Share

บทที่ 3

Author: มะเขือเทศเขียว
ลู่ฮ่าวเซวียนที่อ่อนโยนแบบนี้ ฉันไม่เคยเห็นมานานมากแล้ว

“ไม่ต้องละ ฉันกินข้างนอกมาแล้ว”

“เป็นไปได้ยังไง?”

“เธอตัดใจใช้เงินไม่ได้มาตลอดไม่ใช่เหรอ?”

คำพูดของเขาทิ่มแทงให้ฉันเจ็บปวด

ก่อนหน้านี้ฉันตัดใจใช้เงินไม่ได้ กินอยู่อย่างประหยัด ใช้เงินที่ทำงานหามาได้ส่วนใหญ่ไปกับเขา ซื้อของให้เขา

ตอนนี้ฉันกำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ส่วนที่ต้องใช้เงินมีเยอะ เงินทุกบาททุกสตางค์ต้องคิดอย่างรอบคอบ

ฉันเงยหน้ามองเขา น้ำเสียงราบเรียบ

“ฉันจำได้ว่าสองสามวันก่อน ฉันให้เงินนายไปซื้อของที่ใช้สำหรับการแต่งงานสองร้อยห้าสิบบาท”

“เหมือนว่านายก็ยังไม่ได้ซื้อ งั้นนายคืนให้ฉันเถอะ”

การกระทำของเขาชะงักไป พลันรีบอธิบายอย่างอิหลักอิเหลื่อ

“เงินนั่น...ฉันซื้อรองเท้าหนังให้ฮุ่ยฮุ่ยไปแล้ว”

ฉันอดไม่ได้ที่จะเบะปาก น่าเบื่อจริง ๆ เป็นแบบนี้อีกแล้ว

“งั้นถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันก็จะปิดประตูนอนแล้วนะ”

“พรุ่งนี้ฉันจะเอาเงินให้เธอ”

ในน้ำเสียงเขาแฝงความเดือดดาลอยู่เล็กน้อย “เราเป็นผัวเมียกัน เธอถึงขั้นต้องคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้เลยเหรอ?”

ฉันอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงฮึ “เพราะงั้นใช้เงินที่ฉันเก็บหอมรอมริบอย่างยากลำบากซื้อของให้คนอื่น ฉันทำไม่ได้กระทั่งคิดเล็กคิดน้อยงั้นเหรอ?”

เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่มีเหตุผล ทว่ายังคงบ่นพึมพำทั้งปากแข็งออกมาคำหนึ่ง “งี่เง่า”

ฉันขี้เกียจจะโต้เถียงไปมากับเขาอีก จึงปิดประตูดังปัง

หลังจากนั้นสองสามวัน ฉันขายทรัพย์สินที่ไม่มีมูลค่าออกไปบางส่วน เป็นของต่างหน้าที่เต็มไปด้วยความทรงจำในชาติก่อน

ตอนนี้ดูแล้วเป็นแค่เหล่าขยะราคาถูกเท่านั้น

ฉันห่อพวกมันทั้งหมด ขายให้ร้านรับซื้อของเก่าในราคาถูก ได้มาเป็นเงินนิดหน่อย

ตอนบ่ายเก็บกระเป๋าสัมภาระต่อ ตอนนี้ลู่ฮ่าวเซวียนอยู่ตรงหน้าฉัน

ในมือถือเงินสองร้อยห้าสิบบาท พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “นี่เงินของเธอ”

ฉันรับเงินมาแล้วพยักหน้า

“ขอบคุณ”

เขามองฉัน แววตาสับสน แล้วสายตาก็สลับไปตกบนกระเป๋าสัมภาระที่ฉันจัดเตรียม

“ฉันคิดจะให้ฮุ่ยฮุ่ยตามกองทัพไปเมืองหลวงกับฉันก่อน เธอไม่ต้องเก็บของแล้ว”

มือที่เก็บข้าวของของฉันไม่หยุด ได้แต่พยักหน้า

คล้ายกับเขาไม่ชินกับท่าทีแบบนี้ของฉัน จึงกระวนกระวายเล็กน้อย

“ช่วงนี้เธอเป็นอะไรไป? เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างนั้น”

ฉันหันหน้าไปอย่างไม่สบอารมณ์ ฉันไม่อยากให้เกิดปัญหาเพิ่ม

แม้ลู่ฮ่าวเซวียนจะไม่รักฉัน แต่ถ้าเขารู้ว่าชื่อที่เขียนไปในใบคำร้องขอจดทะเบียนสมรสคือสวี่ฮุ่ย

รับประกันไม่ได้ว่าอาจจดทะเบียนสมรสกับฉันอีกครั้งเพื่อสวี่ฮุ่ย

ฉันไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับหญิงร้ายชายชั่วคู่นี้อีก

“ไม่มีอะไร ก็แค่อยากเก็บของน่ะ”

“พอนายไปเมืองหลวง ฉันจะได้ย้ายกลับบ้านนอกได้สะดวก”

เขาถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วพูดอธิบายว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้เธอติดตามกองทัพหรอกนะ”

“แต่แค่ฮุ่ยฮุ่ยยังไม่เคยเห็นเมืองหลวง เลยอยากจะไปดู รออีกสองสามเดือน ฉันจะไปรับเธอนะ”

ฉันพยักหน้าทั้งใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ชาติก่อน แปดปีเต็ม เขาไม่เคยมารับฉันไปติดตามกองทัพเลย

กระทั่งสวี่ฮุ่ยแต่งงานกับผู้บังคับบัญชาทหารสูงสุดรุ่นที่สองของเมืองหลวง เขาถึงรับฉันไปเมืองหลวงด้วยความสิ้นหวัง

เขามองฉันอย่างไม่ชิน

ปกติขอแค่เราแยกกันอยู่ตามลำพัง ฉันก็จะพร่ำบ่นไม่หยุดแล้ว

ตอนนี้ฉันพูดทีเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก เขาถึงได้กระวนกระวายใจนั่งไม่ติดขึ้นมา

“เธออยากถ่ายรูปพรีเวดดิงมาตลอดไม่ใช่เหรอ? พรุ่งนี้เราไปร้านถ่ายรูปกันไหม?”

นั่นไม่ได้เชียวนะ พรุ่งนี้ฉันแพลนจะไปซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับเรียนมหาวิทยาลัยบางส่วน

ฉันกำลังคิดหาข้ออ้าง สวี่ฮุ่ยก็เดินเข้ามา เธอกอดแขนลู่ฮ่าวเซวียนอย่างสนิทสนม

“พี่เซวียน ร้านถ่ายรูปอะไรเหรอคะ? ฮุ่ยฮุ่ยก็อยากถ่ายรูปเหมือนกัน”

ลู่ฮ่าวเซวียนฉีกยิ้มพลางลูบหัวสวี่ฮุ่ย “ได้สิ พรุ่งนี้เราไปกันนะ”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กลับมาเกิดใหม่ ฉันสะบัดสามีทิ้ง   บทที่ 10

    ห้องรับแขกไม่ใหญ่ แต่สะอาดและเป็นระเบียบมาก เครื่องนอนที่อยู่บนเตียงก็มีกลิ่นแดดคละคลุ้งออกมา“เธอพักก่อนสักเดี๋ยวเถอะ อีกไม่นานเกี๊ยวก็เสร็จแล้ว” กู้อี้เฉินวางกระเป๋าสัมภาระลง แล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนฉันพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงมองเกล็ดหิมะที่โปรยปรายนอกหน้าต่าง ในใจรู้สึกถึงความสงบและปลอดภัยที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างหนึ่งบางที นี่ก็คือความรู้สึกของบ้านละมั้งตอนกลางคืน เราล้อมวงนั่งข้างโต๊ะกินข้าวกินเกี๊ยวร้อน ๆคุณย่ากู้คีบอาหารให้ฉันไม่หยุด“หรานหร่านจ้ะ ต่อไปเธอก็มาเที่ยวเล่นบ่อย ๆ นะ บ้านย่าต้อนรับเธอทุกเมื่อ”ฉันฉีกยิ้มพร้อมพยักหน้า ในใจอบอุ่นกินข้าวเสร็จ กู้อี้เฉินก็เสนอว่าจะพาฉันไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ ๆสวนสาธารณะในฤดูหนาวคนน้อยมาก มีเพียงคู่รักสองสามคู่มาพลอดรักกัน ดื่มด่ำความเงียบสงบที่ยากจะหาได้นี้เราเดินเลียบไปตามข้างทะเลสาบช้า ๆ ไม่มีใครพูดอะไรเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาเบา ๆ ตกมาบนตัวเราคล้ายกับผ้าโปร่งเบาบาง ๆ ชั้นหนึ่ง“ขอบคุณนะ อี้เฉิน” ฉันพูดขึ้นทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ขอบคุณอะไรฉันเหรอ?”“ขอบคุณที่รุ่นพี่รับเลี้ยงฉัน ให้ที่หลบภัยแสนอบอ

  • กลับมาเกิดใหม่ ฉันสะบัดสามีทิ้ง   บทที่ 9

    “ถ้านายอยากชดเชยจริง ๆ งั้นก็ใช้ชีวิตกับสวี่ฮุ่ยให้ดี ๆ”“อย่ามารบกวนฉันอีก แบบนี้จะดีกับเราทั้งสองพี่น้องมากกว่า”แววตาเขาหม่นหมอง ในน้ำเสียงแฝงความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “แต่ฉันมักจะรู้สึกว่า เมียของฉันควรเป็นเธอ”ในที่สุดความอดทนของฉันก็หมดลง จึงออกคำสั่งไล่แขกเลย“ลู่ฮ่าวเซวียน นายควรไปได้แล้ว นี่ไม่ใช่คำพูดที่นายควรจะพูด และไม่ใช่ที่ที่นายควรมาด้วย”เขาลุกขึ้นอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องของฉันพร้อมฝีเท้าหนักอึ้งฉันมองแผ่นหลังของเขา ในใจไร้ซึ่งความแปรปรวนใด ๆไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็โลเลระหว่างผู้หญิงสองคน ต้องการทุกคนอย่างไม่รู้จักพอฉันเริ่มครุ่นคิด ในเมื่อลู่ฮ่าวเซวียนกับสวี่ฮุ่ยอาศัยอยู่ที่นี่แล้วฉันก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่ออีกบ้านตระกูลลู่ เดิมทีก็ไม่ใช่บ้านของฉันอยู่แล้วเช้าตรู่วันต่อมา ฉันเก็บกระเป๋าสัมภาระเสร็จ ก็ไปเคาะประตูห้องของนายหญิงตระกูลลู่ฉันยัดบัตรธนาคารใบหนึ่งใส่มือของเธอ แล้วพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า“น้าคะ หลายปีมานี้ขอบคุณการดูแลของพวกน้าด้วยนะคะ”“ในบัตรเป็นเงินที่หนูเก็บออมเอาไว้ในหลายปีนี้ ถือว่าตอบแทนบุญคุณเลี

  • กลับมาเกิดใหม่ ฉันสะบัดสามีทิ้ง   บทที่ 8

    ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็เลี้ยงดูฉันมา ฉันจะใจจืดใจดำเกินไปไม่ได้คิดแล้วคิดอีก ฉันก็ยังซื้อตั๋วรถ หิ้วของขวัญถุงเล็กถุงน้อยกลับเมืองซานอยู่ดีเพิ่งเข้าประตูใหญ่บ้านตระกูลลู่มา ก็ได้ยินเสียงก่นด่าเล็กแหลมเสียงหนึ่ง“ลู่ฮ่าวเซวียน นี่พี่หมายความว่ายังไง?”“ฉันขอบอกพี่เลยนะ ฉันอุ้มท้องลูกของพี่อยู่ ไม่ได้มาเพื่อถูกรังแกนะ!”ฉันอึ้งไป เห็นเพียงสวี่ฮุ่ยท้องใหญ่มาก กำลังด่าลู่ฮ่าวเซวียนสาดเสียเทเสียสีหน้าของลู่ฮ่าวเซวียนคล้ำดำเขียว ทว่าไม่กล้าโต้กลับ ได้แต่ปลอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ฮุ่ยฮุ่ย เธอใจเย็นหน่อยนะ หมอบอกแล้วว่าตอนนี้เธอจะโมโหมากเกินไปไม่ได้ มันไม่ดีต่อเด็ก”“ฉันก็แค่ต้องการเสื้อโค้ตตัวนั้น พี่รีบไปซื้อมาสิ!”“ฮุ่ยฮุ่ย ครั้งหน้าฉันจะซื้อให้เธอโอเคไหม เบี้ยเลี้ยงเดือนนี้ใช้หมดแล้ว”ลู่ฮ่าวเซวียนประคองสวี่ฮุ่ยนั่งลงอย่างระมัดระวัง“โทษที่พี่ไร้ประโยชน์ จนถึงตอนนี้ยังเป็นแค่ผู้บังคับกองร้อย พี่คงไม่ได้ส่งเงินให้พี่สวี่หร่านใช้หรอกนะ”สีหน้าของลู่ฮ่าวเซวียนเปลี่ยน “ฮุ่ยฮุ่ย เธออย่าพูดจาซี้ซั้วนะ ฉันกับเขาตัดขาดกันไปนานแล้ว”“ตัดขาดกันงั้นเหรอ? พี่เห็นฉันโง่เหรอ? พี่เขียนจดหมายใ

  • กลับมาเกิดใหม่ ฉันสะบัดสามีทิ้ง   บทที่ 7

    อธิการบดีมองฉัน แล้วสลับไปมองลู่ฮ่าวเซวียน ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้นมาว่า“คุณลู่ ในเมื่อคุณไม่ได้เป็นอะไรกับนักศึกษาสวี่หร่าน งั้นคุณก็ทำเรื่องลาออกให้เธอไม่ได้”ในตอนนี้เองฉันถึงถอนหายใจทีหนึ่งลู่ฮ่าวเซวียนยังอยากพูดอะไรอีก ทว่าถูกอธิการบดีพูดตัดบท“คุณลู่ ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว”“เชิญคุณออกไปเถอะครับ ผมยังมีงานต้องจัดการ”วันต่อมา ลู่ฮ่าวเซวียนยังคงตามหลอกตามหลอนเหมือนผีฉันถูกเขาตามตื๊อจนทนกับการรบกวนไม่ไหว ประสิทธิภาพการเรียนก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยสิ่งที่ทำให้ฉันยิ่งปวดหัวก็คือ สวี่ฮุ่ยก็มาด้วย“พี่เซวียน ขอร้องพี่ละ เรากลับไปหย่ากันเถอะ!”“ฉันไม่อยากทำแบบนี้ ฉันไม่อยากแย่งสามีของพี่สาว”“ฉัน...ฉันมันเป็นคนชั่ว...”เธอดึงชายเสื้อของลู่ฮ่าวเซวียน ร้องไห้ตัวสั่นลู่ฮ่าวเซวียนโอบเธอไว้ในอ้อมอกอย่างปวดใจ พร้อมตบหลังเธอเบา ๆ“ฮุ่ยฮุ่ยเชื่อฟังนะ ไม่ต้องร้องไห้นะ นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ”“เราจะกลับไปเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ดีเอง ทำให้เธอต้องลำบากแล้ว...”สวี่ฮุ่ยร้องไห้จนน่าสงสาร แสร้งจะคุกเข่าให้ฉัน“พี่ขอโทษนะ พี่อย่าโกรธพี่เซวียนเลยนะ ฉันรู้ว่าเป็นเพราะเข้าใจพี่เซวีย

  • กลับมาเกิดใหม่ ฉันสะบัดสามีทิ้ง   บทที่ 6

    เห็นได้ชัดว่าอากาศของเมืองเซินชื้นทว่าอบอุ่น ฉันยืนสับสนอยู่หน้ามหาวิทยาลัยเซินเล็กน้อยเดินอยู่ในวิทยาเขต ไม่คิดเลยว่าจะมีความรู้สึกได้รับชีวิตใหม่อย่างหนึ่งตอนกลางวัน ฉันนั่งอยู่ในห้องเรียน ฟังการบรรยายอย่างตั้งใจ ซึมซับส่วนที่เป็นความรู้ตอนกลางคืน ฉันทำงานพาร์ตไทม์ในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เสิร์ฟอาหาร ล้างจาน เหนื่อยจนปวดเอวปวดหลังไปหมดทว่าความเหนื่อยล้าพรรค์นี้ กลับทำให้ฉันรู้สึกถึงความแน่วแน่ผ่านไปหนึ่งเดือน ฉันค่อย ๆ ชินกับชีวิตที่ยุ่งแต่เปี่ยมไปด้วยความหมายทว่าเห็นลู่ฮ่าวเซวียนอยู่ใต้ตึกหอพัก“สวี่หร่าน! ทำไมเธอถึงทำแบบนี้?”“ทำไมถึงเขียนชื่อของฮุ่ยฮุ่ยในใบคำร้องขอจดทะเบียนสมรส? ทำไมไม่ไปเมืองหลวง?!”ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่เข้าใจฉันมองเขาอย่างเย็นชา “ฉันไม่ต้องการสามีที่ในใจมีแต่คนอื่น”“น่ารังเกียจที่สุด รับไม่ได้จริง ๆ!”เขามองฉันอย่างไม่กล้าเชื่อ “ทำไมเธอถึงพูดจาแบบนี้ ก่อนหน้านี้เธอไม่ใช่แบบนี้เลย”ฉันเบือนหน้าไป มวลท้องไปหมด ความรู้สึกคลื่นไส้เอ่อขึ้นมาสายหนึ่งฉันไม่อยากมองเขาอีก ไม่อยากแม้แต่วินาทีเดียว“ลู่ฮ่าวเซวียน ตอนนี้ฉันแ

  • กลับมาเกิดใหม่ ฉันสะบัดสามีทิ้ง   บทที่ 5

    บางทีอาจจะสังเกตเห็นแล้ว และบางทีอาจไม่ได้สนใจเลยฉันหัวเราะอย่างน่าเวทนา ความลังเลสุดท้ายในหัวใจสลายหายไปโดยสมบูรณ์ที่แท้ นี่ก็คือสิ่งที่เขาบอกว่า ‘หลังจากนี้ฉันจะทำดีกับเธอ’คนขับรถพาฉันไปส่งที่โรงพยาบาล ผ่านการตรวจออกมา โชคดีที่อาการบาดเจ็บภายนอกและอวัยวะภายในเคลื่อนเล็กน้อยฉันนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ทั่วทั้งตัวมีแต่ความเจ็บปวด ทว่าในใจกลับราบเรียบดึกมากแล้ว ฮ่าวเซวียนเดินเข้ามาพร้อมใบหน้าเหนื่อยล้าเมื่อเขาเห็นว่าฉันฟื้นแล้ว บนใบหน้าก็วาบความลนลานขึ้นมาเล็กน้อย“หรานหร่าน เธอรู้สึกยังไงบ้าง? ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”ฉันมองเขาอย่างเย็นชา ไม่ได้ตอบกลับอะไรเขาถูมือ พลางอธิบายอย่างกระวนกระวาย“ฮุ่ยฮุ่ยเขากลัวมากเกินไปหน่อย ฉันอยู่ข้างเขาตลอด เพราะงั้น...”ภายใต้สายตาของฉัน เขาเงียบไปด้วยความกระดากอาย“หรานหร่าน เธอฟังที่ฉันพูดนะ ตอนนั้นสถานการณ์มันกะทันหันเกินไป ฮุ่ยฮุ่ยอยู่ใกล้ฉัน ตามสัญชาตญาณฉันเลย...”เขาชะงักไป คล้ายกับกำลังจัดระเบียบคำพูด “ฉันไม่รู้ว่าเธอจะถูกชน”ฉันพูดขึ้นตัดบทเขา “นายจะไปเมืองหลวงเมื่อไหร่?”เขาตอบกลับอย่างระมัดระวัง “ไปพรุ่งนี้แล้ว”“รู้แล้ว ฉันอยา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status