ความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ศีรษะราวกับโดนของแข็งทุบ..ส่งผลให้หญิงสาวครางด้วยความเจ็บ..แสงสว่างจ้าลอดผ่านม่านตา..ดวงตากลมโตกะพริบถี่ๆ อากาศรอบตัวร้อนจนเหงื่อซึม นิ้วมือเรียวสวยราวลำเทียนแตะส่วนที่ได้รับบาดเจ็บ..ความรู้สึกปวดร้าว..ทำให้เธอได้สติ
วูบสุดท้าย ตอนรถใหญ่ปะทะเข้ากับรถของเธอ..ไอ้ต้าวคู่หมั้นจอมวอแวดันหักรถฝั่งตัวเองเข้ารับแรงกระแทก..คิดได้ดังนั้นร่างบอบบางกระเด้งตัวลุกขึ้นทันที
"คีรี!!"เสียงตะโกนดังลั่นของคนเจ็บ..มีผลให้คนในห้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
"ม๊า..ดูอีน่าจะได้สติแล้วนะ"เสียงกระซิบกระซาบไม่ไกลจากเตียงนอน คนที่ถูกเรียกว่า 'ม๊า' ขมวดคิ้วนิ่วหน้า
"แน่ใจนะว่าอีไม่เป็นไร นี้ม๊าพึ่งให้คนไปตามอาซานกลับมา"
"ก็อั้วก็บอกม๊าแล้วไงว่าอย่าไปตามเฮีย อีชอบเรียกร้องความสนใจ อั๊วก็บอกม๊าแล้วลูกสะใภ้คนไทยมันไม่ได้เรื่อง"
"อาหมวย ลื้อก็รู้...ใช่ว่าอั๊วอยากให้อาซานแต่งงานกับอีซะหน่อย..ก็อาปาลื้อนั่นแหละ อยากได้อีมาเป็นสะใภ้"เสียงบ่นกระปอดกระแปดโวยวายจากผู้หญิงวัยกลางคน เล่นเอาดารินปวดหัวตึบ
ดวงตาคมมีเสน่ห์คู่สวยหรี่มองรอบๆ ห้องที่เธออยู่นั่น มีลักษณะเหมือนห้องแถวโบราณ..ข้างในห้องมีตู้เสื้อผ้าไม้..ตรงกันข้ามมีโต๊ะเครื่องแป้งไม้อีกเช่นกัน ทุกอย่างรอบตัวดูแปลกพิกลไปหมด
ยิ่งผู้หญิงสองวัยที่ยืนนินทาเธอในระยะประชิดยิ่งแล้วใหญ่ คนที่ถูกเรียกว่า 'ม๊า' ใส่เสื้อคอจีนกี่เพ้าลายหงสีแดง..ในขณะที่คนอายุน้อยกว่าใส่ชุดแบบเดียวกันเพียงแค่ต่างสี..สองคนนี้..อาจเป็นผู้มีพระคุณ? คิดได้ดังนั้น คนเป็นแขกพยายามประคองตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะพนมมือไหว้อย่างคนที่ถูกสั่งสอนมาอย่างดี
"ขอบคุณ คุณป้ามากนะคะ ที่ช่วยหนูเอาไว้..ว่าแต่ที่นี้ ที่ไหนเหรอคะ"เสียงแหบแห้งของคนป่วย..ที่ถูกส่งมาพร้อมดวงตาคมโรยแสง..เล่นเอาคนในห้องยืนอึ้ง
“อาหมวย..ม๊าว่าจินจิน..อีดูแปลกๆ นะ” คนถูกเรียกว่าป้ารีบกระซิบกับลูกสาวทันควัน..คำว่า ‘จินจิน’ ส่งผลให้หญิงสาวร่างบอบบางนิ่วหน้า..ชื่อเล่นภาษาจีนของเธอมีเพียงไม่กี่คนที่เรียก..มนุษย์ป้าที่แต่งตัวผิดยุคสมัยรู้จักเธอ?
แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ถามลูกสาวที่แต่งหน้าจัดรีบเบ้หน้าใส่ทันที
“อีก็แบบนี้แหละม๊า..คงกะเรียกร้องความสนใจ”
“เหอะ อะไรของคุณเนี่ย..แต่งตัวก็พิลึก แต่งหน้าก็ประหลาด ยังพูดจาบ้าบออีก..ถ้าอยากได้เงิน เอามือถือมาให้ฉันซิ เดี๋ยวฉันโอนจ่ายค่าเสียเวลาให้” คนถูกด่าว่า ‘เรียกร้องความสนใจ’ ชักอารมณ์ขึ้น
“หนอย...ปากดีนักนะ..อั้วคือพี่สามีลื้อ..ลื้อควรให้ความเคารพอั้วบ้างซิ”
“พี่สามี? พูดบ้าอะไรของคุณห๊ะ” ดารินชักฉิว..เธอไปแต่งงานตอนไหน..จริงอยู่ถึงเธอจะมีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนเพื่อตัดความรำคาญ.. แต่เรื่องแต่งงานเธอแทบไม่มีอยู่ในสมอง..บ้านหลังนี้มันประหลาดเกินไป ดูทรงคนที่เก็บเธอมาได้น่าจะเป็นคนโรคจิต คิดได้ดังนั้น ร่างบอบบางพยุงตัวที่กำลังเจ็บลุกขึ้นยืน..โชคยังดีนอกจากศีรษะ แขนขาของเธอยังปกติดี
หญิงสาวพยายามควานหากระเป๋าเงินของตัวเอง..แต่พอสำรวจชุดที่เธอใส่กับเป็นชุดกี่เพ้าสีขาวลายดอกกุหลาบแขนกุด..ริมฝีปากรูปกระจับเม้มแน่น..ดวงตาคมคู่สวยวาวโรจน์
“ป้า..ชุดฉันกับกระเป๋าเงินฉันหายไปไหน!!”
“พูดเพ้อเจ้ออะไรของลื้อ อั้วจะไปรู้ได้ยังไงว่าลื้อเก็บไว้ที่ไหน” น้ำเสียงแหลมเริ่มโวยวาย คิ้วได้รูปของคนเป็นแขกขมวดยุ่ง สถานการณ์ตอนนี้ชักไม่เข้าที..เวลาคนประสบอุบัติเหตุควรเรียกรถโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ? ทำไมสองคนนี้พาเธอกลับบ้าน?
เมื่อประมวลผลได้ร่างสูงระหงยืดตัวตรงทันที บุคลิกน่าเกรงขามชวนให้คนในห้องประหลาดใจกับพฤติกรรมเข้าไปอีก..เสียงหวานใสเปลี่ยนเป็นดุ ราวกับไม่ใช่ 'จินเยว่' คนเดิม
“เอ๊ะ หรือพวกแกเป็นพวกมิจฉาชีพ หึ ต้องการอะไรก็พูดมาตรงๆ เลย อยากได้เงินเท่าไร” คนอายุน้อยสุดในห้องเริ่มต่อรอง..แขนเรียวเสลากอดอก พร้อมหรี่ตามองคนในบ้านหลังนี้อย่างเหยียดๆ เล่นเอาหญิงสาวสองวัยผงะ
“ม๊าว่า..จินจิน นางไม่ปกติจริงๆ นะ อาหมวย” เสียงคนเป็นแม่ชักไม่ดี ร่างอวบอ้วนผิวขาวจัดอย่างจีนแท้เริ่มกระวนกระวาย ต่างจากลูกสาวเพียงคนเดียว..เธอรู้จักน้องสะใภ้ของตัวเองดี โดยเฉพาะนิสัย 'เรียกร้องความสนใจ'
"นี้ จินจิน ลื้อพูดอะไรของลื้อ..ปกติก็ไม่มีสมองอยู่แล้ว..วันนี้เกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาอีกละ"
"เดี๋ยวนี้คุณว่าใคร..ห๊ะ..ใครนะไม่มีสมอง..ฉันนี้นะ"ดารินพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ตัวเอง..ทุกวันนี้เธอหาเงินได้ปีละหลายพันล้าน เป็นทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัท..คำว่า 'ไม่มีสมอง..ยัยผู้หญิงปากแจ๋วสองคนนี้ช่างกล้า!'
ความรู้สึกดีๆ ช่วงแรกที่ได้รับการช่วยเหลือ..หายไปเกือบหมด..คติประจำใจของเธอ
'ใครดีมาดีกลับ..ใครร้ายมาร้ายแสน'
ใบหน้าสวยหวานราวกับปั้นเริ่มเย็นชา ดวงตาคมคู่สวยมีเสน่ห์เคลือบด้วยสายตาหยามเหยียด..ริมฝีปากถูกยกยิ้มเพียงข้างเดียว
"นี้ฉันจะบอกอะไรพวกคุณให้ฟังนะ ถ้าพวกคุณพูดดีๆ กับฉัน..ฉันอาจโปรยเศษเงินให้บ้าง แต่ถ้ายังทำตัวแบบนี้อีก..บาทเดียวฉันก็ไม่ให้"พูดจบ..ร่างเพรียวระหงเชิดคอเดินออกจากห้องทันที..ในใจคิดเพียงแต่ว่า..หาโอกาสยืมโทรศัพท์มือถือของใครสักคนเพื่อติดต่อกลับที่บ้านก็พอ
แต่ไม่ทันที่คนเป็นแขกจะได้ออกจากบ้านหลังนี้..ร่างสูงโปร่งผิวขาวจัดของใครบางคนที่คุ้นตามาตลอดชีวิต ก็ก้าวเข้ามา..'คีรี' หรือก็คือคู่หมั้นของเธอนั่นเอง
ดวงตาคู่สวยของดารินมองสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า..เสื้อเชิ๊ตสีขาวติดจะหลวมไปซะนิด..กางเกงสีกรมทรงจะดูแก่ไปซะหน่อย แต่พออยู่บนร่างสูงโปร่งกับดูวินเทจซะอย่างงั้น..นอกจากการแต่งตัวที่ผิดแปลกไปบ้าง..สภาพร่างกายของคนเป็นคู่หมั้นยังดูครบ 32 ทุกประการ..และยังหล่อเหลาไม่ต่างจากพระเอกจีนเหมือนเดิม ราวกับอุบัติเหตุที่ผ่านมา เขาไม่ได้รับผลกระทบอะไร..โดยไม่รู้ตัว..ไอ้คนที่ปากบอกปาวๆ ว่า 'ไม่เคยรักใคร' กับดูโล่งอก..ดวงตาคู่สวยมีเสน่ห์มองด้วยความพอใจ
ร่างบอบบางในชุดกี่เพ้ากับกางเกงสีเข้มพอดีตัว...เดินมาอยู่ตรงหน้าคนเป็นคู่หมั้น ก่อนมือเรียวสวยจะจับใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าพลิกซ้ายพลิกขวา เพื่อหารอยแผล..ยังดีไอ้ต้าวตัวโตยังคงปกติดีทุกประการ..ไม่ใช่อะไร เธอกลัวม๊ะม๊าเธอจะบ่นว่าทำว่าที่ลูกเขยคนโปรดเสียโฉม..พฤติกรรมของหญิงสาวทำชายหนุ่มประหลาดใจ ดวงตาสองชั้นคมกริบ..เยียบเย็นกว่าปกติ
"นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ป่ะ กลับบ้านกันเถอะ"คนตัวเล็กกว่าพูดพร้อมกับดึงแขนคู่หมั้นเตรียมจะชิ่งออกจากบ้านหลังนี้ เล่นเอาผู้หญิงสองวัยที่เดินตามมามองตากันอย่างงงงวย..คนที่ถูกดึงแขนเองก็ใช้มือหนาปลดมือน้อยออกอย่างรังเกียจ..เล่นเอาดารินประหลาดใจขั้นสุด และเขายังทำให้เธออึ้งเข้าไปอีก..เมื่อเขาหันไปเรียกผู้หญิงวัยกลางคนว่า 'ม๊า'
"ม๊า..ไหนม๊าว่าจินจิน..อีสลบไปไง แล้วนี้อะไรยังเดินคล่องไม่ได้ต่างจากปกติ"เสียงเย็นชาจากลูกชายคนสุดท้องของบ้าน เล่นเอาคนเป็นแม่หน้าจ๋อย พี่สาวคนเดียวรีบยุส่ง..ท้าวความถึงครั้งอดีตที่หญิงสาวเคยใช้แผนเดิมๆ เรียกสามีกลับบ้าน
"ก็อีตอแหลไง กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว..ที่พยายามเรียกร้องความสนใจ รอบก่อนก็แกล้งป่วย..เรียกลื้อกลับบ้านด่วน"และเหมือนจะได้ผล..ชายร่างสูงโปร่งหรี่ตามองร่างเล็กเพียงอกอย่างนึกรังเกียจเดียดฉันท์..ความรู้สึกเจ็บแปล็บ..วิ่งเข้ากลางใจ..อย่างที่เธอเองก็ไม่เข้าใจ
ดารินพยายามมองสำรวจด้วยแววตาค้นหา..สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว..ไม่ใช่...ผู้ชายคนนี้หน้าตาเหมือนคีรีทุกประการ..แต่ผู้ชายของเธอจะไม่มีวันมองเธอด้วยสายตาแบบนี้เป็นอันขาด..คิดได้ดังนั้น..หญิงสาวรีบเดินจ้ำอ้าวออกจากบ้านทันที
ณ มหาวิทยาลัย J ชื่อดังระดับต้นๆ ของประเทศหลังตึกคณะบริหารธุรกิจ...หญิงสาวในชุดนักศึกษากำลังยืนรอชายหนุ่มทายาทของตระกูลดังอย่างใจจดใจจ่อ...ท่าทางกระสับกระส่ายพาลให้เพื่อนสาวที่มาด้วยสองคนหัวเราะคึกคัก "ยัยซีลีนเธอจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นยะ ทำเหมือนไม่เคยอ่อยผู้ไปได้"เพื่อนที่มาด้วยกันแซวเมื่อเห็นดาวคณะนิเทศกระสับกระส่ายใบหน้าสวยเฉี่ยวตามสมัยนิยมถูกแต่งแต้มเป๊ะปัง จนหนุ่มๆ พากันเหลียวหลังมองด้วยความชื่นชม...นอกจากหน้าตาที่ดีเลิศ โปรไฟล์เจ้าหล่อนก็แสนจะไม่ธรรมดา..เพราะเป็นถึงลูกสาวบริษัทรับเหมารายใหญ่ระดับประเทศ คนที่มาจีบมีตั้งแต่ลูกเศรษฐีด้วยกัน ไปจนนักธุรกิจหนุ่มดาวรุ่ง...แต่ชายที่หญิงสาวตกหลุมรักดันเป็นชายหนุ่มสุดหล่อแสนเย็นชาของคณะบริหาร"คีรีมาทางนั้นแล้วยัยซีลีน"เพื่อนอีกคนรีบสะกิด เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าราวกับหลุดมาจากนิยายจีน..ที่ตอนนี้มีสีหน้าเรียบเฉยติดจะเย็นชาเล็กน้อย..ยิ่งสายตาคมกริบที่กวาดมองยิ่งพาให้หัวใจไฮโซสาวหวั่นไหวร่างอวบอิ่มรีบเดินเข้าไปตรงหน้าตามแรงผลักของคนเป็นเพื่อน"สวัสดีคีรี"เสียงหวานเอ่ยถามขึ้น พร้อมช้อนดวงตากลมโตขึ้นมอง...ชายหนุ่มเพียงหรี่ต
ย้อนไปเมื่อสิบปีก่อนณ MMMO international schoolเด็กหนุ่มชั้นมัธยมปีศึกษาปีที่สี่ผู้มีฐานะเป็นหลานของเจ้าของโรงเรียนเอกชนอันดับหนึ่งของประเทศ..ซึ่งเวลานี้กำลังนั่งอารมณ์ไม่ดีอยู่บริเวณหน้าโถงประชุมของโรงเรียน ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มบูดบึ้ง..นัยน์ตาคมกริบกวาดมองหมู่คนที่ผ่านไปผ่านมา..คล้ายกับกำลังใครสักคนอยู่...รุ่นพี่รุ่นน้องผู้หญิงเมื่อสบสายตาเข้าก็แทบเป็นลม..บรรยากาศเย็นชาน่าหลงใหลไม่ได้ทำให้ความนิยมในตัวเด็กหนุ่มน้อยลงเลยไม่ถ้าในโรงเรียนหรือมหาลัยวิทยาลัยมีเดือนคณะ นายคีรี สิริวงษ์ชัย ย่อมเหนือเมนขึ้นไปอีกขั้นแน่ละ ทั้งรูปร่างหน้าตา..รวมถึงฐานะวงศ์ตระกูลที่จัดอยู่ในหนึ่งกลุ่มลูกหลานผู้มีอิทธิพลระดับประเทศ...รวมถึงผลการเรียนอันดับหนึ่งของสายชั้น เมื่อขึ้นเวทีร้องเพลงเสียงก็เพราะเป็นหนักหนา..ต้องเรียกว่า hot ยิ่งกว่า hotดังนั้นตั้งแต่เกิดมาใครๆ ล้วนต่างประจบสอพลอ เชิดชูบูชา ถ้าจะมีคนหนึ่งที่ปฏิเสธมัน ก็คงไม่พ้นนางสาวดาริน กิตติวรชัยกุล เจ้าหล่อนอย่าว่าแต่ประจบเอาใจเขาเลย วันๆ มีแต่ไล่เขาไปให้พ้นๆ หน้าอีกทั้งวันนี้ยัยตัวร้ายยังหลอกให้เขามารอหน้าโถงประชุมใหญ่ได้ครึ่งค่อนชั่วโมง ทั้งๆ
รถสปอร์ตคันหรูยังวิ่งไปตามทางที่คุ้นเคย..เพียงแต่รอบนี้หญิงสาวสายซิ่งกับขับรถด้วยความไวที่ช้าลงกว่าปกติ หลังคารถเปิดประทุนถูกเปิดออก..สายลมยามดึกปะทะหน้าพาให้อารมณ์ดีไม่น้อย..ผมดำสลวยที่เริ่มยาวถูกมัดรวบง่ายๆ ไว้ด้านหลัง น่าแปลกปกติอดีตคู่หมั้นคนสวยจะตัดมันเสียสั้นกุด เพราะเจ้าหล่อนติดนิสัยขี้รำคาญจวบจนรถหรูจอดสนิทตรงลานจอดรถสะพานขึ้น p มันคือสถานที่...ที่หญิงสาวมาทุกครั้งเวลาไม่สบายใจ หรือเวลาที่เขารู้สึกแย่..เธอจะยืนอยู่บนข้างๆ หันมามองหน้าเขา พร้อมเอียงหัวรับฟังเล็กน้อย..แล้วก็ปล่อยเขาพูดไป..แม้จะไม่มีคำแนะนำดีๆ แต่แค่เธอยืนอยู่ตรงนั้น แค่รับฟัง..มันก็ทำให้เขามีความสุข เวลานี้ก็เช่นกัน..ร่างเพรียวระหงยังยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ดวงตาคู่สวยที่เขานึกรักเหม่อมองออกไปยังแม่น้ำสายใหญ่ประจำประเทศ ใบหน้าด้านข้างของเธอยังงดงามราวกับรูปสลัก..ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยสีแดงจัดเหมือนสีเสื้อผยอเล็กน้อย..ก่อนที่เธอจะตัดสินใจผินตากลับมามองเขา..เราต่างก็รู้ถึงนัยยะเดียวกัน..เขารู้ว่าเธอจดจำได้..และอะไรบางอย่างในดวงตาเขาก็บ่งบอกว่าเขาจดจำได้เช่นกัน“นายคีรี”“ว่ายังไงนางสาวดาริน”คำเรียกขานที่ชอบใช้แท
"หมายความว่ายังไงคะ!!!"คำตอบของคนเป็นพ่อ ส่งผลให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ...หัวใจดวงน้อยเต้นช้าลง..ความรู้สึกสูญเสียบางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว"ป๊ะป๋าก็หมายความตามนั้น ป๊ะป๋าเป็นคนขอถอนหมั้นเอง""อ้าว ได้ยังไงคะ แล้วแบบนี้นายคีรีไม่เสียใจแย่เหรอ""ถ้านายคีรีจะเสียใจก็เป็นปัญหาของนายคีรีซิ เกี่ยวอะไรกับบ้านเราด้วยล่ะแค่วันนั้นขับรถพาอายไปลงเขา...ป๋าก็แทบจะฆ่ามันทิ้งแล้ว..ถอนหมั้นๆ ไปก็ดีแล้ว อีกอย่างหนูก็ไม่เคยชอบพันธะนี้อยู่แล้วนี่""ป๊ะป๋า!!! มันไม่ใช่ความผิดของนายคีรี วันนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ..นายคีรีเขาปกป้องอายด้วยซ้ำ""ไม่รู้ ถอนหมั้นแล้วก็คือถอนหมั้น อย่าไปพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีกเลย"คนเป็นพ่อผู้หวงลูกสาวรีบตัดจบอารมณ์ดี ก่อนจะหยิบมือถือมาไล่อ่านข่าว ไม่สังเกตสีหน้าซีดเซียวของคนเป็นลูกแม้แต่นิด'เผด็จการชะมัด..เผด็จการเหมือนใครกันนะ ก็เหมือนตัวเธอนะซิ!!'เมื่อออกจากโรงพยาบาลได้สองอาทิตย์คนป่วยเริ่มอาการดีขึ้น...อีกทั้งได้สรุปในใจอีกหลายอย่าง ดังนั้นไอ้คนที่ไม่ชอบออกงานเลี้ยงสังคมหรูหราก็กลับมาออก...เพื่อจะเห็นหน้าใครบางคนและยังสามารถใช้เหตุผลประมาณว่า 'บังเอิญเจอกัน เลยไ
เมื่อคนเป็นพี่กลับบ้านมาแล้วพบน้องชายทำหน้าเครียด ในมือของเขามีสมุดเบิกถอนสมุนไพร ส่งผลให้คนมีชนักติดหลังเสียววาบในใจ...ดวงตาคมกริบหรี่มอง พร้อมโยนสมุดในมือลงบนโต๊ะ"มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย?""...""ทำไมเจ้ทำแบบนี้ เจ้ทำมันลงไปได้ยังไง""ลื้อมันบ้าอาซาน อีฮวงนั้งไม่สมควรให้กำเนิดลูกหลานตระกูลหลี่!!""คนที่ไม่สมควรเกิดมาเป็นลูกหลานตระกูลหลี่คือเจ้ต่างหาก ส่วนจินจินเธอดีเกินกว่าผู้หญิงหลงท่ก สันดานเลวอย่างเจ้มาก""อาซาน นี้ลื้อ นี้ลื้อด่าอั๊ว""เออ อั๊วด่าเจ้นี้แหละ เรื่องนี้มันไม่จบแน่ เจ้เตรียมใจไว้ได้เลย"คนเป็นน้องพูดพร้อมกับเก็บสมุดเบิกจ่ายสมุนไพรติดมือไปด้วย เล่นเอาพี่สาวเหงื่อตก แต่หล่อนรู้น้องชายนั้นแสนดีขี้ใจอ่อนมากแค่ไหน...อีกอย่างจินเยว่ก็เสียไปหลายปีแล้ว...ไหนเลยจะมาเอาผิดเธอได้แต่ไอ้คนใจดีมาตลอดชีวิต กับเลือกนำเรื่องไปฟ้องอาปามู่เฉิน กับอาม๊าด้วยรู้ว่าท่านทั้งสองเป็นคนยุติธรรม...เมื่อบุพการีรับรู้เรื่องทุกอย่างก็ถึงกับตกใจ...เพราะสิ่งที่ลูกสาวคนเดียวกระทำเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก มันไม่ต่างทำจากการทำร้ายสายเลือดครอบครัวตระกูลหลี่ดังนั้นตอนหลี่หนิงเกอเดินเข้าห้องทำงานของอาปามู่เฉิน
ระหว่างที่ชายหนุ่มลงมือทำความสะอาดหลุมศพของภรรยา...หลี่มู่เฉินที่เดาไว้แล้วว่าลูกชายจะมาที่นี้ ก็เดินเข้ามาหาทันที หลังจากที่ยัยหนูจินเยว่เสียไปได้สองเดือน..ลูกชายของเขามักมาทำความสะอาด เอาดอกไม้มาวาง “อาซาน”“อ้าว อาปา มาได้ยังไงครับ”เสียงแห้งถามกลับ พร้อมส่งรอยยิ้มเศร้าหมองไปให้..ใบหน้าภายใต้หมวกสานกันแดด แดงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากอยู่ด้านนอกเป็นระยะเวลานาน“อื่ม อาปามีเรื่องจะคุยกับลื้อ”หลังจบคำผู้ชายสองวัยจึงเดินไปนั่งใต้ร่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากหลุมฝังศพจินเยว่นัก“ลื้อแน่ใจแล้วรึ ที่จะลาออกจากโรงพยาบาล”“ครับ”“เห้อ อาซาน..ฟังอาปานะ จินจินอีตายไปแล้ว แต่ลื้อยังมีชีวิตอยู่”“อื่ม ผมรู้..ผมเองก็กำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ไง”“แบบที่ลื้อทำอยู่ เขาไม่ได้เรียกว่าการใช้ชีวิตนะอาซาน”เสียงอาปาอ่อนล้า มือหนาหยาบตบหลังลูกชายเบาๆ เพื่อปลอบประโลม“อาปารู้ว่าลื้อรักจินจินมาก”“...”“ไม่งั้นอาปาคงไม่หมั้นหมายลื้อให้จินจินหรอก”“ทำไม...อาปารู้ละครับว่าผมรักจินจิน”น้ำเสียงลูกชายโตเริ่มพร่า..เพราะตัวเขาเองยังไม่รู้ตัวเลยว่ารักเธอตั้งแต่เมื่อไร“จำได้มั้ย ว่าปีหลังๆ มานี้ ลื้อชอบบ่นว่าน้อง..แต่พอกลับมาทีไ