LOGINฝนวิ่งเข้ามากอดป้าดวงด้วยความดีใจ "คิดถึงจังเลยค่ะป้าดวง ตั้งแต่เรียนจบหนูก็ไม่ได้มาหาป้าเลย"
ป้าดวงยิ้มด้วยความเอ็นดู "ป้าก็คิดถึงสาวน้อยของป้าเหมือนกัน แล้วนี่ทำงานแล้วเหรอลูก? ทำงานที่ไหน?" "แถวบ้านนี่แหละค่ะป้า" ฝนตอบอย่างภาคภูมิใจ "เป็นผู้ช่วย...ไม่สิ เป็นบุคลากรคนสำคัญเลยค่ะ เพราะเป็นทุกอย่างให้เขาแล้ว" นพพลยิ้มแล้วหัวเราะเบา ๆ "ไม่มีอะไรหรอกพี่ดวง ก็แค่ให้เขาไปช่วยงานเอก พอดีบริษัทเขาขยายสาขามาอยู่แถวบ้าน เลยฝากฝังให้ทำงานจะได้ไม่เอาแต่เกาะพ่อไปวัน ๆ" "โถ่! พ่อพูดซะเสียเซลฟ์เลย" ฝนทำแก้มป่อง "อ๊ะ! ลืมแนะนำเลย นี่พี่ทินกับพี่ดวง คุณลุงคุณป้าของฝน ส่วนนี่เอก พี่ที่ฝนไปช่วยงานอยู่ครับ" นพพลแนะนำ เอกยกมือไหว้ "สวัสดีครับคุณลุง สวัสดีครับคุณป้า" ป้าดวงยิ้มอย่างใจดี "มาคนเดียวเหรอคะ? ไม่พาแฟนมาด้วย?" เอกหน้าแดงเล็กน้อย "อ๋อ... ผมยังไม่มีแฟนครับ โสดอยู่เลย" ฝนได้ยินก็ทำปากยื่นปากคว่ำแล้วเดินหนีไป "แล้ววันนี้กฤษณ์ไม่มาเหรอ?" นพพลถาม "ไม่ค่อยมีเวลาเลยสิทุกวันนี้ เห็นบอกว่าจะตามมาทีหลัง รอออกเวรก่อน" ป้าดวงตอบ "งั้นดีเลย ถ้าอย่างนั้นเราก็เตรียมของไปก่อนไหม เดี๋ยวให้กฤษณ์ตามไปทีหลัง จะได้ไม่มืดค่ำก่อน" ลุงทินเสนอ "งั้นก็ได้ครับ" เอกพยักหน้า "ป้าไม่ไปเหรอคะ?" "อ๋อ ไม่ดีกว่าลูก" ป้าดวงหันไปบอกฝน "เดี๋ยวป้าอยู่รอพี่หมอของหนูก่อน เดี๋ยวให้เขาตามไปนะ หนูไปกับพ่อก่อนเลย" "โอเคค่ะ" ฝนรับคำ ทุกคนเริ่มเก็บอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง "เราเอารถไปสักสองคันไหม? เอากระบะไปคันนึงจะได้ขนของได้เยอะหน่อย" ลุงทินออกความเห็น "ดีเลย งั้นฝนไปนั่งรถกับพี่เอกนะลูก เดี๋ยวพ่อไปกับลุงพินเอง" นพพลสั่ง จากนั้นทั้งสี่คนก็ออกเดินทางไปยังสถานที่ที่จะไปตกปลา เอกถามฝนระหว่างทาง "พี่ชายที่ฝนพูดถึง ก็คือลูกลุงกับป้าน่ะเหรอ?" "ใช่แล้วค่ะ" ฝนตอบ "ก็พี่หมอกฤษณ์นั่นแหละพี่ชายของฝน" "พี่ก็นึกว่าเป็นพี่ชายแท้ ๆ" เอกพูดอย่างประหลาดใจ "ไม่มีหรอกค่ะ พ่อไม่มีลูกชาย พ่อเลยรักพี่หมอกฤษณ์เหมือนลูกคนนึง ส่วนมากตั้งแต่เด็กจนโต พี่หมอจะอยู่ที่บ้านกับพ่อกับฝนซะส่วนใหญ่ เพราะแถวบ้านลุงกับป้าความเจริญมันน้อยกว่า ลุงกับป้าเลยให้พี่หมอไปอยู่กับพ่อ ฝนกับพี่เลยสนิทกันมาก" "แต่ดูแล้วฝนก็ยังเด็กกว่าพี่ชายมากเลยนะ" เอกกล่าว "ก็ใช่ค่ะ เพราะตอนที่ฝนมาอยู่แรก ๆ ฝนอยู่แค่ประมาณ ป.4 ป.5 แต่พี่หมออยู่ ม.ปลายแล้ว ตอนนั้นเป็นหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนไปแล้ว" ฝนเล่าพร้อมรอยยิ้ม "แล้วแบบนี้ช่วงวัยก็ห่างกัน ทำไมถึงสนิทกันจัง" เอกถามอย่างใคร่รู้ "ก็พี่หมอคอยดูแลฝนตลอด ตอนที่ฝนมาอยู่ที่นี่แรก ๆ ฝนไม่มีใครเลย ไม่มีเพื่อน ไม่รู้จักใคร มีแต่พี่หมอที่คอยดูแลแล้วก็เป็นเพื่อนฝน ฝนก็เลยรักพี่ชายคนนี้มาก" ฝนพูดพร้อมน้ำตาคลอเบ้า "ตอนนั้นพี่หมอเป็นเหมือนโลกทั้งใบของฝนรองจากพ่อเลยนะ ฝนที่จากแม่กับพี่สาวมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครเลยตอนนั้นแล้วก็ไม่ไว้ใจใคร แต่กลับเป็นพี่หมอที่เข้าใจฝนทุกอย่าง" "พี่หมอเคยบอกว่าทั้งชีวิตของพี่หมอจะยกให้ฝนจะดูแลฝน แล้วพี่หมอก็ทำได้จริง ๆ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตไม่ว่าอะไรก็ตามที่ฝนต้องการ พี่เขาก็จะพยายามหามาให้ แล้วอะไรที่ฝนไม่ชอบพี่เขาก็จะรู้หมด" เอกได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกแปลก ๆ ในใจ "ทำไมสองคนถึงไม่เหมือนพี่น้องกัน" คำพูดของหมอกฤษณ์ที่บอกว่าเรียนหมอเพื่อฝน และคำพูดของฝนที่ว่าทั้งชีวิตหมอกฤษณ์ยกให้เธอ "มันคืออะไรกันแน่?" เขาได้แต่สงสัย "ว่าแต่...ลุงทินกับอานพ หน้าก็ไม่เหมือนกันเลยนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพี่น้องกันได้" เอกลองถามแบบอ้อม ๆ "ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ค่ะ" ฝนตอบ "อ๋อ...งั้นก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน?" "ก็ไม่ใช่อีกค่ะ" ฝนหัวเราะ "เอาจริง ๆ ลุงทินกับพ่อไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันเลยตั้งแต่ทีแรก ลุงคือลูกบุญธรรมของย่า พ่อกับลุงก็เลยเป็นพี่น้องที่ไม่มีสายเลือดร่วมกันเลย" เอกเข้าใจในทันทีว่าทั้งสองบ้านไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด และเริ่มเข้าใจกับคำตอบที่อยู่ในหัวที่สับสนมาพักหนึ่ง ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้ว แต่ก็ยังสับสนอยู่เรื่องหนึ่งว่า "ถึงจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง? ถ้านับกันเป็นญาติพี่น้องมันไม่น่าจะมีความรู้สึกอื่นแทรกเข้ามา" แต่เอกก็ยังไม่กล้าถามไปตรง ๆ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัว "อ้าว! ถึงแล้ว!" เสียงนพพลตะโกนขึ้น บรรยากาศริมบึงใหญ่ซึ่งเป็นคลองชลประทานมองเห็นสุดลูกหูลูกตา มีเกาะเล็ก ๆ เป็นหย่อม ๆ สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่คนท้องถิ่นมักจะมาหาปลา ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่จะมีคนพลุกพล่าน ส่วนมากจะเป็นคนที่อยู่ในบริเวณนี้ที่จะมานั่งรับบรรยากาศยามเย็น หรือไม่ก็ตั้งแคมป์ปิกนิกกันตามประสาคนท้องถิ่นที่อยากพักผ่อน แต่เอกกลับมองสถานที่แห่งนี้เหมือนสวรรค์บนดิน ทุ่งหญ้ากว้าง ๆ บรรยากาศที่น่าหลงใหล เอกรู้สึกประทับใจกับสถานที่ตรงนี้มาก เขายืนสูดรับบรรยากาศและแสงแดด "ไม่เคยไปเที่ยวไหนหรือไง?" ฝนพูดช็อตฟิว ขัดอารมณ์ของเอกขึ้นทันที "รู้ไหมว่าชีวิตในเมืองหลวงมันมีแต่ความวุ่นวาย มันไม่มีความเงียบสงบและอากาศบริสุทธิ์แบบนี้หรอก" ฝนคิดตาม "ก็จริง" "ฝนไปเรียนที่นั่นตั้ง 4 ปี อยู่แต่กับความวุ่นวาย จะไปเที่ยวก็ไปเดินห้าง ตกกลางคืนเพื่อนก็ชวนไปผับ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นเลย" "พูดถึงผับ..." เอกหันไปพูดกับฝน "ถ้าดื่มไม่เก่งก็อย่าเมานะ เวลาเมาพูดจาไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวไปมีเรื่องกับใครแล้วจะยุ่งอีก" "โฮ้! ฝนอายุ 23 แล้วนะคะ มาบอกเหมือนฝนยังเป็นเด็กไม่บรรลุนิติภาวะ ตลกแล้วลุง!" พูดจบเธอก็เดินจากไป ทิ้งให้เอกยืนอยู่คนเดียว "อ้าว แล้วจะยืนทำเป็นพระเอกมิวสิกอยู่นานไหมน่ะ รีบมาจัดของสิ เดี๋ยวตะวันตกดินก่อนจะกางเต็นท์ไม่ทัน" ฝนตะโกนกลับมา เอกคิดในใจ "ผู้หญิงอะไรไม่มีความโรแมนติกเอาซะเลย" ในขณะนั้นฝนกำลังจัดของ เอกเดินไปประกอบและกางเต็นท์อย่างทะมัดทะแมงและรวดเร็ว ทำให้ฝนที่ยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับอึ้ง "ทำเป็นด้วยเหรอ? นึกว่าจะเป็นคุณชายเจ้าสำอางทำอะไรไม่เป็นซะอีก ไม่น่าเชื่อ" "ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ดูไว้ซะเด็กน้อย" เอกยิ้มกวน ๆ "แล้วไปฝึกจากไหน ทำไมถึงกางเต็นท์ได้เร็วขนาดนี้" "พี่ชอบเดินป่า ชอบธรรมชาติ ของพวกนี้ง่าย ๆ เหมือนกินหมูเลยแหละ" "อ่ะ ถ้ากินหมูงั้นก็เอาไปให้หมดด้วยนะ" ฝนพูดพร้อมหัวเราะ "มีแอลกอฮอล์จุดไฟไหม?" "ไม่มีไม่ได้หรอก ถ้าไม่เตรียมมา รองเท้าแถวนี้ได้เป็นเชื้อเพลิงหมดแน่" ฝนพูดติดตลก หลังจากนั้นเอกก็จัดการทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย ลุงทินกับนพพลนั่งตกปลากันอยู่ เอกจึงเดินเข้าไปร่วมวง ทั้งสามคนนั่งตกปลาอย่างมีความสุข ส่วนฝนที่มองจากด้านหลัง ดูเหมือนทั้งสามคนสนิทกันหยั่งกะเป็นครอบครัวเดียว โดยเฉพาะเอกที่เพิ่งเจอกันกับลุงทิน ไม่น่าเชื่อว่าจะสนิทกันได้ขนาดนี้ ฝนนั่งอยู่บนเก้าอี้สนาม นอนเอนหลังพร้อมกับใส่หูฟังฟังเพลง ทันใดนั้นก็มีใบหน้าคมคายของเอกเข้ามาใกล้ ๆ กับใบหน้าของเธอ ฝนลืมตาขึ้นด้วยความตกใจจึงรีบผลักเขาออก "ผลักพี่ทำไม?" เอกร้องด้วยความตกใจ "แล้วจะเอาหน้าเข้ามาใกล้ทำไมล่ะ"ฝนพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน "ก็เรียกอยู่ตั้งนาน ไม่เห็นตอบ ก็เลยก้มลงไปดูเฉย ๆ" "ก็คนใส่หูฟังมันจะได้ยินได้ยังไงล่ะ มีอะไรไหม?" "ลุงกับอาจะพายเรือออกไปตกอีกฝั่ง เขาให้มาถามว่าจะไปด้วยไหม?" ฝนตอบทันที "ไม่ไปหรอก ฝนจะเฝ้าของอยู่ที่นี่" เอกที่อดเป็นห่วงไม่ได้ "งั้นพี่ก็ไม่ไปหรอก อยู่เป็นเพื่อนฝนนี่แหละ เดี๋ยวนั่งตกปลาอยู่ตรงริมตลิ่งตรงนี้ก็ได้" พูดจบเขาก็เดินกลับไปบอกลุงทินกับอานพว่าไม่ไปดีกว่า สงสารฝนที่อยู่คนเดียว นพพลกับลุงทินได้ยินแบบนั้นก็สบายใจขึ้น จะได้ไปโดยไม่ต้องพะวงห่วงฝน"งั้นอาฝากดูแลน้องด้วยแล้วนะ เดี๋ยวอาจะไปตกริ่มฝั่งทางโน้น" ลุงทินบอกเอก "ก่อไฟไว้รอเลยนะ จะได้เอาปลาตัวใหญ่ ๆ กลับมาเผากิน" "ได้ครับคุณลุง คุณอา" เอกรับปาก "พ่อไปแล้วนะลูก เชื่อฟังพี่เค้าล่ะ เดี๋ยวพ่อเอาปลาตัวใหญ่มาฝาก" พ่อพูดพร้อมกับโบกมือลาลูกสาวสุดที่รักของเขา และฝนเอกก็โบกมือตอบรับ ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะพายเรือไป "น้ำดื่มครับคุณอา"เอกตะโกน "อ๋อ... จริงด้วยเอก รอบคอบดีจัง ไปแต่ตัวได้ยังไงไม่เอาน้ำดื่มไป ขอบใจมากลูก อาฝากน้องด้วยนะ"นพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







