LOGIN"โอ๊ย ลุง...ลุงคะ! นี่ไม่ขยับรถลบเลยล่ะคะ?" เสียงใสกังวานดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับร่างเพรียวบางของหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินเข้ามาใกล้รถยนต์หรูคันที่จอดติดหล่มโคลนอยู่ใกล้สวนยางพารา
สายตาของหญิงสาวเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งยืนก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ที่ท้ายรถ เธอเห็นเพียงแค่แผ่นหลังกว้างแต่ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า “ตาลุงที่ไหนกันนะ” ด้วยความซุกซนและเจ้าเล่ห์ เธอก้มลงหยิบท่อนไม้ใหญ่มาวางขวางถนนไว้ด้านหน้ารถอย่างตั้งใจ ก่อนจะหัวเราะคิกคักกับความแสบของตัวเอง เอกที่กำลังง่วนอยู่กับการแก้ปัญหารถติดหล่มได้ยินเสียงเรียก "ลุง" แว่ว ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความงุนงง"เราออกจะหล่อเทห์ขนาดนี้ ใครกันมาเรียก ‘ลุง’ วะเนี่ย?" เขาคิดในใจพลางหันขวับกลับมามองเต็ม ๆ ทันทีที่เห็นหน้ากัน ทั้งเอกและฝนต่างก็ชะงัก ฝนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ชายตรงหน้าหล่อเหลาอย่างกับพระเอกซีรีส์ ทั้งคู่ต่างอึ้งไปชั่วขณะ แต่ความตกใจของฝนกลับเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เมื่อใบหน้าหล่อเหลานั้นมันช่างคุ้นตาเหลือเกิน...ใช่แล้ว! "ตาลุงหื่นกาม" อดีตคนรักของพี่สาวที่เธอไม่ชอบขี้หน้า! เอกมองท่าทางของเธออย่างขบขันและสงสัย ยังไม่ทันได้ถามอะไร เธอก็รีบวิ่งไปสตาร์ทมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ ของตัวเองอย่างทุลักทุเล แล้วบิดคันเร่ง "ป๊าดดด...ฟิ้วววว! "… ออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงควันสีขาวขุ่นกับเศษใบไม้ที่ปลิวว่อนตามลม เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก เหมือนกับครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้เจอกัน... "ตาลุงนี่ มาทำไมแถวนี้วะ"ฝนพึมพำกับตัวเอกในขณะที่กำลังบิดรถมอเตอร์ไซค์ด้วยความแรง (แค่เสียง) แต่ความเร็วเท่าจักรยานณ บ้านพัก
หลังจากย้ายมาอยู่บ้านพักสไตล์โมเดิร์นกลางไร่มันและสวนผลไม้ เอกก็เริ่มใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ตื่นเช้าจิบกาแฟ ดูนก และสูดอากาศบริสุทธิ์ เขาผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่แล้วเรื่องราวการเจอกันครั้งแรกกับเด็กสาวคนนั้นก็ผุดขึ้นในความคิดของเขา"คุณจะทำอะไรน่ะ! ปล่อยพี่สาวฉันเดี๋ยวนี้นะ! "เสียงตะโกนของฝนยังคงชัดเจนในความทรงจำ เธอดันเขาออกห่างจากฟ้าพี่สาวของเธอด้วยความมึนเมาแล้วโวยวายว่า "จะฉวยโอกาสกับพี่สาวฉันเหรอ หยุดเลยนะ! " ก่อนจะหลับไปคาที่แล้วต้องให้เขาอุ้มไปส่งกับกลุ่มเพื่อน… เอกอดนึกขำไม่ได้ เขาลุกขึ้นไปหยิบกล่องใบหนึ่งแล้วเปิดออก ข้างในคือ รองเท้าผู้หญิงข้างหนึ่ง ไซส์เล็กเหมือนเท้าเด็ก เขาหยิบมันขึ้นมาอย่างทะนุถนอมแล้วพึมพำกับตัวเอง "ครั้งสุดท้ายที่เจอ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจออีก แกก็ต้องกลับไปอยู่กับเจ้าของแกแล้วนะ...เจ้ารองเท้าน้อย" เอกเผลอยิ้มบาง ๆ เมื่อภาพเหตุการณ์วันนั้นฉายชัดขึ้นมาในหัวเสียงกรี๊ดดังลั่น พร้อมกับรองเท้าส้นสูงข้างหนึ่งที่ลอยมา! "โอ๊ย! หัวผม...! " เอกร้องอย่างตกใจก่อนจะรีบรูดซิปกางเกงแล้ววิ่งไปใช้มือปิดปากหญิงสาว "จะร้องทำไม! เงียบ ๆ! " "อื้อ! อื้อ! " ฝนกัดเข้าที่มือเขาอย่างแรงจนเอกต้องสะบัดออก "โอ๊ย! นี่กัดมือผมทำไม! " เอกมองมือตัวเองด้วยความเจ็บปวด "คุณนั่นเอง! " ฝนมองหน้าเขาอย่างโมโห "ตาลุงหื่นกาม! คุณมาทำอะไรตรงนี้! " "ผมต่างหากที่ต้องถาม! เรานั่นแหละมาทำอะไรตรงนี้ แล้วมากรี๊ดโวยวายอะไร"เอกย้อนกลับ แต่ฝนไม่ได้ฟัง เธอกลับมองไปที่มือของเอกที่เพิ่งปิดปากเธอไว้ "หยี๋...แหวะ.....!!! เมื่อกี้คุณเอามืออะไรมาปิดปากหนู! จับอะไรมาแล้วกล้าดียังไงมาปิดปากหนู! " ฝนทำท่าจะอาเจียนด้วยความรู้สึกขยะแขยงเอกก้มลงมองมือตัวเองแล้วก้มหน้าด้วยความเขินอาย เขาเพิ่งทำธุระส่วนตัวเสร็จจริง ๆ "คนโรคจิตอย่างคุณทำไมต้องมาร่วมงานพี่สาวฉันด้วย" ฝนที่เพิ่งกลับจากอาเจียนที่ชักโครกหันกลับมาด่าต่อ “บ้ากามไม่พอ ยังเข้ามาแอบดูผู้หญิงเข้าห้องน้ำอีก!” "ใครกันแน่ที่มาแอบดู! " เอกถอนหายใจ "แหกตาดูซะบ้าง นี่มันห้องน้ำผู้ชาย! "ฝนเบิกตากว้าง เธอรีบหันไปมองป้ายหน้าประตูห้องน้ำ ก็พบสัญลักษณ์ผู้ชายตัวโต เธอหันกลับมามองเอกด้วยความเขินอาย แล้วรีบวิ่งหนีกลับเข้าไปในงานพร้อมกับยกมือปิดหน้า "เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป! " เอกตะโกนเรียก เขาหันไปเห็นรองเท้าส้นสูงของเธอตกอยู่ข้างหนึ่ง จึงหยิบมันขึ้นมา "อะไรกันของเขานะ เจอทีไรต้องมีปัญหาทุกที"เขามองตามหลังเด็กสาวไปพร้อมกับถอนหายใจและรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก เด็กอะไรก็ไม่รู้…น่ารักชะมัด!ในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องวันนั้นอยู่ ก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่คุ้นเคยดังขึ้นหน้าบ้านพัก ฝนที่ตั้งใจมาดูบ้านเช่าของพ่อถึงกับเบรกเอี๊ยดเมื่อเห็นรองเท้าหนังขัดมันวางอยู่หน้าประตูบ้าน เธอเดินลงจากรถอย่างสงสัย ก่อนจะเห็นร่างสูงโปร่งในเสื้อยืดสีขาว กางเกงผ้าลินินสีเบจกำลังถือแก้วกาแฟยืนอยู่บนระเบียง "นี่มัน...ตาลุงหื่นกามนี่!" ฝนอุทานเสียงดังจนเอกที่กำลังจิบกาแฟอยู่ถึงกับสะดุ้ง เอกหันมามองด้วยท่าทางเรียบเฉย ก่อนจะยิ้มมุมปากอย่างผู้ใหญ่ใจดี "บังเอิญอีกแล้วนะคุณฝน" "บังเอิญบ้าอะไร! ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่!" ฝนชี้หน้าเอกอย่างเหลืออด "คุณพ่อของคุณให้ผมเช่าครับ" เอกตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ฝนอ้าปากค้าง เธอไม่เชื่อว่าพ่อจะให้ผู้ชายที่เธอเรียกว่า "ตาลุงบ้ากาม" มาเช่าบ้านพักที่เขาหวงยิ่งกว่าอะไรดี "ไม่มีทาง! พ่อหนูไม่เชื่อใจใครง่าย ๆ หรอก!" "ผมยืนยันว่าผมเป็นผู้เช่าอย่างถูกต้องตามกฎหมายครับ หรือคุณไม่เชื่อในความสามารถของคุณพ่อคุณเอง" เอกเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ฝนยิ่งหงุดหงิด เธอเห็นสายตาของเขาที่กำลังมองเธออย่างเอ็นดูและขบขัน เหมือนกับว่าเธอกำลังเป็นเด็กดื้อคนหนึ่ง "ไม่เชื่อ! เอาหลักฐานมาดู!" ฝนยังคงเสียงดังและขึงตาใส่เขา เอกหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบซองเอกสารบนโต๊ะกาแฟและยื่นให้เธอ "ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณก็ลองไปถามคุณพ่อของคุณดูได้" ฝนรับเอกสารมาดูแล้วก็ต้องหน้าเหวอ เธอไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง พอเห็นชื่อผู้เช่าในสัญญาคือ เอกภพ วัฒนะไพรศาล และมีลายเซ็นของพ่ออยู่ข้าง ๆ ก็ยิ่งทำให้เธอโมโหกว่าเดิม "ลุงต้องสะกดจิตพ่อหนูแน่ ๆ!" ฝนโวยวายด้วยความไม่พอใจ "ผมไม่ใช่มิจฉาชีพนะครับคุณฝน และที่สำคัญกว่านั้น...ตอนนี้ผมเป็นเพื่อนบ้านของคุณแล้ว" เอกยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี ฝนกำกระดาษในมือแน่น ก่อนจะรีบวิ่งไปสตาร์ทมอเตอร์ไซค์แล้วบิดออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปถามพ่อของเธอทันที ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะของเอกที่ดังลั่นอยู่ในบ้านพักอันเงียบสงปล.ในการเรียกชื่อและพูดแทนตัวเองในแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับเหตุการณ์และสถานการณ์นั้นๆ
นพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







