Share

บทที่ 5 ความลับของเสี่ยวอวี้

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-13 03:06:13

คืนนั้น จันทร์สาดแสงอ่อนลงมาผ่านหน้าต่าง ไป๋อวิ๋นเหยานั่งอยู่บนเตียงข้างเสี่ยวอวี้ ลูกชายคนโตของนาง เด็กน้อยที่เงียบขรึมและเข้มแข็งจนเกินวัย ยามนี้เขานั่งบนเตียงมองมารดาเช่นกัน

"เสี่ยวอวี้..." นางเอ่ยเสียงนุ่ม ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นหลอกล่อลูกชายอย่างไรดีเพื่อให้เขายอมตอบคำถามของนาง

“คืนนี้ท่านแม่จะนอนกับข้าอีกหรือขอรับ” เด็กน้อยถาม

“ไม่ใช่..เมื่อเย็นเจ้าไปที่เรือนหลังเพื่ออันใด” และนางก็ยังเป็นนาง ไม่อาจมีกลใดมากมาย เพียงถามออกไปตรงๆ

“...” เสี่ยวอวี้หน้าซีด ก้มลงมองมือเล็กของเขา

“..สิ่งใดอยู่ในกระบอกไม้ไผ่”

“ข้าไม่ทราบขอรับ ท่านพ่อ..เอ่อ เขาบอกว่าให้ข้าโตก่อน ค่อยเปิดดูขอรับ” เสียงของเสี่ยวอวี้สั่นด้วยความหวั่นเกรง แต่เขาตัดสินใจแล้วว่าถึงแม้จะถูกมารดาตี เขาก็จะไม่ยอมให้มารดาดูในกระบอกไม้ไผ่นั้น

"..เจ้ารู้ว่าเขาเป็นผู้ช่วยแม่ขึ้นมาจากแม่น้ำคืนนั้น"

เด็กน้อยนิ่งเงียบไปทันที เขาหลบสายตาเหมือนกำลังซ่อนอะไรบางอย่าง ความไร้เดียงสาในวัยเด็กทำให้เขาไม่อาจโกหกได้อย่างแนบเนียน

“วันนั้นเกิดอะไรขึ้น” ไป๋อวิ๋นเหยาตัดสินใจถามคำถามที่นางไม่เคยคิดจะถามเมื่อยังมีชีวิตครั้งก่อน

“ข้า..ไม่ทราบขอรับ” เสี
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 6 ห้องลับและอนุสูงศักดิ์

    วันที่สามีของนางย้ายมาอยู่ที่นี่อย่างถาวร คือหลังจาก เหตุการณ์ที่นางจมน้ำ เฉินซูเหยาใช้เงินทองมากมายเพื่อปรับปรุง เรือนนี้ให้สมบูรณ์ กระทั่งขนของส่วนตัวทุกชิ้นของเขามาไว้ที่นี่ แต่ทว่า บัดนี้ในสายตาของนาง ทุกสิ่งกลับดูเรียบง่ายและสงบนิ่ง ไม่มี ร่องรอยใดที่จะแตกต่างไปจากเรือนหลังเก่าที่บิดาของนางอาศัย ดูแล้วในเรือนก็ยังปกติ ไป๋อวิ๋นเหยาจึงเดินไปดูที่ตู้เก็บ หนังสือ เดินดูตำราของสามีทีละเล่ม จนเห็นอะไรบางสิ่งสะท้อนแสง เบาๆ นางดึงตำราออกมาและเห็นว่าเป็นปิ่นปักผมเล่มเล็กวางหลัง กองหนังสือ ดวงตานางเบิกกว้าง ปิ่นเล่มนี้เป็นปิ่นที่เฉินซูเหยาชิงเอาจากผมของนางในคืนเข้าหอ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์น่ารักราวเด็กหนุ่มของเขาในวันนั้นยังคงชัดเจนใน ความทรงจำ ‘ของที่เป็นของข้า อย่างไรก็เป็นของข้า จะไม่มีวันปล่อยให้ผู้ใดแตะต้อง’ เขาพูดปนเสียงเขาหัวเราะน่าฟังขณะหยอกล้อ แต่หลังจากเขามอบหัวใจให้สตรีอื่น นางคิดว่าปิ่นเล่มนี้คง ถูกเขาทิ้งไปนานแล้ว แต่นางกลับยังเห็นอยู่ที่นี่ ไป๋อวิ๋นเหยาเอื้อมมือสั่นๆ ไปหยิบ แต่ทันทีที่พยายามดึงปิ่นออกมา เสียงกลไกแผ่วเบาก็ดัง ขึ้นจากด้านหลัง กองหนังสือและชั้นไม้ค่อยๆ แยกออก เผยใ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 7 สับสน

    ริมสระน้ำใต้แสงสลัว ไป๋อวิ๋นเหยายืนข้างสามีที่ไม่ได้เห็นมานาน สายลมเย็นพัดผ่าน เสียงปลาขยับผิวน้ำแผ่วเบา ช่วยขับเน้นความเงียบระหว่างทั้งสองคน ใบหน้าของไป๋อวิ๋นเหยานิ่งสงบ ราวกับสายลมโหมกระหน่ำก็ไม่อาจกวนใจนางได้ แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับซ่อนความหนักอึ้งไว้อย่างลึกซึ้ง ทอดมองชายผู้เป็นสามีอย่างเงียบงัน ขณะที่เขาไร้เยื่อใย ไม่แม้แต่จะชายตามองภรรยา ทุกอย่างดูเหมือนเขาเกลียดนางตามปกติ หากแต่สิ่งที่นางพบในเรือนลับ ทำให้หัวใจที่เคยเยือกเย็นปั่นป่วน เขาเก็บรูปของนางไว้มากมาย เขาแอบช่วยเหลือนาง เขายืนรออยู่ที่สะพานไน่เหอเพียงลำพังหลายปีแต่กลับปฏิบัติต่อนางด้วยความเย็นชา“ท่านพ่อของข้าเคยเป็นอาจารย์ของเจ้า เป็นผู้มีพระคุณที่เจ้าเคารพรัก ข้าเพียงขอให้เจ้าพูดกับข้าตามตรงสักครั้ง ได้หรือไม่” “เจ้าเป็นสตรีที่ยกเรื่องบุญคุณมากดดันผู้อื่นแล้วหรือ” เขาถามเสียงเรียบเฉย “เฉพาะครั้งนี้ เพราะข้าต้องการความจริง” เขาหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเงยหน้าขึ้นมองนาง แววตาคมดุที่เคยเยือกเย็นสะท้อนประกายเจ็บปวดชั่ววูบ ริมฝีปากเม้มแน่น ขณะที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ราวกับคำพูดของนางกระทบ ความรู้สึกที่ซ่อนลึก เพียงไ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 8 ตกใจอะไรก่อนดี

    เมื่อท้องฟ้าสีดำในเมืองหลวงถูกประดับด้วยแสงเรืองรองของโคมไฟ เด็กๆ ต่างส่งเสียงหัวเราะตื่นเต้นรอคอยการเดินทางไปเทศกาล ท่านน้าและสามีของท่านน้าเตรียมรถม้าคันใหญ่สำหรับพาเหล่าลูกหลานออกไปเพลิดเพลิน เหมือนเช่นชาติก่อน ไป๋อวิ๋นเหยามองดูลูกๆ ในชุดใหม่ที่กำลังปีนขึ้นรถม้าอย่างร่าเริง แต่นางกลับอ้างว่าลืมของสำคัญของสตรี และปล่อยให้เด็กๆ ไปเที่ยวกับน้าสาวและน้าชายก่อน นางคิดว่านางจะรีบตามไปหลังจากเตือนสามีและอนุของเขา แล้วค่อยตามไปนอนพักที่บ้านน้องสาวคืนนี้ เหมือนชีวิตในครั้งก่อน เมื่อรถม้าเคลื่อนออกไป ไป๋อวิ๋นเหยามองตามจนสุดสายตา จากนั้นจึงหันหลังกลับ รีบสาวเท้ากลับไปยังจวนไป๋ ความมุ่งมั่นในดวงตาของนางแข็งกร้าวขึ้นทุกย่างก้าว ไป๋อวิ๋นเหยาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เงาของนางทอดยาวไปตามพื้นหินที่เย็นเฉียบ ความเงียบสงบของค่ำคืนคล้ายทำให้นางรู้สึกว่าทุกย่างก้าวของตนหนักอึ้ง หัวใจเต้นระรัวไม่ต่างจากฝีเท้าม้าที่วิ่งลากรถม้าเคลื่อนไปไม่หยุดหย่อน ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อถึงเรือนหลัง นางหยุดหายใจชั่วครู่ก่อนจะก้าวเข้าสู่ความมืดที่ปกคลุมภายใต้เงาไม้ใหญ่ ทุกสิ่งดูเงียบสงัดเกินไป นางมองไปรอบๆ กลับไร้ซึ่งเง

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 9 หนี

    “อย่าขยับ อยู่ตรงนั้น!” เสียงของเขาเด็ดขาดราวกับคำสั่ง แต่กลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปกปิดไม่มิด เฉินซูเหยาก้าวเข้า ประจันหน้ากับคนชุดดำที่เหลือ ท่าทางของเขาแม้จะดูอ่อนล้าลง เพราะบาดแผล แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ลดละ เขาจะไม่มี วันยอมให้ผู้ใดแตะต้องไป๋อวิ๋นเหยาได้เฉินซูเหยาตวัดดาบด้วยความแม่นยำ ร่างของคนชุดดำทั้งสองล้มลงในกระบวนท่าเดียว เลือดสาดกระเซ็นเปรอะพื้น แต่ก่อนที่เขาจะได้พักหายใจ เสียงฝีเท้าของนางรำจำนวนมากก็ดังเข้ามาใกล้ เขาขบฟันแน่น สายตาคมกวาดมองไปทางภรรยาที่เขายังต้องปกป้อง เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สะบัดมือโยนฮว่าเจ๋อจึ[1]ออกไป จุดไฟขึ้นกลางเรือนด้วยมือที่ยังเปื้อนเลือด เปลวไฟลุกโชนกินเนื้อไม้ จนเสียงแตกเปรี๊ยะดังไปทั่ว คล้ายเขาลงน้ำมันไว้แล้วก่อนหน้าเฉินซูเหยาฉวยมือคว้าเอวไป๋อวิ๋นเหยาแน่น แม้ร่างกายเขา จะอ่อนล้าจากบาดแผล แต่ฝีเท้ายังคงเร่งรีบ ลากนางมุ่งไปทางบ่อน้ำ ด้านหลังเรือน ตลอดทางไป๋อวิ๋นเหยาเห็นว่ามีร่างคนล้มตายเกลื่อนกลาด คล้ายการต่อสู้นี้เกิดขึ้นก่อนที่นางจะเข้ามาแล้ว กลิ่นกำยานเจืออยู่ในอากาศ หญิงสาวในชุดรำที่วิ่งตามมา หอบหายใจรุนแรงก่อนจะทรุดลงทีละคน

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 10 สามีวางยา

    เปลวไฟเริ่มลุกลามไปตามต้นไม้แห้งบนเขาอย่างรวดเร็ว ควันดำพวยพุ่งขึ้นปกคลุมท้องฟ้า ความร้อนระอุค่อยๆ แผ่ขยายออกไปขณะที่เสียงสัตว์ป่ากรีดร้องดังขึ้นทั่วภูเขา สัตว์ต่างๆ วิ่งพล่านออกจากป่าด้วยความตื่นตระหนก บ้างสะดุดล้ม บ้างถูกไฟคลอกจนสิ้นใจ พวกมันพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่ไม่มีตัวไหนหลุดรอดจากเงื้อมมือเปลวเพลิง ในขณะที่ไฟกำลังโหมกระหน่ำบนเขา เฉินซูเหยาและไป๋อวิ๋นเหยาหยุดอยู่ปลายแม่น้ำที่ทอดตัวไกลจากเขาลูกนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียว แต่แววตายังคงมุ่งมั่น เขามองยอดเขาที่กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉาน ลุกไหม้ราวกับต้องการกลืนกินทุกสิ่ง“พวกมันไม่ยอมปล่อยเรา” เขาพึมพำ ขณะสายตายังจับจ้องภาพโหดร้ายตรงหน้า ไป๋อวิ๋นเหยาเงียบงัน ยืนนิ่งอยู่ข้างเขา น้ำใสเย็นจากแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่รอบข้อเท้าทั้งสอง แต่กลับไม่อาจดับความร้อนแรงจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ภูเขาอยู่เบื้องหน้าได้ สองเท้าของนางหนาวเย็นจนเริ่มไร้ความรู้สึก สองมือของนางเริ่มเป็นเหน็บชา เฉินซูเหยาไม่ได้เอ่ยคำใดอีก เขาเพียงจับมือภรรยาแน่น และพาก้าวเดินต่อไป มุ่งหน้าสู่ที่ปลอดภัย โดยปล่อยให้ภูเขาที่ลุกโชนคงอยู่เป็นสัญลักษณ์แห่งความอำมหิตของศัตรูที

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 11 ยาแรง

    “...” ไป๋อวิ๋นเหยาส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังเขา แต่กลับทำให้เขายิ่งหัวเราะชอบใจ “ดื่มเถิด ข้าจะช่วยพยุงเจ้าเอง” เขาประคองนางขึ้นอย่างระมัดระวัง แม้บาดแผลของเขาจะส่งผลให้ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไป ด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่แสดงอาการใดๆ เพียงใช้แขนที่มั่นคงรองรับร่างของนางไว้ริมฝีปากของนางสัมผัสกับของเหลวสีเขียวเข้ม กลิ่นของมันไม่ชวนดื่มเอาเสียเลย ทว่าด้วยแรงผลักดันจากแววตาที่มุ่งมั่นน่ารัdของเขา ไป๋อวิ๋นเหยาจึงกล้ำกลืนมันลงคอไปอย่างยากลำบากเมื่อนางยอมดื่มจนหมด เฉินซูเหยาก็โยนถ้วยใบไม้ทิ้ง จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตนาง เรียวลิ้นกวาดสัมผัสยาสมุนไพรขมๆ ในปากอิ่มของภรรยาอย่างหิวโหย ไป๋อวิ๋นเหยาเบิกตาโพลง ตกใจราวสาวน้อยที่เพิ่งเคยจุมพิตนางรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปพบกับเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดที่ขโมยจุมพิตแรกของนาง ราวเด็กหนุ่มเอาแต่ใจผู้นั้นยังคงอยู่ไม่หายไปไหน “เจ้ายังขยับไม่ได้ แต่เลือดเริ่มไหลเวียนดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานเจ้าจะหาย” เขากระซิบบนริมฝีปากของภรรยา เหมือนปลอบเด็กน้อย เขาชอบทำเช่นนี้เสมอ ป้อนยานางและตามด้วยจุมพิตขมปนหวาน เขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่นางป่วย เอาใจใส่นางและกลั่นแกล้งนาง ร่างแน่นิ่งซึ่

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 12 ขับยาพิษและหมูยาง

    มือของเขาเคลื่อนไปจับมือของนางที่อ่อนปวกเปียกเพราะพิษกำยาน และเริ่มนวดเบาๆ ที่ปลายนิ้ว ไล่ไปจนถึงฝ่ามืออย่างทะนุถนอม แม้มือของเขาเองจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่มันกลับไม่หยุดความพยายามของเขาแม้แต่น้อย ราวกับจะทำทุกวิถีทางให้นางรู้สึกร้อนรุ่มขึ้น นางได้แต่มองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดปนความสับสน แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ความรู้สึกอ่อนโยนที่เขามอบให้ กลับทำให้นางไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นระรัว เด็กสารเลวนี่ วางแผนจะรวบนางนานแล้วหรือ! นางคิดว่าท่านพ่อบังคับเขาให้แต่งเสียอีก ที่แท้เขาก็ไม่ได้ใสซื่อมือของเฉินซูเหยาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาที่ปลายเท้าของนางเขาเริ่มนวดที่ฝ่าเท้า ไล่ขึ้นไปจนถึงข้อเท้าอย่างแผ่วเบา สัมผัสของเขาช่างอ่อนโยนและตั้งใจ เหมือนพยายามจะบรรเทาความชาและขับพิษให้นางให้ได้มากที่สุด แต่สายตาหื่นกระหายกลับพูดสิ่งอื่น “เลือดลมของเจ้าจะต้องรีบขับออก” เขาพูดเบาๆ พลางจ้องมองใบหน้าของนางที่เริ่มแดงจนคล้ำ แม้ในใจไป๋อวิ๋นเหยาจะยังคงประท้วงอยู่ แต่ร่างกายกลับยอมรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ นางหลับตาลงเล็กน้อย ปล่อยให้ความร้อนรุ่มจากพิษสมุนไพรและสัมผัสของเขาไหลเวียนไปทั่วร่าง ท่ามกล

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 13 รสรัก (NC)

    “อ้า..เหยาเหยา..” เขาครางแหบพร่าไป๋อวิ๋นเหยาแทบอยากจะกรีดร้อง เพราะรู้สึกว่าความร้อนแท่งใหญ่ที่ค่อยๆ ซึมเข้ามา เหมือนเปลวเพลิงกำลังกัดกิน ทุกอณูของร่างเริ่มร้อนจนเหมือนจะระเบิด ความกำหนัดที่เขาเพาะบ่มตลอดการย่างกำลังทวีขึ้น ความรู้สึกถูกเผาผลาญนั้นเหมือนจี้ถูกจุดร่างกายของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นระริกโดยไม่อาจควบคุม พวยพุ่งความสุขสมออกมาจนท่วมรอบเอวสามี เขาไม่ได้รังเกียจ อีกทั้งยังกอดนางแน่นยิ่งขึ้น งัดเอวขึ้นเพื่อกดแท่งหยกซ้ำๆ บนจุดแสนหวานในร่องรักของภรรยา “เหยาเหยากล้าพวยพุ่งน้ำพุใส่ข้าแล้วหรือ” เขาล้อเลียน ยิ้ม บางเบาพึงพอใจ ระหว่างที่ยังคงบดสะโพกต่อไป ไป๋อวิ๋นเหยาใบหน้าแดงก่ำอยากร้องไห้ นางสั่นระริกสุขสมไปทั่วร่าง เขายังกล้าล้อเล่นเช่นนี้อีก เมื่อก่อนเขาชอบขอจะดูนางปลดเบา อย่างไรนางก็ไม่ให้ เขาจึงได้แต่ทำใจ วันนี้นางพวยพุ่งใส่เขาเช่นนี้ ไม่ใช่นางกล้าหาญหรือจงใจ แต่เพราะนางควบคุมไม่ได้จริงๆ และนางกล้าสาบานว่านี่ไม่ใช่การปลดเบาเขาต่างหากที่ทำให้นางควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้!“ชู่ว..ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือ เหยาเหยาเย้ายวนยิ่ง” เขาชื่นชม ก้มลงจูบซับน้ำที่เอ่อล้นขอบตาของภรรยา ลิ้มเลียน้ำตาของ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13

Bab terbaru

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 16 ชีวิตแสนสุข (ตอนจบ)

    เสี่ยวอวี้ เสี่ยวหยาง เสี่ยวชิง และเสี่ยวหลันโผเข้ากอดนางแน่น ดวงตาเปียกชุ่มด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ หลังจากที่ต้องทนทุกข์ใจกับข่าวร้ายที่ท่านน้ากระซิบบอกว่าอาจไม่ได้พบมารดาอีกหลายวัน หรือตลอดไป ไป๋อวิ๋นเหยาใช้เวลาปลอบโยนลูกๆ ที่ยังไม่คลายจากความหวาดหวั่น เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับมาเติมเต็มจวนไป๋อีกครั้ง แต่ลึกลงไปในใจของนาง ความกังวลยังคงรุกล้ำเงียบงัน วันแล้ววันเล่า นางเฝ้ารอการกลับมาของสามีผู้เป็นที่รัก แต่มีเพียงสายลมหนาวยามค่ำคืนเท่านั้นที่ตอบกลับมา องค์หญิงหว่านหนิงถูกประกาศว่าถูกไฟไหม้เสียชีวิต เพราะเมามายเกินไประหว่างคืนเทศกาลโคมไฟ และจวนไป๋ก็ได้รับเงินมากมายจากราชสำนักเพื่อบำรุงซ่อมแซมจวน แต่ไร้เงาของเฉินซูเหยา เวลาล่วงผ่านไปนานนับเดือน แต่สามีของไป๋อวิ๋นเหยาก็ยังไม่กลับมา นางเฝ้ารอด้วยความทุกข์ใจจนแทบทนไม่ไหว ความเงียบงันที่ไม่มีแม้เงาของเขาทำให้นางตัดสินใจลงมือเอง แม้จะเป็นเพียงบุตรีของอดีตบัณฑิต แต่ด้วยแรงแห่งความรักและความหวัง นางจึงพยายามหาหนทางติดต่อองค์รัชทายาท ทุกก้าวของนางเต็มไปด้วยอุปสรรค สายตาดูแคลน และเสียงกระซิบวิจารณ์ แต่ไป๋อวิ๋นเหยาก็ไม่ยอมแพ้ กระทั่งวัน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 15 สัญญาปากเปล่า

    ความรู้สึกผิดท่วมท้น นางเงยหน้ามองชายผู้เคยเป็นดั่งเงาในชีวิตด้วยน้ำตาที่รินไหล เขาต้องการให้นางเจ็บปวดเพื่อนางจะได้หันหน้าหนี เพื่อนางจะได้ปลอดภัย และนางก็เป็นเช่นนั้น เกลียดเขาจนวันสุดท้ายของชีวิต แม้เขาจะรอนางอย่างเดียวดายที่สะพานไน่เหอ หลายปี แต่นางก็ยังเกลียดเขา “ข้า..ข้ามันเห็นแก่ตัวนัก” เสียงแหบพร่าของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นเทา นางสะอื้นน้ำตารื้น “..เหตุใดจึงเป็นเหยาเหยาเห็นแก่ตัวเล่า..ข้าต่างหากที่เห็นแก่ตัว ข้าต่างหากที่ทำให้เจ้าเจ็บปวด ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” เขากอดรัดภรรยาไว้จนแน่น “เจ้าคิดจะตายลำพัง!” นางก่นด่า หากเมื่อคืนนี้นางไม่เข้าไปในเรือนหลัง เขาก็คงจะตายลำพังอีกแล้ว “ข้าเตรียมทางหนีไว้แล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ ทางที่ข้าพาเจ้าหนีมาอย่างไรเล่า” เขาลูบหัวของภรรยาเบาๆ “แต่หากข้าไม่เข้าไป เจ้าก็จะรอจนแม่ทัพหนุ่มที่เผาภูเขาลูกนั้นเข้ามาในจวน แล้วเจ้าค่อยเผาใช่หรือไม่!!” นางเข้าใจความตั้งใจของเขาดี เขาคงคิดจะเสียสละชีวิตเพื่อลากทุกคนไปกับเขา “..เหยาเหยาไม่ต้องกังวล ข้าจะหาทาง” “แล้วเราจะทำเช่นไรต่อไปดี ข้า..ข้าทำให้เจ้า..ข้าทำแผนของเจ้าพัง” “เหยาเหยาไม่ต้องกังวล” เขาเพียงพูดพร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 14 เรื่องที่สามีเล่า

    เฉินซูเหยากอดร่างของภรรยาไว้ในอ้อมแขน ร่างของนางที่ยังอ่อนแรงพิงเขาอย่างตกตะลึงในความจริง นางเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม“เจ้ากล้าโกหกข้าหรือ” ไป๋อวิ๋นเหยาท้วงติงไม่พอใจ เขาหัวเราะขบขัน ไม่เห็นการข่มขู่ของภรรยาอยู่ในสายตา เขาเพียงเริ่มเล่าถึงความหลังที่เกิดขึ้นต่อไปพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น มองภรรยาด้วยความรักใคร่ ไป๋เหวินหยาง เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการศึกสงคราม แต่ก็เป็นบัณฑิตมากความสามารถ มีสายตาที่มองทะลุความสามารถของคน แม้จะรู้ว่าเฉินซูเหยาเป็นบุตรนอกสมรสของแม่ทัพหยวนกวน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังยื่นมือมาช่วยเหลือเฉินซูเหยาไว้ ช่วยปกปิดภูมิหลังของเขา ซ่อนเขาจากศัตรูของแม่ทัพ สั่งสอนเขาราวกับศิษย์คนหนึ่ง หลังจากเด็กหนุ่มสอบได้เป็นจอหงวน ชีวิตของเขาก็เริ่มรู้สึกสงบสุข ได้แต่งงาน เขาไม่เคยคิดแก้แค้นให้บิดาเลยแม้แต่น้อย เพราะกำลังของเขาไม่มากพอ และที่สำคัญ เขาแต่งงานกับหญิงสาวตรงหน้าแล้ว เขาไม่อยากให้ภัยอันตรายใดๆ มาถึงจวนไป๋ หรือครอบครัวของนาง เขาจึงเลือกที่จะวางอดีตลง หรืออย่างน้อยก็พยายามวาง แต่ในใต้หล้านี้ ความตั้งใจหรือจะสู้ฟ้าลิขิต หลังจากเฉินซูเหยาได้ร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 13 รสรัก (NC)

    “อ้า..เหยาเหยา..” เขาครางแหบพร่าไป๋อวิ๋นเหยาแทบอยากจะกรีดร้อง เพราะรู้สึกว่าความร้อนแท่งใหญ่ที่ค่อยๆ ซึมเข้ามา เหมือนเปลวเพลิงกำลังกัดกิน ทุกอณูของร่างเริ่มร้อนจนเหมือนจะระเบิด ความกำหนัดที่เขาเพาะบ่มตลอดการย่างกำลังทวีขึ้น ความรู้สึกถูกเผาผลาญนั้นเหมือนจี้ถูกจุดร่างกายของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นระริกโดยไม่อาจควบคุม พวยพุ่งความสุขสมออกมาจนท่วมรอบเอวสามี เขาไม่ได้รังเกียจ อีกทั้งยังกอดนางแน่นยิ่งขึ้น งัดเอวขึ้นเพื่อกดแท่งหยกซ้ำๆ บนจุดแสนหวานในร่องรักของภรรยา “เหยาเหยากล้าพวยพุ่งน้ำพุใส่ข้าแล้วหรือ” เขาล้อเลียน ยิ้ม บางเบาพึงพอใจ ระหว่างที่ยังคงบดสะโพกต่อไป ไป๋อวิ๋นเหยาใบหน้าแดงก่ำอยากร้องไห้ นางสั่นระริกสุขสมไปทั่วร่าง เขายังกล้าล้อเล่นเช่นนี้อีก เมื่อก่อนเขาชอบขอจะดูนางปลดเบา อย่างไรนางก็ไม่ให้ เขาจึงได้แต่ทำใจ วันนี้นางพวยพุ่งใส่เขาเช่นนี้ ไม่ใช่นางกล้าหาญหรือจงใจ แต่เพราะนางควบคุมไม่ได้จริงๆ และนางกล้าสาบานว่านี่ไม่ใช่การปลดเบาเขาต่างหากที่ทำให้นางควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้!“ชู่ว..ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือ เหยาเหยาเย้ายวนยิ่ง” เขาชื่นชม ก้มลงจูบซับน้ำที่เอ่อล้นขอบตาของภรรยา ลิ้มเลียน้ำตาของ

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 12 ขับยาพิษและหมูยาง

    มือของเขาเคลื่อนไปจับมือของนางที่อ่อนปวกเปียกเพราะพิษกำยาน และเริ่มนวดเบาๆ ที่ปลายนิ้ว ไล่ไปจนถึงฝ่ามืออย่างทะนุถนอม แม้มือของเขาเองจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่มันกลับไม่หยุดความพยายามของเขาแม้แต่น้อย ราวกับจะทำทุกวิถีทางให้นางรู้สึกร้อนรุ่มขึ้น นางได้แต่มองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดปนความสับสน แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ความรู้สึกอ่อนโยนที่เขามอบให้ กลับทำให้นางไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นระรัว เด็กสารเลวนี่ วางแผนจะรวบนางนานแล้วหรือ! นางคิดว่าท่านพ่อบังคับเขาให้แต่งเสียอีก ที่แท้เขาก็ไม่ได้ใสซื่อมือของเฉินซูเหยาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาที่ปลายเท้าของนางเขาเริ่มนวดที่ฝ่าเท้า ไล่ขึ้นไปจนถึงข้อเท้าอย่างแผ่วเบา สัมผัสของเขาช่างอ่อนโยนและตั้งใจ เหมือนพยายามจะบรรเทาความชาและขับพิษให้นางให้ได้มากที่สุด แต่สายตาหื่นกระหายกลับพูดสิ่งอื่น “เลือดลมของเจ้าจะต้องรีบขับออก” เขาพูดเบาๆ พลางจ้องมองใบหน้าของนางที่เริ่มแดงจนคล้ำ แม้ในใจไป๋อวิ๋นเหยาจะยังคงประท้วงอยู่ แต่ร่างกายกลับยอมรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ นางหลับตาลงเล็กน้อย ปล่อยให้ความร้อนรุ่มจากพิษสมุนไพรและสัมผัสของเขาไหลเวียนไปทั่วร่าง ท่ามกล

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 11 ยาแรง

    “...” ไป๋อวิ๋นเหยาส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังเขา แต่กลับทำให้เขายิ่งหัวเราะชอบใจ “ดื่มเถิด ข้าจะช่วยพยุงเจ้าเอง” เขาประคองนางขึ้นอย่างระมัดระวัง แม้บาดแผลของเขาจะส่งผลให้ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไป ด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่แสดงอาการใดๆ เพียงใช้แขนที่มั่นคงรองรับร่างของนางไว้ริมฝีปากของนางสัมผัสกับของเหลวสีเขียวเข้ม กลิ่นของมันไม่ชวนดื่มเอาเสียเลย ทว่าด้วยแรงผลักดันจากแววตาที่มุ่งมั่นน่ารัdของเขา ไป๋อวิ๋นเหยาจึงกล้ำกลืนมันลงคอไปอย่างยากลำบากเมื่อนางยอมดื่มจนหมด เฉินซูเหยาก็โยนถ้วยใบไม้ทิ้ง จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตนาง เรียวลิ้นกวาดสัมผัสยาสมุนไพรขมๆ ในปากอิ่มของภรรยาอย่างหิวโหย ไป๋อวิ๋นเหยาเบิกตาโพลง ตกใจราวสาวน้อยที่เพิ่งเคยจุมพิตนางรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปพบกับเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดที่ขโมยจุมพิตแรกของนาง ราวเด็กหนุ่มเอาแต่ใจผู้นั้นยังคงอยู่ไม่หายไปไหน “เจ้ายังขยับไม่ได้ แต่เลือดเริ่มไหลเวียนดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานเจ้าจะหาย” เขากระซิบบนริมฝีปากของภรรยา เหมือนปลอบเด็กน้อย เขาชอบทำเช่นนี้เสมอ ป้อนยานางและตามด้วยจุมพิตขมปนหวาน เขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่นางป่วย เอาใจใส่นางและกลั่นแกล้งนาง ร่างแน่นิ่งซึ่

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 10 สามีวางยา

    เปลวไฟเริ่มลุกลามไปตามต้นไม้แห้งบนเขาอย่างรวดเร็ว ควันดำพวยพุ่งขึ้นปกคลุมท้องฟ้า ความร้อนระอุค่อยๆ แผ่ขยายออกไปขณะที่เสียงสัตว์ป่ากรีดร้องดังขึ้นทั่วภูเขา สัตว์ต่างๆ วิ่งพล่านออกจากป่าด้วยความตื่นตระหนก บ้างสะดุดล้ม บ้างถูกไฟคลอกจนสิ้นใจ พวกมันพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่ไม่มีตัวไหนหลุดรอดจากเงื้อมมือเปลวเพลิง ในขณะที่ไฟกำลังโหมกระหน่ำบนเขา เฉินซูเหยาและไป๋อวิ๋นเหยาหยุดอยู่ปลายแม่น้ำที่ทอดตัวไกลจากเขาลูกนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียว แต่แววตายังคงมุ่งมั่น เขามองยอดเขาที่กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉาน ลุกไหม้ราวกับต้องการกลืนกินทุกสิ่ง“พวกมันไม่ยอมปล่อยเรา” เขาพึมพำ ขณะสายตายังจับจ้องภาพโหดร้ายตรงหน้า ไป๋อวิ๋นเหยาเงียบงัน ยืนนิ่งอยู่ข้างเขา น้ำใสเย็นจากแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่รอบข้อเท้าทั้งสอง แต่กลับไม่อาจดับความร้อนแรงจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ภูเขาอยู่เบื้องหน้าได้ สองเท้าของนางหนาวเย็นจนเริ่มไร้ความรู้สึก สองมือของนางเริ่มเป็นเหน็บชา เฉินซูเหยาไม่ได้เอ่ยคำใดอีก เขาเพียงจับมือภรรยาแน่น และพาก้าวเดินต่อไป มุ่งหน้าสู่ที่ปลอดภัย โดยปล่อยให้ภูเขาที่ลุกโชนคงอยู่เป็นสัญลักษณ์แห่งความอำมหิตของศัตรูที

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 9 หนี

    “อย่าขยับ อยู่ตรงนั้น!” เสียงของเขาเด็ดขาดราวกับคำสั่ง แต่กลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปกปิดไม่มิด เฉินซูเหยาก้าวเข้า ประจันหน้ากับคนชุดดำที่เหลือ ท่าทางของเขาแม้จะดูอ่อนล้าลง เพราะบาดแผล แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ลดละ เขาจะไม่มี วันยอมให้ผู้ใดแตะต้องไป๋อวิ๋นเหยาได้เฉินซูเหยาตวัดดาบด้วยความแม่นยำ ร่างของคนชุดดำทั้งสองล้มลงในกระบวนท่าเดียว เลือดสาดกระเซ็นเปรอะพื้น แต่ก่อนที่เขาจะได้พักหายใจ เสียงฝีเท้าของนางรำจำนวนมากก็ดังเข้ามาใกล้ เขาขบฟันแน่น สายตาคมกวาดมองไปทางภรรยาที่เขายังต้องปกป้อง เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สะบัดมือโยนฮว่าเจ๋อจึ[1]ออกไป จุดไฟขึ้นกลางเรือนด้วยมือที่ยังเปื้อนเลือด เปลวไฟลุกโชนกินเนื้อไม้ จนเสียงแตกเปรี๊ยะดังไปทั่ว คล้ายเขาลงน้ำมันไว้แล้วก่อนหน้าเฉินซูเหยาฉวยมือคว้าเอวไป๋อวิ๋นเหยาแน่น แม้ร่างกายเขา จะอ่อนล้าจากบาดแผล แต่ฝีเท้ายังคงเร่งรีบ ลากนางมุ่งไปทางบ่อน้ำ ด้านหลังเรือน ตลอดทางไป๋อวิ๋นเหยาเห็นว่ามีร่างคนล้มตายเกลื่อนกลาด คล้ายการต่อสู้นี้เกิดขึ้นก่อนที่นางจะเข้ามาแล้ว กลิ่นกำยานเจืออยู่ในอากาศ หญิงสาวในชุดรำที่วิ่งตามมา หอบหายใจรุนแรงก่อนจะทรุดลงทีละคน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 8 ตกใจอะไรก่อนดี

    เมื่อท้องฟ้าสีดำในเมืองหลวงถูกประดับด้วยแสงเรืองรองของโคมไฟ เด็กๆ ต่างส่งเสียงหัวเราะตื่นเต้นรอคอยการเดินทางไปเทศกาล ท่านน้าและสามีของท่านน้าเตรียมรถม้าคันใหญ่สำหรับพาเหล่าลูกหลานออกไปเพลิดเพลิน เหมือนเช่นชาติก่อน ไป๋อวิ๋นเหยามองดูลูกๆ ในชุดใหม่ที่กำลังปีนขึ้นรถม้าอย่างร่าเริง แต่นางกลับอ้างว่าลืมของสำคัญของสตรี และปล่อยให้เด็กๆ ไปเที่ยวกับน้าสาวและน้าชายก่อน นางคิดว่านางจะรีบตามไปหลังจากเตือนสามีและอนุของเขา แล้วค่อยตามไปนอนพักที่บ้านน้องสาวคืนนี้ เหมือนชีวิตในครั้งก่อน เมื่อรถม้าเคลื่อนออกไป ไป๋อวิ๋นเหยามองตามจนสุดสายตา จากนั้นจึงหันหลังกลับ รีบสาวเท้ากลับไปยังจวนไป๋ ความมุ่งมั่นในดวงตาของนางแข็งกร้าวขึ้นทุกย่างก้าว ไป๋อวิ๋นเหยาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เงาของนางทอดยาวไปตามพื้นหินที่เย็นเฉียบ ความเงียบสงบของค่ำคืนคล้ายทำให้นางรู้สึกว่าทุกย่างก้าวของตนหนักอึ้ง หัวใจเต้นระรัวไม่ต่างจากฝีเท้าม้าที่วิ่งลากรถม้าเคลื่อนไปไม่หยุดหย่อน ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อถึงเรือนหลัง นางหยุดหายใจชั่วครู่ก่อนจะก้าวเข้าสู่ความมืดที่ปกคลุมภายใต้เงาไม้ใหญ่ ทุกสิ่งดูเงียบสงัดเกินไป นางมองไปรอบๆ กลับไร้ซึ่งเง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status