“เป็นไปได้อย่างไร ทำไมนางจึงรอดตาย”
เหอชิงลี่เกรี้ยวกราดอย่างไม่ยินยอมเมื่อรู้ว่าพี่สาวต่างมารดาที่คอยเป็นหนามทิ่มแทงใจยังคงมีชีวิตอยู่
“เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหมเล่า ข้าเองคิดว่านางไม่น่าจะมีชีวิตรอดมาได้ ข้าสั่งให้บ่าวคนนั้นวางยานางมาร่วมเดือน ทำไมนางถึงไม่เป็นอะไร”
ฮูหยินรองตู้เหนียงนางไม่เข้าใจเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกเลี้ยงอย่างเหอหลันฮวาจึงรอดพ้นความตายมาได้ ในเมื่อนางใช้ยาตัวเดียวกันกับฮูหยินใหญ่ที่นางได้กำจัดไปเมื่อหลายปีก่อน
“ท่านแม่จะให้ข้าใจเย็นได้เช่นไร นางยังเป็นที่ต้องการขององค์ชาย ท่านแม่น่าจะทราบดีว่าต่อให้ข้าและองค์ชายจะมีใจให้กันเช่นไร ฐานะของข้ายังไม่เหมาะที่จะเป็นชายาของพระองค์ มีเพียงนางหลันฮวาเท่านั้นที่พระองค์ต้องการ ในเวลานี้ท่านแม่เองก็น่าจะทราบดี ว่าองค์ชายตัดความสัมพันธ์กับข้าไปแล้วเพียงเพราะเกิดเรื่องอื้อฉาวกับคุณหนูใหญ่ของจวน”
ยิ่งคิดเหอชิงลี่ยิ่งเคียดแค้น นางวางแผนไว้ทุกอย่าง ไม่คิดว่าเรื่องจะลงเอยเยี่ยงนี้ แม้จะกำจัดพี่สาวต่างมารดาให้พ้นจากตำแหน่งพระชายาขององค์ชายได้แล้วก็ตาม เพียงแต่ตัวนางเององค์ชายมาตัดสัมพันธ์เช่นกัน
เมื่อคิดว่าสาเหตุที่องค์ชายตัดสัมพันธ์มาจากพี่สาวต่างมารดา นางจึงคิดกำจัดอีกครั้ง จึงได้ขอร้องให้ท่านแม่จัดการให้ แต่กลายเป็นว่าเหอหลันฮวาดวงแข็งโดนวางยาแต่กลับไม่ตาย
“แม่ว่าเจ้าต้องหัดใจเย็นลงบ้าง ครั้งนี้ไม่ตายใช่ว่าเจ้ากับข้าจะไม่มีโอกาสอีก พี่ชายทั้งสองของนางยังอยู่ชายแดน แม่ว่ายังไงเรายังมีโอกาสอีก”
“ท่านแม่อย่าลืมว่าสามีบ่าวของนางยังอยู่ เราจะยังมีโอกาสอีกหรือเจ้าคะ”
“เจ้านั่นก็แค่บ่าว หรือว่าเจ้ากลัวสามีบ่าวของนาง”
“ไม่เจ้าค่ะ ยังไงข้าจะต้องกำจัดนางให้พ้นทางให้ได้ ตำแหน่งพระชายาขององค์ชายรองย่อมต้องเป็นของข้าไม่ใช่ของนาง”
เหอชิงลี่ไม่ยินยอมที่จะเสียตำแหน่งพระชายาให้กับผู้ใด ตำแหน่งนี้ย่อมต้องเป็นของนางผู้เดียวเท่านั้น
ยามเฉิน (07.00 – 08.59 น.) หลังจากที่ทานมื้อเช้าร่วมกันแล้ว เหอหลันฮวาจึงเรียกหลันจิงเข้ามาสั่งการ
“ฮูหยินมีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
“หลันจิง เจ้าจงไปที่จวนตรงตรอกกว่างโฮ่ว เจ้าจำจวนของท่านแม่ที่มอบให้ข้าได้หรือไม่”
“จำได้เจ้าค่ะฮูหยิน” หลันจิงนางจำได้เพราะเคยไปที่นั่นบ่อยครั้ง
“เจ้าไปแจ้งพ่อบ้านว่าอีกสามวันพวกเราจะย้ายไปอยู่ที่นั่น ให้ทำความสะอาดเรือนหลักให้เรียบร้อย ข้าจะไปพร้อมกับท่านพี่และเจ้า ข้าเชื่อว่าการที่ข้าโดนวางยาแล้วครั้งนี้ข้าไม่ตาย คนพวกนั้นย่อมต้องคิดจัดการข้าอีกเป็นแน่
ในเมื่อข้าพ้นจากความตายครั้งนี้มาได้ ข้าขอใช้ชีวิตสงบสุขกับท่านพี่และลูกน้อยที่จะมีในวันข้างหน้าก็พอ พวกเราย้ายไปอยู่ที่นั่นกันเถอะและจะไม่กลับมาที่ตระกูลเหออีก จนกว่าพี่ชายทั้งสองของข้าจะกลับมา”
อาเฟยกุมมือภรรยาไม่ปล่อย เขารู้ว่าคนพวกนั้นคือใคร ตอนนี้เขาเป็นเพียงชายตัดฟืนไม่มีอำนาจที่จะเล่นงานคนพวกนั้นกลับ แต่เขาเชื่อว่าการแก้แค้นต่อให้ผ่านไปสิบปีก็ยังไม่สาย
“ฮูหยิน”
หลันจิงน้ำตาซึม นางรู้ดีว่าคุณหนูของนางอยู่ที่นี่อย่างยากลำบาก เมื่อคิดว่าพวกนางไปเริ่มต้นใหม่ จึงดีใจขึ้นมา
“เจ้าเองอยู่กับข้ามาตั้งแต่เล็ก ข้าไปที่ไหนเจ้าก็ต้องไปด้วย ตอนที่ข้ากับท่านพี่ย้ายมาอยู่ที่กระท่อมท้ายจวนแห่งนี้ เจ้ายังยอมทนมาลำบากกับพวกข้า ดังนั้นข้าไม่คิดที่จะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่เป็นแน่
คนพวกนั้นรังแกข้าไม่ได้ย่อมต้องหาทางเล่นงานเจ้าด้วย สองสามวันนี้เจ้าจงระวังตัวไว้ให้ดี หากเป็นไปได้ ให้ไปหาเอาอาหารมาจากโรงน้ำชาไป๋หลาน อย่าไว้ใจคนในจวนนี้เด็ดขาด”
เหอหลันฮวาเลือกที่จะพูดกันเพียงสองคน โรงน้ำชาเป็นของท่านแม่ที่สร้างไว้และมอบให้นางส่วนตัว เรื่องนี้ทางตระกูลเหอไม่มีใครทราบเรื่อง และนางคิดว่าก่อนจะย้ายไปนางต้องทวงคืนสินเดิมทั้งหมด จะไม่ทิ้งไว้ให้หมาป่าพวกนี้เด็ดขาด
อาเฟยแม้จะเข้าใจความหมายของนางแต่เขาเลือกที่จะเงียบ และนั่งฟังอย่างตั้งใจ
“เจ้าค่ะฮูหยิน บ่าวจะรีบไปจัดการและจะไปรับอาหารที่โรงน้ำชาทุกวันนะเจ้าคะ”
หลันจิงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เรื่องนี้นางเข้าใจดี ในเมื่อครั้งนี้เล่นงานคุณหนูของนางไม่ได้ ฮูหยินรองและคุณหนูรองย่อมต้องหาวิธีเล่นงานอีกเป็นแน่
เมื่อสาวใช้ข้างกายไปทำตามคำสั่ง เหอหลันฮวาจึงหันกลับมามองหน้าสามีอย่างอ่อนโยน
“ท่านพี่ เราจะไปเริ่มชีวิตใหม่กันนะเจ้าคะ”
“ข้ายินดี และไม่สำคัญว่าจะต้องไปอยู่สถานที่แห่งใด ขอเพียงที่นั่นมีเจ้าก็เพียงพอแล้ว”
อาเฟยตอบกลับ ชายหนุ่มยื่นมือข้างหนึ่งมากุมแก้มเธอไว้ และส่งสายตาประสานกัน เพื่อให้เหอหลันฮวารู้ว่าสิ่งที่เขากล่าวนั้นคือความจริงที่กลั่นออกมาจากใจ
จากนั้นทั้งสองตระกองกอดกันพร้อมกับมองท้องฟ้าที่ทั้งสองคนรู้สึกว่ายามนี้งดงามเป็นพิเศษ
หลันจิงเดินออกมาทางประตูท้ายจวนซึ่งคิดว่าไม่น่าจะพบปะผู้ใด แต่ใครจะคิดว่ากลับพบเจอคนขององค์ชายรองคล้ายกับยืนรอการมาของนาง
“แม่นางหลันจิง รอก่อน”
หลันจิงไม่คล้ายกับไม่สนใจจึงเร่งฝีเท้าเพื่อเดินไปหาเช่าเทียมเกวียนเดินทางไปที่ตรอกกว่างโฮ่ว แต่เมื่อยังคอยเดินตามนางเช่นนี้ นางจึงไม่กล้าที่จะเดินไปเช่าเกวียน แต่ทำเพียงเดินวนเวียนไปที่ตลาดแทน แต่เมื่อยังคงตามไม่สิ้นสุด หลันจิงจึงหมดความอดทนจึงหันกลับไปถาม
“ท่านตามข้าเยี่ยงนี้มีจุดประสงค์อันใด เท่าที่ข้าจำได้ฮูหยินของข้าและนายของท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กันอีกแล้ว”
“ข้ารู้ดี เพียงแต่ข้ามาด้วยเรื่องส่วนตัว เรื่องนี้องค์ชายไม่ทรงทราบ แม่นางหลันจิงพอจะมีเวลาคุยกับข้าหน่อยไหม”
หลันจิงมองไม่วางตา ในอดีตนางและองครักษ์ผู้นี้ย่อมเคยพบปะและพูดคุยเมื่อองค์ชายรองมาเยี่ยมเยียนคุณหนูซึ่งตอนนี้ได้เป็นฮูหยินของนายท่านแล้ว ในเมื่อมาส่วนตัวไม่เกี่ยวกับคำสั่งขององค์ชายรอง นางก็ยินดีที่จะจะพูดคุยด้วยเล็กน้อย
“เช่นนั้นท่านกับข้าไปพูดคุยกันที่โรงน้ำชาไป๋หลานเถอะ ยืนคุยตรงนี้ย่อมไม่ควร”
หลันจิงกล่าวจบจึงเดินนำไปที่โรงน้ำชาไป๋หลานทันที
เมื่อทั้งสองคนมาถึง หลันจิงขยิบตาให้คนดูแล ให้ทำทีคล้ายกับไม่รู้จักนางโดยที่องครักษ์ขององค์ชายรองไม่ทันสังเกต ก่อนจะหันมาพูดคุยกับชายหนุ่มด้วยท่าทีจริงจัง
“ท่านมีเรื่องอะไรจะกล่าวหรือ”
“ข้าอยากถามแม่นางหลันจิงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณหนูใหญ่ ไม่ใช่เรื่องปกติใช่หรือไม่”
“ข้าคิดว่าท่านเป็นถึงองครักษ์ข้างกายขององค์ชาย ท่านน่าจะทราบและสืบเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเองไม่น่าต้องมาดักรอเพื่อถามข้า ทั้ง ๆ ที่เรื่องเกิดมาแล้วร่วมเดือน”
หลันจิงหัวเราะอย่างเย้ยหยันเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า เรื่องเกิดมาร่วมเดือนมาถามตอนนี้มันสายไปหรือไม่
“และที่สำคัญ ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นการกระทำของผู้ใด ข้าเชื่อว่าคุณหนู ไม่สิ ข้าเชื่อว่าฮูหยินเต็มใจที่จะอยู่กินกับนายท่านฉันท์สามีภรรยาเป็นแน่แท้แล้ว
จากนี้ต่อให้ท่านจะสืบเรื่องจนรู้ว่าเป็นการกระทำของผู้ใด เรื่องระหว่างนายของข้าและนายของท่านย่อมไม่มีทางหวนกลับไปอีก และข้าเชื่อว่าเมื่อท่านสืบรู้แล้วว่าเป็นผู้ใด ไม่แน่ว่าท่านและนายของท่านจะกล้าลงมือกับคนผู้นั้นไหม”
“แม่นางหลันจิงกล่าวเช่นนี้ หมายความว่าท่านรู้ว่าใครเป็นตัวการ”
องครักษ์ประจำกายของหลานหมิงฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ท่านไม่ใช่คนเขลา ท่านน่าจะพอรู้ว่าผู้ใดกันที่ต้องการล้มงานแต่งของนายของข้ากับนายของท่าน เรื่องนี้ข้าขอไม่พูดอะไรอีก และเมื่อไม่มีเรื่องอันใดแล้วข้าต้องขอตัวก่อน มีเรื่องที่ต้องจัดการ”
หลันจิงกล่าวจบจึงรีบลุกขึ้นและเดินออกจากโรงน้ำชาไป๋หลาน แต่ก่อนที่จะกลับไปนางกล่าวกับคนดูแลว่าเหอหลันฮวาต้องการอาหารทุกวัน และนางจะมารับด้วยตนเอง
บทส่งท้าย ชีวิตที่สงบอย่างที่ต้องการเว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรชายทั้งสองกลับมาถึงเมืองหลวงของแคว้นเว่ย เขาก็ได้รับพระราชทานให้ไปอยู่ที่ตำหนักบูรพา ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จมารับหลานทั้งสองและได้เจอลูกสะใภ้ ด้วยความเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาก่อน กิริยาของเหอหลันฮวาก็เพียบพร้อม ไม่มีใครกล้ามาตำหนินางได้ผู้เป็นใหญ่ทั้งสองรักและหลงหลานชายเป็นอย่างมาก ฮ่องเต้ประกาศราชโองการสละราชสมบัติ ให้เว่ยเฟยหลงขึ้นครองราชย์ต่อจากเขา จากที่ฮองเฮาเตรียมจัดงานแต่งตั้งพระชายาเอกขององค์รัชทายาท กลับกลายมาเป็นงานเฉลิมฉลองขึ้นครองราชย์ของเว่ยเฟยหลงเหอหลันฮวาถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา บุตรชายทั้งสองได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ชาย อดีตฮ่องเต้และอดีตฮองเฮา ยังคงอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง มีตำหนักเป็นของตนเอง สิ่งที่ทั้งสองโปรดปรานในตอนนี้คือการเลี้ยงดูหลานทั้งสองในตอนนี้ เหอหลันฮวากำลังนั่งสนทนากับพี่ชายอยู่ตำหนักของนาง“พี่รองคิดดีแล้วหรือ?”นางกล่าวถามพี่ชายอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หลังจากที่เหอซือเหวินบอกกล่าวกับนางเรื่องที่เขาต้องการจะลาออกจากราชการมาอยู่ใกล้นาง เพื่อปกป้องนางและหลานน้อยทั้งสอง เหอหลันฮวารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่
บทที่ 64 กบฏแคว้นหลานหลังจากที่เหอหลันฮวาคลอดบุตรชายทั้งสองครบสามเดือน เว่ยเฟยหลงก็ตัดสินใจพานางและบุตรชายกลับไปที่แคว้นเว่ย เนื่องจากทางฮ่องเต้และฮองเฮาเร่งรัดมาเพื่ออยากเจอหน้าหลานชายทั้งสองและก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นในแคว้นหลาน ฮ่องเต้สวรรคตเนื่องจากฝีมือขององค์ชายรองเป็นผู้กระทำ องค์ชายรองต้องการแต่งตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้ แต่เพราะไม่มีราชโองการแต่งตั้ง และตอนนี้เขากำลังหาตราประทับของฮ่องเต้จึงยื้อเวลาเอาไว้หลานหยางคุนให้เว่ยเฟยหลงพาทุกคนกลับแคว้นเว่ยไป เพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์ในครั้งนี้เหอหลันฮวาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นสักวัน นางจึงวางแผนไว้ล่วงหน้า พร้อมกับเตรียมการตั้งรับ“องค์ชายสาม ท่านพาคนบุกเข้าไปในวังหลวงเถิด”เหอหลันฮวาที่นั่งฟังองครักษ์ขององค์ชายสามรายงานเสร็จ นางก็หันไปกล่าวกับองค์ชายสามที่นั่งกำหมัดอยู่ด้วยดวงตาแดงก่ำ“เขากำเริบเสิบสานยิ่งนัก” หลานหยางคุนกัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยความเคียดแค้น“พวกท่านควรกลับไปก่อน” เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคนในที่นี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะหลานทั้งสองที่เพิ่งลืมตาดูโลก จึงเร่งให้เว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรกลับไปก่อน“ข้าจะออ
บทที่ 63 รับภรรยากลับบ้านราชสำนักออกมาประกาศความผิดของตระกูลไช่ ตระกูลหม่า ตระกูลจงอย่างชัดเจน และยังมีการแห่นักโทษก่อนประหารเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังหลังเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากประหารนักโทษเสร็จสิ้น ก็มีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมาอีกครั้งสงครามกลางเมืองที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก ไม่นานชาวเมืองก็กลับมาค้าขาย และบรรยากาศที่ครึกครื้นก็กลับมาองค์ชายสามที่ตอนนี้กลายเป็นคุณชายเว่ย และไช่ฮูหยิน อดีตเสียนเฟยก็ได้เดินทางไปที่แดนเหนือ เพื่อปกครองเมืองหน้าด่านเล็ก ๆ ตามราชโองการของฮ่องเต้เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เว่ยเฟยหลงก็ขอพระราชทานอนุญาตเดินทางไปที่แคว้นหลาน เพื่อไปรับเหอหลันฮวามาที่แคว้นเว่ยทางด้านฮองเฮาก็เตรียมตัวที่จะจัดงานแต่งตั้งชายาเอกของโอรสด้วยความตื่นเต้น ยิ่งรู้ว่าเหอหลันฮวากำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่กำลังจะเป็นปู่ย่าก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักเนื่องจากอยากเจอหน้าหลานโดยเร็วเว่ยเฟยหลงและเว่ยอิ้งเหมยออกเดินทางจากแคว้นเว่ยมาที่แคว้นหลานก็ใช้เวลาหลายวัน และเมื่อมาถึงจวน เขาก็พบว่าตอนนี้ทั้งจวนกำลังตกอยู่ในความโกลาหล จนเขาเห็นแล้วก็ตกใจ รีบคว้าคอบ่าวคนหนึ่ง
บทที่ 62 ลงโทษเมื่อดาบขององค์ชายสามกระทบพื้น ทุกคนก็รู้ในทันทีว่าศึกในครานี้ที่เพิ่งจะเริ่มต้น ฝ่ายองค์ชายสามได้แพ้พ่ายแล้ว“องค์ชาย!!” แม่ทัพฝ่ายเสนาบดีไช่เห็นดังนั้นก็จะเข้ามาหาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมแพ้“จับกุมตัวให้หมด ใครขัดขืน ฆ่า!!!”แต่เว่ยเฟยหลงไม่ยอมให้ใครได้ขยับตัว เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ผู้ใต้บังคับบัญชาก็รีบทำตามจับกุมเหล่ากบฏ หากมีใครกล้าขัดขืนก็ฆ่าได้ในทันทีเว่ยเฟยหลงละสายตาจากทหารเหล่านั้น หันมามองน้องชายที่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในตอนนี้อยู่“เจ้าตามข้ามาเถิด”เขาบังคับม้าให้นำไปที่ประตูเมือง องค์ชายสามเงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นหลังที่องอาจของพี่ชายที่ควบม้านำหน้าเขาไปเดิมทีเขานึกว่าพี่ชายจะสั่งให้คนมาจับตัวเขาเสียอีก แต่พอคิดว่าพี่ชายไม่มีความแค้นอันใดกับเขา เว่ยหนิงเฉิงก็รีบควบม้าตามเว่ยเฟยหลงไปทันที“เสด็จพี่” เขาเรียกองค์รัชทายาทเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“???” ทำให้เว่ยเฟยหลงหันมามองเขาอย่างตั้งคำถาม“เสด็จแม่ของข้า”“นางกระทำสิ่งใดไว้ ก็ต้องได้รับโทษ ข้าไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ เจ้าไปร้องขอเสด็จพ่อเถิด”เว่ยเฟยหลงย่อมรู้ว่าเว่ยหนิงเฉิงอยากจะร้องขอสิ่งใด เพียงแต่เ
บทที่ 61 ศึกพี่น้ององค์ชายสามกลับมาถึงตำหนักของตนเอง ก็เข้าไปขลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือ เขาขบคิดอย่างหนักถึงความต้องการของตนเองในเวลานี้บัลลังก์นั่นเขาไม่ได้ต้องการ และเขาก็ไม่ได้มีความแค้นกับองค์รัชทายาท อีกฝั่งคือพี่ชาย ส่วนอีกฝั่งคือมารดาผู้ให้กำเนิด และท่านตา ที่คอยสนับสนุนเขาเสมอมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาย่อมรู้ว่ามารดาและท่านตากระทำสิ่งใดลงไปบ้างแต่เพราะมองว่าพวกเขาทำเพื่อให้เขามีชีวิตรอด และมีความมั่นคงในชีวิต จึงยอมปิดตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาจึงไม่อยากกระทำตามที่มารดาและท่านตาสั่งให้ทำเลยสักนิด“องค์ชาย” องครักษ์ที่เดินตามเว่ยหนิงเฉิงเข้ามาเห็นเจ้านายมีสีหน้าที่คิดไม่ตก และนั่งเหม่อลอยอยู่นาน จึงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะทำเช่นไรดี” เว่ยหนิงเฉิงพึมพำขึ้นเสียงเบา แต่สำหรับคนที่ฝึกวรยุทธ์ย่อมได้ยินเพียงองครักษ์เช่นเขาจะสามารถให้คำแนะนำองค์ชายที่ได้รับคำสั่งจากเสียนเฟยมาแล้วได้อย่างไร ถ้าเกิดเขากล่าวอันใดที่ขัดพระทัย จะไม่เป็นการฆ่าตนเองหรอกหรืออีกทั้งเรื่องนี้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขององค์ชายทั้งสิ้นเว่ยหนิงเฉิงไม่ได้สนใจใคร เขาเพียงแค่พึม
บทที่ 60 หลังชนฝาข่าวการกลับมาขององค์รัชทายาท ทำให้ตระกูลไช่ และเสียนเฟยเริ่มร้อนตัวถึงการกระทำของตนเองไช่เสียนเฟยเมื่อทราบเช่นนั้น นางแทบจะทรุดลงอีกครั้ง เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทตายไปแล้วหรอกหรือ แล้วนี่เขายกทัพมาประชิดเมืองหลวงได้ทำไมคนของสกุลไช่ถึงไม่รู้เรื่องกันล่ะ หรือสายข่าวของท่านพ่อจะมีปัญหา“ท่านพ่อไม่ใช่สกุลไช่หละหลวมหรอกหรือ ทำให้คนพวกนั้นมาประชิดเมืองหลวงได้ แล้วคนของเราล่ะเจ้าคะ ทำไมถึงไม่มีใครส่งข่าว พี่ใหญ่เช่นกัน ท่านบอกว่าจะให้บุตรสาวของท่านตีสนิทกับคุณชายเหวินคนดูแลหอมู่ตาน หรือว่าบุตรสาวของท่านไม่มีความสามารถ”นางหันไปกล่าวกับบิดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ออกแนวจะตำหนิที่เขาไม่รอบคอบ อีกทั้งแผนการง่าย ๆ เรื่องให้สาวงามไปล่อลวงคุณชายเหวิน เรื่องแค่นี้เขายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างดูแคลน“พระสนมกล่าวเช่นนั้นก็มิถูกนะพ่ะย่ะค่ะ มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณชายเหวินมีสัญญาหมั้นหมายกับบุตรีของอดีตแม่ทัพจง เรื่องนี้สกุลจงมิอาจก้าวก่ายได้เช่นกัน”เสนาบดีไช่ส่งสายตาบุตรสาว ที่ตนส่งเข้าวังหลวงด้วยตนเอง อีกทั้งยังหนุนหลังนางจนได้ตำแหน่งเ