Mag-log inเฮือก!
ลี่เหยียนสะดุ้งตกใจ เมื่อเสียงทุ้มนุ่มทว่าฟังแล้วเย้ายวนกระซิบชิดริมหู และมือใหญ่ได้เลื่อนจากเอวบางไปยังสะโพก
“ตกลงคุณตัดสินใจได้รึยัง”
เธอจำเสียงนี้ได้ในทันที หัวใจเธอกำลังเต้นเร็วแรง และตัดสินใจค่อย ๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง ไม่รู้ว่าเธอเอาความกล้ามาจากไหน อาจเป็นเพราะเสน่ห์เกินห้ามใจของชายหนุ่ม ที่ทำให้เธอตัดสินใจอะไรบางอย่างโดยที่อาจจะรู้หรือไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“ต้องเป็นลิ้นสิคะ”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้เธอจนริมฝีปากเขาแทบจะสัมผัสกับของเธอ
“คุณรู้อะไรมั้ย มีคนเคยบอกว่าผมใช้ลิ้นเก่ง”
“…”
น้ำเสียงทุ้มล่อลวงของเขาทำให้ลี่เหยียนรู้สึกประหม่า
เขาขยิบตาให้พร้อมกับฉวยข้อมือเธอให้เดินตามเขากลับไปยังห้องน้ำที่ปราศจากผู้คน ลี่เหยียนรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะโดนเสือขย้ำ มิหนำซ้ำยังเป็นเสือร้ายเสียด้วย แต่เธอมิอาจขัดขืนเขาได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ที่เลือดในกายกำลังสูบฉีดไปด้วยความร้อนแห่งเปลวเพลิงปรารถนา ทุกสิ่งในตัวของผู้ชายคนนี้ทำให้นึกถึงเซ็กซ์ตลอดเวลา เธอหวั่นเกรง แต่ก็ตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย คิดว่าหากพลาดโอกาสนี้ไปคงจะรู้สึกเสียดายมากกว่า
“คุณเซ็กซี่มาก” เขากระซิบบอกตอนที่นำเธอไปยังห้องน้ำห้องในสุด เขาค่อนข้างรอบคอบไม่ลืมที่จะล็อกประตูทั้งด้านนอกและด้านใน
ลี่เหยียนถูกดันให้ชิดกับผนัง แล้วริมฝีปากเธอก็ถูกฉกฉวยอย่างรวดเร็ว
“ผมจะแสดงให้คุณเห็นว่าผมมีพรสวรรค์แค่ไหน”
เขาพูดชิดริมปากเธอแล้วประกบปากเธออีกครั้ง จูบของเขาเร่าร้อนเต็มไปด้วยความช่ำชอง ทำให้ลี่เหยียนที่เพิ่งมีประสบการณ์จูบครั้งแรกสามารถคล้อยตามไปได้โดยง่าย เธอจูบตอบเขา ส่งลิ้นเข้าไปในปากเขาแบบเดียวกับที่เขาทำกับเธอ เธอยกมือขึ้นคล้องคอเขาเพื่อเป็นหลักยึด เธอรู้สึกเหมือนกับเสียงระฆังกำลังดังก้องอยู่ในหัวและคลื่นความร้อนที่แผ่กระจายไปทั่วร่างจากการที่เขาดูดลิ้นของเธอ
มือแกร่งลูบไล้ไปตามเรือนร่างแสนเย้ายวน เขายกขาเธอ เลิกชุดกระโปรงเธอขึ้น แล้วลูบไล้มือไปตามเรียวขางามจนกระทั่งปลายนิ้วเขาสัมผัสเข้ากับใจกลางความเป็นหญิงผ่านผ้าชิ้นน้อย สัมผัสของเขาทำให้ลี่เหยียนขาสั่น
“จีสตริง” เขายิ้มพอใจ สบตาเธออย่างยั่วยวนในขณะที่เริ่มไล้มือลงบนผ้าผืนบางเบา ๆ
“ค่ะ” ลี่เหยียนครางตอบเพราะความรู้สึกเสียวซ่านที่แล่นขึ้นมาตอนที่เขาสอดนิ้วเข้าไปข้างใน
“คุณเป็นเจ้าสาวเหรอ” เขาถามเสียงเนิบช้าพร้อมกับขยับมือไปด้วย
“เฉพาะคนเป็นเจ้าสาวถึงจะใส่จีสตริงได้เหรอคะ” เธอย้อนเขาเสียงเบาหวิว
“ไม่จำเป็นหรอก ก็แค่ถ้าคุณแพลนว่าจะออกไปต่อกับใครสักคนหลังงานเลิก”
“หรือคุณไม่คิด”
“แน่นอนว่าผมคิด”
เขาว่าจบก็ก้มลงจูบเธออีกครั้ง คราวนี้มันไม่นุ่มนวลหยอกเย้าเหมือนก่อนหน้า แต่มันร้อนแรงเหมือนว่าเขาต้องการบอกเธอว่าจะอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว ผู้ชายคนนี้ต้องการควบคุมเธอ เขาสอดลิ้นเข้ามาในปาก แล้วดูดดึงลิ้นของเธออย่างชำนาญ มอมเมาเธอไปกับรสจูบร้อนแรงนี้
“คุณจะทำอะไร” ลี่เหยียนถามขึ้นเมื่อเขาขยับตัวลงมาด้านล่างแล้วถลกกระโปรงเธอขึ้น
“แล้วคุณอยากให้ผมทำอะไรล่ะ” เขาย้อนถามเธอกลับ แต่เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะตอนนี้เขาก้มหน้าลงไปชิดกับต้นขาเธอ เขาไล้ลิ้นเลียไปตามผิวเนื้อ ร่างกายของลี่เหยียนสั่นเทาไปด้วยความรัญจวนเมื่อรู้สึกถึงฟันเขาที่งับเข้ากับสายกางเกงในที่เปียกชุ่มของเธอ จากนั้นก็ดึงมันลงมา
“เราทำแบบนี้จะดีเหรอ” สำนึกสุดท้ายบอกให้ลี่เหยียนถามเขาออกไป
“ผมคิดว่าควรจะถามว่าเราจะเสียดายมั้ยถ้าไม่ทำมากกว่า”
“แต่เราไม่รู้จักกันเลย”
“นั่นมันจำเป็นเหรอ”
เขาปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนและคลายเนคไทออก
“ผมรู้ว่าทันทีที่ผมเห็นคุณผมก็อยากทำความรู้จักกับคุณ”
“คุณอยากรู้จักฉันแต่คุณไม่อยากให้ฉันรู้จักชื่อคุณ”
“ไม่จำเป็นต้องรู้จักชื่อ ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ คุณจะรับได้มั้ย” เขาหยุดแล้วสบตาเธอด้วยสายตาจริงจัง
“ฉันรับได้ถ้าคุณรับได้” ลี่เหยียนสับสน แต่สุดท้ายได้ตอบออกไป ณ วินาทีนี้ ประกายไฟปรารถนาที่พลุ่งพล่านในกายเธอมีอำนาจเหนือสตินึกรู้ทั้งปวง เธออยากให้เขาแตะต้องเธออีกครั้ง
ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้น แล้วก็จับขาเธอแยกออก
“ทีนี้ให้ผมแสดงให้คุณดูว่าจะให้รางวัลกับเด็กดียังไงดีกว่า”
ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนมาอยู่กลางหว่างขาของลี่เหยียน เขาใช้ลิ้นเลียไปที่ปุ่มสวาทของเธออย่างหิวกระหาย ความเสียวจากจุดศูนย์กลางของร่างกายทำให้ลี่เหยียนหลุดเสียงครางออกมา และเธอต้องขบเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดรอดออกมาได้อีก นิ้วของเธอสอดแทรกเข้าไปยังกลุ่มผมนุ่มสลวยของเขาเพื่อยึดเอาไว้ตอนที่เขาแยงลิ้นเข้าออกในตัวเธอ
“เราไม่ได้แค่คิดหรอกค่ะ เราสองคนรู้ดีต่างหากว่าพี่น่ะ...เป็นจอมบงการมากแค่ไหน!”“แต่เธอก็ยังเลือกที่จะมาที่นี่กับฉัน”“ค่ะ ทีนี้ก็ไปเอาไวน์มาให้ฉันได้แล้วค่ะ” เธอพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย“อ้าว...แล้วทีนี้ใครกันแน่ล่ะที่เป็นฝ่ายบงการ” เขาหัวเราะร่วน ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินจากไปยังส่วนเตรียมเครื่องดื่ม “อยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวฉันกลับมา”“ค่ะ” เธอขานรับอย่างว่าง่าย ขณะกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่นอย่างสนใจคอนโดของฉู่เฮ่าชวนนั้นใหญ่โตกว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ได้เพียงไม่กี่เดือน และเธอก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจะหรูหราอลังการถึงเพียงนี้ พื้นห้องปูด้วยหินอ่อนสีขาวนวลให้ความรู้สึกอบอุ่นใต้ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าขณะที่เธอลองก้าวเดินไปรอบ ๆ บนพื้นมีพรมขนฟูสีขาวสะอาดตาผืนใหญ่วางเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าชุดโซฟาหนังสีดำสนิท โต๊ะกาแฟกลางห้องก็ทำจากกระจกใสทั้งหมด เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองใหญ่ที่ส่องสว่างด้วยแสงไฟจากตึกระฟ้าและรถราที่วิ่งขวักไขว่อยู่เบื้องล่างผ่านทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน หญิงสาวจ้องมองภาพเหล่านั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินทอด
เธออยากดื่มไวน์สักแก้วไหม” ฉู่เฮ่าชวนเอ่ยถามทันทีที่ซ่งจื่อหานทรุดตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มสบายในห้องของเขา“ค่ะ...ก็ดีเหมือนกัน” หญิงสาวตอบรับ ส่วนใหญ่เป็นเพราะอยากจะถือโอกาสสำรวจห้องนั่งเล่นกว้างขวางของเขาโดยไม่ให้ดูเป็นการเสียมารยาทสอดรู้สอดเห็น มากกว่าจะอยากดื่มไวน์เพิ่มอีกจริง ๆ“ไวน์ขาวหรือแดงดีล่ะ”“แล้วแต่พี่เลยค่ะ” เธอพูดพลางก้มลงปลดเปลื้องรองเท้าส้นสูงที่บีบรัดเท้ามาทั้งวัน ก่อนจะปล่อยเสียงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อนิ้วเท้าได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากพันธนาการอันเจ็บปวด“เธอโอเคไหม” ฉู่เฮ่าชวนก้าวเข้ามาใกล้ ก้มลงมองเท้าเล็ก ๆ ของเธอด้วยแววตาเป็นห่วง“ส้นสูงมันทรมานฉันจะแย่อยู่แล้วค่ะ” เธอยิ้มบาง ๆ ให้เขาแล้วลองขยับนิ้วเท้าไปมา ฉู่เฮ่าชวนขยับเข้ามาใกล้อีกก้าว ย่อตัวลงตรงหน้าเธอ“แล้วเธอใส่มาทำไมล่ะ”“พี่ไม่เห็นสายตาของผู้ชายทุกคนตอนที่ฉันเดินเข้าร้านอาหารเมื่อกี้นี้เหรอคะ” เธอยิ้มกว้างอย่างมีชัย “สายตาเหล่านั้นน่ะ...มันคุ้มค่ากับความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ฉันต้องทนนะคะจะบอกให้”“แล้วฉันล่ะ ตอนที่เห็นเธอใส่ส้นสูงคู่นั้นเดินเข้ามา เธอสังเกตเห็นไหม”“แบบไหนเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเ
“พี่เฮ่าชวนคะ ฉันไม่รู้ว่าพี่ยังจำได้รึเปล่า” เธอพูดพลางหัวเราะออกมาเบา ๆ “แต่ฉันต่างหากที่เป็นคนแอบย่องขึ้นเตียงพี่ในคืนนั้น ไม่ใช่พี่สักหน่อย และฉันก็เป็นฝ่ายที่ต้องการพี่ด้วย”“ฉันแค่ไม่แน่ใจว่าตัวเองเคยทำให้เธอเข้าใจผิดไปรึเปล่าน่ะ”“พี่ทำให้ฉันเข้าใจผิดเรื่องอะไรได้ยังไงกันคะ” เธอเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้“เธอก็รู้นี่ ตอนที่ฉันเคยเป็นครูสอนพิเศษให้เธอไง” เขาพูดพลางเหลือบมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะหักพวงมาลัยเปลี่ยนเลน“พี่หมายถึง...ตอนที่พี่ช่วยติววิชาคณิตรฯ ให้ฉันน่ะเหรอคะ” เธอนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม แล้วเขาได้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมฤดูร้อนทั้งหมดช่วยสอนเรื่องแคลคูลัสเบื้องต้นกับพีชคณิตที่แสนจะน่าปวดหัวให้กับเธอ“ใช่...แล้วก็รวมถึง...ช่วยสอนวิธีจูบที่ถูกต้องให้เธอด้วย” น้ำเสียงของเขาเบาลงอย่างเห็นได้ชัด “บอกตามตรงนะ...ฉันยังรู้สึกผิดเรื่องนั้นอยู่เลยจนถึงตอนนี้”“ทำไมล่ะคะ” เธอมองเขาอย่างตกใจระคนประหลาดใจที่เขายังสามารถจดจำเรื่องราวในวันเหล่านั้นได้ด้วยซ้ำ“เพราะฉันคือจูบแรกของเธอ” เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ “และยังเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอยอมมีอะไรด้วย...ฉันรู้สึกเห
“ยอมรับก็ได้ว่าฉันแกล้งเธอเล่น” เขาหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “โอเค พร้อมจะไปหาอะไรอร่อย ๆ กินรึยัง”“ฉันพร้อมมาตั้งนานแล้วค่ะ”“แล้วเข่าเธอเป็นยังไงบ้าง” มือขวาของเขาเอื้อมลงมาสัมผัสที่เรียวขาของเธออย่างแผ่วเบา ผิวเนื้อของเธอรู้สึกซาบซ่านขึ้นมาทันทีเมื่อปลายนิ้วของเขาไล้ผ่านผิวเธอเบา ๆ ไปยังสะบ้าหัวเข่าที่มีรอยแผลถลอกอยู่“มันก็โอเคแล้วค่ะ ยังรู้สึกซ่า ๆ อยู่บ้างนิดหน่อย แต่เดี๋ยวก็คงหายดีแล้วล่ะค่ะ”“ดีแล้ว” ปลายนิ้วของเขาเลื่อนกลับขึ้นไปตามเรียวขาของเธออย่างเชื่องช้า ก่อนจะไล้สูงขึ้นไปตามต้นขาอ่อน และเธอก็แทบจะหยุดหายใจเมื่อสัมผัสอุ่นร้อนนั้นเคลื่อนเข้าไปใกล้จุดกึ่งกลางระหว่างขาของเธออย่างจงใจ “ว่าแต่...คืนนี้ชุดเธอสวยมากนะ” เขาเอ่ยชม ก่อนจะเลื่อนนิ้วกลับไปกุมพวงมาลัยตามเดิม“ขอบคุณค่ะ” เธอพึมพำตอบ พลางเบือนหน้าไปมองเขา “พี่เองก็ดูหล่อมากเลยนะคะในชุดเสื้อเชิ้ตกับเนคไทเนี่ย”“ฉันดีใจที่เธอชอบเนคไทฉัน”“ฉันชอบเนคไทสวย ๆ ตลอดเลยล่ะค่ะ” เธอตอบกลับไป ทำให้เขาหันมามองเธอพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก“ในทุกสถานการณ์เลยอย่างนั้นเหรอ”“ค่ะ” เธอตอบรับเสียงแผ่ว แทบจะกลั้นหายใจขณะที่เขายังคงจ้องม
“แค่นั้นเองเหรอคะ” เสียงใสของฉู่ลี่เหยียนดังแทรกขึ้นมาจากด้านหลัง เธอก้าวเข้ามายืนซ้อนหลังซ่งจื่อหานที่หน้าประตู “ชมเพื่อนฉันว่า ‘ดูดี’ แค่นั้นเองน่ะเหรอ”“ใช่ เธอดูดีออก” ฉู่เฮ่าชวนหันไปมองฉู่ลี่เหยียนด้วยสีหน้าเริ่มจะหงุดหงิด “หรือเธอไม่คิดอย่างนั้นล่ะ”“เพื่อนฉันน่ะ สวยเลิศเลอเพอร์เฟกต์ต่างหาก” ฉู่ลี่เหยียนเอ่ยพลางส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “สวยหยาดเยิ้มราวกับมหารานีอย่างนั้นเลย!”“ขอบใจนะจ๊ะ ลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานหัวเราะออกมาเบา ๆ ขณะเห็นฉู่เฮ่าชวนส่ายหน้าอย่างระอาใจให้กับน้องสาวตัวเอง“ใช่...จื่อหาน” เขาหันกลับมาสบตาเธออีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด “คืนนี้เธอดูสวยมากจริง ๆ สวยมาก ๆ เลยล่ะ” เขาก้าวเข้ามาใกล้เธออีกนิด ยื่นมือออกมาหมายจะสัมผัส“ค่อยยังชั่วหน่อย” ฉู่ลี่เหยียนพึมพำอย่างพอใจ ทำให้เขาครางออกมาเบา ๆ อย่างจนใจ“จื่อหาน พร้อมจะไปรึยัง” ฉู่เฮ่าชวนเอ่ยถามเสียงเรียบ พยายามไม่ใส่ใจน้องสาวตัวแสบ “ฉันกลัวว่าถ้าจะต้องฟังยัยน้องสาวฉันบ่นไม่หยุดอีกคืนนี้ ฉันอาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้นะ”“คืนนี้ฉันไม่มีเวลามาทำให้พี่ชายสุดที่รักของฉันกลายเป็นบ้าหรอกนะคะ” ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มหวาน
“พี่เฮ่าชวนมาแล้วแน่ะ จื่อหาน” เสียงฉู่ลี่เหยียนตะโกนแว่วมาจากโถงทางเดินหน้าห้อง “ฉันเห็นรถเลี้ยวเข้ามาแล้ว”“ฉันดูเป็นยังไงบ้าง” ซ่งจื่อหานรีบพรวดพราดออกจากห้องนอนในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีดำสนิท ฉู่ลี่เหยียนที่ยืนรออยู่ถึงกับผิวปากหวือด้วยความตะลึง“อืมมม...จะบอกว่ายังไงดีล่ะ...ฮอตยิ่งกว่าเดินอยู่กลางทะเลทรายซาฮาราในตอนกลางวันแสก ๆ เสียอีกนะเนี่ย!”“ฮอตเลยเหรอ” ซ่งจื่อหานยิ้มกว้างอย่างพอใจ หมุนตัวอวดโฉมในชุดเดรสตัวสวย “ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองร้อนแรงไม่เบาเลยล่ะคืนนี้”“เธอไม่ใช่แค่ร้อนแรงธรรมดา ๆ หรอกนะเพื่อนรัก แต่เธอโคตรร้อนแรงต่างหากล่ะ!” ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะร่วน เดินเข้ามาใกล้ เอานิ้วจิ้มที่แขนของซ่งจื่อหานเบา ๆ แล้วแกล้งร้องเสียงหลงออกมา“เป็นอะไรไปน่ะ” ซ่งจื่อหานเลิกคิ้วถามเพื่อนรักอย่างงุนงง“ก็เธอเล่นฮอตซะจนแทบจะเผาฉันให้ไหม้เป็นจุลไปแล้วนี่นา”ทั้งสองคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างครื้นเครง“เธอนี่มันบ๊องจริง ๆ เลยนะ ลี่เหยียน ดีนะที่เธอไม่ได้เกิดเป็นผู้ชาย ไม่งั้นเธอคงไม่มีวันจีบสาวติดด้วยประโยคแบบนี้แน่ ๆ” ซ่งจื่อหานพูดพลางส่ายหน้าอย่างเอ็นดู“ฉันว่าถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันคงจะ







