LOGINเธอบอกเสียงแผ่วเบา “ไม่ได้หน้าด้านค่ะ แต่ขาฉันเจ็บ ลุกขึ้นไม่ไหวจริงๆ ขอซบอีกนิดเดียวนะคะ”
ดวงหน้าหวานแดงซ่านไปหมดที่ถูกเขาด่าว่าหน้าด้าน หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม เกรงกลัวว่าไอ้พี่เลี้ยงวายร้ายจะมาพบเข้าแล้วฉุดกระชากลากถูพาเธอขึ้นรถไปด้วย
ศศิกาญจน์เองก็ไม่เคยแนบชิดกับผู้ชายคนไหนเท่าผู้ชายตัวโตคนนี้มาก่อน ไม่ใช่ว่าเธอมีนิสัยชอบเอาหน้าไปซุกอกใครไปทั่ว แต่ครั้งนี้ มันจำเป็นจริงๆ อกแกร่งของเขา ‘กว้าง’ จนบดบังใบหน้าเธอได้อย่างมิดชิด
หัวใจดวงน้อยสั่นไหว เธอมีโอกาสเห็นเครื่องหน้าเขาเมื่อครู่
‘แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่าหล่อทะลุแว่นออกมา มิหนำซ้ำตัวก็ห้อมหอม อ้อมแขนก็อุ๊นอุ่น แต่ทำเป็นหวงตัวน่าดู ขอซบนานหน่อยก็ไม่ได้’
ขนาดถูกเขาด่า แม่คุณยังไม่ยอมยกหัวออกจากอกเขา หัวใจดวงโตสั่นไหว เกิดความรู้สึกแปลกๆ แบบที่เขาเองก็ไม่เคยเป็นมาก่อน แน่นอนละ จอมทัพเคยแต่ถูกผู้หญิงนอนซบอกบนเตียง แต่เอาหน้ามาซุกอกกันกลางถนนแบบนี้เพิ่งจะมีสาวน้อยคนนี้เป็นรายแรก
ดวงตาดุคมมองสาวสวยที่หลับตาพริ้มเห็นเพียงขนตางอนงามหนาเป็นแพ ซุกใบหน้ารูปไข่อยู่ในอ้อมอกเขา ปลายจมูกกลมมนได้สัดส่วนรับกับพวงแก้มดูนุ่มนิ่ม ขาวใสอมชมพูระเรื่อ ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นกระจับ มุมปากชัดได้รูป จอมทัพเพ่งพินิจเครื่องหน้าของหญิงสาวตรงหน้าอย่างหลงใหลเจือความเสียดาย
‘ดูๆ ไปหน้าตาก็น่ารักดี น่าจะไปหาทำงานดีๆ หน้าตารูปร่างแบบนี้เป็นพริตตี้ได้สบาย ถ้าอยากใช้ความสวยหาเงินก็ไม่น่ามาหากินด้วยวิธีแบบนี้เลย แต่ไหนๆ เธอก็ดูพร้อมพลีกายเพื่องานนี้แล้วนี่ รถชนยังไม่กลัว งั้นฉันก็จะช่วยสงเคราะห์ ปิดจ๊อบนี้ให้เอง เธอจะได้ไม่ต้องไปหลอกลวงใครอีก’
จอมทัพรวบร่างเล็กขึ้นมาหมายจะพาไปนั่งในรถสปอร์ตของเขา ขณะที่ศศิกาญจน์จะร้องโวยวายออกมาก็ไม่ได้ เพราะกรวิชญ์เพิ่งเดินผ่านหน้าไปหมาดๆ
“ขาเจ็บใช่ไหม งั้นเดี๋ยวผมจะพาคุณไปหาหมอ”
ศศิกาญจน์นิ่งเฉย ปล่อยให้เขาอุ้มเธอขึ้นรถ จอมทัพวางร่างเล็กที่เบาะผู้โดยสาร จากนั้นปิดประตู เป็นเวลาเดียวกับที่กรวิชญ์หันกลับมามอง ภาพที่เห็นคือผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อคมคาย มีเค้าว่าจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ไม่แน่ใจว่าสัญชาติไหนกำลังเดินอ้อมรถสปอร์ตคันหรู สวยจัด ที่เขาคงไม่มีวันได้เป็นเจ้าของ จากนั้นก็ขับรถออกไป
กรวิชญ์พ่นลมหายใจยาวพรืดอย่างผิดหวัง “หายไปไหน ไวนัก จับได้ละน่าดู ตามหาซะเหนื่อย เจอตัวคราวนี้จะปล้ำเป็นเมียให้เข็ด” เขาบอกตัวเองว่าจะไม่ทนอีกต่อไป
‘นี่เขาจะพาเราไปที่ไหนนะ ยัยซอเอ๊ย! หนีเสือปะจระเข้หรือเปล่าเนี่ย เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถ้าหากวันนี้จะต้องเสียตัวให้ไอ้พี่เลี้ยงบ้ากาม ยอมให้คนแปลกหน้าพาไปส่งโรงพยาบาลยังดีซะกว่า’
ภายในใจของเธอแอบหวั่นกลัวว่าเขาจะพาเธอไปทำมิดีมิร้ายถึงไหนต่อไหน แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า สู้ยอมเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้ากับชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้จะดีกว่า
เมื่อร่างกายที่อ่อนเพลียจากการนอนน้อย เพราะใช้เวลาครุ่นคิดตลอดคืนว่า การหาทางออกจากบ้านเพื่อหลบภัยจากสองแม่ลูกปลิงดูดเลือดนั่นถูกต้องหรือเปล่า เพียงไม่กี่นาทีที่สัมผัสความเย็นฉ่ำจากแอร์รถยนต์ หญิงสาวก็ผล็อยหลับไปจริงๆ โดยไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าถูกจัดท่าทางการนอนให้สบายขึ้น และมีเสื้อสูทของคนที่อุ้มเธอมาคลุมร่างอยู่
ในขณะที่สายตาคู่คมกริบราวกับใบมีดโกนกำลังมองมาราวกับว่า ‘เขาอ่านเกมเธอออกแล้ว’ วาวโรจน์ขึ้น สลับมองถนนกับร่างเล็กที่เผลอไผล ผล็อยหลับไปสนิทเป็นระยะ
หน้าตาผ่าน การแสดงใช้ได้ มิจฉาชีพสาวคนนี้สอบผ่าน...สำหรับงานที่เขากำลังมองหาคนมาทำ แต่ยังไม่เห็นใครเหมาะ จอมทัพขมวดคิ้วเข้มที่พาดเฉียงเหนือดวงตาอย่างใช้ความคิด
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
กระทั่งรถสปอร์ตคันหรูจอดสนิท หญิงสาวก็ยังไม่ขยับตัว เจ้าของรถยนต์และยังเป็นเจ้าของอาณาจักรกว้างใหญ่ท่ามกลางขุนเขาแห่งนี้เปิดปากขึ้น แล้วไล่สายตาสำรวจเครื่องหน้าสวย สรีระเว้าโค้ง เขาอยากรู้นัก ทำไมหญิงสาวถึงเลือกเดินทางในอาชีพสุ่มเสี่ยงแบบนี้
“หลับสบายดีไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ศศิกาญจน์ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ทั้งที่ยังรู้สึกมึนหัวอยู่เล็กน้อย พอได้สติก็หันกลับไปมองเขาที่จ้องเขม็งมา
“นี่ฉันเผลอหลับไปนานแล้วหรือคะ” เธอยกนาฬิกาข้อมือสายหนังสีน้ำตาลกลางเก่ากลางใหม่ขึ้นมามองหน้าปัด บิดาซื้อมันให้เมื่อหลายปีก่อน แต่ตัวเรือนยังขึ้นเงา บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของดูแลข้าวของเครื่องใช้เป็นอย่างดี
“ก็ชั่วโมงเศษๆ ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา” เขาถามพร้อมกับสายตาจับผิด อดนึกไม่ได้ว่า ตอนกลางคืน สาวเจ้าไปทำงานอะไรมา หน้าตา รูปร่างแบบนี้ ถ้าเลือกทำงานแบบนั้น อย่างน้อยๆ ก็ต้องได้ติดเบอร์ตอง
“ช่วงนี้ฉันพักผ่อนน้อยค่ะ เพราะลูกค้าเพิ่มออเดอร์มาเยอะ” เธอพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ
นั่นไง เขาว่าแล้ว กลางวันเล่นบทมิจฉาชีพ กลางคืนทำงานหนัก คงจะหลายรอบ ไม่ได้หลับได้นอน เหตุผลอะไรทำให้เธอต้องหาเงินมากมายขนาดนั้น
จอมทัพยกยิ้มที่มุมปาก ขณะที่มองศศิกาญจน์อย่างคนทันเกม “ถ้าร้อนเงินขนาดนั้น สนใจงานเบาแต่จ่ายหนักบ้างไหม ผมสนใจอยากได้คุณมาทำงานด้วย เราลงไปคุยรายละเอียดในออฟฟิศของผมดีกว่าไหม”
“อะไรนะคะ! คุณพูดว่าออฟฟิศเหรอ ก็คุณบอกว่าจะพาฉันไปหาหมอ”
“ที่ไร่ของผมมีหมอและพยาบาลประจำอยู่ยี่สิบสี่ชั่วโมง”
เขามีคนงานที่ทำงานให้ไร่ทับตะวันอยู่หลายร้อยคนให้รับผิดชอบชีวิต ที่ท้ายไร่จึงมีห้องพยาบาล สะดวกสบาย สะอาด อุปกรณ์ทางการแพทย์ครบครัน ส่วนหมอก็มีจริงๆ นอกจากไร่กาแฟ รีสอร์ต และสวนผักปลอดสารพิษแล้ว พื้นที่กว่าห้าสิบไร่ติดเชิงเขามีฟาร์มโคนมอีกด้วย ที่นั่นมีสัตว์แพทย์สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
“ที่นี่มีหมอจริงๆ” จอมทัพผลิยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่เป็นหมอรักษาสัตว์ ถ้าไม่ใช่โรคอะไรร้ายแรง แค่ข้อเท้าเจ็บ เขาคงช่วยดูให้ได้”
เธอหลอกว่าขาเจ็บ เขารู้ว่าเธอโกหก ส่วนเขาก็บอกจะมาพาเธอมาหาหมอ ก็พามาจริงๆ เพียงแต่ที่นี่มีแต่หมอรักษาสัตว์ ไม่ใช่รักษาคน เพราะฉะนั้น...
‘หลอกมา หลอกกลับไม่โกง’
ศศิกาญจน์เบ้หน้า รู้ว่าถูกชายหนุ่มเล่นงานเข้าแล้ว เขารู้ว่าเธอโกหก หญิงสาวมองออกไปนอกรถยนต์ แล้วพบว่าพื้นที่รอบๆ ตัวนั้นสวยงาม แวดล้อมด้วยภูเขาโอบกอด แต่ไม่ใช่โรงพยาบาลแบบที่คิดเอาไว้ ความกลัวพุ่งเข้าบีบรัดหัวใจดวงน้อยจนเผลอหวีดร้อง
“คุณหลอกฉัน!” แล้วหันกลับมามองหน้าเขาที่จ้องเขม็งรออยู่แล้ว
จอมทัพเห็นดวงหน้าสวยซีดเผือดก็ชักไม่แน่ใจว่าเธอตกใจจริง หรือจะใช้มารยาเล่มเกวียนไหนอีก
“เธอก็หลอกฉันเหมือนกัน”
ศศิกาญจน์ได้ยินจอมทัพพูดแบบนั้นพร้อมมองตรงมาก็รีบลดเมนูลง แล้วมองคนตรงหน้าที่กินดุจริงๆ อาหารมากมายบนโต๊ะถูกเขาจัดการเกือบเกลี้ยงทุกจานแล้วยังพูดอีกว่าหิว นี่เธอกำลังเผชิญกับตัวอะไร“พ่อเลี้ยง...” พอนึกขึ้นได้ศศิกาญจน์ก็ถึงกับชะงัก “กินอาหารไปตั้งเยอะ ยังไม่อิ่มอีกเหรอคะ”จอมทัพพูดแก้เก้อ เขาไม่ได้หิวข้าว ที่หิวก็คือคนน่าอร่อยตรงหน้าต่างหาก“ช่วงนี้ พี่หิวบ่อย” แล้วแก้เก้อด้วยการขอให้ศศิกาญจน์ช่วยสั่งของหวานเหมือนของเธอให้เขาอีกถ้วยจอมทัพกินขนมหวานที่ศศิกาญจน์สั่งมาเหมือนแบบเดียวกับเธอ พร้อมลอบมองใบหน้าหวานๆ ก่อนจะสะดุดตากับนิ้วนางข้างขวาที่มี ‘แหวนคลัดดาห์’ ซึ่งเป็นเครื่องประดับดั้งเดิมของชาวไอริช แหวนชนิดนี้มีลักษณะเป็นรูปมือทั้งสองข้าง โอบประคองหัวใจ เป็นตัวแทนแห่งมิตรภาพ ความรัก และความภักดีจอมทัพรู้สึกคุ้นตากับแหวนวงนี้ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก แม้ว่าแหวนคลัดดาห์จะมีมากมาย แต่แหวนคลัดดาห์วงนี้มีเพชรรูปหัวใจสีฟ้าซึ่งหาได้ยาก และเขาต้องเคยเห็นแหวนวงนี้ที่ไหนมาก่อน พอเห็นศศิกาญจน์สว
อีกฟากเป็นเวลาใกล้เที่ยง จอมทัพเหลียวมองคนนั่งข้างๆ พลางเอ่ยขึ้น เพราะคนที่ต้องใช้ทั้งแรงและสมองในการทำงานอย่างเขาต้องกินให้อิ่มท้อง จะได้มีเรี่ยวแรงทำงาน“ใกล้เที่ยงแล้ว ซอหิวไหม”ศศิกาญจน์มองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เมื่อเช้าเธอกินอาหารได้ไม่กี่คำ อาจเป็นเพราะมีเรื่องเครียดๆ ในหัว พอถูกเขาสะกิดเรื่องอาหารเที่ยง น้ำย่อยในกระเพาะก็ร้องประท้วงว่าหิวแล้ว หญิงสาวจึงไม่ทันจะตอบร่างกายมันก็ตอบแทนไปก่อนจอมทัพได้ยินเสียงน้ำย่อยก็นึกขำ แต่ยังตีหน้าขรึม ไม่พูดอะไรออกมา เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะเขิน“เดี๋ยวข้างหน้าจะผ่านร้านอาหาร เป็นร้านอร่อยแถวนี้ แวะกินอะไรกันหน่อย กินเสร็จเราจะได้เข้าไร่กัน”“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณหิว เดี๋ยวฉันลงไปกินเป็นเพื่อน”จอมทัพเหลือบมอง ใบหน้าหล่อขรึมขึ้น “บอกแล้วไงว่าให้เรียกผมว่าพี่ แล้วแทนตัวเองว่าซอ มันดูสนิทกันมากว่า จะได้ไม่มีใครสงสัย”เธอไม่อยากต่อล้อต่อเถียงจึงพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ ต่อไปซอจะเรียกคุณว่าพี่”“พูดง่ายๆ แบบนี้น่ารักมาก แต่พี่จะไม่ให
ร่างสูงใหญ่เหลือบมองคนข้างก่อนจะส่ายหัวแรงๆ “เป็นไปไม่ได้”บังเอิญศศิกาญจนได้ยินเลยหันมาถามเขา “อะไรเป็นไปไม่ได้คะ”“ยุ่ง” เขาตอบกลับเหมือนรำคาญ ทำเอาคนถามชักสีหน้างอง้ำสะบัดหน้าหนีกลับไปมองถนนจอมทัพลอบถอนหายใจ ดูท่าจะไม่ดีแล้ว เขาเป็นคนไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ นอกจากเรื่องที่พิสูจน์ได้ แล้วเหลือบมองคนนั่งข้างที่สะบัดหน้าหนีไปเหมือนงอนเขา ที่เธออยู่ในหัวของเขาตลอดเวลาก็คงเพราะ เขานึกอยากตักตววงความสุขในเรื่องเซ็กซ์กับเธอมากกว่ามั้ง ตั้งแต่แรกเห็นต้องยอมรับว่าศศิกาญจน์เป็นสเปคของเขาเลย อกเป็นอก เอวเป็นเอว หน้าตาก็สวยหวาน น่ารัก น่าฟัดขนาดนี้‘ถ้าต้องจ้างเป็นแสน แขนไม่ได้จับ ไม่ใช่เขาหรอก’ความคิดที่วุ่นวาย สับสน อาจเพราะเขาจ่ายไปหนัก เธอน่าจะมีของแถมอะไรให้เขาบ้าง แต่พอเห็นอีกฝ่ายเงียบใส่“เดี๋ยวกลับไปที่ไร่พี่จะพาซอเข้าไปในไร่ ให้คนงานรู้จัก คนงานมันจะได้รู้ไงว่าพี่มีเมียแล้ว ไอ้พวกนี้กระจายข่าวไว แค่ไม่กี่วันเขาก็รู้กันทั้งจังหวัด คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นจะได้ เลิกเข้ามายุ่งในชีวิตพี่ซะท
ศศิกาญจน์กรีดร้องอยู่ในอก อยากจะชกหน้าเข้าให้สักที นอกจากปากเสียแล้ว ในหัวคงมีแต่เรื่องแย่ๆ มองเธอลบมาก คนอะไรในหัวคงคิดเรื่องดีๆ เหมือนชาวบ้านไม่เป็น ดวงหน้าหวานสวยยิ่งตาขุ่นเขียวขึ้นไปอีก หญิงสาวถอนหายใจแรงๆ พยายามข่มอารมณ์ก่อนจะอธิบาย“พ่อเลี้ยงแสนเป็นเพื่อนของข้าวสวย เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เราเคยเจอกันสองครั้ง ตอนที่พ่อเลี้ยงแสนไปเยี่ยมข้าวสวยที่หอพัก ก็เท่านั้นค่ะ แล้วก็เพิ่งมาเจอกันอีกครั้งที่นี่” เธอเล่าไปตามความจริง ไม่ได้ปกปิดอะไรจอมทัพแอบโล่งอกเบาๆ ก่อนจะหัวเราะในลำคอ ที่มุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย คิ้วหนาเลิกสูงเมื่อนึกหน้าน้องสาวพ่อเลี้ยงแสนชัยออก อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเมียกำมะลอของเขาจริงๆ นั่นละ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง แต่ถึงยังไงก็ไม่ปรารถนาให้มันมาใกล้ผู้หญิงของเขาอยู่ดี“ก็แล้วไป ในเมื่อไอ้พ่อเลี้ยงแสนเป็นแค่พี่ชายของเพื่อนเธอ งั้นก็ไม่ต้องเจอกันบ่อยหรอก เพราะมันเป็นแค่พี่ชายเพื่อน ไม่ใช่เพื่อนของเธอสักหน่อย จริงไหม”ศศิกาญจน์มองเขากลับด้วยแววตาไม่เข้าใจ “เดี๋ยวนะคะ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ซอรับงานเล่
ศศิกาญจน์นึกถึงคำพูดแม่หมอที่ทำนายทายทักว่า เธอได้พบโซลเมต แล้วยังเลือกได้ไพ่อัศวินขี่ม้า นั่นหมายความว่าผู้ชายคนนั้นจะมาช่วยแก้ไขปัญหามืดดำในชีวิตที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งก็คงเป็นสองแม่ลูกที่กำลังจะพยายามฮุบสมบัติทุกชิ้นของบิดา โดยเฉพาะพี่เลี้ยงของเธอ มันไม่อยากได้แค่สมบัติ เธอรู้ดีอยู่แก่ใจนายณกรณ์หวังจะฮุบตัวเธอไปเป็นสมบัติด้วย และผู้ชายลักษณะรูปร่างสูง ผิวขาว ที่แม่หมอบอกคนนั้นจะต้องเป็นใครไปไม่ได้...‘ใช่แหละ...พ่อเลี้ยงแสนชัย’เพราะจำได้ว่า พอเดินออกมาจากร้านที่รับทำนายโชคชะตาเธอก็บังเอิญเจอเขาเข้าพอดี“ต้องใช่เขาแน่ๆ”“เธอบ้าหรือเปล่า ยิ้มคนเดียวพูดคนเดียว”เสียงเข้มดังขึ้นมาทำลายความคิด ศศิกาญจน์เหลือบตามองไปที่คนกุมพวงมาลัยไว้แน่น แต่จอมทัพหันมามองที่เธอเต็มๆ จนคนตัวเล็กรับรู้ถึงพลังบางอย่างที่จับจ้องมา เจ้าของดวงหน้าเรียวสวยรู้สึกว่าเขามองเธอแปลกๆ“ไม่ได้บ้าค่ะ มีคนบอกว่าซอกำลังโชคดีต่างหาก...”คนถามอยากรู้แต่เก็บอาการเอาไว้แล้วถามเสียงเรียบ“โชคดีเรื่องอะไร”
ลมที่พัดมาหอบหนึ่งทำให้เครื่องแขวนไหววูบกระทบกันส่งเสียงกรุ๋งกริ๋ง ดึงสายตาให้ศศิกาญจน์หันไปมองที่ห้องหนึ่ง ม่านไหมสีเงินยวงดึงดูดสายตาให้หันไปมอง รู้ตัวอีกทีก็ยืนอยู่หน้าร้านพยากรณ์ดวงชะตาแล้ว ศศิกาญจน์เบิกตากว้าง เธอไม่ใช่สาวสายมูจึงคิดจะหันหลังกลับ ตั้งใจเดินไปหาน้ำดื่ม ทว่า น้ำเสียงไม่เบาไม่ดังที่ชวนเชิญให้เข้าไปในร้านทำให้หญิงสาวลังเล“เข้ามาก่อนสิ”มือบางขาวสะอาดแหวกม่านไหมเข้าไป ภายในเป็นห้องสี่เหลี่ยมที่กวาดสายตาทีเดียวก็เห็นทั่วทั้งร้าน ภายในร้านดูสะอาดสะอ้าน ทว่ากลับให้ความรู้สึกชวนค้นหา สตรีวัยห้าสิบเศษนั่งอยู่บนโต๊ะซึ่งมีกองไพ่ดูเก่าคร่ำคร่าแต่ก็แฝงพลังบางอย่าง“นั่งลงก่อนสิหนู”ศศิกาญจน์ส่ายหน้า “ขอโทษนะคะ แต่หนูไม่ชอบดูดวงค่ะ” จากนั้นคิดจะหันหลังเดินกลับออกจากร้าน“ฉันก็ไม่ได้ดูดวงให้ทุกคนที่เข้ามาหรอกนะ แต่หนูมีพลังบางอย่าง เหมือนไพ่กำลังอยากจะบอกอะไร กำลังไม่สบายใจเรื่องครอบครัวอยู่ใช่ไหม”ร่างบางสวยที่กำลังจะเดินจากไปชะงักเท้าแล้วหันกลับไปมองผู้ส่งสาร “ใช่ค่ะ คุณป้าทราบได







