห็นอยู่ดี ทำไมต้องโกหก เธอไปไหนกันแน่ หัวใจบีบรัดเมื่อความผิดหวังจู่โจม เขาคิดว่าเธอไม่ไว้ใจเขา ทั้งที่เข้าใจว่าตนเองคือคนที่เธอสนิทใจที่สุด มากกว่าเทสซ่า แต่สุดท้าย เขาคิดผิดอเล็กซ์โผล่หน้าออกมาข้าง ๆ ผมของเขายาวจนต้องจับมันไว้ไม่ให้ปลิวและพัดเข้าหน้า “เขามีท่าทีแบบนี้มาสักพักแล้วยัง”ไมเคิลไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนทั้งสองจะพักอารมณ์เหม็นขี้หน้าชั่วคราว ถึงแม้ทุกคนเห็นว่าเธอค่อนข้างโทรมและเงียบกว่าตอนอยู่ในศูนย์ฝึก แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นเลย ใช่แล้ว ไม่มีใครสังเกตเลยรวมทั้งตัวเขาเองด้วย“เขาบอกอะไรนายบ้าง” ชายหนุ่มเริ่มยิงคำถาม “มันเกี่ยวกับที่โดนจับไปหรือเปล่า หรือไม่ใช่”“ไม่รู้!” ไมเคิลตอบอย่างมีอารมณ์ “แล้วนาย
ห้องของไมเคิลกับเรมีแออัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อรองรับคนถึงเก้าคน คอมพิวเตอร์จอแบนขนาดสิบห้านิ้วตั้งกลางวง หน้าตามันดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาประกอบกันเอง เรมีเสียบปลั๊กแล้วกดเปิด หน้าจอสีดำกะพริบถี่ ๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำทะเลปรากฏเปลวไฟเป็นตัวอักษรรูปตัวเอทับต้นไม้ มันพลิ้วไหวเหมือนไฟมีชีวิต “โอ้โห” พวกเขาตื่นเต้น ไม่นานกล่องสีขาวเด้งออกมาเพื่อให้กรอกรหัส“ข้างในมีอะไรบ้าง” อเล็กซิสยื่นหน้าเข้ามา มือกำขวดน้ำแน่นท่าทางกระหายน้ำตั้งแต่เข้ามาในห้อง“ต้องกรอกรหัสก่อน” เรมีย้ำ สายตาจดจ่อกับหน้าจอดังกล่าว“กรอกสิ” เทสซ่าเร่ง “ฉันอยากรู้แล้ว”“เอ่อ” หนุ่มน้อยวัยสิบหกเคาะคีย์บอร์ดสัมผัส “เรายังแฮคมันไม่ได้”“หา?” พวกที่เหลือร้องออกมาพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้น...พวกนายเรียกให้พวกเราดูแค่ว่ามันเปิดได้”“ใช่” เรมีพยักหน้าหงึก ๆ “ไม่ตื่นเต้นกันเหรอ”“ฉันบอกแล้วว่าเราควรเจาะรหัสให้ได้ก่อน” อาคุสะพูดเสียงเรียบ เข
อเล็กซิสเงยหน้ามองไฟข้างบนอย่างกับจะจับผิดระบบ แต่ไมเคิลรู้ตัวการดีจึงเหยียดเท้าถีบเก้าอี้ข้างหน้า แม้ยั้งแรงไว้บ้างแต่ตัวอเล็กซ์อัดเข้ากับขอบโต๊ะจัง ๆ ไม่ทันร้องว่าเจ็บก็ลุกพรวดจนเก้าอี้กระแทกโต๊ะข้างหลังซึ่งก็คือระหว่างไมเคิลและอเล็กซิส เขาหมุนตัวเตรียมจะพุ่งเข้ามา ไมเคิลรออยู่แล้วง้างหมัดเตรียมสวน ทว่าสงครามยุติก่อนที่มันจะเริ่ม อเล็กซิสกับเรมีพร้อมใจกันกดเขาไว้กับโต๊ะ ส่วนอาคุสะและฟีบี้ทำแบบเดียวกันกับอเล็กซ์“ตรงนั้นมีอะไรกัน!”“เข้าใจผิดครับ เข้าใจผิด” เรมีตะโกน “พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้”ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับเป็นศัตรูมาช้านาน ยิ่งอเล็กซ์ไม่ได้ตัดผมโกนหนวด หน้าตารุงรัง ยิ่งทำให้สีหน้านั้นเอาเรื่องกว่าตอนใบหน้าเกลี้ยงเกลา “บอกให้เขาหยุดสิ” ไมเคิลเถียง เสียงแหบแห้งเพราะน้ำลายติดคอ“นายนั่นแหละที่หยุด” เรมีกดศีรษะเขาลง“เบา ๆ เรมี ไมเคิลนายอยู่นิ่ง ๆ” อเล็กซิสว่า“ฉันไม่ได้เริ่ม!” เขาจ้องหน้าอเล็กซ์เขม็ง“เฮ้ ๆ พวกนาย” เทสซ่ายืนขึ้นเตรียมพ