ログイン“ถ้าฉันทำอะไรรุนแรงไป ก็อย่าโทษใคร ให้โทษตัวเธอเอง ที่ไม่ยอมรับปากทำตามความต้องการของฉัน ก็เท่านั้นเอง!” ชายหนุ่มคลี่ปากแย้มยิ้ม ลูบไล้ปลายนิ้วบนลำแขนกลมกลึงและอย่างรวดเร็วที่ชายหนุ่มกระชากดึงเอาผ้าส่วนบนของกายสาวร่วงหล่นลงมาอย่างเร็ว ก่อนฝ่ามือร้อนผ่าวทาบทับเฟ้นคลึงปทุมถันกลมกลึงแทบเป็นขยี้
สายน้ำผึ้งตกใจจนหัวใจหล่นหายไปกองที่ปลายเท้า เย็นวาบราวกับมีน้ำแข็งปกคลุมร่างกาย นัยน์ตาเบิกกว้าง อ้าปากค้างแต่ไม่มีเสียงหลุดออกมา เคยแต่ยั่วยวนให้อยากแล้วจากไป แต่ไม่เคยโดนเข้าถึงเนื้อถึงตัวจับต้องอย่างใจต้องการ โดยเธอตั้งตัวรับไม่ทันและทำอะไรไม่ถูก กว่าจะเรียกสติที่ขาดหายไปกลับคืนมาได้ก็เมื่อสองแขนถูกจับมัดไพล่หลัง ถูกรัดด้วยเนกไทที่อีกฝ่ายดึงออกจากคออย่างรวดเร็ว
ไม่ทันได้ขัดขืนกายอรชรเคลื่อนขึ้นไปนั่งบนโต๊ะตัวยาวใหญ่ ในสภาพหมิ่นเหม่อย่างน่าเกลียดที่สุดนับตั้งแต่เกิดและเติบโตมาจนอายุย่างยี่สิบแปดปี เพลิงไฟโทสะและอับอายในกายพุ่งลิ่วขึ้นไปรวมตัวกันที่ดวงหน้า จนสายน้ำผึ้งคิดว่าหน้าเธอคงแดงก่ำยิ่งกว่ากุ้งถูกต้มสุกด้วยความเดือดดาล
“คุณ!! ไอ้ผู้ชายบ้า ปล่อยฉันนะ!”
“ฉันไม่เหมือนผู้ชายที่เธอเคยเจอหรอกนะ ไอ้ประเภทโง่เง่าเต่าตุ่น ยอมทำตามความต้องการไปเสียหมด พอเธอบอกอยากได้สร้อยเพชรก็รีบไปซื้อให้อย่างลนลาน อยากเที่ยวชายหาดก็รีบหาโรงแรมเลิศหรูให้อยู่ฟรีไม่คิดเงิน เพียงเพื่อแลกกับร่างกายเน่าเหม็นน่ารังเกียจสะอิดสะเอียน” รายงานหลายชิ้นส่งมาถึงมือ เรื่องการใช้เงินเติบของใครบางคนที่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไม่คิด พร้อมคำด่าอีกกระบุงโตจากพายุทอร์นาโดรุจา
โน้มหน้าไปทาบปากร้อนระอุบนผิวนวลเนียนหอมนุ่มน่าลูบไล้ไปถ้วนทั่ว “แต่เป็นคนที่ต้องการอะไรแล้วต้องได้ แต่ถ้าไม่อยากได้...ฉันไม่เพียงขยี้ให้แหลกละเอียดเหมือนแก้วแตก แต่จะฝังดินกลบไม่ให้เหลือซาก!” เอ่ยน้ำเสียงแข็งกร้าวดุดัน นัยน์ตาเปล่งประกายราวกับมีเพลิงลุกไหม้อยู่
“โอ๊ย!! ไอ้บ้า ฉันเจ็บนะ หยุด!!” รีบร้องห้ามเสียงสั่น เมื่ออีกฝ่ายสัมผัสกายกลมกลึงบีบบี้อย่างรุนแรงราวกับกายอรชรคือผลส้มที่เขาต้องการให้แหลกละเอียดในอุ้งมือ โดยที่เธอขัดขืนไม่ได้ด้วย ความขลาดกลัวทำให้ยิ่งต้องต่อสู้เพื่อหนีจากมือใหญ่
“หยุดนะไอ้บ้า! ต้องการให้ฉันทำอะไรก็บอกมา แล้วปล่อยฉันด้วย ฉันเจ็บ!” เจ็บจนน้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าแล้ว แต่อีกฝ่ายดูจะสะใจมากกว่าสงสาร เพราะยิ่งเธอแสดงความร้าวรวดออกไปมากเท่าไหร่ เขาก็เพิ่มน้ำหนักการจับต้องจนผิวเนื้อนวลแดงจ้ำเป็นช้ำ พยายามขยับกายหนีแต่ก็ติดแขนกำยำโอบรัดรอบเอวบางอย่างกับต้องการหักเป็นสองท่อน
“แค่นี้คนหนังหนาหน้าโปกปูนทับ ไร้จิตสำนึกผิดชอบชั่วดีอย่างเธอไม่เจ็บหรอก เพราะถ้ารู้จักเจ็บเป็นยังไง อายเป็นยังไง คงไม่กล้าทำเรื่องไร้ยางอาย แย่งชิงสามีชาวบ้าน ทำให้เขาเจ็บปวดรวดร้าว ครอบครัวถึงกับแตกแยก เมียต้องหย่ากับผัว...ลูกต้องขาดพ่อขาดแม่”
ฤทธิ์ฝ่ามือหนาที่บีบเคล้นไปบนกายอรชรทำเอาสายน้ำผึ้งสะดุ้ง ฟันขาวขบไปบนกลีบปากนุ่มจนได้กลิ่นเลือดปะแล่มๆ ในปาก “หยุดทำบ้าๆ นะไอ้คนเลว! ฉัน...”
“หุบปากเน่าๆ ของเธอซะแม่ตัวดี ถ้ายังไม่อยากให้ฉันจับโยนออกไปบนถนนให้คนเขารุมขย้ำ หมาแทะไม่เหลือเหลือกระดูก”
สายน้ำผึ้งขบกลีบปากอิ่มขบเม้มจนแบนราบเรียบ อยากเถียงใจจะขาด เธอไม่รู้เรื่องที่เขาพูดมาสักนิด จะยัดเยียดกล่าวหาใคร ทำไมถึงไม่ตรวจสอบความจริงให้แน่ใจก่อน ว่าใช่! ที่ได้ยินเรื่องราวมาน่ะ
ทว่าเธอก็ได้แต่อึดอัดคับแค้นใจด้วยพูดออกไปไม่ได้ เพียงแค่มีเสียงหลุดออกจากปาก สัมผัสจาบจ้วงที่อยู่บนเรือนกายก็รุนแรง เจ็บเสียจนร้าวจนผิวเนื้อปริแตก อับอายและคั่งแค้นจนใจเหมือนถูกบีบจนหายใจไม่ออก ที่เธอต้องสะกดกลั้นน้ำตาไม่ยอมไหลออกมา เพราะสิ่งนั้นทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจและสะใจที่ทำร้ายเธอได้!
“จะให้ฉันทำตามที่คุณต้องการ คุณก็ควรบอกให้ฉันเข้าใจด้วย นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันไม่ใช้ผู้วิเศษที่จะไปตรัสรู้เรื่องของชาวบ้าน!” หญิงสาวกัดฟันพูดเสียงลอดออกมาทางไรฟัน อัดสูดลมหายใจเข้าปอด เพื่อเรียกเรี่ยวแรงพลังสู้รบกับอีกฝ่ายให้ถึงที่สุดและต้องเอาชัยชนะมาให้ได้ด้วย!
“เรื่องผู้หญิงหน้าด้าน ชอบแย่งผัวชาวบ้าน”
ข้อหาอุกอาจฉกาจฉกรรจ์จนเธอรับไม่ได้ แต่พออ้าปากจะโต้เถียงกลับต้องขบฟันขนกลีบปากเต็มแรง เมื่อบัวตูมไหวกระเพื่อมถูกกอบกุมและเฟ้นคลึงคล้ายเขาขยี้มดแมลงให้แบนคามือ
ไฟร้อนผ่าวที่เคลื่อนอยู่บนหน้าท้องแบนราบเรียบไต่ไล่ขึ้นไปทีละน้อย จนถึงปลายยอดบัวชูชัน สายตาเข้มดุกร้าวสบกับดวงตากลมโตฉายแววตื่นตระหนกขลาดกลัวระคนโกรธแค้นขุ่นเคือง มุมปากหนาหยัดยกขึ้นก่อนทาบปากบนปทุมถันกลมกลึง ขบเม้มจากฐานรากจรดปลายยอดเชอร์รี่สีชมพูอ่อนจาง
“ไม่นะคุณ หยุดนะ!!!” สายน้ำผึ้งแผดร้องห้ามน้ำเสียงหลง สองมือจิกโต๊ะสุดแรงด้วยความตื่นตระหนก พลางขยับพากายโอนเอนไหวคล้ายเธอยืนอยู่บนเส้นเชือกที่ผูกระหว่างสองตึกสูงหนี ทว่า...
เหลือบขึ้นมองได้สบกับดวงตากลมใสแจ๋วฉายแววตื่นตระหนกและขลาดกลัวคล้ายเขาคือโจรร้ายที่ต้องการจะทำลายพรหมจารีผู้หญิง ทำเอาคนที่กำลังลงทัณฑ์ด้วยความรังเกียจถึงกับงุนงงสงสัย ผู้หญิงกร้านโลก เชี่ยวชาญเชิญมารยาอิสตรีทำให้ผู้ชายหลงใหลอยากครอบครอง ถึงได้ตื่นกลัวอย่างกับถูกกระทำชำเรา ทว่า...กลิ่นกายเธอหอมจรุงใจ ผิวเนื้อนวลเนียนนุ่มจนเผลอตัวไปไม่น้อย
ทว่าชายหนุ่มก็เลือกไม่สนใจรับรู้ ด้วยคำที่บางคนพูดกรอกหูนั้นดังมากกว่า นิ้วยาวยกขึ้นไปทาบบนกลีบปากอิ่มห้ามไม่ให้พูด ขณะปากร้อนผ่าวขบเม้มทั่วก้อนเนื้อนุ่มหอมกรุ่น
“ความจริงเธอนี่ก็น่าสนใจดีนะ...ฉันคงต้องคิดใหม่เสียแล้ว มีอะไรกับเธอก็ไม่แปลก ยังไงฉันก็ผู้ชายไม่เสียหายอะไรเลยนี่ จริงไหม” ชายหนุ่มรั้งกายนุ่มนิ่มลงมาเล็กน้อย เพื่อเขาจะได้ลิ้มรสเจ้าเม็ดทับทิมอย่างถนัดถนี่โดยไม่จำเป็นต้องชะเง้อคอให้เมื่อย
“ถามจริง คุณแน่ใจได้ยังไงว่าฉันจะตกลง แล้วเกิดไม่...แม่คุณไม่หน้าแตกหรือไง” แต่แม่เธอนะหรือที่จะปฏิเสธ มีแต่จะรีบจับเธอใส่พานยกให้แม่ภาสวรโดยเร็วนะสิ ก็อยากจะให้เธอแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นจนถึงกับเคยเปรยให้เธอได้ยินอยู่ว่า ถ้ามีใครสักคนกล้าหาญมาขอเธอไปเป็นศรีภรรยาละก็...จะยกให้พร้อมกับทองสักสองสามบาท ไหนจะที่ทางอีกล่ะภาสวรส่ายศีรษะ เขามั่นใจเลว่าพ่อกับแม่จะทำสำเร็จเช่นตัวเขาเองที่ต้องสำเร็จด้วยเช่นกัน“ไม่เลย เพราะผึ้งไม่มีทางหนีมือฉันพ้น ถ้า...ป่อง” ชายหนุ่มยิ้มนัยน์ตาวาวระยับขณะสองมือวาดท้องโตขึ้นพร้อมใบหน้ารอยยิ้มละมุนละไม นัยน์ตาเข้มดุวามวาวเป็นประกายแฝงความเจ้าเล่ห์เอาไว้เต็มพิกัด ที่คนเห็นถึงกับหนาวจับขั้วหัวใจ “ผึ้งจะยอมอาย ไม่แต่งงานกับฉันได้หรือ” “ป่องเองสิยะ ไม่ย่ะ ฉันไม่ป่อง” “มีสิทธิ์เลือกหรือจ๊ะผึ้งจ๋า...ฉันปล่อยเชื้อไว้เต็มที่ทุกครั้งที่เราปั่มปั๊มกัน ใครจะไปรู้ ตอนนี้ผึ้งอาจมีผึ้งตัวเล็กๆ ซุกอยู่ในท้องแล้วก็ได้ แต่ถ้าผึ้งยังไม่มั่นใจ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันซ้ำให้นะจ๊ะเมียจ๋า” ภาสวรช้อนร่างนุ่มนิ่มขึ้นไปวางบนเตียงนอนพร้อมปลดเปลื้องเสื้อผ้าจากสองกายหลุดออกไปอย่างเร็วแทบเป
“ความจริงผึ้งควรดีใจนะที่เกิดเหตุการณ์นั้น เพราะทำให้ฉันมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง” ไม่เข้าใจ ศีรษะทุยเอียงเล็กน้อย ไอ้ที่เขาพูดมาหมายความว่ายังไงภาสวรยกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างเขินๆ “ฉันแค่อยากมั่นใจ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ไม่ใช่แค่ความผูกพันทางกาย แต่เป็นสายใยเชื่อมใจสองดวง เชื่อมคนสองคนให้ร่วมจับมือฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรค เติมเต็มความสุขพร้อมสร้างสุขด้วยกันตลอดจวบจนแก่เฒ่า” สายน้ำผึ้งไม่รู้เลยว่าตอนนี้หัวใจของเธอเริ่มละลายจากการกระทำและคำพูดที่จริงใจและเปี่ยมด้วยรักที่หัวใจรับรู้“ฉันขอโทษที่ฟังความเพียงข้างเดียว แล้วปรักปรำและทำร้ายเธออย่างไม่น่าอภัย ฉันรู้ว่าทำใจลืมยากกับการถูกข่มเหงร่างกายโดยไม่ยินยอม ฉันไม่เถียงที่ส่วนหนึ่งคืออยากลบล้างความรู้สึกผิดที่เกาะกุมใจ แต่ที่มากกว่านั้นคืออยากเติมความรู้สึกผูกพันและรักใคร่ระหว่างกัน พร้อมอยู่ดูแลกันด้วยรักไปตลอดตราบจนชั่วชีวิต” ภาสวรดันร่างเพรียวพาลงไปยืนบนพื้น ขณะที่เขาทรุดกายคุกเข่า “ทำอะไรน่ะคุณภาส” พยายามดึงเอาร่างใหญ่ให้ลุกขึ้น แต่กลับสู้แรงเขาไม่ได้และยังถูกจับมือเอาไว้“ก่อนที่ฉันจะดูแลเธอไปตลอดชีวิตได้ก็ต้อง... บอกรักและขอแ
“บางครั้งคนเราก็ทำอะไรที่ไม่ชอบลงไปจากความเข้าใจผิดของตัวเอง ฉันเป็นหนึ่งในนั้น ที่ยังดื้อดึงดันลุยไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งใด” ขนาดรู้ว่าไม่ใช่ เขาก็ยังไม่ยอมหยุด...“คุณจะพูดยังไงก็ได้ เพราะคุณเป็นฝ่ายได้เปรียบ” ให้เขาพูดดีและจริงใจแค่ไหน ทว่าความเลวร้ายที่เกิดขึ้นใช่ว่าจะลบเลือนได้เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ เพราะทุกการกระทำของเขา คือลิ่มเหล็กตอกย้ำความเจ็บช้ำและปวดร้าวฝังตรึงอยู่ในใจมิรู้คลาย “ปล่อยฉันเถอะคุณภาส ถ้าคุณรักฉันอย่างที่พูด ช่วยปล่อยฉันไปเถอะ ปล่อยให้ฉันไปมีชีวิตของฉัน” สายน้ำผึ้งอ้อนวอนเสียงสั่นพร่าและแหบเครือ“ไม่!!” ภาสวรผวากอดสายน้ำผึ้งเต็มรัก แค่เธอจากมาไม่กี่วันเขารู้สึกคล้ายรอบกายว่างเปล่า มองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่มืดมนจนมองแทบไม่เห็นทาง “ไม่! ไม่มีวันที่ฉันจะปล่อยเธอไป” เขารัดร่างนุ่มนิ่มแนบอก “แม้ต้องบังคับให้เธออยู่ด้วย...ฉันก็จะทำ!” อยากผลักไส แต่เรี่ยวแรงกลับแห้งเหือดหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ เธอจึงได้แต่อยู่ในอ้อมกอดที่ช่วยไล่ความหนาวเหน็บออกไปจนหมดสิ้น แต่สายน้ำผึ้งก็ยังพยายามเรียกเอาคำพูดและการกระทำของภาสวรที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงไร้ค่า ไร้ศักดิ์ศรีขึ้นมากลบ “
ภาสวรคลี่ยิ้มปากกว้าง “คุณเลยหวังใช้มือผมจัดการสั่งสอนสายน้ำผึ้งว่างั้นเถอะ” เจสันหัวเราะกลั้วคอ “ผมเอาคืนเล็กน้อย แต่คุณได้ประโยชน์เต็มๆ แล้วอย่างนี้จะตกลงรับข้อเสนอผมไหมล่ะ” ถ้าเขาไม่รับก็ต้องใช้เวลาควานหาตัวสายน้ำผึ้งที่ยังทำตัวดำดินมุดอยู่ในรูอีกนาน ในเมื่อมีคนพาตัวเธอมาเสิร์ฟให้ถึงมือ มีหรือจะไม่เอา“แล้วคุณมีแผนการยังไงบ้าง” ภาสวรเอ่ยถามและรับฟังด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น แม้ต้องอดทนที่ต้องมองสายน้ำผึ้งอยู่ไกลๆ แต่เพื่อวันแห่งความสุขเขาจำต้องยอมอดกลั้นที่เธอรู้สึกคล้ายถูกมองและถูกตามเมื่อสองสามวันก่อน...ก็เป็นอีตาหมีควายนี่น่ะสินะ แต่แปลกในเมื่อเขาเจอเธอแล้วทำไมถึงได้ไม่จับตัวไว้ตั้งแต่วันนั้นละ เชื่อได้หรือว่าเขาปล่อยเธอให้ลอยนวลโดยไม่ลากเข้าห้องแล้วขย้ำขยี้ให้แหลกละเอียดยิ่งกว่าแก้วที่ถูกตกลงบนพื้นแล้วถูกรถทับซ้ำอีกครั้ง ภาสวรยิ้ม “ถูกแล้วผึ้ง ฉันตามติดแต่ยอมอดทนตามที่เจสันแนะนำ เพราะกลัวเธอหนีไปอีกครั้งจนหาไม่เจอ รู้ไหมฉัน...หงุดหงิดแทบเป็นบ้าที่ต้องทำอย่างนั้น” เขาหงุดหงิดแทบเป็นบ้าเลยจริงๆ แต่ช่วงเวลาที่ห่างหายไม่ได้อยู่ใกล้กันก็มีส่วนดีด้วยเหมือนกัน เพราะทำให้เขาล่วงรู้ความ
เธอพกความช้ำชอกรวดร้าวกับขาดรอนและน้ำตากลับบ้าน ที่เพียงย่างเท้าเหยียบลงไปบนพื้น แข้งขาก็อ่อนแรง แต่จำต้องกัดฟันพาเรือนกายอ่อนระโหยโรยแรงก้าวเดินเข้าไปภายใน เพื่อเก็บเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็น รีบเดินทางออกจากบ้าน หาเช่าที่พักใช้เป็นที่หลบภัยชั่วคราว ก่อนภาสวรรู้ตัวและตามล่าเอาตัวกลับไปทรมานให้ตกนรกทั้งเป็นจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด หลบหนีรอดอุ้งมือมาได้ตั้งหลายวัน จนตอนนี้เคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยและจะเดินทางกลับบ้านก่อนต่อด้วยเดินทางไปหางานทำยังดินแดนที่ได้ขึ้นชื่อว่าไข่มุกแห่งอันดามัน ซึ่งเธอได้โทรติดต่อสอบถามบ้างแล้ว แต่ใครจะคาดคิดเล่าภาสวรดักรอเหมือนกับรู้ล่วงหน้าอย่างนั้นแหละ แม้หวาดหวั่นกริ่งเกรงจากรัศมีสายตาของคนตัวใหญ่ จนใบหน้าขาวนวลผุดผ่องค่อนไปทางซีดเผือด ทว่าสายน้ำผึ้งก็ยังเชิดขึ้นสูง ไม่ยอมมองพ่อหมีควายตัวโคร่งที่ยืนสอดมือเข้าในกระเป๋ากางเกง ใบหน้าเข้มกรุ้มกริ่ม สายตาคู่นั้นฉายแวววามวาวที่เธอคุ้นเคย และรีบสาวเท้าเป็นวิ่งเดินเลี่ยงไปที่ลิฟต์ซึ่งเปิดพอ“อะไรกันสายน้ำผึ้ง เจอหน้าผัวเก่าทั้งที นอกจากไม่ถามไถ่ไม่เจอกันหลายวัน คิดถึงกันบ้างไหม แล้วเป็นไงบ้างสบายดีหรือเปล่า ยังคิดห
“ถ้าพี่สรไม่รังเกียจ...หนูเอมจะยอมปวารณาตัวเป็นทาส...รัก” แม้เป็นเสียงกระซิบ แต่ก็ดังเข้าไปถึงหัวใจเจสันจนเขาต้องจดจำคำนี้ไม่มีวันลืม “ทาสเสน่หา...ทาสรักของพี่สรตลอดไปค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นเราต้องรีบบอกแม่หนูเอม แล้วไปจดทะเบียนกันนะ” เขาอยากมั่นใจ แค่สายใจสายสัมพันธ์สวาทผูกรัดเธอไว้ไม่พอ ยังต้องใช้ฐานะทางกฎหมายและสังคมมัดเธอไว้อีกชั้น ผู้หญิงดีๆ มีความอดทน ทำให้เขารู้สึกประหนึ่งได้พบลาภก้อนใหญ่ มีค่าดังราวกับเพชรในโคลนตม อย่างนี้มีหรือที่เขาจะปล่อยทิ้งไปได้นะ เป็นอย่างนั้นนะ...โง่บรมแล้วล่ะ “แล้วพี่สรจะบอกรักหนูเอมทุกๆ วันใช่ไหมคะ” ก็แหม...คำรักหวานๆ เธออยากฟังซ้ำหลายๆ ครั้งนี่น่า“ไม่ล่ะ คำนี้ถ้าพูดทุกวัน เดี๋ยวจะไม่มีความหมาย คล้ายไม่จริงใจมากกว่า ไว้ใช้ในโอกาสสำคัญๆ ดีกว่านะ แต่ไม่ต้องห่วงนะ” เขารีบบอกดักคอไว้ก่อน เพราะไม่อยากเห็นหน้าเศร้าๆ จากคนตัวเล็ก “ความรักไม่จำเป็นต้องเอ่ยพูด แต่แสดงออกทางความรู้สึก...ที่หนูเอมลืมไปเลย ฉันเอ่ยบอกรักครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” “ค่ะ...หนูเอมจะรอดู” เฌอเอมทาบมือบนท่อนแขนกำยำ เอนกายอิงอกกว้าง อบอุ่นวาบไปทั้งร่างกายและหัวใจ หลังจากบอกมารดาเป็นที่เรียบร้







