ในขณะที่สมาชิกตระกูลจางทุกคนต่างมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เพราะวันนี้ถือเป็นวันฉลองของครอบครัว แต่สำหรับจาง อินหลงนั้นตรงข้าม เพราะเขาแสดงถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
ตลอดทั้งงานเขาเอาแต่ดื่มแชมเปญแก้วแล้วแก้วเล่าและไม่พูดจากับเธอเลยสักคำ ไม่สิ ไม่มองหน้าเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งถึงเวลางานเลี้ยงเลิก เขาก็แยกไปขึ้นรถอีกคันทั้ง ๆ ที่ขามาก็ยังมาด้วยกัน แต่ขากลับเธอต้องนั่งรถคนเดียวเสียอย่างนั้น
สองชั่วโมงต่อมา
หลังจากเดินทางกลับมาถึงคฤหาสน์ เขาและเธอก็ต่างคนต่างแยกย้ายเข้าห้องตัวเองเช่นเคย แม้ว่าเธอจะรู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในใจที่ยังไม่ได้เคลียร์กับเขา แต่ก็พยายามอดทนและอาบน้ำนอน
ร่างเล็กนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงขนาดใหญ่เป็นชั่วโมงแต่ก็นอนไม่หลับ จนในที่สุดก็ตัดสินใจลุกออกจากเตียงและเดินมายืนหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานใหญ่ห้องข้าง ๆ
เธอเดินวนไปมาอยู่หน้าห้องเขานานนับนาที หัวใจเต้นแรงด้วยความกังวลว่ากำลังโดนสามีมองเธอผิด และด้วยความอึดอัดที่ถูกมองแบบนั้นเธอเลยตัดสินใจเคาะประตูห้องเขาสามที
เงียบกริบ... หรือเขาจะนอนไปแล้วนะ? แต่ดูจากใต้ประตูก็ยังมีแสงไฟส่องออกมาอยู่เลยนี่นา ลองเคาะอีกดีกว่า
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ก็ยังคงเงียบ...
'สงสัยเขาคงไม่อยากคุยกับเราจริง ๆ ด้วยสินะ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน' พิมดาวคิดในใจพลางกำลังจะหันหลังเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง แต่ประตูก็เปิดออกมาเสียก่อน
"ไม่มีมารยาทหรือไง เคาะรอบแรกคนเขาไม่ตอบแล้วยังเคาะอีก" พิมดาวชะงักไปชั่วขณะ รู้สึกเหมือนถูกตำหนิอย่างหนักจากอินหลง แถมเขายังใส่แค่กางเกงบ็อกเซอร์เอวต่ำโชว์ซิกซ์แพ็กให้เห็นชัดเจนอีกด้วย
"พิมขอโทษค่ะ..." เธอตัดสินใจเอ่ยขอโทษอย่างจริงใจ ไม่ว่ายังไงอินหลงก็เป็นสามีของเธอ แค่คำขอโทษมันไม่ได้หนักหนาเกินไปจนพูดไม่ได้
"ขอโทษเรื่องอะไร"
"เรื่อง...ที่เฮียบอกว่าพิมทำตัวไม่เหมาะสม"
"...เข้ามาข้างใน" ร่างสูงยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยแต่เอ่ยให้เธอเข้าไปในห้องนอนเป็นครั้งแรกที่อยู่ด้วยกันมาสามเดือน
คนตัวเล็กรู้สึกใจเต้นแรงแปลก ๆ ที่จะได้เข้าห้องเขาจริง ๆ สักที หลังจากที่เคยยืนดูอยู่ห่าง ๆ สมัยดูแลเขายามเป็นไข้ แต่มาถึงขนาดนี้แล้วเธอก็จะไม่ยอมถอยจนกว่าเขาจะให้เธออธิบายเช่นกัน
พิมดาวเดินเข้ามาในห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวตัดดำอย่างมีชั้นเชิง ในห้องแห่งนี้มีทั้งชุดโซฟา ทีวี คอมพิวเตอร์ และเตียงนอนขนาดใหญ่ซึ่งน่าจะใหญ่กว่าห้องของเธออีก
หญิงสาวปิดประตูห้องนอนให้เรียบร้อยและยืนกุมมือตัวเองอยู่ตรงแถวโซฟา ในขณะที่ร่างสูงขึ้นไปนั่งพิงกับหัวเตียง
"พิมขอโทษนะคะ ถ้าทำให้เฮียไม่สบายใจ" เธอเปิดประเด็นขอโทษก่อน ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงเพราะเขาเอาแต่จ้องมองเธอไม่วางตา
"ไปยืนอะไรตรงนั้น ฉันไม่ได้ยิน" จริงอยู่ที่เธอไม่ได้ยืนอยู่ในระยะใกล้เตียง แต่ก็ไม่น่าจะไกลจนถึงขั้นไม่ได้ยินกันนี่นา
"..." พิมดาวถอนหายใจเล็กน้อยพลางเดินเข้าไปใกล้ขึ้นไปอีก และกำลังจะเอ่ยวาจาออกมาแต่เขาก็ขัดขึ้นมาก่อน
"ใกล้อีก"
"..."
"แค่นั้นจะไปพออะไร" ว่าจบร่างสูงก็เดินมาฉุดข้อมือเล็กให้ลงมานั่งตรงข้ามกับเขาที่เตียงนุ่ม จนทั้งสองอยู่ห่างกันไม่กี่เซนติเมตร สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของกันและกัน
"...พิมขอโทษค่ะ เฮียได้ยินหรือยังคะ" คนตัวเล็กจ้องมองเข้าไปที่นัยน์ตาเย็นชานั้นด้วยความรู้สึกผิด พลางคิดว่าตนเองเป็นอะไรทำไมถึงกลัวว่าเขาจะโกรธขนาดนั้น
"ได้ยินแล้ว" เขาตอบเสียงแผ่วเบา เธอสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเขาดูเย็นลงในระดับหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าทำไม...เวลาที่นั่งสบตากันตรง ๆ แบบนี้มันเหมือนมีปฏิกิริยาอะไรบางอย่างที่ลอยอยู่ในอากาศ
"คุณออสตินเขาแค่โชว์รูปแมวให้พิมดูเท่านั้นค่ะ ไม่มีอะไรเกินกว่านั้น...พิมซื่อสัตย์แค่กับเฮียคนเดียวค่ะ"
"ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่" คนตัวสูงเอ่ยเสียงเรียบที่ฟังดูมีความตึงเครียดน้อยลงจากที่งานเลี้ยงมาก พอได้ยินคำว่าเธอซื่อสัตย์กับเขาแค่คนเดียวแล้วรู้สึกภูมิใจแปลก ๆ อย่างหาเหตุผลไม่ได้
"..."
หลังจากที่ได้อธิบายความจริง เธอก็รู้สึกโล่งขึ้น แต่เขากับเธอก็ยังคงจ้องมองไปยังนัยน์ตาของอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา นี่เป็นครั้งแรกที่เขากับเธอได้มองหน้ากันเนิ่นนานขนาดนี้
และด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจของทั้งคู่ทำให้ใบหน้าของเขากับเธอค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหากันทีละนิด ทีละนิด...โดยที่นัยน์ตาคมกริบยังคงสอดประสานกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนอย่างไม่วางตาราวกับว่าทั้งสองกำลังค้นหาอะไรบางอย่างในกันและกัน จนกระทั่งอินหลงค่อย ๆ บรรจงมอบจุมพิตแผ่วเบาลงบนริมฝีปากอวบอิ่มช้า ๆ
พิมดาวหลับตาลง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติอย่างที่ร่างกายและหัวใจปรารถนา เธอตอบรับสัมผัสราวกับขนนกนุ่มเบา ๆ พลางเลื่อนฝ่ามือน้อยไปสัมผัสกับปลายนิ้วใหญ่ที่วางอยู่บนตัก
และการกระทำระหว่างมอบจูบให้กันและกันของเธอคงจะกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวอินหลง จึงทำให้เขาดันตัวเธอลงไปนอนบนเตียง และตามขึ้นมาคร่อมด้วยความรวดเร็ว
ชายหนุ่มป้อนจูบให้หญิงสาวอย่างเนิบนาบแต่ลึกซึ้ง เขาทายติดริมฝีปากไม่ยอมผละจากก่อนค่อย ๆ สอดแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้าไปกวาดต้อนความหอมหวานในโพรงปากนุ่ม กลีบปากสอดประสานดูดดึงแลกเปลี่ยนลมหายใจกันเป็นจังหวะอยู่นาน
ราวกับว่าพวกเขาต่างรอคอยที่จะสัมผัสกันและกัน จนกระทั่งอินหลงปลดปล่อยริมฝีปากอิ่มที่เขาครอบครองให้เป็นอิสระ
"เฮียคะ..." พิมดาวเปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากที่เขาถอนริมฝีปากออก และเรียกผู้เป็นสามีด้วยน้ำเสียงหวานหยด
"เธออยากให้ฉันทำต่อไหม" เขาเอ่ยถามพร้อมทั้งใช้มือใหญ่เกลี่ยที่แก้มใสของเธอ
"..." พิมดาวนิ่งเงียบไม่ตอบแต่เปลี่ยนจากมือที่วางอยู่บนเตียงนุ่มไปสัมผัสแผ่นหลังของเขาแทน เธอไม่อาจปฎิเสธหัวใจของตัวเองได้ว่าตอนนี้ต้องการสัมผัสของเขามากกว่าที่เคย...
"แต่มันจะผิดกฎที่เฮียร่างในสัญญาข้อที่สองหรือเปล่าคะ..." หญิงสาวตอกย้ำถึงสัญญาที่อินหลงเคยให้เธอเซ็น ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยเพราะเอาเข้าจริงเขาก็ลืมไปแล้วว่าเคยร่างสัญญาโง่ ๆ นั้นขึ้นมา
"ฉันอนุญาตให้เธอแตะตัวฉันได้ แล้วเธอล่ะ...อนุญาตหรือเปล่า" เขาถามพลางจะขยับตัวออกจากร่างน้อย แต่เธอโผกอดเขาไว้แน่น
"...อนุญาตค่ะ"
"อนุญาตก็ดี แต่ฉันจะไม่ฝืนใจเธอ...ขึ้นอยู่กับว่าเธออยากจะทำมันกับคนที่จะไม่มีวันรักเธอไหม" ประโยคที่ตรงไปตรงมาของเขาเล่นเอาหัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ
"ไม่มีวันเลยเหรอคะ"
"ไม่มี" ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาจะตอบว่ายังไง แต่ข้างในมันก็ยังแอบหวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ ถึงแม้เขาจะตอบอย่างนั้นเธอก็ยังไม่อาจกักเก็บความรู้สึกต้องการอันท่วมท้นของตนเองได้
"คุณพ่อลองอุ้มเลยค่ะ" เมื่อผ่านขั้นตอนการคลอดลูกจนมาพักอยู่ในห้อง VVIP แล้ว พยาบาลก็นำลูกน้อยของเขาและเธอมาให้คุณพ่อมาเฟียลองอุ้มแม้จะมือสั่นน้ำตาซึมไปบ้าง แต่ท่าทางของเขานั้นแสนจะแข็งแรงและดูมืออาชีพสมกับไปเข้าคอร์สติวการเลี้ยงลูกมาอย่างเข้มข้นตลอดหลายเดือนจริง ๆ ตอนนี้ทุกคนต่างอมยิ้มให้กับภาพที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็น...บุคคลที่เคยเอาแต่ใจและฝีปากเจ็บ ๆ จนทุกคนร้องไห้เพราะเขามามากกำลังอยู่ในโหมดคุณพ่อที่เห่อลูกเห่อเมียที่หนึ่งเขาอุ้มลูกน้อยอ้วนกลมโยกไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู และจึงวางเหมยอิงไว้ที่เตียงเด็กแรกเกิดข้าง ๆ ภรรยา"น่ารักจังเลยหลานอาม่า โตมาสวยเหมือนหม่าม้าหนูแน่ ๆ " เกศมณีเดินเข้าไปมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของหลานสาวด้วยความรักตอนนี้ครอบครัวจางอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อตอนรับหลานสาวคนแรกของตระกูล...พวกเขาทั้งเอ็นดูและหมั่นแวะเวียนมาพูดคุยกับเจ้าตัวน้อยที่นอนหลับพริ้มอย่างรักใคร่ นั่นทำให้พิมดาวตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่ทุกคนรักและเอ็นดูลูกสาวของเธอแม้เธอจะเติบโตมาด้วยการเป็นลูกสาวที่พ่อไม่ค่อยจะรักสักเท่าไหร่ แต่เธอก็มั่นใจได้ว่าเหมยอิงจะไม่ได้รับประสบการณ์แบบเธอแน่นอน เพราะดวงใจ
"เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน!""..." หญิงสาวหยิบที่ตรวจครรภ์มาจากสามี ขีดทั้งสองนั้นชัดเจนจนมือไม้ของเธอสั่น แม้ว่าใจลึก ๆ จะพอรู้ว่าตัวเองน่าจะท้อง แต่เมื่อผลตรวจออกมาตอกย้ำความเป็นจริงแบบนี้ก็ทำให้พิมดาวดีใจจนน้ำตารื้นได้ ถึงจะดีใจแค่ไหนแต่หญิงสาวก็รู้สึกกลัวและไม่มั่นใจ"พิมไม่ดีใจเหรอ" อินหลงรีบเดินมาโอบภรรยาด้วยความเป็นห่วง"ดีใจค่ะ แต่ก็กลัว...""กลัวอะไรครับ""พิมไม่มั่นใจ พิมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีไหม" หญิงสาวพูดตรง ๆ ถึงความกังวลในอนาคต"โถที่รัก พิมต้องเป็นหม่าม้าที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว น่ารัก ใจดี ทำกับข้าวก็เก่ง มีอะไรที่ต้องกังวลครับ" ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูภรรยาตัวน้อย เขาเข้าใจที่เธออาจมีความกลัวและกังวล เพราะว่ากันตามตรงเธอก็อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เอง แถมยังผ่านเรื่องราวมามากมาย และสามีก็ยังใจร้ายกับเธอมาตั้งนาน"ฮือ...พิมดีใจ" คนตัวเล็กโผเข้ากอดสามีที่เพิ่งจะดีกันได้ไม่กี่ชั่วโมงด้วยความรักใคร่ ไม่อาจปฏิเสธเลยว่าทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา เธอมักจะรู้สึกปลอดภัยราวกับถูกโอบกอดด้วยภูเขาแสนอบอุ่นอยู่เสมอ"ฮ่า ๆ โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะครับ" อินหลงหัวเราะกับท่าทีเหมือนเด็กน้อยข
แสงพระจันทร์ยามค่ำคืนสาดส่องเข้ามาในห้องนอนที่เพิ่งเป็นสถานที่เปิดศึกรักไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมา ภาพแรกที่เธอมองเห็นคือใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นสลักที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากจบบทรักแสนเร่าร้อนบนเตียง เขาก็อุ้มเธอเข้าไปอาบน้ำและสูบพลังเธอไปอีกหลายครั้งจนหญิงสาวต้องบอกให้เขาพอก่อน เพราะเธอเขาสั่นจนแทบยืนไม่ไหวแล้ว แม้คนตัวสูงจะแอบบ่นอุบอิบเพราะยังกินไม่หนำใจ แต่ก็ยอมใส่อาบน้ำใส่ชุดและมานอนให้เรียบร้อยตามคำสั่งภรรยาหญิงสาวกวาดสายตาไปมองนาฬิกาและพบว่าตอนนี้เวลาที่เธอสะดุ้งตื่นมานั้นประมาณตีสองเอง อีกนานกว่าจะเช้า หญิงสาวเลยพยายามหลับตาเพื่อจะนอนอยู่ในอ้อมกอดของสามีต่อแต่อาการปั่นป่วนก็เข้าเล่นงานเธอเวียนหัวมาก รู้สึกคลื่นไส้หนักจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและนั่นทำให้สามีของเธอตื่นขึ้นมาทันที"พิม เป็นอะไรครับ!""อ้วก..." พิมดาวอาเจียนออกมาเต็มอ่างล้างหน้าโดยมีอินหลงเดินเข้ามาลูบหลังภรรยาที่กำลังอาเจียนอย่างหนัก น้ำตาใส ๆ เอ่อคลอเพราะความทรมานในการออกแรงอาเจียนใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเธอก็ปลดปล่อยของเสียออกมาจนหมด พิมดาวรีบล้างปากและกำลังจะทำความสะอาดซากอ้วกของต
"อ่า...เสียว" อินหลงสูดปากร้องครางเมื่อถูกการสุขสมของภรรยาบีบรัดตัวตนของเขาจนแทบจะเสียการควบคุม ชายหนุ่มดันเรียวขาขาวให้ขึ้นไปชิดกับทรวงอกนุ่ม จนตอนนี้สะโพกของเธอลอยเด่นขึ้นเหนือเตียงนอน พาให้ร่างกายนุ่มนิ่มรองรับการตะบี้ตะบันกระแทกของเขาอย่างลึกขึ้นไปอีกมือหนากดขาภรรยาจนแนบแน่นติดไปกับเต้าตูมและตะบี้ตะบันตอกกระแทกท่อนเอ็นใส่โพรงเนื้ออุ่นอย่างหนักหน่วงเสียงเนื้อกระทบเนื้อผสานกับเสียงครางของเขาและเธอดังก้องไปทั่วทั้งห้อง เขาไม่แคร์ว่าใครจะได้ยิน เพราะการได้เอากับเมียแบบดุเดือดแบบนี้แหละที่เขาโหยหามานานแสนนาน และเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดความเสน่หาที่มีต่อร่างกายเธออีกต่อไปแล้วต่อจากนี้และตลอดไป เขาจะแสดงออกในทุก ๆ วันว่ารักและหลงใหลในตัวเธอมากแค่ไหน อินหลงอยากให้ภรรยาภูมิใจว่ามีสามีที่รักและเทิดทูนอย่างสุดหัวใจ"อ่า...เมียจ๋า รักนะครับ""รัก รักที่สุด" ระหว่างที่กำลังโจนจ้วงเข้าใส่ร่างบางอยู่นั้น เขาก็บอกความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมากับภรรยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะตอนนี้เขารักเธอจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว..."อ๊า...พิมก็รักเฮียค่ะ" แม้จะถูกสามีบดเบียดมาไม่ได้พัก แต่คำว่ารักของเขานั้นชัดเจนในหัวใจ เ
"บ้า! ไปปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ" พิมดาวฟาดไปที่ไหล่แกร่งแรง ๆ อย่างเขินอาย จะให้แม่บ้านมาได้ยินตอนเธอกำลังทำอะไรต่อมิอะไรกับสามีได้ยังไง เธอก็เขินเป็นนะ"ก็ได้ครับ" เขาทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แต่ยังคงไม่ยอมปล่อยเรือนร่างพิมดาวให้เท้าติดพื้น เขายังคงอุ้มเธอเกี่ยวเอวไว้อย่างนั้น และเวลาที่ก้าวเดินส่วนตรงนั้นก็จะเสียดสีกันอย่างน่าหวาดเสียวฟุ่บ...เมื่อปิดประตูเสร็จเรียบร้อย คนตัวสูงก็พาร่างเล็กลงมานอนบนเตียงและรีบทาบทับกายแกร่งลงมาคร่อมตัวเธอไว้ เขาประกบริมฝีปากลงมาและเริ่มจุมพิตอันดุดันอีกครั้งริมฝีปากของทั้งคู่ต่างบดขยี้กันและกัน ลิ้นร้อนแลกเปลี่ยนเป็นพัวพันเกี่ยวกระหวัดจนเสียงดังชัดเจน...เขาจูบเธอหนักแน่นราวกับต้องการกลืนกินลมหายใจที่โหยหามานานแสนนาน"อื้อ..." พิมดาวร้องครางอู้อี้ในลำคอเมื่อฝ่ามือร้อนของสามีปัดป่ายไปตามเนื้อตัวนุ่มนิ่มและจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ของเธอให้หมดไป อินหลงผละริมฝีปากออกและหันไปจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองจนตอนนี้ทั้งสองเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงประจักษ์แก่สายตาของกันและกันริมฝีปากร้อนของเขาไล่จูบที่แก้มใสทั้งสองข้างและเลื่อนไล้ลงมาซุกไซ้กับซอกคอขาวเนียนที่มีกลิ่น
"เฮีย...อย่าร้องไห้ค่ะ" พิมดาวทั้งตกใจและสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่จริงใจของเขาจนน้ำตาไหลตามกัน ยิ่งเขาสะอื้นดังขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของพิมดาวก็เหมือนจะขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ "เฮียรักพิม..." คำบอกรักเจือเสียงหอบหายใจทำเอาหยาดธาราไหลรินออกมาเป็นสาย"เฮียจะไม่ยอมหย่ากับพิมเด็ดขาด ไม่…เฮียทำไม่ได้จริง ๆ เฮียขอร้องนะ ขอโอกาสให้ผู้ชายแย่ ๆ ที่รู้ตัวช้าได้ไหมครับ""เฮียรักพิม…เฮียขาดพิมไม่ได้ ฮึก" เขายังคงสะอื้นไห้อย่างต่อเนื่อง หยดน้ำตาของเขาหลั่งไหลออกมาจนเปรอเปื้อนบริเวณเอวเธอไปหมดเขากำลังเสียใจอยู่จริง ๆ … ไม่ใช่อาการผีออกผีเข้า แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยอมทุกอย่าง หมดสิ้นอีโก้ทุกทางตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว…และเธอยอมรับทั้งหัวใจอย่างซื่อสัตย์เลยว่า...โคตรรักเขาเลย รักจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจนะที่เลือกจะมอบใบหย่าให้สามีพิมดาวเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเขาเลย แต่เธอคิดว่ามันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคน...ในวันแรกที่เธอคุยกับพ่อแม่ของเขาว่าจะหย่า พวกท่านก็ช็อกพอสมควรที่เธอตัดสินใจแบบนั้นแต่ที่เธอเลือกจะหย่า นั่นก็เพราะยึดมั่นในสัญญาที่เคยเซ็นไว้กับเขา คือเรื่องจบเมื่อไหร่