LOGINเมื่อกลับมาถึงไร่ก็พอดีกับสินธร พ่อของพิชานันท์กลับจากทำงานในไร่ แม้เรื่องดักฉุดจะผ่านมาสองสามวันแล้ว แต่สินธรยังอดห่วงไม่ได้จริงๆ จึงเรียกสองสาวไปถามไถ่
“ไปเที่ยวกันมาสนุกไหมลูก ไม่มีใครมาวุ่นวายด้วยอีกนะ”
“ไม่มีเลยค่ะ” พิชานันท์ส่ายหน้าบอกทันที “พวกมันไม่ทำเรื่องเดิมๆ หรอก น่าจะคิดได้ ว่าถ้ามีอะไรขึ้นกับพวกเรา ตัวเองจะถูกสงสัยเป็นคนแรก”
“ไม่มีเรื่องอะไรก็ดีแล้ว อีกไม่กี่วันพ่อต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ ไม่รู้พวกมันจะฉวยโอกาสมาเล่นงานเราตอนนั้นไหม ถ้าไม่ใช่งานสำคัญจริงๆ พ่อคงเลื่อนออกไปแล้ว” พ่อเลี้ยงวัยกลางคนพูดอย่างกังวล แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้ ไม่ง่ายเลยที่จะนัดเจรจากับคู่ค้าคนนี้ ถ้าเจรจาตกลงร่วมงานกันได้ ไร่รุ่งรวินท์จะได้ทั้งกำไรและช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้น เขาเลยเลื่อนนัดออกไปไม่ได้จริงๆ
พิชานันท์ไม่อยากทำให้บิดาเป็นห่วง รีบบอกด้วยสีหน้าขึงขังเลยทีเดียว “พ่อไม่ต้องห่วง ขิงรับรองว่าช่วงที่พ่อไม่อยู่ ขิงจะไม่ดื้อไม่ซนเลย”
“ให้มันจริงเถอะ เราน่ะตัวดี!” สินธรว่าอย่างรู้นิสัยกันดี “พ่อไปตั้งหลายวัน ไม่มีคนคุมแบบนี้ จะก่อเรื่องอะไรบ้างก็ไม่รู้”
“โธ่! ขิงไม่ก่อเรื่องหรอกน่า”
“สัญญากับพ่อก่อนว่าจะไม่ออกจากไร่ จนกว่าพ่อจะกลับมา”
พิชานันท์รู้ว่าบิดากังวลว่าใครจะมาทำอะไรพวกเธออีก จึงรับปากอย่างแข็งขัน “สัญญาเลยค่ะ จนกว่าพ่อจะกลับมา ขิงจะไม่ออกจากไร่แม้แต่ก้าวเดียว!”
“ดีมาก” สินธรลูบผมลูกสาวด้วยความเอ็นดู ก่อนหันไปเอ่ยกับชญานิน “หนูนินช่วยขิงหอมรักษาสัญญาด้วยนะ ถึงวันนี้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่เราก็ยังวางใจไม่ได้หรอก ตราบใดที่พวกมันยังต้องการที่ดินของเรา พวกมันต้องหาทางทำอะไรอีกแน่ ไม่รู้ว่าพวกมันจะมาไม้ไหนอีก เราต้องป้องกันตัวเองไว้ให้ดี”
ชญานินเห็นด้วยกับสินธรในเรื่องทำอะไรต้องยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อน จึงยิ้มน้อยๆ บอกกับเขา “ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ช่วงที่พ่อสินไม่อยู่ เราจะเที่ยวเล่นอยู่ในไร่นี่ละ เอาไว้พ่อสินกลับมา ค่อยไปเที่ยวข้างนอกก็ได้”
“ใช่ๆ ขิงพานินเที่ยวในไร่นี่ละ ดีเหมือนกัน ไม่ต้องออกไปไหน”
“ดูแลเพื่อนให้ดี อย่าซน” คนเป็นพ่อขัดคอ
“โธ่! พ่อก็...”
ชญานินอมยิ้มมอง เห็นขัดกันแบบนี้ แต่ทั้งสองก็รักกันมาก ด้วยเหลือกันอยู่สองคน มารดาของพิชานันท์นั้นเสียไปตั้งนานแล้ว
ด้านสินธรเห็นลูกสาวทำหน้างอนก็หัวเราะบอก “โอเคๆ ตกลงตามนี้นะ เราไปดูทางนั้นกันดีกว่า นวลคงตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว”
“แหม รู้เวลาเลยนะ น้านวลจะทำอะไร พ่อรู้ไปทุกอย่าง มีอะไรอยู่ในกอไผ่น้า” คนแอบรู้ความลับของบิดาทำหน้าทำตาล้อเลียนเสียงใส
“เดี๋ยวเถอะ! มาแซวพ่อ”
“ฮิฮิ ไม่ต้องกลัวว่าขิงจะกีดกันน่า คนนี้ขิงให้ผ่าน” พิชานันท์บอกพลางขยับเข้าไปกอดแขนบิดาอย่างแสนรัก ถ้าท่านอยากมีแม่เลี้ยงให้ เธอก็ยินดี และจะยินดีมากๆ ถ้าคนนั้นจะเป็นนิ่มนวล แม่บ้านใหญ่ที่ดูแลเธอมาตั้งแต่ที่มารดาจากไปเมื่อหลายสิบปีก่อน
สินธรนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงค่อย “ก็ค่อยๆ ดูกันไป” เขายอมรับว่าพึงใจนิ่มนวลอยู่ แต่ยังยั้งๆ ไว้ ไม่แสดงออก เพราะเกรงลูกสาวจะไม่พอใจ ในเมื่อลูกสาวเปิดทางให้แล้ว ต่อไปเขาก็จะไม่ยั้งละนะ!
หลายวันต่อมา
เช้านี้สินธรเดินทางไปเจรจางานที่ต่างประเทศแล้ว
พิชานันท์ออกมายืนส่งบิดาขึ้นรถออกจากไร่อย่างมีความสุข ในหัวเต็มไปด้วยความคิดจะทำอะไรเมื่อไม่มีคนคุม เธอเริ่มจากพาชญานินไปขี่ม้าเล่นในไร่ตอนบ่าย
จริงๆ แล้วกิจกรรมนี้พวกเธอชวนกันไว้ตั้งแต่หลายวันก่อน แต่พอดีสองสามวันที่ผ่านมามีฝนพรำลงมาตลอด พวกเธอเลยกินๆ นอนๆ เล่นกันอยู่แต่ในบ้านสมใจเจ้าของไร่ กระทั่งวันนี้อะไรก็เป็นใจ สินธรไม่อยู่ ฝนไม่มี แดดร่มลมตก ฟ้าสว่างสดใส พวกเธอเลยพากันออกมาขี่ม้าเล่นสมใจอยาก
การขี่ม้าเป็นกิจกรรมที่พิชานันท์ชื่นชอบมาก พูดกับชญานินอยู่เสมอๆ ว่าถ้ามีโอกาสจะพาขี่ม้าเล่นในทุ่งท้ายไร่ พอฟังบ่อยๆ ชญานินก็เริ่มสนใจมากขึ้น ไปๆ มาๆ ก็ไปเรียนขี่ม้าเล่นเป็นงานอดิเรก แต่นั่นก็อยู่ในสนามกลางเมือง วันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ขี่ม้าในทุ่งหญ้ากว้างในไร่ใหญ่แบบนี้
พอไปถึงคอกม้าก็เห็นคนงานจูงม้าสองตัวออกมารออยู่แล้ว ม้าตัวหนึ่งสีน้ำตาลอ่อน ตัวหนึ่งสีขาว พิชานันท์ในชุดขี่ม้าสีครีมเดินไปหาม้าตัวสีน้ำตาลอ่อนที่ร้องเสียงดังทันทีที่เห็นเธอลงจากรถ ร่างเล็กเข้าไปกอดลูบพุงของมันแรงๆ อย่างเอ็นดูอยู่หลายที มันก็ใช้จมูกดุนตัวเธอกลับ ทั้งน่าเอ็นดูและน่าโมโหพอๆ กัน
“นี่คือเจ้าลาเต้ที่ขิงพูดถึงบ่อยๆ ไง” เธอหันไปบอกชญานิน “ดูสิ มันน่ารักอย่างที่ขิงบอกมะ”
“อืม มันน่ารักมาก” ชญานินพยักหน้ารับยิ้มๆ ขณะพาร่างระหงที่สวมชุดขี่ม้าสีน้ำเงินเข้มเดินไปหาม้าตัวสีขาวที่ดูเชื่องกว่า เพราะมันนิ่งอยู่ตลอด คนงานที่เฝ้ามันอยู่บอกให้เธอหยุดในระยะปลอดภัย ค่อยๆ ยื่นมือให้มัน เจ้าม้าอ้วนพีกลับพ่นลมออกจมูกเสียงดัง สะบัดหน้าเมินหนีไปอีกทาง ไม่สนใจกันเลย หญิงสาวหัวเราะเบาๆ พูดกับมัน “หยิ่งจังเลย ขอรู้จักหน่อยน่า”
“โซดามันหยิ่งจะตาย” พิชานันท์ย่นจมูกใส่เจ้าม้าแสนหยิ่ง “แต่มันติดลาเต้มาก ต้องออกไปวิ่งด้วยกันตลอด ถ้ามันไม่ยอมให้นินขี่ ขิงจะให้พี่เขาไปเอาตัวอื่นมา”
“ไม่ต้องหรอก นินชอบโซดา มันสวยมาก” ชญานินบอกโดยที่ยังยื่นมือรออยู่อย่างนั้น ไม่รู้เจ้าโซดามันแสนรู้ ฟังรู้เรื่องว่าจะถูกเปลี่ยนตัวหรือไร ถึงค่อยๆ หันมา สักพักก็ยื่นจมูกมาแตะมือเธอเบาๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้เธอยิ้มกว้างออกมาแล้ว “เด็กดีๆ น่ารักจังเลย”
“เดี๋ยวครับ...”
พอเห็นเธอจะก้าวเข้าไปใกล้อีก คนงานเลี้ยงม้าก็รีบบอกให้รอนิ่งๆ ก่อน จนเจ้าโซดาก้าวเท้าเข้ามาให้ลูบทำความคุ้นเคยเอง จึงให้เธอลูบตัวมันได้ พิชานันท์เห็นแล้วถึงกับอึ้ง
“นี่มันเล่นกับนินด้วยเหรอ”
ร้อยวันพันปีเจ้าม้านี่ไม่ให้ใครลูบอย่างว่าง่ายแบบนี้เลยนะ!
ชญานินหัวเราะเบาๆ เมื่อถูกเจ้าโซดาเอาหัวดุนจนเซ “นินว่ามันอยากออกไปวิ่งเล่นในทุ่งกับนินเร็วๆ แล้วนะ”
“แน่ใจนะว่าเอาอยู่”
“นินว่ามันชอบนินนะ น่าจะเอาอยู่ ลองดูก่อนแล้วกัน”
“อืม เอางั้นก็ได้”
ว่าแล้วพิชานันท์ก็พยักหน้าให้คนงานช่วยพาชญานินขึ้นนั่งบนหลังเจ้าโซดา จูงมันออกไปลองเดินเหยาะๆ จนเห็นว่าชญานินเอาม้าอยู่ ไม่ถูกสลัดทิ้ง จึงให้พี่เลี้ยงถอยออก บอกเพื่อนลองขี่ม้าเอง
เมื่อกลับมาถึงไร่ก็พอดีกับสินธร พ่อของพิชานันท์กลับจากทำงานในไร่ แม้เรื่องดักฉุดจะผ่านมาสองสามวันแล้ว แต่สินธรยังอดห่วงไม่ได้จริงๆ จึงเรียกสองสาวไปถามไถ่“ไปเที่ยวกันมาสนุกไหมลูก ไม่มีใครมาวุ่นวายด้วยอีกนะ”“ไม่มีเลยค่ะ” พิชานันท์ส่ายหน้าบอกทันที “พวกมันไม่ทำเรื่องเดิมๆ หรอก น่าจะคิดได้ ว่าถ้ามีอะไรขึ้นกับพวกเรา ตัวเองจะถูกสงสัยเป็นคนแรก”“ไม่มีเรื่องอะไรก็ดีแล้ว อีกไม่กี่วันพ่อต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ ไม่รู้พวกมันจะฉวยโอกาสมาเล่นงานเราตอนนั้นไหม ถ้าไม่ใช่งานสำคัญจริงๆ พ่อคงเลื่อนออกไปแล้ว” พ่อเลี้ยงวัยกลางคนพูดอย่างกังวล แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้ ไม่ง่ายเลยที่จะนัดเจรจากับคู่ค้าคนนี้ ถ้าเจรจาตกลงร่วมงานกันได้ ไร่รุ่งรวินท์จะได้ทั้งกำไรและช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้น เขาเลยเลื่อนนัดออกไปไม่ได้จริงๆพิชานันท์ไม่อยากทำให้บิดาเป็นห่วง รีบบอกด้วยสีหน้าขึงขังเลยทีเดียว “พ่อไม่ต้องห่วง ขิงรับรองว่าช่วงที่พ่อไม่อยู่ ขิงจะไม่ดื้อไม่ซนเลย”“ให้มันจริงเถอะ เราน่ะตัวดี!” สินธรว่าอย่างรู้นิสัยกันดี “พ่อไปตั้งหลายวัน ไม่มีคนคุมแบบนี้ จะก่อเรื่องอะไรบ้างก็ไม่รู้”“โธ่! ขิงไม่ก่อเรื่องหรอกน่า”“สัญญากับพ่อก่อนว
เวลาดึกสงัดคืนนั้นณ เพิงเล็กๆ บนต้นไม้ในป่าท้ายไร่เศรษฐกรเตชทัตพาพวกตนุภัทรมาถึงไม่นาน เสียงผิวปากก็ดังมาจากข้างล่างสองครั้ง นี่เป็นสัญญานที่คนของเขาต้องส่งให้ก่อนจะขึ้นมา พอเขาผิวปากยาวๆ ตอบกลับไป ชายสี่คนก็ไต่บันไดขึ้นมาทันที ที่เพิงนี้ไม่มีไฟสว่าง อาศัยแสงจันทร์พอมองเห็นกันรางๆ คนมาใหม่หน้าตาดูธรรมดามาก แต่ฝีมือไม่ธรรมดาเลย รับหน้าที่จับตาดูเสี่ยวงศกรมาสักพักแล้วเมื่อมากันครบแล้ว เตชทัตจึงถามเข้าเรื่องอย่างไม่เสียเวลา “มีข่าวอะไรหรือเปล่า ช่วงนี้พวกมันเคลื่อนไหวบ้างไหม”หนึ่งในสี่คนนั้นตอบทันที “ไม่มีเลยครับ เหมือนทางนั้นจะระวังตัวมากขึ้น อาจเริ่มสงสัยอะไร หรือไม่ก็กำลังจะทำงานใหญ่”“อย่าประมาท จับตาดูไว้ให้ดี มันนิ่งมานานแล้ว คงจะเคลื่อนไหวเร็วๆ นี้แน่นอน” เขาสั่งกำชับ พอนึกถึงเรื่องในวันนี้จึงเสริมไปอีก “บางทีมันอาจจะยุ่งเรื่องที่ดินท้ายไร่รุ่งรวินท์ บ่ายนี้เกิดเรื่องไม่ค่อยดีกับคนของไร่นั้นด้วย”คนบางคนได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับคนของไร่รุ่งรวินท์ก็มุ่นคิ้วถามทันที“เกิดเรื่องไม่ดีกับคนของไร่รุ่งรวินท์? เรื่องอะไรวะ”เตชทัตปรายตามองน้องชายแวบหนึ่ง ก่อนบอก “ขิงหอมเกือบโดนวายุฉุ
‘ไร่เศรษฐกร’ เป็นไร่ชาเก่าแก่ของจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่บนเขาที่มีความสูงกว่า 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล พื้นที่ในไร่ส่วนใหญ่ปลูกต้นชาเป็นทิวแถว อีกส่วนหนึ่งยังมีสภาพเป็นป่าเขาเหมือนเดิม ด้วยมีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ชาของไร่นี้จึงมีคุณภาพดีมาก เป็นที่นิยมของผู้ชื่นชอบชาทั่วโลก ภายใต้แบรนด์ ‘ชาเศรษฐกร’ หรือที่คนเก่าแก่ละแวกนี้เรียกกันว่า ‘ชาเศรษฐี’ นั่นละปัจจุบันไร่เศรษฐกรคือผู้ผลิตชาที่ดีที่สุดของเมืองไทย แต่ละปีทำยอดสั่งซื้อทั้งในและนอกประเทศได้หลายสิบล้านบาท โดยการบริหารจัดการของพ่อเลี้ยงเตชทัต เศรษฐกร ชายหนุ่มหน้าเข้มวัย 32 ปีหลังก้าวขึ้นมารับตำแหน่งแทนบิดาอย่างเต็มตัว เตชทัตได้บุกเบิกการทำไร่ชาแบบดั้งเดิมที่สืบทอดกันมา ขยายพื้นที่นำชาสายพันธุ์ดีๆ มาลงปลูก แปรรูปส่งออกไปตีตลาดชาฝรั่ง สร้างชื่อเสียงและเม็ดเงินมาสู่ไร่แบบทวีคูณ เมื่อขยายตลาดชาประสบความสำเร็จแล้ว เขายังหันมาสนใจเรื่องการทำไร่หมุนเวียน แบ่งที่ดินส่วนหนึ่งทำเกษตรผสมผสาน ปลูกพืชผัก ผลไม้ และไม้ดอกเมืองหนาวหมุนเวียนไปตามฤดูกาล แบ่งเอาผลผลิตส่วนหนึ่งมาใช้บริโภคภายในไร่เอง อีกส่วนส่งออกไปขาย สร้างรายได้อีกทาง ทุกวันน
เจอกระสุนเฉียดหูไป วายุรู้เลยว่าอยู่ต่อก็ไม่ได้อะไร เขาจึงถลึงตาตวาดบอกคนยิงใส่ว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ!” แล้วหมุนตัวเดินกลับมาขึ้นรถทันที ฝ่ายลูกน้องรีบพยุงกันเดินตาม แต่เดินยังไม่ถึงรถ เสียงเย็นชาก็ดังไล่หลังมา“อย่าฝากไว้นานนะ เดี๋ยวจะขึ้นสนิม”“...!”คล้อยหลังพวกวายุจากไป ชญานินพลันได้สติ รีบสะบัดตัวหนีออกจากอ้อมกอดของคนหน้าเข้มที่แล่นออกไปให้แน่ใจว่าจะไม่ย้อนมาอีก เขาก้มมองเธอเล็กน้อย ก่อนคลายแขนออกให้“ไม่อยากจะจับนักหรอก”ชญานินแค่นยิ้มลูบแขนตัวเองป้อยๆไม่อยากจับ?แต่จับซะแขนเธอเป็นจ้ำเลยนะ!ท่าทางของเธอทำให้พิชานันท์เข้ามาถามเสียงร้อนรน “เจ็บเหรอ!”“นิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”พิชานันท์ยังคงกวาดตามองจนแน่ใจว่าเพื่อนไม่เป็นไรจริงๆ จึงหันไปพูดกับคนมาช่วยพวกตนเอาไว้ “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ถ้าพ่อเลี้ยงไม่ได้ผ่านมาช่วยไว้ พวกเราคงแย่แน่ๆ เลย”ชายหนุ่มพยักหน้าบอก “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”“เกือบเหมือนกันค่ะ” เธอยิ้มแห้ง ก่อนจะหันมาแนะนำให้เพื่อนรู้ว่าเขาเป็นใคร “นินสงสัยแย่แล้วใช่ไหม นี่คือพ่อเลี้ยงเตชทัต เจ้าของไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดของไทยเลยนะ” ว่าแล้วก็หันไปเอ่ยกับพ่อเลี้ยงหนุ่ม “นี่เพื่อนของขิงเองค่
จากตรงนี้ไปหาไร่รุ่งรวินท์ห่างกันไม่ไกล ถ้าขอความช่วยเหลือจากคนที่ไร่ น่าจะทันอยู่ พิชานันท์จำได้ว่าพ่อไปติดต่องานในเมือง แต่ยังมีหัวหน้าคนงานอยู่ติดไร่เสมอ เธอจึงกดมือถือโทรหาอีกฝ่ายทันที พอเขารับสายก็รัวบอกเลย “น้าชาติรีบออกมาหาขิงด่วนเลยค่ะ ตอนนี้ขิงอยู่ก่อนถึงไร่เราไม่มาก วายุมันพาคนมาดักรออยู่ ไม่รู้คิดจะทำอะไร รีบออกมาเลยค่ะ!”(“อะไรนะครับ! คุณหนูไม่ต้องห่วง ผมจะรีบพาคนไปเดี๋ยวนี้!!”)“เร็วๆ นะคะ” บอกแค่นั้นแล้วพิชานันท์ก็วางสายทันที หันมาพูดกับชญานินด้วยความไม่แน่ใจ “อีกเดี๋ยวคนที่ไร่จะมารับ เราต้องยื้อเวลาไว้ จะไหวไหมเนี่ย”ไหวหรือเปล่าไม่รู้ แต่พอวายุเดินนำลูกน้องมาหา และส่งนักเลงคนนั้นมาบอกให้พวกเธอลงจากรถได้แล้ว พวกเธอก็ทำได้สูดหายใจเข้าลึกๆ สบตาให้กำลังใจกันแวบหนึ่ง ก่อนจะลงจากรถแบบนิ่งๆการออกมาเผชิญหน้ากับผู้ชายตัวใหญ่สี่ห้าคนกลางถนนโล่งๆ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดี แต่อยู่ในรถก็ไม่ดีเช่นกัน ถ้าพวกมันเข้ามาทุบหรือขับรถชน แล้วลากไปทั้งรถทั้งคนก็น่ากลัวเหมือนกัน ฉะนั้นลงมาคุยถ่วงเวลารอคนมาช่วยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ เกิดอะไรขึ้นยังวิ่งหนีได้...จะหนีรอดหรือเปล่าก็อีก
“หมายความว่าไง ลาพักร้อนอย่างนั้นเหรอ!” เสียงลูกชายคนโตของบ้านกฤตพัฒน์ดังลั่น เมื่อได้ฟังน้องสาวคนเดียวบอกว่าต้องการลาไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่เชียงราย“พี่วินจะตะโกนเสียงดังทำไมคะ” ชญานินมองค้อนขวับใส่พี่ชายด้วยใบหน้าแสนงอน แค่เธอจะลาไปเที่ยวนี่มันเรื่องใหญ่ขนาดต้องตะโกนลั่นบ้านเลยหรือไงเมวินขึงตาบอก “ไม่ให้ลา!”“นินจะลา”“ชญานิน”“เอาน่า วินจะอะไรกับน้องนักหนา ปล่อยน้องไปบ้าง” คุณชลวิภาที่นั่งมองอยู่เอ่ยขัดด้วยสีหน้าอ่อนใจ ทำให้คุณอิทธิราชพยักหน้าว่าตามทันที“นั่นน่ะสิ แกก็ปล่อยๆ น้องไปบ้างเถอะ”เมวินทำตาโตมองพ่อ “แต่น้องจะไปเที่ยวถึงเชียงรายเลยนะครับ ไปคนเดียวด้วย จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไง น้องเป็นผู้หญิงนะครับพ่อ!”“พ่อก็ห่วงน่า”“แม่ก็ห่วง แต่เราต้องให้น้องได้ลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองบ้าง จะไปกำหนดชีวิตน้องไม่ได้นะลูก น้องมีชีวิตของน้อง วินเข้าใจที่แม่พูดหรือเปล่า” คุณชลวิภาไม่รู้ว่าทำไมลูกชายถึงหวงน้องหนักแบบนี้ หวงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย จนตอนนี้ชญานินโตเป็นสาวแล้วก็ยังหวง น้องสาวเลยโสดสนิท ทั้งที่หน้าตาฐานะก็ออกจะเพรียบพร้อม“...” พอไม่มีใครเข้าข้าง เมวินก็ได้แต่ทำหน้าบูด ไม่พูดไม่จาชญานิน







