ภายในห้องตรวจคนไข้อันกว้างขวางแอร์เย็นฉ่ำ เอริคกำลังวุ่นอยู่กับการตรวจคนไข้หลายรายติด แต่พออ่านชื่อคนไข้คิวต่อไปกำลังจะเข้ามารับการตรวจจากเขาคิ้วหนาเข้มก็ขมวดมุ่นเล็กน้อย
"สวัสดีค่ะ คุณหมอ"เสียงแหลมอันคุ้นหูเอ่ยขึ้น
"นั่งลงสิ ฉันจะได้รีบตรวจ"เอริคเอ่ยโดยไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย
"ปานไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่เป็นหวัดนิดหน่อย"ปานนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามหมอหนุ่ม
"ดูจากการซักประวัติ ฉันว่าเธอแค่แพ้อากาศหนาวนะ เดี๋ยวฉันจะสั่งจ่ายยาแก้แพ้กับยาแก้หวัดให้"เอริครีบเขียนใบสั่งยาทันที
"จะไม่ตรวจอะไรสักหน่อยเลยเหรอคะ ปานทำอาหารคลีนมาฝากด้วยนะคะ ทำสุดฝีมือเลยค่ะ"ปานเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
"อ้าปาก"เสียงทุ้มเอ่ยพลางหยิบไฟฉายกับไม้กดลิ้นขึ้นมา
ปานได้ยินอย่างนั้นก็รีบอ้าปากทันที แต่เธอกลับไม่พอใจในสิ่งที่ได้รับเพราะอยากจะอยู่กับเอริคให้นานกว่านี้
"ก็ปกติดีนะ"
"จะไม่ใช้หูฟังตรวจฟังเสียงหัวใจตรวจปอดอีกสักหน่อยเหรอคะ คุณหมอ"
เอริคได้ยินอย่างนั้นก็จำใจทำตามที่ปานบอก ซึ่งสร้างความพอใจให้กับหญิงสาวไม่น้อย มือหนาค่อยๆ ใช้หูฟังแพทย์ฟังเสียงของหัวใจและปอดตามหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว ระหว่างนั้นปานก็นั่งนิ่งมองหน้าหมอหนุ่มด้วยความหลงใหล
"เสร็จแล้ว ทุกอย่างปกติดี รีบออกไปเถอะฉันต้องตรวจคนไข้คนอื่นต่อ"เอริคพยายามระงับอารมณ์ตนเองเอาไว้ เขาดูออกว่าหญิงสาวที่มารดาส่งเสียอุปการะคิดอะไรกับเขาอยู่
"ค่ะ อย่าลืมทานอาหารในกล่องด้วยนะคะ"ปานรับคำแล้วเดินออกไปด้วยความพึ่งพอใจ
เวลาล่วงเลยไปถึงช่วงพักกลางวันภายในห้องอาหาร เอริคถือกล่องอาหารของฝากจากปานวางลงตรงหน้ามาร์ตินด้วยความไม่สบอารมณ์มากนัก
"อะไร"มาร์ตินขมวดคิ้วมองกล่องตรงหน้า
"ของฝากจากปาน กินสิ"เอริคนั่งลงทานอาหารฝีมือป้าปราณีเหมือนเช่นทุกวัน
"เขาทำมาฝากมึงไม่ใช่เหรอ มึงจะไม่สนใจหน่อยเหรอวะ"มาร์ตินเอ่ยแซว
"พูดมาก ถ้ามึงไม่กิน ก็เอาให้หมามันแดก"
"เออ กูยอมเป็นหมาก็ได้วะ"มาร์ตินส่ายหน้าเปิดกล่องอาหารหน้าตาสวยงามทานอย่างเอร็ดอร่อย
"พี่คะ"เสียงใสเอ่ยเรียกพี่ชายตัวเอง
"อ้าว แอนมาไงล่ะเรา"เอริคหันไปเอ่ยกับน้องสาวเสียงนุ่มอบอุ่น
"แอนมาส่งคนงานที่ร้านมาหาหมอค่ะ"เอ่ยพลางเหลือบมองมาร์ตินแวบหนึ่ง
"คนงานเป็นอะไรเหรอ"เอริคเอ่ยถามกลับ
"ตกลงมาจากที่สูงค่ะ พอดีแอนให้เขาเปลี่ยนป้ายหน้าร้านอันเก่าออก"
"แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง"
"เห็นว่ากระดูกร้าวค่ะ"
"แล้วทานอะไรมาหรือยัง หิวไหม"
"นิดหน่อยค่ะ แอนตั้งใจจะมาหาอะไรทานอยู่พอดีเลย"
"ไปตักสิ เดี๋ยวพี่นั่งเป็นเพื่อน"
"ค่ะ"
แอนนี่กลับมาที่โต๊ะพร้อมกับอาหารถาดหนึ่งนั่งลงข้าง ๆ พี่ชาย ระหว่างนั้นตาเธอก็เหลือบไปเห็นอาหารในกล่องสีสันน่าทานตรงหน้ามาร์ติน
"อาหารในกล่องของพี่น่าทานดีนะคะ"เสียงใสเอ่ยขึ้น
"อืม ฝีมือปานเขาน่ะ"มาร์ตินเอ่ยเสียงเรียบ
"อะไรนะ ปานเขามาที่นี้เหรอคะ"แอนนี่ยิ้มแห้งไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
"ใช่ เขามาหาพี่ชายเธอน่ะ"มาร์ตินเอ่ยตอบกลับ
"ยังไงคะ พี่เอริค"แอนนี่หันไปถามพี่ชายตนเองเพื่อคลายความสงสัย
"เขาเป็นหวัดก็เลยมาตรวจกับพี่"
"โอเคค่ะ แอนเข้าใจแล้ว"เธอเข้าใจว่าปานไม่ค่อยจะสบายจึงไม่ได้เข้าไปที่ร้านกับเธออย่างที่เคยตกลงกันไว้ แต่ไม่คิดว่าปานจะทำอะไรที่นอกเหนือจากการมาหาหมอเพียงอย่างเดียว
"ว่าแต่เราเถอะ หมู่นี้เที่ยวทุกคืนเลยนะ"เอริคเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
"เดือนหน้าจะออกคอลเลคชั่นใหม่แล้ว คงไม่มีเวลาเที่ยวแล้วค่ะ"ช่วงนี้เธอกำลังวางแผนแบบดีไซน์เสื้อผ้าแบรนด์ของตนเองเพื่อให้ทันสมัยและความนิยมมากขึ้น
"ขอให้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจนะ"เอริคเอ่ยให้กำลังใจน้องสาว
"เชิญพี่ทั้งสองคนร่วมงานแฟชั่นโชว์เดือนหน้าด้วยนะคะ"แอนนี่หันไปมองมาร์ตินที่เอาแต่นั่งทานอาหารในกล่องไปเงียบ ๆ
"อืม ถ้าว่างพี่จะไป"มาร์ตินเอ่ยตอบกลับสั้น ๆ เท่านั้น
"ค่ะ"แอนนี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มรุ่นพี่พอจะสนใจเธออยู่บ้าง
พลบค่ำบรรยากาศดีมีลมพัดเย็นสบายเป็นสัญญาณอันบ่งบอกใกล้เข้าสู่หน้าหนาวเต็มทีแล้ว น้ำฟ้าเดินกระชับเสื้อแขนยาวตัวนอกแน่นขึ้นพลางเดินตามหลังเดวิดกับมยุราเข้าไปภายในบ้านตระกูลกิบสันอันใหญ่โตและกว้างขวาง บ้านสองหลังถูกสร้างขึ้นในพื้นที่เดียวกันหลายพันไร่
น้ำฟ้าหยุดยืนนิ่งอยู่กลางบ้านกวาดสายตามองภายในบ้านผ่านแสงหลอดไฟด้วยความประหม่า ความสวยงามและใหญ่โตมันไม่เหมาะสมกับตัวเธอที่ไร้หัวนอนปลายเท้าเอาเสียเลย และเธอไม่รู้เลยว่าการกลับมาเยือนที่นี้ในครั้งนี้มันสร้างความความรู้สึกอย่างไรให้กับลูกชายลูกสาวทั้งสองคนของเจ้าของบ้านบ้าง
"ฟ้าลูก ไปนั่งพักในห้องก่อนไปลูก"มยุราเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเมื่อเห็นน้ำฟ้ายืนเหม่อลอยเพียงลำพัง
"ค่ะ"น้ำฟ้ารีบเดินตามมยุราไปยังห้องรับแขก
มยุราบอกให้แม่บ้านสองคนแยกย้ายกันไปเรียกเอริคและแอนนี่เพื่อออกมาต้อนรับสมาชิกใหม่ของบ้าน โดยกำชับแม่บ้านไม่ให้บอกทั้งสองคนซึ่งคนแรกที่มาถึงก่อนก็คือแอนนี่
"คุณแม่เรียกแอนมามีอะไรหรือเปล่าคะ ฟ้า!"ทันทีที่แอนนี่เหลือบเห็นน้ำฟ้านั่งอยู่บนโซฟาก็ตกใจ
"ฟ้ามาได้ไงคะ"แอนนี่วิ่งเข้าไปสวมกอดน้ำฟ้าทันทีด้วยความดีใจ
"เซอร์ไพรส์จ้ะ"มยุรายิ้มแก้มปริ
"แอนดีใจมากเลยรู้ไหม ที่ฟ้าอยู่ที่นี้"แอนนี่ดีใจ
"ฟ้าก็ดีใจค่ะ ที่ได้เจอคุณแอนอีก"น้ำฟ้าส่งยิ้มให้แอนนี่ด้วยความสดใส
"คราวนี้มาอยู่ถาวรเลยใช่ไหม"แอนนี่ถามน้ำฟ้าด้วยความคาดหวัง
"เอ่อ คือ"น้ำฟ้าอึกอักลังเลที่จะเอ่ยตอบออกไป
"แน่นอนสิจ๊ะ น้ำฟ้าจะมาอยู่กับเราที่นี้ตลอดไปจ้ะ"มยุราส่งยิ้มให้แอนนี่
"เยี่ยมเลย แอนจะได้มีเพื่อนคุยเพื่อนเที่ยว มันต้องสนุกมาก ๆ แน่ ว่าไหมฟ้า"แอนนี่ยิ้มกระโดดโลดเต้นดีใจ
"อะแฮ่ม! จริง ๆ ไม่ต้องเรียกผมมาก็ได้นะครับ"เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพลางใช้สายตาคมกริบจ้องมองผู้มาเยือนโดยที่เขาไม่ทราบล่วงหน้าซึ่งมันเซอร์ไพรส์เขามาก ดวงตาคมมองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ใบหน้าสวยหวานปากนิดจมูกหน่อย มาหยุดตรงริมฝีปากบางชมพูระเรื่อยิ่งทำให้หลงใหล น้ำฟ้าเกิดอาการประหม่าจึงรีบหลบสายตาคมชวนให้หัวใจเต้นก้มลงมองพื้นแทน
"อะไรกันลูก น้ำฟ้าเขาเป็นลูกสาวของแม่อีกคนนะ ถือว่าเป็นน้องสาวของลูกอีกคนด้วย"มยุราส่ายหน้าให้เอริค
"สวัสดีค่ะ"น้ำฟ้าพนมมือไหว้เอริคด้วยความนอบน้อม
"นี่คุณแม่กะจะเซอร์ไพรส์ผมกับน้องสินะครับ"เอริคแสร้งทำเป็นไม่สนใจหญิงสาวร่างบาง
"ใช่จ้ะ"
"ผมยอมรับนะครับ ว่าเซอร์ไพรส์มาก"
"น้ำฟ้าจะมาอยู่กับเราที่นี้ เป็นสมาชิกในครอบครัวเต็มตัวอีกคน แม่หวังว่าลูกสองคนจะรักและดูแลน้ำฟ้าเป็นอย่างดีนะ"มยุราเอ่ยกับลูกชายลูกสาวอย่างคาดหวัง
"คุณพ่อล่ะครับ"เอริครีบหันเหเปลี่ยนเรื่องคุย
"ขึ้นไปพักบนห้องแล้วล่ะ"มยุราเอ่ยตอบกลับ
"แม่จะให้น้ำฟ้าไปทำงานกับลูกที่โรงพยาบาล ลูกจะว่าไงจ๊ะ"
"ได้สิครับ ถ้าคุณแม่ต้องการ"เอริคเหลือบมองน้ำฟ้าที่เอาแต่นั่งนิ่งพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ การปรากฏตัวของเธอมันทำให้เขานึกถึงรสจูบเมื่อสี่ปีก่อนหน้านี้
"แต่ก่อนจะไปทำจริง ๆ น้ำฟ้าเขาอยากจะติวภาษาอีกสักหน่อย แม่ว่าจะหาครูมาสอนที่บ้านเลย"
"จะหาให้ลำบากทำไมล่ะครับ ผมก็สอนได้ ไม่ใช่แค่สอนได้อย่างเดียวนะครับ ผมสอนได้ดีด้วย"เอริครีบออกตัวทันที
"ดีเลย งั้นแม่ยกน้องให้เอริคดูแลเลยแล้วกัน จะได้แนะนำเรื่องงานพยาบาลที่โรงพยาบาลไปด้วย"มยุรายิ้มแก้มปริเมื่อทุกคนในบ้านให้การต้อนรับน้ำฟ้าเป็นอย่างดี และมันดีกว่าที่คาดเอาไว้เสียอีก
"ครับ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นไปหาผมที่บ้านเลยก็แล้วกัน จะได้เริ่มสอนกันเลย"เอริคยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยแล้วเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
น้ำฟ้าเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกเป็นกังวลใจไม่น้อย เธอไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้เธอจะเจออะไรบ้าง และเอริคจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนจากเมื่อหลายปีก่อน และแน่นอนความหล่อเหลาของเขาไม่เคยเปลี่ยนเลยมีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวันจนคนที่พบเห็นต้องหลงใหล
กลางดึกน้ำฟ้านอนลืมตาอยู่ในความมืดเพียงลำพังบนเตียงนุ่มกว้างภายในห้องนอนที่อยู่ถัดจากห้องของผู้อาวุโสของบ้านทั้งสองคนไปทางปีกขวาของบ้าน เธอยอมรับว่ายังไม่ชินกับอะไรในประเทศนี้เลยอีกหน่อยก็คงจะปรับตัวได้ เปลือกตาบางหลับลงเมื่อทนความอ่อนเพลียไม่ไหวสู่ห้วงนิทรา