LOGINการนั่งอยู่บนหลังม้าที่วิ่งห้อเพราะตื่นเสียงปืนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ชญานินกับพิชานันท์กลัวจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กอดคอม้าไว้แน่นๆ จนม้าของพิชานันท์วิ่งขึ้นเขา ส่วนม้าของชญานินวิ่งเรียบตีนเขาที่เป็นป่าโปร่ง เตลิดหนีกันไปคนละทาง พวกเธอทั้งตะโกนทั้งมองตามกันอย่างขวัญเสีย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้สถานการณ์นี้ยังไง
หลังแยกกันได้ไม่นาน พิชานันท์หมดแรงกอดม้าที่มุ่งแต่จะขึ้นไปบนเขา ทำเธอเกือบร่วงอยู่หลายครั้ง เธอตัดใจลงจากม้ากลางป่า ปล่อยให้มันเตลิดหนีไปตัวเดียว แล้ววิ่งหนีเอาเอง เธอวิ่งโดยไม่รู้ทิศทาง วิ่งโดยไม่รู้สึกว่าแขนขาโดนกิ่งไม้เกี่ยวจนได้เลือด สมองสั่งให้หนีไป ก่อนพวกมันจะตามมา
ปัง!
“กรี๊ดดดดดดด!” พิชานันท์ยกมือปิดหูวิ่งหนีลูกปืนพลางกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว
“มันอยู่ตรงนั้น!”
“อย่าหนีนะ!”
เสียงพวกมันตะโกนตามมาไม่ห่าง เธอกัดฟันวิ่งให้เร็วๆ ยังไงวันนี้ก็ต้องหนีให้ได้!
พิชานันท์ไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งมาได้ไกลเท่าไรและวิ่งมาที่ไหน เงยหน้ามองอีกที เธอก็เห็นทางข้างหน้ากลายเป็นหน้าผาโล่งๆ แล้ว
หัวใจดวงน้อยดิ่งวูบลงไปตรงนั้นทันใด
ถ้าวิ่งต่อเธอต้องพุ่งตกหน้าผาแน่!
ทว่าให้หยุดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว
ดวงตากลมโตปิดแน่นทันทีที่ขาก้าวพรวดออกไปสู่ความเวิ้งว้าง
“กรี๊ดดดดดดดดด!!!”
“เฮ้ย!”
ชายสามคนที่วิ่งตามมาใกล้ๆ เบรกตัวเกือบไม่ทัน เมื่อเห็นผู้หญิงตัวเล็กนั่นร่วงตกหน้าผาไปต่อหน้าต่อตา เสียงกรีดร้องของเธอยังดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ
“อูย! เกือบไปแล้วกู!”
หลังเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นตามๆ กันก็มีคนคลานไปชะโงกดู เห็นแต่ต้นไม้สูงใหญ่เต็มไปหมด ไม่มีร่องรอยของคนตกลงไป เขาก็มาบอกพวกตนอย่างหวาดๆ
“ไม่น่ารอดว่ะ”
“หน้าผาสูงขนาดนี้คงรอดหรอก!”
คนนำทีมมาลุกเดินไปชะโงกดูบ้าง เมื่อไม่เห็นอะไรนอกจากต้นไม้จริงๆ ก็แค่นยิ้มสั่งให้ลูกน้องส่งข่าวบอกพวกสมยศที่ตามผู้หญิงอีกคนไป
ทางด้านชญานินเป็นป่าโปร่งกว่าบนเขาก็จริง แต่รกและชันจนม้าไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้ไกลเลย ไม่นานมันก็กดความเร็วลง เป็นผลให้ระยะห่างจากพวกที่ตามมาน้อยลงไปด้วย พวกมันตามมาใกล้จนลั่นกระสุนเฉี่ยวสะโพกเจ้าโซดาไป
ปัง!
“ฮี่!”
กระสุนนัดนี้ทำให้ม้าแสนรู้ตกใจจนถกขาหลังขึ้นสูง และชญานินไม่โชคดีอีกแล้ว เธอเสียหลักร่วงลงมาทันที พอไม่มีคนบนหลัง ม้าสีขาวก็วิ่งหนีสะเปะสะปะเข้าป่าไปเลย ชญานินไม่มีเวลาสนใจม้าและไม่มีเวลาสนใจข้อเท้าที่เจ็บแปลบขึ้นมาด้วย เสียงเดินสวบสาบที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ บอกให้รู้ว่าพวกมันตามมาใกล้ขึ้นทุกทีแล้ว เธอได้แต่ฝืนวิ่งหนีต่อทั้งที่เจ็บขาอยู่
การหนีหัวซุกหัวซุนมันเป็นแบบนี้นี่เอง!
หญิงสาวกัดฟันทนเจ็บ พยายามหนีให้รอด แต่ความไม่พร้อมของร่างกายบวกกับสถานที่อย่างป่ารกๆ เป็นอุปสรรคในการหนีเหลือเกิน ในที่สุดเธอก็ไปต่อไม่ไหว สะดุดรากต้นไม้จนร่างสมส่วนในชุดขี่ม้าถลาไปหาพงหญ้าข้างหน้าอย่างทรงตัวไม่อยู่ ถัดจากตรงนั้นดันเป็นที่ลาดต่ำ ไม่ทันตั้งตัวเธอก็กลิ้งหลุนๆ ลงไปข้างล่างแล้ว
“...!!”
เธอตกใจจนร้องไม่ออก ได้แต่เก็บคอและงอเข่าปกป้องตัวเองเท่าที่จะทำได้ สำนึกสุดท้ายคือหัวกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย...
พวกไล่ตามมาเห็นร่างบางหายไปดื้อๆ ก็ชะงัก
“เฮ้ย! มันหายไปไหนแล้วพี่ เมื่อกี้ยังเห็นหลังอยู่ไวๆ เลยนี่”
สมยศมุ่นคิ้วมองไปรอบๆ “รีบตามหาให้เจอ ไม่งั้นนายเอาพวกมึงตายแน่!”
“ทางนี้พี่”
ร่างกำยำรีบเดินไปหาคนเรียกทันที “เจอแล้วเหรอ มันอยู่ไหน”
“มีรอยมาถึงตรงนี้แล้วหายไป ฉันว่ามันมาทางนี้”
ทางที่ลูกน้องชี้ให้ดูคือทางจากรอยหญ้าถูกย่ำจนราบกับพื้น ก่อนจะหายไปตรงหญ้าที่ขึ้นสูง เหมาะจะซ่อนตัวพอดี แต่พอเปิดกอหญ้าออกกลับเห็นทางลาดที่มีร่องรอยของบางอย่างกลิ้งทับถากลงไป
“ฉันว่านังนั่นกลิ้งตกลงไปทางนี้แล้วแน่ๆ เลยพี่!”
“ถ้ามันตกลงไปจริงๆ คงเจ็บหนัก นี่ก็ใกล้ค่ำเต็มที อาจมีตัวอะไรมาลากไปก็ได้ เราต้องลงไปตามหาอีกไหม”
“พี่! พวกโน้นมาบอกว่าผู้หญิงอีกคนวิ่งตกหน้าผาไปแล้ว ไม่น่ารอดเหมือนกัน”
สมยศกลับไม่มีสีหน้าโล่งใจเลย เขาเอ่ยหน้าเครียด “รอดไม่รอดก็รีบหาตัวพวกมันให้เจอ ถ้าค่ำแล้วยังไม่เจออีกก็ถอยก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยเข้ามาตามหาพวกมันต่อ”
ไม่ว่ายังไงก็ต้องจับผู้หญิงสองคนนั้นให้ได้
ต่อให้พวกมันจะกลายเป็นศพไปแล้วก็ต้องหาให้เจอ!
ถึงแม้ว่าเช้านี้จะไม่มีฝนตกลงมา พ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งไร่เศรษฐกรยังคงควบม้าตัวโปรดลัดเลาะผ่านไร่ชาไปทางตีนเขาท้ายไร่ เพื่อสำรวจดูความเรียบร้อยของคันกั้นน้ำ เขากลัวว่าฝนที่ตกลงมาตลอดสองสามวันมานี้จะทำให้มีน้ำป่าไหลทะลักลงมาทำไร่ชาของเขาเสียหาย
ร่างสูงเดินไปตรวจดูคันกั้นน้ำช้าๆ ปล่อยให้ม้าเดินไปเล็มหญ้าที่ขึ้นอยู่แถวนั้นกินตามสบาย เมื่อแน่ใจแล้วว่าอุปกรณ์ทุกอย่างยังใช้งานได้ดีอยู่ เขาจึงผละจากมาอย่างวางใจ เดินเอื่อยๆ ไปหาเจ้าสายลมที่ก้มหน้าเล็มหญ้าอ่อนอยู่
ในตอนที่กำลังจะก้าวขึ้นหลังม้านี่เอง สายตาคมกริบพลันเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างข้างพุ่มหญ้าไม่ไกลเข้าก่อน
เตชทัตหรี่ตามองดีๆ แล้วตัดสินใจเดินไปหาร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น อีกฝ่ายนอนคว่ำหน้าอยู่ เขาจึงมองไม่เห็นหน้าตา แต่ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นผู้หญิง
มาได้ยังไงเนี่ย?
ดวงตาสีเข้มกวาดมองรอบตัวอย่างไม่วางใจ แต่ไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไร นอกจากต้นไม้ใบหญ้าที่หักช้ำลงมาเป็นทางตรงตีนเขาไม่ไกล คิดว่าผู้หญิงคนนี้คงกลิ้งลงมาจากตรงนั้น
หลังชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เตชทัตก็นั่งลงจับพลิกร่างนั้นให้หงายขึ้นอย่างระมัดระวัง วินาทีที่เห็นใบหน้าสวยหวานเต็มๆ เขาถึงกับอึ้งไปเลย
เธอ...ชญานิน!
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมานอนสลบอยู่ในไร่เขาด้วยสภาพบอบช้ำไปทั้งตัวแบบนี้เล่า ชายหนุ่มรีบตรวจดูสัญญาณชีพของเธอ พอสัมผัสได้ถึงลมหายใจอ่อนๆ ก็ถอนใจออกมา จากนั้นค่อยดูว่านอกจากแผลบนหัวและรอยขีดข่วนทั่วตัวแล้วมีส่วนไหนหักงอบ้างไหม และเขาก็เห็นข้อเท้าของเธอผิดรูปอยู่ แต่โชคดีไม่ส่วนอื่นผิดปกติอีก
ที่ผิดปกติอย่างเดียวคือเธอมาอยู่ตรงนี้ได้ไง!
"เธอ...ปลอดภัยดีใช่ไหม"“คุณนินปลอยภัยดีครับ” พันรบตอบขณะสายตามองเจ้านายที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเป็นห่วง “ก่อนหน้านี้คุณนินกับคุณขิงหอมมาเฝ้าพ่อเลี้ยงอยู่ที่นี่จนค่ำ เพิ่งยอมให้คุณต้นไปส่งบ้านโน้นเมื่อตอนสามทุ่มนี่เองครับ”“ดีแล้ว ตอนนี้ไอ้ต้นอยู่ไหน”“เห็นว่าส่งคุณๆ เสร็จจะเลยไปตรวจไร่รอบดึกกับพวกอิศ พ่อเลี้ยงเลิกถามถึงคนอื่นได้แล้วครับ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง ปวดแผลมากหรือเปล่าครับ หมอว่าอาจจะปวดๆ ถ้าคืนนี้ไม่ดีขึ้นต้องไปโรงพยาบาล”“อืม ก็ปวดอยู่ แต่พอทนไหว” เตชทัตบอกเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วถามต่อ “ที่ให้ไปตามสืบมาน่ะ ได้เรื่องหรือเปล่า”“คนที่ส่งพวกนั้นมา เป็นเสี่ยวงศกรไม่ผิดแน่ครับ คนของเราตามไปจนถึงรีสอร์ตมันเลย พ่อเลี้ยงอยากให้จัดการยังไง สั่งมาเลยครับ คนของเราพร้อมลงมือทันที”“จับตาดูไว้ก็พอ” เสียงเย็นชาสั่งออกมา “แล้วเพิ่มระดับคุมเข้มทั่วไร่ด้วย อย่าให้มีเรื่องแบบวันนี้เกิดขึ้นอีก”“ผมจัดการแล้วครับ” พันรบบอกด้วยสีหน้ารู้สึกผิดที่ไม่จัดการให้ดีแต่แรก พวกมันเลยสบช่องเข้ามาทำให้เจ้านายบาดเจ็บแบบนี้ โชคดีที่กระสุนนั่นไม่โดนจุดสำคัญ“เอาเถอะ” เตชทัตตัดบทหลังเห็นท่าทีคนสนิท เขารู้ว่า
แม่งเอ๊ย!เตชทัตสบถในใจเมื่อเห็นชญานินก้มหลบกระสุนเกือบไม่ทัน เขาชักปืนที่หยิบออกมาจากรถเมื่อกี้ขึ้นยิงสวนไปทางที่เห็นประกายไฟยามลั่นกระสุนของมันทันทีเมื่อพันรบเห็นเจ้านายเปิดฉากโต้กลับ เขาที่คว้าปืนออกจากรถมาไว้แล้วก็เข้าร่วมทันทีจากนั้นต่างฝ่ายต่างกระหน่ำยิงใส่อีกฝ่ายจนเสียงปืนดังสนั่น รถของชญานินยังตกเป็นเป้าของคนร้าย เธอจะขับออกไปก็ไม่ได้ จะลงรถก็ไม่ได้ ได้แต่ปิดหูไว้แน่นแล้วก้มตัวให้ต่ำที่สุดเพื่อหลบลูกปืน เตชทัตเห็นท่าไม่ดี ตะโกนบอกพันรบยิงขวางพวกมันไว้ให้ตนเข้าไปช่วยเธอออกมาจากรถก่อนเพราะการช่วยเหลือของพันรบ เตชทัตจึงสามารถพาชญานินลงมาจากรถได้ตามแผน พวกเขาย่อตัวต่ำวิ่งมาหลบหลังต้นไม้อีกครั้ง พอเขาหาร่องรอยบาดเจ็บบนตัวเธอไม่เจอถึงถอนใจบอก “อดทนอีกนิดนะ เดี๋ยวคนของผมก็มาแล้ว”ชญานินพยักหน้ารับเงียบๆ เนื้อตัวยังสั่นเทาไม่หาย นัยน์ตาคู่งามแดงก่ำ แต่ไม่มีน้ำตาสักหยด เธอแค้นใจเหลือเกิน เวลาเพียงไม่กี่วัน เธอถูกไล่ยิงแบบเอาถึงตายไปสองครั้งแล้วนี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนหรือยังไง!หลังจากนั้นไม่นานคนของเตชทัตก็มาสมทบจริงๆ เสียงปืนที่เพิ่งซาลงดังสนั่นขึ้นอีกครั้งเหตุการณ์ตรงหน้าแทบจะเ
หลังเที่ยงชญานินเริ่มออกอาการอยากไปเดินดูในไร่ แต่จำได้ว่าเจ้าของเขาห้าม จึงแกล้งเดินผ่านโต๊ะทำงานเจ้าของไร่ไปยืนมองข้างนอกตาละห้อยบ่อยๆ เผื่อจะมีคนใจดียอมพาไปชมไร่ความพยายามของเธอเป็นผลในครั้งที่สาม เตชทัตคงทนมองเธอเดินไปเดินมาไม่ไหว เขาโทรสั่งให้พันรบมาเอางานที่เขาทำเสร็จแล้วไปดำเนินการต่อ เรียบร้อยแล้วถึงลุกขึ้นบอกชญานิน“ไปกัน”“ไปไหนคะ?” ถามเหมือนไม่รู้ แต่แววตากลับคาดหวังชัดๆเตชทัตอยากจะยิ้มเอ็นดู แต่กลัวอีกคนจะได้ใจ เลยตีหน้าตายบอก “ก็อยากออกไปเดินชมไร่ไม่ใช่เหรอ”“ได้เหรอคะ”“ตามมาสิ”เมื่อก้าวออกมาจากบ้านดินหอมถึงพบว่าแดดยังแรงอยู่ เตชทัตอดมองชญานินอย่างเป็นห่วงไม่ได้ แต่เธอกลับไม่กลัวแดดเลย ดูตื่นตาตื่นใจไปหมดตอนนี้ชญานินกำลังตื่นตาตื่นใจจริงๆ เธอมองต้นชาสีเขียวที่ปลูกเรียงเป็นแถวสุดลูกหูลูกตาอย่างนึกทึ่ง นี่เป็นผลงานของผู้ชายที่เดินอยู่ข้างๆ ทั้งหมดเลยหรือ เด็กคนนั้นบอกว่าเมื่อก่อนไร่นี้ก็เป็นไร่ชาคุณภาพดีทั่วไป พอเตชทัตมาสานงานต่อจากบิดาของเขาก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจ บุกเบิกขยายพื้นที่เพิ่ม เอาชาสายพันธุ์ดีๆ มาปลูก จากที่ขายในประเทศก็ขยายตลาดส่งไปขายทั่วโลก สามปีกว่าเท่านั้
เวลาต่อมา หลังจัดการมื้อเช้าของตัวเองเสร็จ เตชทัตมองไปทางคนที่นัดแนะกันไว้ แล้วก็ต้องกลั้นยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อเห็นชญานินรวบช้อนตามเขาทันที“เรียบร้อยแล้ว?”ชญานินดื่มน้ำให้เสร็จก่อน ค่อยตอบ “เรียบร้อยค่ะ เราไปกันเลยไหมคะ”“อืม ไปกัน”ตนุภัทรที่นั่งมองอยู่ตั้งแต่เตชทัตถามชญานินพลันเอ่ยถามขึ้น “นี่นัดแนะจะไปไหนกันอะ”“เข้าไร่ ขิงหอมไปด้วยกันไหม” ประโยคหลังเตชทัตถามพิชานันท์โดยตรง หญิงสาวก็ส่ายหน้าตอบทันที“ขิงขอบายค่ะ” เธอโตมาในไร่ชา เคยเข้าชมไร่เศรษฐกรมาก่อนแล้ว ให้ชญานินไปเปิดหูเปิดตาคนเดียวเถอะ และดูเหมือนคนชวนเองก็ไม่คิดว่าเธอจะไปด้วยอยู่แล้ว จึงบอกมาว่า“ถ้าเปลี่ยนใจก็ให้ไอ้ต้นพาไปนะ”พิชานันท์ได้ยินแบบนั้นยิ่งส่ายหน้าแรง “ไม่เปลี่ยนค่ะ ขิงไม่อยากไปกับนายนี่”“พูดจาให้มันดีๆ ซิ!” ตนุภัทรว่าหน้าหงิก“ฉันก็พูดจาดีๆ อยู่นี่ไง”“รวนเหรอ”“นายสิรวน!”เตชทัตถอนใจกับคู่กัดประจำไร่ ลุกขึ้นเรียกชญานิน “ไปเถอะ”“ไปค่ะ”เมื่อเห็นเตชทัตพาชญานินเดินเคียงกันออกไปแบบนั้น ตนุภัทรพลันหยุดเถียงกับพิชานันท์ เหลียวมองตามหลังสองคนนั้นไปด้วยสีหน้าแปลกใจพูดตรงๆ แล้วเขาแปลกใจตั้งแต่ได้ยินคำตอบของพี่ชายแล้
โชคดีที่เจ้าของโรงพยาบาลเป็นเพื่อนกับบิดาของสองหนุ่ม ทำให้ลดความยุ่งยากในการตรวจสองสาวไปพอสมควร ผลตรวจร่างกายของพวกเธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ชญานินต้องรอให้ครบสองอาทิตย์ ถึงจะถอดเฝือกที่แขนได้ ข้อเท้ายังคงงดใช้งานในระยะนี้ก่อน ส่วนพิชานันท์แค่ต้องระวังแผลใต้หน้าอก โดยสรุปแล้วทั้งสองคนไม่ต้องแอดมิทเมื่อเป็นเช่นนี้ สองหนุ่มจึงพาสองสาวขึ้นรถกลับไร่เศรษฐกรอย่างหมดห่วงกลับมาถึงไร่ ก็มานั่งคุยเรื่องที่เกิดขึ้นกันอย่างจริงจัง ชญานินกับพิชานันท์เล่าเหตุการณ์โดยละเอียด พูดตรงกันว่าเห็นพวกมันกำลังขนของบางอย่างมา ไม่รู้ว่าเป็นใคร มาจากไหน และไม่รู้ว่ากำลังจะไปที่ไหน พอพวกมันรับรู้การอยู่ตรงนั้นของพวกเธอก็ลั่นกระสุนเข้าใส่ทันที“มานึกดีๆ แล้ว ดูเหมือนพวกมันกำลังจะเดินไปทางฝั่งรีสอร์ตของเสี่ยวงศกรเลยค่ะ”“ป่าแถบนี้ก็มีแต่มันที่กล้าเข้าไปบุกรุก” ตนุภัทรว่า“จะบอกว่าพวกมันเป็นพวกเดียวกับที่ไปเล่นงานเรากลางถนนในวันนั้น เป็นคนของคนที่ต้องการที่ดินท้ายไร่รุ่งรวินท์เหรอคะ” ชญานินถามขึ้นอย่างพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้บ้างแล้ว “ในเมื่อรู้ว่าพวกมันเป็นใครแล้ว ทำไมเราไม่ไปจัดการพวกมันล่ะคะ”“เราทำอะไรพวกมัน
“ลุกไหวหรือเปล่า เป็นอะไรมากไหม” เตชทัตตีหน้าตายเดินไปหยิบผ้าขนหนูบนชั้นวางมายื่นให้เธอใช้คลุมตัว จากนั้นจึงถอยออกมามองด้วยสายตาอ่อนใจ ผู้หญิงอะไร ชอบหาเรื่องเจ็บตัวอยู่ได้“เจ็บไปหมดเลยค่ะ ลุกไม่ไหวด้วย” หญิงสาวสารภาพเสียงเบาขณะพยายามรวบสาบเสื้อใต้ผ้าคลุมเข้ามาให้ชิดกันมากที่สุด“ผมบอกว่าอย่าฝืนทำอะไรเกินตัว ทำไมไม่ฟังเลย”“อยากเช็ดตัวล้างหน้าน่ะค่ะ”“แล้วทำไงถึงลงไปนอนอยู่แบบนั้น” เขาถามไปแล้วในหัวพลันมีภาพผิวขาวเนียนโผล่มาให้ใจสั่น ขืนอยู่ในนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ คิดแล้วทำทันที วงแขนกำยำช้อนอุ้มร่างบางขึ้นมาโดยระวังไม่ให้ผ้าที่คลุมไว้หลุดออก“อ้ะ” คนถูกอุ้มดื้อๆ ตั้งท่าจะดิ้นให้เขาปล่อยลง แต่โดนมองด้วยสายตาดุๆ ก่อน“อยู่นิ่งๆ ระวังตัวเองหน่อยได้ไหม เดี๋ยวก็ตกลงไปเจ็บอีกหรอก”ชญานินเม้มปากเถียง “ก็ฉันเห็นว่าพอจะช่วยตัวเองได้”“แล้วทำไมลงไปกองอยู่แบบนั้น” หลักฐานก็เห็นอยู่ทนโท่ ว่าเธอทำตัวเองเจ็บอีกแล้ว ดีแค่ไหนที่ไม่ได้หัวฟาดพื้นสลบไป“ก็...”“ไม่ต้องแก้ตัวแล้ว” เตชทัตเอ่ยขัดคนทำท่าจะเถียงต่อขณะวางร่างบางให้นั่งลงบนเตียง จากนั้นค่อยถอยออกมาถาม “ที่ล้มเมื่อกี้นี้เจ็บตรงไหนบ้าง ต้องเรียกห







