LOGINที่บ้านของฝน
พ่อคะ พ่อๆๆ! อยู่ไหนคะ! (นพพล พ่อของฝน) เสียงฝนที่เพิ่งจอดมอเตอร์ไซค์ตะโกนลั่น พ่อ: อะไรลูก เอะอะโวยวายอะไร? ฝน: พ่อทำไมให้คนมาเช่าบ้านที่อยู่ใกล้กระท่อมริมบึงของหนู พ่อทำไมทำแบบนี้! บ้านตรงนั้นทำไมให้เขาเช่า เขาเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ พ่อไว้ใจเขาได้ยังไง! ฝนถามด้วยความโมโห พ่อ: ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนนี่ลูก จำไม่ได้เหรอ เขาคือพี่เอกไง วันที่เขามางานแต่งของพี่ฟ้า ฝนเคยเจอแล้วนี่ ฝนอึ้งไปครู่หนึ่ง (คิดในใจว่ารู้แหละว่าเอกคือใคร) ฝน: พ่อไปรู้จักเขาได้ยังไง ไปสนิทกันตอนไหน ถึงขั้นให้เขามาอยู่บ้านตัวเอง พ่อ: พ่อไม่ได้ให้เขาอยู่ฟรีซักหน่อย เขามาขอเช่า ฝน: ก็เหมือนกันนั่นแหละ! แล้วพ่อให้เขามาเช่าทำไม ไปติดต่อกับเขาตอนไหน? พ่อ: ก็วันงานแต่งพี่ฟ้า พ่อได้คุยกับเขาแล้วรู้สึกถูกชะตา ก็เลยแลกไลน์แลกเบอร์กันไว้ ติดต่อกันมาตลอด พ่อกับเขามีความชอบอะไรหลายอย่างเหมือนกัน คุยแล้วสนุก พ่อเงียบไปนิดหนึ่งแล้วถามต่อ พ่อ: ทำไมล่ะลูก หนูก็รู้จักเขาไม่ใช่เหรอ? ฝนไม่ตอบคำถามของพ่อ แต่พูดแทรกขึ้นมาทันที ฝน: หนูไม่ค่อยถูกชะตาเขาหรอก เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี พ่อไม่น่าให้เขามาอยู่บ้านตรงสวนของเราเลย แล้วทำไมเขาต้องมาเช่าบ้านของเราอยู่ด้วย โรงแรม รีสอร์ตมีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมต้องมาอยู่ในป่าแบบนี้ด้วย พ่อ: ก็เขาชอบบรรยากาศเงียบสงบ ไม่ได้ชอบสถานที่ท่องเที่ยวหรือคนพลุกพล่าน พ่อก็เลยชวนเขามาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ พอดีเขาจะย้ายมาทำงานแถวนี้อยู่แล้ว พ่อ: ฝนว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญไหม ตอนแรกที่คุยกับพเอก พ่อกับเขาคุยกันถูกคอ คุยไปคุยมาเขาก็บอกว่าจะย้ายมาทำงานต่างจังหวัด พอพูดไปพูดมา กลับกลายเป็นบริษัทที่เขาจะมาเปิดอยู่ใกล้ๆ สวนเรานี่เอง บริษัทเขาขยายฐานผลิตมาแถวนี้ พ่อก็เลยฝากฝังเขาไว้ พอดีเลย เห็นฝนจบมาตั้งนานไม่ยอมไปหางานทำสักที เดี๋ยวพ่อฝากให้พี่เขาช่วยดูงานให้ ถือว่าเป็นความโชคดีของพ่อเลย ได้ทั้งเพื่อนที่ถูกคอคุยกันสนุก แถมมีคนมาดูแลบ้านให้ไม่ต้องปล่อยทิ้งไว้แล้วจ้างคนไปทำความสะอาด แถมลูกสาวพ่อยังมีงานทำ ฝน: โธ่พ่อ ถ้าหนูจะทำงานจริงๆ ไม่จำเป็นต้องฝากกับใครหรอก หนูหาเองได้ แค่หนูไม่อยากไปทำงานเฉยๆ หนูอยากทำไร่ทำสวนนี่แหละ พ่อ: โธ่ลูก เรียนจบมาทั้งทีก็ใช้วิชาความรู้ตัวเองหน่อยเถอะ ใจคอจะอยู่เกาะพ่อแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ ฝน: ไม่เห็นเป็นไรเลย พ่อก็มีให้หนูเกาะนี่ หนูจะอยู่ปลูกมัน ปลูกอ้อย ปลูกทุเรียน ปลูกเงาะก็ได้ แถวบ้านเราตอนนี้เจริญจะตาย ปลูกผลไม้ก็ติดง่าย ฝน: ที่หนูจบวิศวะมา ก็อาจจะเอามาพัฒนาเรื่องสวนเราก็ได้ พ่อจะไปรู้อะไร จะให้หนูไปเป็นลูกจ้างคนอื่นทำไม เป็นลูกจ้างพ่อดีกว่า พ่อ: แหม เป็นลูกจ้างพ่อ พ่อไม่มีเงินเดือนให้นะ ฝน: ไม่เป็นไร เพราะที่หนูได้จากพ่อมันก็เยอะกว่าเงินเดือนอยู่แล้ว ฝนพูดไปยิ้มไปแล้วอยู่ๆ ก็นิ่งไป ฝน: ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลยนะพ่อ หนูยังพูดไม่จบเลยกับเรื่องที่ให้ลุงคนนั้นเข้ามาเช่าบ้านอยู่แล้วเขาจะอยู่นานไหม พ่อ: ก็แล้วแต่เขาสิ พ่อก็ไม่รู้ เขาอยากอยู่นานแค่ไหนก็เรื่องของเขา เพราะเขาเช่าอยู่แล้ว ฝน: พ่อพูดแบบนี้ได้ยังไง พ่อไม่คิดเหรอว่าหนูอยากจะไปอยู่บ้านหลังนั้นบ้าง ถึงให้คนมาเช่า พ่อ: เอาน่า อย่าเพิ่งหงุดหงิด หนูก็มีกระท่อมริมบึงแล้วไง จะต้องหวงทำไม ฝน: หนูไม่ได้หวง ก็แต่แรกพ่อทำไว้ให้หนู แล้วพ่อไปให้คนอื่นเช่าได้ยังไง พ่อ: ก็พ่อทำไว้ให้ แต่ฝนก็ไม่ได้ไปอยู่ ปล่อยไว้มันก็ทรุดโทรม ดีซะอีกมีคนมาอยู่ ถ้าเขาไม่ย้ายตอนนี้ หรืออีกนาน พ่อสร้างให้ใหม่ก็ได้ ปรับที่ตรงสวนกระท่อมริมบึงก็ได้ ฝน: ไม่เอาพ่อ อย่ามายุ่งกับกระท่อมริมบึงของหนูตรงนั้น ห้ามใครมายุ่ง! พูดจบ ฝนก็บิดมอเตอร์ไซค์ออกไป ทิ้งให้พ่อที่มองตามยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ กับความแก่นแก้วและความเอาแต่ใจของลูกสาวว่าด้วยเรื่องกระท่อมริมบึงหลังน้อยๆ ริมบึงน้ำใสมีกระท่อมไม้หลังเล็กตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่แมกไม้เขียวขจี เป็นพื้นที่ที่ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริง บรรยากาศเงียบสงบจนได้ยินเสียงลมพัดผ่านใบไม้เบา ๆ และเสียงน้ำที่กระทบกับตลิ่ง ที่นี่คือสถานที่พักใจของ ฝน เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่มีใครกล้ารบกวน กระท่อมหลังนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่น มีชานระเบียงไม้ยื่นออกมาเหนือผิวน้ำ ที่เต็มไปด้วยดอกบัวสีชมพูและสีขาวแข่งกันชูช่อ เมื่อนั่งลงบนระเบียง ฝนสามารถหย่อนเท้าลงไปในน้ำได้ ปล่อยให้สายลมเย็น ๆ พัดผ่านมาสัมผัสผิวหน้าอย่างแผ่วเบา รอบ ๆ กระท่อมมีต้นไม้น้อยใหญ่ช่วยสร้างร่มเงาให้ร่มรื่นตลอดวัน และยังมีแปลงดอกไม้เล็ก ๆ ที่ฝนปลูกไว้เอง มีดอกไม้สีสันสดใสชูช่ออวดความงามอยู่ไม่ไกล ภายในกระท่อมแม้จะขนาดเล็ก แต่กลับเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต มีฟูกนอนนุ่ม ๆ พร้อมหมอนและผ้าห่มที่พับเก็บไว้อย่างเรียบร้อย มีมุ้งสำหรับกันยุง และมุมเล็ก ๆ สำหรับเตรียมอาหารง่าย ๆ มีกาต้มน้ำร้อน ถ้วย จาน ชาม และน้ำดื่มที่เตรียมไว้พร้อมใช้เสมอ ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเหมือนรอคอยให้ฝนเข้ามาพักผ่อนในทุกช่วงเวลาที่ต้องการ ที่แห่งนี้เป็นเหมือนเซฟโซน เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ครอบครัวของฝนเข้าใจดี จึงไม่มีใครก้าวล้ำเข้ามานอกจากตัวฝนเอง กระท่อมน้อยๆ ริมบึงหลังนี้ตั้งอยู่ฝั่งด้านหลังบ้านที่เอกมาเช่า เมื่อก่อนบ้านหลังนี้เคยเป็นพื้นที่หลบภัยของ ฝน เป็นที่ที่พ่อของเธอสร้างขึ้นเพราะเธอชอบมาอยู่กระท่อมริมบึง พ่อเธอจึงสร้างบ้านหลังนี้ให้เธอได้มีที่ส่วนตัว ไว้ปลีกตัวจากความวุ่นวายในบ้านหลัก เวลาที่เธอรู้สึกเหนื่อยใจหรือไม่สบายใจ ที่นี่คือสถานที่ที่เธอมักจะมาหลบซ่อนตัวเสมอ แต่เมื่อ ฝน ต้องไปเรียนต่อในเมืองเป็นเวลา 4 ปี บ้านหลังนี้จึงถูกทิ้งร้างไว้ มีเพียงคนงานที่พ่อจ้างมาทำความสะอาดเดือนละ 2 ครั้งเพื่อไม่ให้มันทรุดโทรม บรรยากาศของบ้านดูเงียบเหงาและอ้างว้าง จนในที่สุดบ้านหลังนี้ก็ถูกปล่อยให้ว่างลง จนกระทั่งตอนนี้ เอก ได้เข้ามาเช่าอาศัยในที่สุดนพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







