ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวเดินผ่านซอยมืด ผ่านซุ้มประตูหลายครั้ง จนกระทั่งทั้งสองคนออกมาข้างนอกเมือง แสงสว่างและเสียงผู้คนจากงานเทศกาลเริ่มจางลง จางลง จนในที่สุดก็มืดสนิท
แต่ชิงถิงกลับยังคงลากให้เสี่ยวเหอเดินต่อไป ผ่านไปนานเสี่ยวเหอจึงเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ พยายามเรียกให้ชิงถิงหยุดเดิน แต่ชิงถิงไม่สนใจ เอาแต่ลากนางอยู่นั่น จนนางต้องสะบัดมือแรงๆ เขาจึงจำเป็นต้องหยุด
“ข้าต้องกลับไปแล้ว” เสี่ยวเหอพูด
เป็นเพราะมืดมาก เสี่ยวเหอจึงไม่เห็นว่าชิงถิงทำหน้าโกรธทันที ก่อนจะตะคอกด่านาง
“เจ้าโง่หรือไร!”
เสี่ยวเหอตกใจกับน้ำเสียงที่โกรธจัดของชิงถิง เพราะไม่เคยเห็นเขาโกรธมากเช่นนี้เลยสักครั้ง แม้ปกติเขาจะไม่ค่อยยิ้มแย้ม แต่ก็ไม่เคยตะคอกใส่นาง ปกติเขาเป็นคนใจดี มักจะเอาตุ๊กตาดินปั้นมาฝากนางบ่อยๆ ด้วย
เวลานั้นมีหลายสิ่งอย่างวิ่งจู่โจมเข้าไปในใจของเสี่ยวเหอ ทั้งน้อยใจเรื่องพี่สาว ทั้งความว้าวุ่นใจทั้งหมดที่พบเจอในช่วงนี้ เขายังจะดุใส่นางอีก ทำให้เสี่ยวเหอเริ่มน้ำตาไหล ก่อนจะส่งเสียงร้องไห้ดังๆ ออกมา
“ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ”
เสี่ยวเหอร้องไห้อยู่นาน ไม่มีแม้เสียงปลอบใจจากชิงถิง นางไม่เห็นสีหน้าเขาเพราะเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ท่ามกลางความมืด แต่ยังคงรู้สึกถึงมือของเขาที่จับมือนางไว้อย่างอ่อนโยนอยู่ตลอดไม่ปล่อย
หญิงสาวร้องไห้จนพอใจ ในที่สุดก็หยุดร้อง ถึงแม้จะยังมีเสียงสะอื้นอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีน้ำตาแล้ว ชายหนุ่มจึงยื่นแขนเสื้อมาให้นางเช็ดน้ำตา
“หนีไปด้วยกันเถิด ข้าจะดูแลเจ้าตลอดชีวิตเอง” เสียงของชิงถิงดังผ่านความมืดและความเงียบของยามค่ำคืน
“..!!”เสี่ยวเหอตกใจ หัวใจเต้นแรง
แม้จะเป็นการขอแต่งงานที่กะทันหันมาก หญิงสาวทั้งสับสนทั้งวุ่นวายใจ แต่ก็เพียงครู่เดียว เพราะความจริงทุกอย่างทำให้นางไม่กล้าแม้แต่จะคิด นางกลัวท่านพ่อท่านแม่จะเสียใจ ยิ่งนึกถึงคืนที่พี่สาวหนีออกจากบ้าน นึกถึงหน้าตาของท่านพ่อที่ร่ำๆ จะร้องไห้เพราะพี่สาวหายไป นางไหนเลยจะกล้าคิดทิ้งงานแต่ง หนีไปกับชายอื่น
“ข้าไปไม่ได้” สุดท้ายเสี่ยวเหอจึงปฏิเสธ
“ชิ” ชิงถิงอารมณ์เสียชัดเจนแต่ไม่ได้ตะคอกใส่นางอีก
มือที่จับกันไว้เขายังคงไม่ยอมปล่อย ทั้งสองคนได้แต่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืด ไม่ขยับไปไหน ยืนเช่นนั้นเงียบๆ อยู่นาน สุดท้ายชิงถิงก็ยอมพาหญิงสาวกลับมาที่โรงเตี๊ยม และเหมือนไม่มีผู้ใดสนใจที่นางหายตัวไป
“ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ข้าจะพาเจ้าหนี คิดอีกที คิดให้ดีๆ แล้วตอบตกลงหนีไปกับข้าเถิด” ชิงถิงพูดก่อนจะกลับ เขาไม่ได้ถามและไม่ได้ให้ทางเลือกกับนางสักนิด
เสี่ยวเหอไม่แน่ใจว่าชิงถิงต้องการอะไรกันแน่ บอกให้นางคิด แต่ก็คล้ายๆ จะบังคับให้นางตอบตกลง ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยอารมณ์อ้อนวอนขอร้อง แต่นางก็ยังคงส่ายหน้า ไม่ยอมพูดอะไร
ชิงถิงคล้ายจะโกรธขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้าอยากแต่งงานกับเจ้าหมูตอนนั่นหรือ!?” เขาถามเสียงดุ
เสี่ยวเหอส่ายหน้า นางไม่ได้อยากแต่งให้พ่อค้าวาณิช แต่ไม่อาจไม่เชื่อฟังบุพการี
ชิงถิงโมโหจนไม่รู้จะทำเช่นไรกับเด็กดื้อตรงหน้าดี สุดท้ายเขาเหมือนตัดสินใจบางอย่างได้ จึงดึงเสี่ยวเหอมาจูบปากแรงๆ ทั้งดูดดุนขบกัดไปทั่วริมฝีปาก กวาดลิ้นควานหาปลายลิ้นของหญิงสาวและดูดดื่มอย่างหิวโหย
เสี่ยวเหอที่คิดว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่งมาโดยตลอดถูกเขากระทำอุกอาจรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว ได้แต่ยืนตกใจตาโต จับสาบเสื้อเขาแน่น ปล่อยให้เขาจูบจนเจ็บไปทั้งปลายลิ้นแทบจะละลายยืนไม่อยู่
ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าเขาจะยอมปล่อยหญิงสาวและหอบหายใจแหบพร่า
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคิดเช่นไร แต่ข้ายอมให้เจ้าแต่งกับเจ้าหมูตอนนั่นไม่ได้” เขาเพียงบอกความต้องการของเขา พูดเสร็จก็หันหลังเดินจากไปทันที ทิ้งให้เสี่ยวเหอสับสนกับชีวิตและความรู้สึก ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาเร็วมากจนนางตั้งตัวไม่ทัน ทั้งเรื่องแต่งงาน เรื่องพี่สาว เรื่องหนีตามเขา และเรื่องจูบ!
คืนนั้นเสี่ยวเหอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเข้าไปนอนในโรงเตี๊ยมได้อย่างไร เข้าไปเวลาใด หรือนอนหลับไปเมื่อใด รู้เพียงว่าไม่อาจลืมริมฝีปากเอาแต่ใจของชิงถิง นางวุ่นวายนอนไม่หลับ นางคิดว่ารู้จักชิงถิงดี แต่วันนี้เหมือนบุรุษเงียบขรึมผู้นั้นไม่ใช่คนที่นางรู้จักอีกแล้ว
รุ่งขึ้น สาวใช้จื่อรั่วเห็นเสี่ยวเหอออกมาจากห้องพักก็ตกใจมาก นางทั้งเหงื่อตกและลุกลี้ลุกลน แต่ก็พยายามทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และใช้ข้ออ้างที่เสี่ยวเหอหายตัวไปมาตำหนิ
“คุณหนูรองหายไปไหนมาเจ้าคะ ข้าตามหาอยู่ทั้งคืน ทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ไม่ได้ ต่อไปอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ”
“ข้าขอโทษ” เสี่ยวเหอได้แต่ขอโทษและรู้สึกผิดอย่างมากโดยไม่ทันสังเกตสีหน้าที่ผิดปกติของจื่อรั่ว เพราะตัวนางเองก็มีเรื่องให้ขบคิดมากมาย
คุณหนูบ้านนอกผู้ไม่รู้ประสาถูกสาวใช้จื่อรั่วบ่นอยู่นาน นางต้องเขียนหนังสือขอโทษคู่หมั้น เพราะฝ่ายชายต้องรีบไปทำการค้าในเมืองข้างๆ ต่อ นางยังถูกแม่สื่อกล่าวสั่งสอนอีกหลายชั่วยาม
ในที่สุดเสี่ยวเหอ จื่อรั่วและแม่สื่อก็เตรียมกลับบ้าน ระหว่างทางเสี่ยวเหอก็ยังคงถูกจื่อรั่วบ่นตลอดทาง
วันต่อมา เสี่ยวเหอเห็นว่าจื่อรั่วมีรอยฟกช้ำตามตัวเต็มไปหมด จึงพยายามเค้นถาม
“เจ้าเป็นอะไร”
“ไม่ได้เป็นเจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบ
“อย่าโกหกข้า เจ้าไม่บอกข้าจะช่วยอย่างไร” เสี่ยวเหอเป็นห่วง
“เป็นเพียง..เอ่อ..อุบัติเหตุ อุบัติเหตุเล็กน้อยเจ้าค่ะ ข้า..ข้าล้มระหว่างไปหาฟืน เพราะต้องแบกฟืนหนักมาก..ข้าจึงตกเนินเขาเล็กๆ ไม่เป็นไรมากเจ้าค่ะ” จื่อรั่วพูด ก่อนจะทำเป็นยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา
เสี่ยวเหอสงสารมาก รีบกลับห้องของตัวเองเพื่อเอายาไปให้จื่อรั่ว ระหว่างนั้นก็พบกับพี่หลันเหมยที่กำลังจะออกนอกบ้านพอดี ตั้งแต่ที่พี่สาวหนีออกจากบ้านครั้งนั้น เสี่ยวเหอก็แทบไม่ได้คุยกับพี่หลันเหมยเลย คล้ายว่าพี่สาวจะพยายามหลบหน้านางด้วย
“พี่หลันเหมย” เสี่ยวเหอเรียก
หลันเหมยเห็นว่าน้องสาวหอบยามาหลายขวด จึงเป็นห่วงว่าน้องสาวอาจได้รับอันตรายบางอย่าง
“เจ้า..จะเอายามากมายไปทำอันใด บาดเจ็บหรือ” นางถามโดยพยายามไม่มองหน้าน้องสาว
เสี่ยวเหอคิดว่าพี่สาวคงรู้สึกผิดที่ทำเรื่องเช่นนั้นไป และดีใจมากที่พี่สาวยอมพูดคุยด้วยแล้ว
“จื่อรั่วล้มตอนไปเก็บฟืนบนเขาเจ้าค่ะ ตัวฟกช้ำเต็มไปหมด ข้าเลยจะเอายาไปให้นาง” เสี่ยวเหอตอบพร้อมรอยยิ้ม
ทันใดนั้นหลันเหมยก็เงยหน้าสบตาน้องสาว และขมวดคิ้วมุ่น ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธเคืองอีกแล้ว
“เหตุใดเจ้าโง่เช่นนี้!” หลันเหมยตะคอกใส่หน้าน้องสาว นางแย่งขวดยาไปทุบทิ้งโยนทิ้งทั้งหมด พร้อมหันมามองเสี่ยวเหอที่กำลังตกใจกับการกระทำของพี่สาว
“เจ้ามันโง่ โง่ที่สุด ข้าไม่อยากสนใจเจ้าอีกแล้ว” หลันเหมยด่าน้องสาวด้วยคำร้ายกาจ
“ข้าแน่ใจ คนผู้นั้นเป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลหยวน ตระกูลหยวนเป็นพ่อค้าขายเกลือที่ได้รับสัมปทานโดยตรงของอำเภอนี้” พี่สาวอธิบาย“ขะ..ข้าไปรู้จักครอบครัวนั้นได้อย่างไรกัน” เสี่ยวเหอกลัดกลุ้ม ไม่ใช่นางเคยบอกท่านแม่ไปแล้วหรือว่าตัวเองมีคนที่อยากแต่งด้วยแล้ว เหตุใดจึงเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก“ก็..เมื่อเดือนที่แล้วเจ้ายังไปเที่ยวดูโคมมังกรในเทศกาลซีซีกับคุณชายตระกูลหยวนอยู่เลยไม่ใช่หรือ จะมาตกใจอะไรตอนนี้” เสียงที่ตอบมาไม่ใช่พี่สาว แต่เป็นเสียงของชิงถิง!!!!!เสี่ยวเหอและหลันเหมยหันไปดูพร้อมกัน ชิงถิงกำลังขนตะกร้าใส่ไข่สองใบใหญ่มา เขาวางตะกร้าไข่ไว้ที่พื้นเบาๆ“ให้เอาไปไว้ทางใด” ชิงถิงถามพี่หลันเหมย โดยไม่หันมามองเสี่ยวเหอเลยสักนิด พี่หลันเหมยหันมามองน้องสาวตัวเองที่แข็งค้างไปแล้วอย่างกังวล“ทางนี้” พี่สาวบอกชิงถิง ก่อนพาไปวางไข่ไว้บนชั้นวางและหยิบเงินให้เขาไปถุงหนึ่ง“ขอบใจเจ้ามากต้าจื่อ ขนมพวกนี้ฝากไปให้ท่านแม่ของเจ้าด้วย ตอบแทนที่คัดไข่ใบใหญ่ๆ มาให้ข้าเสมอ”ในขณะที่เสี่ยวเหอมองชิงถิงและพี่สาวเดินไปเดินมา ตัวเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในหัวมีแต่คำที่เขาว่านางไปเดินเล่นดูโคมไฟมังกรกับคุณชายตระกูลหย
“ไม่เป็นไร แค่พี่หลันเหมยมีความสุข พบคนดี ข้าก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยข้าอีกคนก็ได้เข้าร่วมงานแต่งอวยพรให้นาง แต่ข้าเห็นว่าเจ้าก็คงไม่ได้ไปงานแต่งของพี่หลันเหมยใช่หรือไม่ ข้าจึงไม่ได้ไปที่นั่น เพราะเจ้าคนเดียว ฮึ” เขาหัวเราะเบาๆ กับท่าทางย่นปากน่ารักเช่นนั้น“ข้าเป็นทหารอยู่ในกองทัพ ไม่สามารถลาไปงานแต่งของคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องได้ แต่ได้ส่งของไปร่วมแสดงความยินดีแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วง” “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้านั่นแหละ” “ได้ๆ เพราะข้าเอง” เขายอมให้ ในใจเสี่ยวเหอเมื่อนึกย้อนถึงโลกก่อน พี่สาวตายทั้งที่อยู่ในชุดแดง การแต่งงานเช่นนี้ ช่างเป็นวาสนาที่ดีกับพี่หลันเหมยมาก นางรู้สึกดีใจมากๆ จากใจจริง คืนวันนั้นชิงถิงก็พร่ำพลอดบอกรักกับนางเช่นเคย แม้จะไม่ได้ส่งเสียงดังเท่ายามแก่ เพราะกลัวท่านพ่อท่านแม่ข้างบ้านได้ยิน ในขณะที่ยามเป็นรองแม่ทัพไม่ต้องสนใจสายตาใครแล้วแต่เขายามนี้ก็ยังคงกระซิบกระซาบบอกรักมากมาย บอกว่าคิดถึงนางมากเพียงใด เสร็จไปศึกหนึ่ง ก็ต่ออีกศึกหนึ่ง เขาทำเช่นนั้นหลายครั้งจนใกล้จะรุ่งเช้า เสี่ยวเหอง่วงนอนใกล้จะหลับเขาก็ไม่ยอม ชิงถิงพยายามปลุกนางให้ตื่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้กรำศึกไปพร้
“ไม่ได้!!!” เสี่ยวเหอปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด“ชิงชิงเป็นของข้าคนเดียว” นางโกรธมากชิงถิงยิ้มมุมปากอย่างไม่อาจควบคุม เขามองเสี่ยวเหออย่างรักใคร่ ตัวเขาคิดเสมอว่าเสี่ยวเหอเป็นคนอ่อนหวาน แต่ไม่เคยรู้เลยยามนางหึงหวงจะกลายเป็นนางเสือน่ากลัวได้ด้วยทางหนึ่งชิงถิงก็รู้สึกพึงพอใจ ให้นางได้ลิ้มรสความทรมานในการหึงหวงบ้างก็ดี นางจะได้รู้ว่าเขาต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้หลายปีมันไม่ใช่เรื่องรื่นรมย์อะไร เขาอยากให้นางหวงแหนเขาจนแทบขาดใจ“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเพียงทดสอบท่านว่าจริงใจหรือไม่ ในเมื่อท่านจริงใจกับข้า ข้าก็จะจริงใจกับท่าน ตัวข้าจะหายไป ขอเวลาไม่นานเกินเดือน” อนุจินยืนขึ้น ด้วยความหยิ่งทะนงในตนเอง“นี่....นี่เจ้า..เจ้าไม่ต้องรับอนุแล้วใช่หรือไม่?” เสี่ยวเหอหันมาถามชิงถิง“นั่นสิ เจ้าคิดว่าอย่างไร ข้ายังต้องรับนางเป็นอนุอีกเดือนหนึ่งหรือไม่นะ แล้วข้าต้องเข้าหอตามธรรมเนียมด้วยหรือไม่ ทำเช่นไรดี” เขายิ้มน้อยๆ ลูบหัวเสี่ยวเหอของเขาอย่างรักใคร่“...” เขาหยอกนางอีกแล้ว เสี่ยวเหอไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดเขามักจะชอบทำให้นางสับสน! เท่านี้นางก็หึงหวงเขาจนเจ็บปวดไปทั้งใจแล้ว เขาชอบให้นางทรมานเพราะหึงหวงเขาหร
นางเดินทางข้ามเวลาทุกวันเช่นนี้ จะเอากำลังที่ใดไปสู้รบกับเหล่าอนุที่ฮ่องเต้ประทานให้สามีของนางอย่างไร นางเคยได้ยินว่า สตรีพวกนั้นล้วนงดงามมีความสามารถ พร้อมทำทุกวิธีเพื่อจะปีนขึ้นเตียงของบุรุษ“เจ้าปฏิเสธไม่รับอนุไม่ได้หรือ ให้คนอื่นๆ รับแทนก็ได้ รองแม่ทัพมีเจ้าเพียงผู้เดียวหรือ” เสี่ยวเหอน้อยใจ“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะติดหนี้บุญคุณของท่านแม่ทัพอยู่ จำเป็นต้องตอบแทนคุณ แต่ข้ารับรอง ข้ามีแค่เจ้า เชื่อข้าได้หรือไม่” เขาแก้ตัว ดึงนางมากอดปลอบ น้ำเสียงฟังคล้ายอ้อนวอนแปดส่วน หวาดหวั่นอีกสองส่วนเสี่ยวเหอเห็นท่าทางร้อนรนของเขา ท่าทางเอาอกเอาใจนาง แม้จะเป็นชิงถิงที่อายุมากแล้ว มีหนวดเคราเต็มหน้า แต่อย่างไรก็ยังน่ารักในสายตานาง นางกอดเขาตอบ ลูบหลังปลอบโยนราวกับกำลังปลอบเด็กน้อยชิงชิง“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่ยอมรับ หากเจ้ารับอนุ ข้าจะรับลูกบุญธรรม!!” นางอยากให้เขาเอาใจ“เจ้ามีลูกของตัวเองแล้วนะ” ชิงถิงผลักนางออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเสี่ยวเหอ ท่าทางตกใจไม่น้อยเสี่ยวเหอยิ่งทำหน้าตกใจไปใหญ่ นางเพิ่งเข้าหอกับเขาไม่กี่ครั้ง ไม่เคยอุ้มท้อง แต่เขากลับบอกว่านางมีลูกกับเขาแล้วเช่นนั้นหรือ!!ชิง
ชิงถิงกอดนางครู่หนึ่งก็ปล่อยนางลงพื้น“ข้ากำลังจะไปเมืองหลวง เจ้าอยากไปด้วยกันหรือไม่?”เสี่ยวเหออยากนอนอยู่ที่จวนของเขาและตื่นขึ้นมาที่จวนของเขา แต่นางก็อยากลองไปเมืองหลวงสักครั้ง“หากพรุ่งนี้ยังไม่ถึงเมืองหลวง แล้วข้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาจะทำเช่นไร” นางกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว“แต่วันนี้ เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน สิ่งนี้สำคัญกว่า” เขาปลอบ“..แต่” เสี่ยวเหอไม่ชอบความไม่แน่นอน“พรุ่งนี้เจ้าตื่นมา ไม่ว่าที่ใดก็ต้องพบกับข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” เขาเสริม“..ได้ เช่นนั้นข้าไป” นางพยักหน้า นัยน์ตาส่องประกายอย่างมีความสุข แม้จะกังวล แต่หากมีเขา ไม่ว่าที่ใดนางก็ยินดีชิงถิงสั่งให้รีบเตรียมเสื้อผ้าของฮูหยินเล็กน้อยอย่างรวดเร็วและเตรียมรถม้า ก่อนเดินทางเขาเข้าไปนั่งในรถม้ากับฮูหยินของเขาด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะขี่ม้าไปเพื่อจะได้ย่นระยะเวลาระหว่างเดินทาง ไม่มีทหารม้าคนใดกล้าเข้าใกล้รถม้าของท่านรองแม่ทัพ มีเพียงคนขับรถม้าที่ต้องทนรับกรรม ต้องทนรับฟังท่านรองแม่ทัพพร่ำเพ้อ พูดมาก ด้วยการบอกรักฮูหยินเสียงแหบพร่า ครั้งแล้วครั้งเล่าจนบางครั้งรถม้าก็สั่นสะเทือนไปหมด คนขับรถม้าได้แต่เก็บความ
เสี่ยวเหอตัดสินใจครั้งสำคัญ คิดว่าถูกผิดอย่างไรก็ช่าง เพราะไม่มีทางเลือก ทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาคลั่งไคล้นางไม่เลิก ไหนๆ ก็เคยจูบมาแล้วตอนอายุสิบเจ็ด ทำอีกสักครั้งคงไม่เป็นไรไป นางคิดแล้วจึงยกมือเกาะคอเขา“อะไร” เขาเลิกคิ้วถาม แต่ก็ไม่ได้ถอยหนีหรือยืดตัวขึ้นเสี่ยวเหอชิงจูบเขาอย่างรวดเร็ว พยายามทำให้เร่าร้อนมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ดุนดันลิ้นเข้าไปในปากของเขาเพื่อควานหาลิ้นนุ่ม เมื่อเขายอมเปิดปากให้นางสำรวจลิ้นของเขา นางก็รีบโลมเลียลิ้นนั้นเล่น ขบกัดปลายลิ้นไม่ต่างจากที่เขาเคยชอบทำชิงถิงแม้จะตกใจเล็กน้อยกับการกระทำอันอุกอาจของหญิงสาวคนรัก แต่ก็รู้สึกว่านางช่างน่ารัก จึงปล่อยให้นางทำต่อไป ทั้งยังรู้สึกหอมหวานในใจอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวเหอกลืนกินริมฝีปากและลิ้นของเขาอยู่นาน เรียวลิ้นพันกันจนยุ่งเหยิง สุดท้ายนางก็แอบขบริมฝีปากของเขาแรงๆ กัดไม่ปล่อยจนนางมั่นใจว่าสามารถสร้างบาดแผลที่ริมฝีปากล่างเขาได้แน่แล้ว จึงยอมถอนจุมพิตในที่สุด“อือ..เจ็บนะ” เขาตำหนิ แต่น้ำเสียงแล้วรู้ว่าพึงพอใจมาก“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคิดอย่างไร แต่ชีวิตนี้ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแต่งกับผู้ใด นอกจากข้าเท่านั้น” เสี่ย