LOGIN“เธอเป็นพนักงานล้างห้องน้ำคนใหม่ใช่ไหม” แม่สาวร่างสูงโปร่งอกใหญ่ ป้ายเหล็กตรงหน้าอกบอกว่าชื่อนิลาวัลย์เอ่ยถามน้ำเสียงค่อนไปทางดูถูกดูแคลน
“ไม่น่าถามเลยลาวัลย์ หน้าตาเอ๋อเซ่อซ่าอย่างกับพวกไม่เต็มบาทแบบนี้ ได้แค่พนักงานล้างส้วม! ก็ดีแค่ไหนแล้ว” สาวร่างอรชรอ้อนแอ้นอีกคนป้ายบอกชื่อนวลนุชร่วมผสมโรง
“ใช่คะ” เฌอเอมถามเสียงสูงลิ่ว เอียงศีรษะเล็กน้อย
“ดูซิ บอกแล้วยังจะมายืนทำงงอย่างกับเด็กปัญญาอ่อนอีก ทำไมถึงไม่รีบไปทำล่ะย่ะ ไม่รู้หรือไง นี่นะห้องน้ำสำหรับให้แขกมาใช้บริการ ต้องให้สะอาดเอี่ยมอ่องอยู่เสมอ เธอนี่...ไม่แค่เอ๋อเซ่อ แต่สมองทึบ ปัญญายังเท่าหางอึ่ง” นวลนุชพูดรัวเร็วราวกับต้องการเอาใจสาวอีกคน
“ทำงานแย่ ไม่รับผิดชอบอย่างนี้ คงต้องรายงานคนดูแลมากกว่า” วิลาวัลย์เอ่ยราวกับว่าตัวเองมีอำนาจหน้าที่ตัดสินได้จะรับใครเข้าทำงานบ้าง
เฌอเอมยังคงยืนนิ่งและยิ้มหน้าระรื่น “ขอโทษนะคะ คือฉันจำได้ว่าห้องน้ำนี้เพิ่งทำความสะอาดไปไม่ถึงสิบนาที เป็นไปไม่ได้ที่จะสกปรกโดยการใช้งาน ยกเว้นมีพวกคนปัญญาอ่อน สมองฝ่อและน้อยยิ่งกว่าพวกวัวควายแถวบ้านฉันที่ต้องมีคนจูงไปไหนมาไหนเป็นคนทำนะคะ”
ดวงตากลมใสแจ๋วราวกับลูกแก้วไล่มองสองสาวทีละคนอย่างเชื่องช้า “เห็นการหางานให้คนอื่นทำเป็นเรื่องสนุก”
“แก!” โทสะพุ่งลิ่วจนดวงหน้าอิ่มเอิบแดงระเรื่อ วิลาวัลย์ชี้มือสั่นระริกใส่หน้าเฌอเอม
“มันด่าเรานะลาวัลย์” เอ่ยบอกเพื่อนด้วยความร้อนใจ ด้วยตัวเองเป็นคนทำให้ห้องน้ำสกปรก
วิลาวัลย์หน้าตึง “รู้แล้ว ไม่ต้องย้ำ ไม่ได้โง่” ก้มหน้า ทำตาดุกราดเกรี้ยว ต่อว่าลูกคู่สาวที่ไม่น่าให้ร่วมแผนการเลยให้ตายซิ ไม่ยอมรับเสียอย่างใครจะทำไงได้ หลักฐานก็ไม่มีสักอย่าง
“หน้าตาหงิมๆ แต่ไม่คิดว่าปากจัด แสดงว่ายายปากเสียบางคนเคี่ยวเข็ญสอนมาอย่างดีซินะ แต่ปากอย่างนี้ระวังทำงานที่นี่ได้ไม่ยืนน่ะย่ะ” กัดฟันกรอดๆ
“ขอบคุณค่ะที่หวังดีช่วยบอกกล่าว เอ่อ...พอดีฉันค่อนข้างโง่นะคะ คุณช่วยบอกหน่อยได้ไหม ทำงานที่นี่เขาตัดสินกันที่ฝีปากจัดๆ หรือดูที่การทำงานคะ หรือว่า...ดูจากการใช้รูปร่างหน้าตา...”
“มันด่าเธออีกแล้วลาวัลย์”
“เงียบนะ!!” วิลาวัลย์หันไปตวาดลูกคู่ที่คอยซ้ำเติมเธอเสียมากกว่า
“อีกอย่างที่คุณสองคนยังไม่รู้ คือว่า...ฉันไม่ได้เป็นพนักงานล้างห้องน้ำอย่างที่เข้าใจหรอกค่ะ” พูดน้ำเสียงราบเรียบแผ่วเบาคล้ายเด็กที่ขลาดกลัวการออกไปยืนหน้าชั้น เพียงแค่ได้ยินเสียงอะไรนิดก็สะดุ้งโหยง จนวิ่งกลับไปซุกอยู่ในซอกมุมซึ่งตัวเองคิดว่าปลอดภัยที่สุด
“ฉันเป็นแม่บ้านทำความสะอาดห้องแขกค่ะ เงินเดือนอาจน้อยนิดเดียว” ยิ้มจนแก้มป่อง นัยน์ตาพร่างพราววาวใส “แต่มีเกียรติมากกว่าพนักงานบางคนที่ชอบใช้...” ไม่พูดแต่ใช้การมองที่ทำเอาคนถูกมองถึงกับเนื้อตัวสั่นเทิ้มด้วยเพลิงโทสะ
“แก!!” วิลาวัลย์ตัวสั่นเทิ้ม ยกมือชี้หน้าเฌอเอมที่ยังยืนนัยน์ตาใสแจ๋วใสซื่อ ฉีกยิ้มกว้าง ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ อย่างเด็กทำผิดแล้วต้องปกปิดซ่อนเร้นไม่ให้พ่อแม่ล่วงรู้
“คุณสองคนมีอะไรกับฉันอีกหรือเปล่าคะ แบบว่า...ฉันคงต้องรีบไปเรียกพนักงานมาทำความสะอาดห้องน้ำที่พวกโรคจิต...” เน้นคำพูดหนักๆ ด้วยน้ำเสียงชัดเจน “ทำเอาไว้นะคะ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบอะไรเฌอเอมก็หันหลังเดินจากไปแต่ก็ไม่วายทิ้งคำพูดเอาไว้ “ไม่น่าเชื่อเลย คนเราหน้าตาก็สวย หน้าที่การงานหรือก็ดี แต่ทำไมถึงได้สมองนิ่ม หรือสมองคิดได้แต่ว่าจะทำร้ายคนอื่นเขายังไง ด่าว่าคนอื่นเขายังไง โดยไม่ยอมมองดูว่าตัวเองทำผิดอะไรบ้าง เฮ้อ!! ทำไมถึงปัญญาไม่เต็มเต็ง ทำเรื่องไร้สาระอย่างนี้ก็ไม่รู้ น่าเบื่อจริง!”
“ว่าไงล่ะคุณ” ปกติเธอเป็นคนมีความอดทนสูง ไม่ว่าเจอเหตุร้ายแรงแค่ไหนก็รับและแก้ไขได้ทุกสถานการณ์ ทว่าอยู่กับผู้ชายคนนี้แล้ว...ไม่รู้ทำไมเธอถึงเหมือนถูกกระตุ้นเพลิงโทสะตลอดเวลา ทำอะไรก็เพลี่ยงพล้ำไปเสียหมด สติแทบไม่เหลือ ต่อมความอดทนต่ำจนเหลือติดลบศูนย์
“เรื่องอะไรล่ะ” ชายหนุ่มถามพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ชอบที่ได้เห็นอีกฝ่ายร้อนรนกระวนกระวายจนหาทางรับมือไม่ถูก นิ้วยาวเรียวลากไล้ผิวเนื้อนวลเนียนราวกับแพรต่วนเนื้อดี ไม่อยากยอมรับเลยว่าผิวเธอนุ่มลื่นน่าลูบไล้จริงๆ แล้วทรวงอกอิ่มไหวกระเพื่อมก็นะ...ทำให้เขาอยากสัมผัสลิ้มลอง ไม่แพ้กลีบปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อที่ขยับขึ้นลง
เขาไม่ค่อยสนใจผู้หญิงมือสองที่ใช้ร่างกายแลกสิ่งของที่ตัวเองต้องการสักเท่าไหร่ ไม่อยากตีตราประทับรอยใคร แต่กับผู้หญิงบางคน เมื่อเสนอตัวมา ไอ้เราจะไม่ตอบสนองความอยากให้หรือ อืม...อย่างนี้เขาก็เป็นคนใจดำนะซิ ไหนๆ เธอก็ยั่วเขาแล้วนี่น่า จัดให้หน่อยคงไม่เป็นไรน่า
“ตกลง คุณ...” จิ้มนิ้วยาวเรียวไปบนอกกว้างแรงๆ “จะเอายังไงกับฉันกันแน่...ไอ้คนเฮงซวย!” สายน้ำผึ้งเข่นเขี้ยวก่นถาม นัยน์ตาเริ่มลุกวาวเจิดจ้า นี่มันชักจะมากเกินแล้วนะ เห็นเธอเป็นอะไรกันแน่ ถามเรื่องงานทีไรก็หุบปากเงียบสนิท แค่นั้นไม่พอยังพาออกนอกเรื่อง ทำให้เธองุนงงและปวดสมองกับการต้องจับต้นชนปลายให้ติดอีก
มือเล็กยกขึ้นทาบบนขมับ เมื่อรู้สึกปวดศีรษะริ้วๆ ขึ้นมา ไหนท้องอีกที่ส่งเสียงร้องประท้วง ทำให้นึกขึ้นได้ว่ามัวแต่วิ่งวุ่นเรื่องของคนอื่น พอตักอาหารเข้าปากก็พอดีที่สายตาเหลือบไปมองนาฬิกามุมตรงมุมห้อง บอกต้องรีบทำเวลา เพื่อขับรถออกจากบ้าน ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันส่งเฌอเอมเข้างานอีก อาหารเช้าที่อีกฝ่ายทำให้เลยเป็นหมัน
“ไม่เอายังไง แค่อยากบอกให้รู้”
น้ำเสียงที่พูดเอื่อยเฉื่อยราวกับไม่สนใจอะไร ทว่าคนฟังกลับหนาวยะเยือกเข้าไปถึงหัวใจ ไหนมือใหญ่ที่เคลื่อนไหวอยู่บนเรือนร่างอีก ทำให้สายน้ำผึ้งคิดไม่ตก แก้ไขและรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เห็นเป็นสาวมาดมั่นอย่างนี้ แต่เธอไม่เคยมีประสบการณ์ใกล้ชิดกับผู้ชายอย่างแนบชิด พัดพาความรู้สึกแปลกประหลาดคล้ายอาการที่อยู่รายรอบร้อนหรือหนาวราวกับจับไข้ แต่บางครั้งก็เหมือนมีไฟลุกเรืองรองอยู่มาก่อนเลย
“ถามจริง คุณแน่ใจได้ยังไงว่าฉันจะตกลง แล้วเกิดไม่...แม่คุณไม่หน้าแตกหรือไง” แต่แม่เธอนะหรือที่จะปฏิเสธ มีแต่จะรีบจับเธอใส่พานยกให้แม่ภาสวรโดยเร็วนะสิ ก็อยากจะให้เธอแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นจนถึงกับเคยเปรยให้เธอได้ยินอยู่ว่า ถ้ามีใครสักคนกล้าหาญมาขอเธอไปเป็นศรีภรรยาละก็...จะยกให้พร้อมกับทองสักสองสามบาท ไหนจะที่ทางอีกล่ะภาสวรส่ายศีรษะ เขามั่นใจเลว่าพ่อกับแม่จะทำสำเร็จเช่นตัวเขาเองที่ต้องสำเร็จด้วยเช่นกัน“ไม่เลย เพราะผึ้งไม่มีทางหนีมือฉันพ้น ถ้า...ป่อง” ชายหนุ่มยิ้มนัยน์ตาวาวระยับขณะสองมือวาดท้องโตขึ้นพร้อมใบหน้ารอยยิ้มละมุนละไม นัยน์ตาเข้มดุวามวาวเป็นประกายแฝงความเจ้าเล่ห์เอาไว้เต็มพิกัด ที่คนเห็นถึงกับหนาวจับขั้วหัวใจ “ผึ้งจะยอมอาย ไม่แต่งงานกับฉันได้หรือ” “ป่องเองสิยะ ไม่ย่ะ ฉันไม่ป่อง” “มีสิทธิ์เลือกหรือจ๊ะผึ้งจ๋า...ฉันปล่อยเชื้อไว้เต็มที่ทุกครั้งที่เราปั่มปั๊มกัน ใครจะไปรู้ ตอนนี้ผึ้งอาจมีผึ้งตัวเล็กๆ ซุกอยู่ในท้องแล้วก็ได้ แต่ถ้าผึ้งยังไม่มั่นใจ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันซ้ำให้นะจ๊ะเมียจ๋า” ภาสวรช้อนร่างนุ่มนิ่มขึ้นไปวางบนเตียงนอนพร้อมปลดเปลื้องเสื้อผ้าจากสองกายหลุดออกไปอย่างเร็วแทบเป
“ความจริงผึ้งควรดีใจนะที่เกิดเหตุการณ์นั้น เพราะทำให้ฉันมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง” ไม่เข้าใจ ศีรษะทุยเอียงเล็กน้อย ไอ้ที่เขาพูดมาหมายความว่ายังไงภาสวรยกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างเขินๆ “ฉันแค่อยากมั่นใจ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ไม่ใช่แค่ความผูกพันทางกาย แต่เป็นสายใยเชื่อมใจสองดวง เชื่อมคนสองคนให้ร่วมจับมือฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรค เติมเต็มความสุขพร้อมสร้างสุขด้วยกันตลอดจวบจนแก่เฒ่า” สายน้ำผึ้งไม่รู้เลยว่าตอนนี้หัวใจของเธอเริ่มละลายจากการกระทำและคำพูดที่จริงใจและเปี่ยมด้วยรักที่หัวใจรับรู้“ฉันขอโทษที่ฟังความเพียงข้างเดียว แล้วปรักปรำและทำร้ายเธออย่างไม่น่าอภัย ฉันรู้ว่าทำใจลืมยากกับการถูกข่มเหงร่างกายโดยไม่ยินยอม ฉันไม่เถียงที่ส่วนหนึ่งคืออยากลบล้างความรู้สึกผิดที่เกาะกุมใจ แต่ที่มากกว่านั้นคืออยากเติมความรู้สึกผูกพันและรักใคร่ระหว่างกัน พร้อมอยู่ดูแลกันด้วยรักไปตลอดตราบจนชั่วชีวิต” ภาสวรดันร่างเพรียวพาลงไปยืนบนพื้น ขณะที่เขาทรุดกายคุกเข่า “ทำอะไรน่ะคุณภาส” พยายามดึงเอาร่างใหญ่ให้ลุกขึ้น แต่กลับสู้แรงเขาไม่ได้และยังถูกจับมือเอาไว้“ก่อนที่ฉันจะดูแลเธอไปตลอดชีวิตได้ก็ต้อง... บอกรักและขอแ
“บางครั้งคนเราก็ทำอะไรที่ไม่ชอบลงไปจากความเข้าใจผิดของตัวเอง ฉันเป็นหนึ่งในนั้น ที่ยังดื้อดึงดันลุยไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งใด” ขนาดรู้ว่าไม่ใช่ เขาก็ยังไม่ยอมหยุด...“คุณจะพูดยังไงก็ได้ เพราะคุณเป็นฝ่ายได้เปรียบ” ให้เขาพูดดีและจริงใจแค่ไหน ทว่าความเลวร้ายที่เกิดขึ้นใช่ว่าจะลบเลือนได้เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ เพราะทุกการกระทำของเขา คือลิ่มเหล็กตอกย้ำความเจ็บช้ำและปวดร้าวฝังตรึงอยู่ในใจมิรู้คลาย “ปล่อยฉันเถอะคุณภาส ถ้าคุณรักฉันอย่างที่พูด ช่วยปล่อยฉันไปเถอะ ปล่อยให้ฉันไปมีชีวิตของฉัน” สายน้ำผึ้งอ้อนวอนเสียงสั่นพร่าและแหบเครือ“ไม่!!” ภาสวรผวากอดสายน้ำผึ้งเต็มรัก แค่เธอจากมาไม่กี่วันเขารู้สึกคล้ายรอบกายว่างเปล่า มองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่มืดมนจนมองแทบไม่เห็นทาง “ไม่! ไม่มีวันที่ฉันจะปล่อยเธอไป” เขารัดร่างนุ่มนิ่มแนบอก “แม้ต้องบังคับให้เธออยู่ด้วย...ฉันก็จะทำ!” อยากผลักไส แต่เรี่ยวแรงกลับแห้งเหือดหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ เธอจึงได้แต่อยู่ในอ้อมกอดที่ช่วยไล่ความหนาวเหน็บออกไปจนหมดสิ้น แต่สายน้ำผึ้งก็ยังพยายามเรียกเอาคำพูดและการกระทำของภาสวรที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงไร้ค่า ไร้ศักดิ์ศรีขึ้นมากลบ “
ภาสวรคลี่ยิ้มปากกว้าง “คุณเลยหวังใช้มือผมจัดการสั่งสอนสายน้ำผึ้งว่างั้นเถอะ” เจสันหัวเราะกลั้วคอ “ผมเอาคืนเล็กน้อย แต่คุณได้ประโยชน์เต็มๆ แล้วอย่างนี้จะตกลงรับข้อเสนอผมไหมล่ะ” ถ้าเขาไม่รับก็ต้องใช้เวลาควานหาตัวสายน้ำผึ้งที่ยังทำตัวดำดินมุดอยู่ในรูอีกนาน ในเมื่อมีคนพาตัวเธอมาเสิร์ฟให้ถึงมือ มีหรือจะไม่เอา“แล้วคุณมีแผนการยังไงบ้าง” ภาสวรเอ่ยถามและรับฟังด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น แม้ต้องอดทนที่ต้องมองสายน้ำผึ้งอยู่ไกลๆ แต่เพื่อวันแห่งความสุขเขาจำต้องยอมอดกลั้นที่เธอรู้สึกคล้ายถูกมองและถูกตามเมื่อสองสามวันก่อน...ก็เป็นอีตาหมีควายนี่น่ะสินะ แต่แปลกในเมื่อเขาเจอเธอแล้วทำไมถึงได้ไม่จับตัวไว้ตั้งแต่วันนั้นละ เชื่อได้หรือว่าเขาปล่อยเธอให้ลอยนวลโดยไม่ลากเข้าห้องแล้วขย้ำขยี้ให้แหลกละเอียดยิ่งกว่าแก้วที่ถูกตกลงบนพื้นแล้วถูกรถทับซ้ำอีกครั้ง ภาสวรยิ้ม “ถูกแล้วผึ้ง ฉันตามติดแต่ยอมอดทนตามที่เจสันแนะนำ เพราะกลัวเธอหนีไปอีกครั้งจนหาไม่เจอ รู้ไหมฉัน...หงุดหงิดแทบเป็นบ้าที่ต้องทำอย่างนั้น” เขาหงุดหงิดแทบเป็นบ้าเลยจริงๆ แต่ช่วงเวลาที่ห่างหายไม่ได้อยู่ใกล้กันก็มีส่วนดีด้วยเหมือนกัน เพราะทำให้เขาล่วงรู้ความ
เธอพกความช้ำชอกรวดร้าวกับขาดรอนและน้ำตากลับบ้าน ที่เพียงย่างเท้าเหยียบลงไปบนพื้น แข้งขาก็อ่อนแรง แต่จำต้องกัดฟันพาเรือนกายอ่อนระโหยโรยแรงก้าวเดินเข้าไปภายใน เพื่อเก็บเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็น รีบเดินทางออกจากบ้าน หาเช่าที่พักใช้เป็นที่หลบภัยชั่วคราว ก่อนภาสวรรู้ตัวและตามล่าเอาตัวกลับไปทรมานให้ตกนรกทั้งเป็นจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด หลบหนีรอดอุ้งมือมาได้ตั้งหลายวัน จนตอนนี้เคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยและจะเดินทางกลับบ้านก่อนต่อด้วยเดินทางไปหางานทำยังดินแดนที่ได้ขึ้นชื่อว่าไข่มุกแห่งอันดามัน ซึ่งเธอได้โทรติดต่อสอบถามบ้างแล้ว แต่ใครจะคาดคิดเล่าภาสวรดักรอเหมือนกับรู้ล่วงหน้าอย่างนั้นแหละ แม้หวาดหวั่นกริ่งเกรงจากรัศมีสายตาของคนตัวใหญ่ จนใบหน้าขาวนวลผุดผ่องค่อนไปทางซีดเผือด ทว่าสายน้ำผึ้งก็ยังเชิดขึ้นสูง ไม่ยอมมองพ่อหมีควายตัวโคร่งที่ยืนสอดมือเข้าในกระเป๋ากางเกง ใบหน้าเข้มกรุ้มกริ่ม สายตาคู่นั้นฉายแวววามวาวที่เธอคุ้นเคย และรีบสาวเท้าเป็นวิ่งเดินเลี่ยงไปที่ลิฟต์ซึ่งเปิดพอ“อะไรกันสายน้ำผึ้ง เจอหน้าผัวเก่าทั้งที นอกจากไม่ถามไถ่ไม่เจอกันหลายวัน คิดถึงกันบ้างไหม แล้วเป็นไงบ้างสบายดีหรือเปล่า ยังคิดห
“ถ้าพี่สรไม่รังเกียจ...หนูเอมจะยอมปวารณาตัวเป็นทาส...รัก” แม้เป็นเสียงกระซิบ แต่ก็ดังเข้าไปถึงหัวใจเจสันจนเขาต้องจดจำคำนี้ไม่มีวันลืม “ทาสเสน่หา...ทาสรักของพี่สรตลอดไปค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นเราต้องรีบบอกแม่หนูเอม แล้วไปจดทะเบียนกันนะ” เขาอยากมั่นใจ แค่สายใจสายสัมพันธ์สวาทผูกรัดเธอไว้ไม่พอ ยังต้องใช้ฐานะทางกฎหมายและสังคมมัดเธอไว้อีกชั้น ผู้หญิงดีๆ มีความอดทน ทำให้เขารู้สึกประหนึ่งได้พบลาภก้อนใหญ่ มีค่าดังราวกับเพชรในโคลนตม อย่างนี้มีหรือที่เขาจะปล่อยทิ้งไปได้นะ เป็นอย่างนั้นนะ...โง่บรมแล้วล่ะ “แล้วพี่สรจะบอกรักหนูเอมทุกๆ วันใช่ไหมคะ” ก็แหม...คำรักหวานๆ เธออยากฟังซ้ำหลายๆ ครั้งนี่น่า“ไม่ล่ะ คำนี้ถ้าพูดทุกวัน เดี๋ยวจะไม่มีความหมาย คล้ายไม่จริงใจมากกว่า ไว้ใช้ในโอกาสสำคัญๆ ดีกว่านะ แต่ไม่ต้องห่วงนะ” เขารีบบอกดักคอไว้ก่อน เพราะไม่อยากเห็นหน้าเศร้าๆ จากคนตัวเล็ก “ความรักไม่จำเป็นต้องเอ่ยพูด แต่แสดงออกทางความรู้สึก...ที่หนูเอมลืมไปเลย ฉันเอ่ยบอกรักครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” “ค่ะ...หนูเอมจะรอดู” เฌอเอมทาบมือบนท่อนแขนกำยำ เอนกายอิงอกกว้าง อบอุ่นวาบไปทั้งร่างกายและหัวใจ หลังจากบอกมารดาเป็นที่เรียบร้