เข้าสู่ระบบระหว่างที่เข็นรถเดินกลับ ทั้งคู่ก็คุยกัน
เอก: "ทำไมเรียนจบแล้วไม่ไปทำงานเหรอ? ไม่เข้าไปอยู่ในเมืองเหรอ?" ฝน: "จะอยากรู้ไปทำไม? เรื่องของคนอื่น" "แล้วก็เรื่องของตัวเองอ่ะ! ทำไมถึงมาอยู่แบบนี้" เอก: "ก็พี่เบื่อความวุ่นวาย เบื่อรถติด เบื่อควันพิษ เบื่อความเร่งรีบ ก็เลยอยากมาอยู่แบบนี้... ฝน: "ฝนก็เหมือนกัน แต่ก่อนฝนก็ไม่ได้อยากไปเรียนต่อในเมืองด้วยซ้ำตั้งแต่ตอนนั้น...แต่ว่า..." ฝนหยุดพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วลง ถ้าฝนไปเรียนที่นั่น ฝนก็จะมีโอกาสได้อยู่กับแม่กับพี่ฟ้ามากขึ้น ฝนเลยอยากไปเรียน...แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันลงตัวแล้ว พี่ก็มีครอบครัว ฝนก็ไปๆ มาๆ หาแม่ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นั่นตลอด ตัวฝนเองก็ไม่ได้ชอบชีวิตในเมืองเท่าไหร่..." ฝนหยุดพูดแล้วตัดบทขึ้นมาทันที: ฝน: "แล้วฝนจะเล่าให้คุณฟังทำไม! ไม่ใช่เรื่องเลย!" เอก: "พี่ขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆ ...พี่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาตลอด อยากขอโทษมาตั้งนานแล้ว"เรื่องราวอยู่ใน เกียร์รักปีนเกลียว ตอนที่17 (เลิกกันซะ!) เป็นฉากตอนที่เอกต่อว่าฝนเรื่องแม่สอนแต่ไม่จำ ฝน: "ขอโทษเรื่องอะไร?"เอก: "ก็เรื่องที่พี่เคยพูดในตอนนั้นที่ทำให้ฝนเสียใจ พี่ไม่รู้จริงๆ ว่าฝนไม่ได้อยู่กับแม่กับพี่สาว พี่เลยพูดไปแบบนั้น พี่ไม่ได้ตั้งใจจะว่าฝน พี่ขอโทษนะ"
ฝนอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาว่า ฝน: "เรื่องผ่านมาเป็นชาติแล้ว ฝนลืมไปหมดแล้ว ไม่เคยเก็บมาใส่ใจหรอก เรื่องที่คุณเคยว่าฝนไม่เหมือนพี่สาว...ก็จริงแหละ ฝนมันไม่มีความอ่อนโยน แข็งกระด้าง แม่สอนแล้วก็ไม่จำ มันก็คงถูกแล้วแหละที่คุณพูดมาแบบนั้น" คำพูดของฝนทำให้เอกรู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้งกับคำพูดเมื่อปีที่แล้วตอนที่เจอกันครั้งที่สอง เอก: "ไหนบอกว่าไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่ดูเหมือนคำพูดครั้งนั้นของพี่จะทำให้ฝนรู้สึกแย่กับพี่มากเลยนะ พี่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้จริงๆ หลายครั้งอยากจะขอโทษ แต่ก็ไม่มีโอกาส...ตอนนี้มีโอกาสแล้ว พี่ขอโทษฝนจากใจนะ พี่ขอโทษจริงๆ ที่พี่ว่าฝนไปแบบนั้น เพราะพี่ไม่รู้ว่าฝนต้องใช้ชีวิตอยู่กับพ่อก็เลยมีความห้าวเกินผู้หญิง" ฝน: "พอเลย! พอ! พี่จะขอโทษหรือจะซ้ำเติม!" เอกเงียบและเข็นรถต่อไปจนถึงบ้านพัก พอถึงบ้านที่เอกเช่าอยู่ ฝนก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างลนลาน ฝน: "ปวดฉี่จะตายอยู่แล้ว!" เธอวิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว โดยลืมไปว่าบ้านหลังนี้ได้ปล่อยให้คนอื่นเช่าไปแล้ว เอกมองตามด้วยรอยยิ้ม เขาวางของแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ขณะที่ฝนเดินออกมาจากห้องน้ำก็เพิ่งนึกขึ้นได้ฝน: "ฝนลืมตัวไป ขอโทษทีนะที่วิ่งเข้าวิ่งออก...งั้นฝนกลับแล้วนะ ถ้าขาดเหลืออะไรก็ไม่ต้องมาบอกฝนหรอก ช่วยเหลือตัวเองแล้วกัน"
ฝนเดินออกไปถึงหน้าบ้าน เอกจึงตะโกนถาม เอก: "แล้วจะกลับยังไง? รถเสียไม่ใช่เหรอ" ฝนยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินไปดูมอเตอร์ไซค์ เปิดเบาะรถดูก่อนจะพบว่า... ฝน: "ว่าแล้วไง! น้ำมันหมด! ไม่ได้เสียสักหน่อย" เอก: "อ้าว แล้วทำไมน้ำมันหมดไม่ดูตรงเกจ์? ทำไมถึงไม่รู้ว่าน้ำมันหมด?" ฝนหันมาเท้าสะเอวด้วยความหงุดหงิด ฝน: "คุณเอกคะ! กรุณาดูสภาพรถดิฉันด้วยค่ะ มันจะมีเกจ์ที่ไหนให้ดูคะ! ดูด้วยค่ะ! สติค่ะ สมองค่ะ ใช้วิจารณญาณหน่อยค่ะ" เอกทำหน้าเขินๆ แล้วพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม: เอก: "อ๋อ...ลืมไปว่ารถรุ่น Limited ไม่มีผลิตแล้ว...งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านนะ" ฝน: "ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปส่งหรอก เดินกลับก็ได้ เดินไปเรื่อยๆ แล้วก็ถึงเอง" เอก: "มันมืดแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง" ฝน: "ไม่เป็นไร ไม่งั้นเดี๋ยวฝนจะโทรบอกพ่อให้มารับเอง" เอก: "เดี๋ยวพี่ไปส่งจริงๆ พอดีจะเอาเอกสารสัญญาเช่าไปให้พ่อของฝนอยู่แล้ว" ฝน: "งั้นก็ได้...ที่ลำบากก็เพราะคุณนั่นแหละ ถ้าคุณไม่ให้ฝนพาไปซื้อของ น้ำมันรถฝนก็ไม่หมด...พรุ่งนี้ซื้อมาคืนด้วยนะ...ว่าแล้วก็โอนเงินคืนมาด้วย!" เอก: "ได้ครับ! เลขบัญชีอะไร" ฝนหยิบมือถือขึ้นมาเตรียมจะบอก แต่เอกก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน: เอก: "งั้นขอเป็นไลน์แล้วกัน เวลาโอนแล้วจะได้ส่งสลิปให้" ฝนมองหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมให้ ID LINE ไป เอก: "งั้นส่งเลขบัญชีมาทางไลน์นะ" ฝนส่งเลขบัญชีให้เอกทางไลน์ แล้วก็มียอดเงินโอนเข้ามาทันที ฝน: "อ้าว! ทำไมโอนมาเยอะจัง? ซื้อของยังไม่ถึงขนาดนี้เลย" เอก: "ก็ค่าบริการไง อุตส่าห์ใจดีพาพี่ไป...เอาไว้กินขนม" ฝน: "ฝนไม่ใช่เด็กนะ ไม่ต้องมาให้ค่าขนม" เอก: "ก็ค่าน้ำมันไง...ก็น้ำมันรถหมดไม่ใช่เหรอ" ฝน: "เออ...ก็จริงด้วย" ทั้งคู่เดินไปที่รถเอกเพื่อไปส่งฝนและทำธุระของเอกขณะฝนที่นั่งอยู่ในรถฝนมองไปรอบๆ แล้วถามขึ้นว่า ฝน: "รถคันนี้สาวๆ นั่งบ่อยไหม?" เอกถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง ฝน: "แหม! ถามเรื่องนี้แล้วตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ? ไม่ถามก็ได้ เรื่องส่วนตัวของลูกบ้านที่มาเช่าบ้าน" แล้วในช่วงพลบค่ำวันนั้นทั้งคู่ขับรถมุ่งหน้าไปบ้านฝนบ้านหลังใหญ่ บรรยากาศอบอุ่นแต่ก็มีความอึดอัดบางอย่างซ่อนอยู่ "ไปไงมาไงถึงมาด้วยกันได้ " นพพลเอ่ยถามลูกสาวอย่าง ฝน เอก รีบตอบแทรกขึ้นมาว่าเขานำเอกสารมาให้และถือโอกาสมาส่งฝนที่บ้านเนื่องจากน้ำมันรถหมด แม้จะดูเหมือนเรื่องบังเอิญแต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่ปกติขณะที่นพพลกำลังโล่งใจ เพราะกลัวว่าฝนจะไปหาเรื่อองเอก เสียงเรียกของ แวว ภรรยาของเขาก็ดังขึ้น
"คุณคะ มาทานข้าวค่ะ อาหารตั้งโต๊าะแล้ว" แววเป็นแม่เลี้ยงของฝน เธอไม่เคยเกลียดฝนแม้จะรู้เรื่องราวในอดีตทั้งหมด แต่ความรักที่ให้ก็คงไม่เท่ากับลูกสาวแท้ ๆ อย่าง ทิพย์ ที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ นพพลได้เอ่ยชวนให้เอกมาทานข้าวด้วยกัน เมื่อทุกคนเข้ามาในบ้าน เรื่องราวที่ซับซ้อนยิ่งกว่าก็เริ่มต้นขึ้นบนโต๊ะอาหาร เอก พยายามทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของครอบครัวฝนในขณะที่เขาเองก็กำลังอึดอัดกับความลับที่เขากับฝนมีร่วมกัน (เอกคืออดีตคนรักฟ้าพี่สาวของฝน) เอกรู้ว่าพี่สาวของฝนคือ ฟ้า ซึ่งเป็นอดีตคนรักของเขา และฟ้าก็อยู่กับแม่ (นวล) ในขณะที่ฝนมาอยู่กับพ่อ (นพพล) ความสัมพันธ์ที่ดูยุ่งเหยิงอยู่แล้วกลับซับซ้อนยิ่งขึ้นเมื่อเอกได้รู้ว่าพ่อของฝน (นพพล) มีครอบครัวอยู่แล้วก่อนที่จะไปมีลูกกับ (นวล) แม่ของฝนและฟ้า และสุดท้ายก็กลับมาหาภรรยาคนแรก นั่นคือแวว ความสัมพันธ์ที่เหมือนวงกตนี้ทำให้เอกอึดอัดและวางตัวไม่ถูก เพราะนพพลกับแววไม่รู้ว่าเขาคืออดีตคนรักของฟ้า หลังจากทานอาหารเสร็จ เอกขอตัวกลับบ้าน นพพลเดินออกมาส่งพร้อมกับทิ้งท้ายอย่างเป็นกันเองว่า "อย่าลืมจัดการให้ด้วยนะ ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกัน" คำพูดนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนพพลกับเอกดูใกล้ชิดขึ้นกว่าที่คิด ขณะที่เอกขับรถออกไป ฝนที่แอบมองอยู่รีบวิ่งเข้าไปหาพ่อเพื่อถามว่าทั้งสองคุยอะไรกัน พ่อกลับตอบเพียงสั้น ๆ ว่า "ไม่มีอะไรหรอก" และเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ฝนยืนงุนงงกับคำตอบและเรื่องราวที่ยังคงเป็นปริศนา นพพลฝากให้เอกจัดการคืออะไรกันนะ...นพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







