เสี่ยวเหอทั้งตกตะลึง ทั้งตกใจ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดพี่สาวจึงกลายเป็นคนใจร้ายเช่นนี้
“พี่หลันเหมย พี่กลายเป็นคนเช่นนี้ได้อย่างไร เมื่อก่อนพี่ใจดีมาก เมื่อก่อน...”
“เมื่อก่อน เมื่อก่อน ...เจ้าเคยเข้าใจสิ่งใดบ้างหรือไม่ เจ้ามันโง่งมนัก” หลันเหมยตะโกนใส่เสี่ยวเหอ นางโกรธจัดจนน้ำตาแทบจะไหล สองมือสั่นไปหมด ไม่รู้จะด่าน้องสาวไร้เดียงสาของตนอย่างไร
เสี่ยวเหอเองถึงจะตกใจกลัวเช่นกัน แต่ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้พี่สาวเป็นฝ่ายทำไม่ถูกต้อง ขวดยาพวกนั้นราคาแพงมาก
..แล้วทั้งสองพี่น้องก็ทะเลาะกันหนักมาก จนพวกน้องสาวและบ่าวชายต้องรีบมาช่วยกันห้าม
ตกเย็นท่านพ่อโกรธมาก สั่งขังพี่สาวไว้ในห้องเก็บฟืนสามวันสามคืน แม้เสี่ยวเหอจะเป็นห่วงพี่หลันเหมยมาก ไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านพ่อถึงได้ลงโทษรุนแรงเช่นนี้ แต่ก็ไม่กล้าพูดขอกับท่านพ่อที่กำลังโกรธจัด นางจึงได้แต่เสียใจที่ทะเลาะกับพี่สาวไป
ถึงแม้แม่เลี้ยงจะพยายามปิดบังว่าพี่น้องสองคนทะเลาะกัน แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดชาวบ้านข้างนอกถึงเริ่มนินทาเรื่องที่สองสาวทะเลาะกันแย่งสามี ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน
ท่านพ่อท่านแม่กลัวว่าฝ่ายพ่อค้าวาณิชจะยกเลิกแต่งงานครั้งนี้ จึงพยายามเร่งให้งานแต่งเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด พิธีอะไรก็ไม่ต้องมากมาย เพียงแค่กราบไหว้ฟ้าดินก็ใช้ได้
ช่วงเวลาที่หลันเหมยถูกขังอยู่ เสี่ยวเหอเป็นคนที่เอาอาหารไปให้พี่สาวบ่อยๆ ทั้งยังแอบเอาตำราที่พี่สาวชอบอ่านไปให้ด้วย เมื่อครบสามวันสามคืน หลันเหมยจึงแอบมาขอโทษเสี่ยวเหอในห้องของน้องสาว
“ข้าขอโทษที่เป็นคนขี้ขลาด ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ ทั้งยังทำให้ท่านพ่อโกรธเจ้าอีก” พี่สาวพูดด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ
“ไม่เป็นไร อีกอย่าง..พี่เป็นคนโดนทำโทษด้วย” แม้เสี่ยวเหอจะไม่แน่ใจว่าพี่สาวหมายถึงสิ่งใด เพราะคำพูดของนางแปลกประหลาดมาก แต่รู้สึกว่าพี่สาวรู้สึกผิดมากจริงๆ จึงไม่ใส่ใจอีก
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ ข้าไม่โทษพี่ ข้าเองก็ต้องขอโทษพี่ด้วยเช่นกัน ข้าไม่ควรทะเลาะกับพี่เช่นนั้น”
“เจ้าไม่เข้าใจ..หรือที่จริงแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าไม่เข้าใจจะดีต่อเจ้ามากกว่า” หลันเหมยคล้ายจะพูดกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับน้องสาว
เสี่ยวเหอเห็นว่าหน้าตาของพี่สาวเคร่งเครียดมาก
“ที่จริงข้ารู้ว่าต้าจื่อรักเจ้ามาก รักมานานแล้ว” พี่สาวพูด
“พี่..พี่พูดอะไร” เสี่ยวเหอทำตาโต ไม่แน่ใจว่าพี่สาวรู้ได้เช่นไร แล้วรู้เรื่องที่นางกับเขาจูบกันไปแล้วด้วยหรือไม่
เสี่ยวเหออึกอักไม่รู้จะพูดตอบอย่างไร เวลานึกถึงจูบนั้นก็ยังใจเต้นตึกตัก หน้าแดงจนทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ยังรู้สึกผิดต่อท่านพ่อท่านแม่และคู่หมั้นของตัวเองไปพร้อมๆ กันด้วย
“ข้าอยากให้เจ้าหนีไปกับต้าจื่อ เดี๋ยวข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาวให้เอง เจ้าคิดให้ดีๆ รีบตัดสินใจก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้” พี่สาวพูดด้วยใบหน้าที่ตัดสินใจแล้วอย่างเด็ดเดี่ยว
เสี่ยวเหอพูดไม่ออก นิ่งไปสักพัก
ถึงเสี่ยวเหอจะรู้สึกทั้งแปลกใจ และตกใจกับวิธีการที่พี่สาวพูด ถึงจะรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ หากถูกพบเข้าท่านพ่อต้องโกรธมากแน่ เป็นการอกตัญญูต่อบุพการีเป็นอย่างมาก แต่อีกใจก็เอาแต่นึกถึงจูบของชิงถิง
ด้วยความสับสน หาใครปรึกษาไม่ได้ คืนนั้นหลังจากที่บอกกับพี่สาวว่าขอคิดดูก่อน และหลันเหมยก็ยอมให้เสี่ยวเหอได้มีเวลาคิด แต่ก็ยังย้ำว่าให้รีบตัดสินใจ เพราะท่านพ่อท่านแม่เร่งให้งานแต่งเกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนดเดิมแล้ว
เสี่ยวเหอไม่มีใครให้ปรึกษาเรื่องกลุ้มใจนี้ จึงแอบไปปรึกษากับจื่อรั่วในห้องของสาวใช้ เพราะอย่างน้อยจื่อรั่วก็เป็นคนที่ไปในอำเภอด้วยกัน คอยช่วยเสี่ยวเหอหลายๆ อย่างในพักหลังนี้
“ข้าว่าเรื่องนี้มีพิรุธมาก บางทีคุณหนูใหญ่อาจจะอยากแต่งงานเป็นเจ้าสาวเสียเองเจ้าค่ะ”
ถึงแม้เสี่ยวเหอจะไม่อยากเชื่อในคราแรก แต่เมื่อฟังจื่อรั่ววิเคราะห์และเล่าความแปลกประหลาดของพี่หลันเหมยในพักหลังนี้ก็คล้ายจะเป็นไปได้ ไม่มีเหตุผลอื่นเลยที่พี่สาวจะต้องโกรธเสี่ยวเหอมากเช่นนั้น นอกจากอยากจะแต่งงานเสียเอง
“คุณหนูใหญ่ปีนี้ก็อายุไม่น้อยแล้ว ปีหน้าก็จะกลายเป็นสาวใหญ่ให้ผู้คนพูดถึง หากยังไม่แต่งตอนนี้ ต่อไปผู้คนต้องเอาไปนินทา มันไม่ใช่เรื่องน่าอับอายหรือเจ้าคะ ท่านลองคิดดู คนเราถึงจะเคยเป็นคนดีเพียงใด แต่เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง บางครั้ง คนดีๆ ก็ยอมทำเรื่องโง่ๆ เพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา แม้จะดูไร้ศีลธรรมไปบ้าง แต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้เจ้าค่ะ” จื่อรั่วพูด
“ข้าไม่ใช่ว่าอยากใส่ร้ายคุณหนูใหญ่ แต่เรื่องนี้คุณหนูรองต้องคิดให้ดีๆ มันจะเป็นทางอื่นไปไม่ได้เจ้าค่ะ”
เสี่ยวเหอเอากลับมาคิดและเริ่มคล้อยตาม นางเห็นว่าถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง คิดไปคิดมาตัวเองก็ยินดีให้พี่สาวได้แต่งงาน อย่างน้อยเมื่อท่านพ่อท่านแม่รู้ก็คงโกรธและเสียใจมาก อย่างมากนางก็ถูกตัดออกจากสาแหรกตระกูล แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังดีกว่าให้พี่หลันเหมยต้องอับอาย
สุดท้าย เสี่ยวเหอก็ตอบตกลงกับพี่สาวว่า จะไปพบชิงถิงตามที่พี่สาวเสนอ และจะหนีไปด้วยกันในคืนวันแต่งงาน เสี่ยวเหอคิดว่าจะได้เห็นพี่หลันเหมยดีใจ แต่กลับเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มใจ และรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าพยายามฝืนปั้นอย่างเต็มที่ เสี่ยวเหอเริ่มไม่แน่ใจว่าพี่สาวรู้สึกเช่นไรกันแน่ ตกลงนางดีใจหรือเสียใจที่จะได้แต่งงาน
แต่คิดอีกที พี่สาวเป็นคนดีมาก นางอาจกำลังรู้สึกผิดกับตัวเองที่ใช้วิธีสกปรกเช่นนี้แย่งชิงว่าที่สามีของน้องสาวมา เสี่ยวเหอสรุปเอาเองและรู้สึกดีใจที่พี่สาวไม่ได้เป็นคนที่เลวร้ายเช่นที่จื่อรั่วคาดเดา อย่างน้อยพี่หลันเหมยก็ยังมีความรู้สึกเสียใจต่อน้องสาว
ก่อนวันแต่งงานหลันเหมยได้ไปที่วัดบนเขา ขอด้ายแดงผูกรักทุกชาติภพมาให้เสี่ยวเหอ ขอให้นางโชคดี ได้อยู่กับต้าจื่อตลอดไปทุกชาติภพ พี่สาวอวยพรเสียงสั่นน้ำตาคลอเบ้า
คืนวันแต่งงาน หลันเหมยใส่ชุดเจ้าสาวรอเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินอยู่ในห้องของเสี่ยวเหอ ส่วนเสี่ยวเหอหนีออกทางหลังบ้านตั้งแต่อาหารมื้อเย็นเพิ่งผ่านไป นางใส่ชุดของพี่สาวออกไปคนเดียว
เสี่ยวเหอแอบออกไปพบกับเสี่ยวเอ้อร้านน้ำชาที่ทางเข้าหมู่บ้าน เพราะหลันเหมยได้จ่ายเงินให้เสี่ยวเอ้อช่วยพาเสี่ยวเหอไปพบชิงถิงที่นอกหมู่บ้าน
“ข้าแน่ใจ คนผู้นั้นเป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลหยวน ตระกูลหยวนเป็นพ่อค้าขายเกลือที่ได้รับสัมปทานโดยตรงของอำเภอนี้” พี่สาวอธิบาย“ขะ..ข้าไปรู้จักครอบครัวนั้นได้อย่างไรกัน” เสี่ยวเหอกลัดกลุ้ม ไม่ใช่นางเคยบอกท่านแม่ไปแล้วหรือว่าตัวเองมีคนที่อยากแต่งด้วยแล้ว เหตุใดจึงเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก“ก็..เมื่อเดือนที่แล้วเจ้ายังไปเที่ยวดูโคมมังกรในเทศกาลซีซีกับคุณชายตระกูลหยวนอยู่เลยไม่ใช่หรือ จะมาตกใจอะไรตอนนี้” เสียงที่ตอบมาไม่ใช่พี่สาว แต่เป็นเสียงของชิงถิง!!!!!เสี่ยวเหอและหลันเหมยหันไปดูพร้อมกัน ชิงถิงกำลังขนตะกร้าใส่ไข่สองใบใหญ่มา เขาวางตะกร้าไข่ไว้ที่พื้นเบาๆ“ให้เอาไปไว้ทางใด” ชิงถิงถามพี่หลันเหมย โดยไม่หันมามองเสี่ยวเหอเลยสักนิด พี่หลันเหมยหันมามองน้องสาวตัวเองที่แข็งค้างไปแล้วอย่างกังวล“ทางนี้” พี่สาวบอกชิงถิง ก่อนพาไปวางไข่ไว้บนชั้นวางและหยิบเงินให้เขาไปถุงหนึ่ง“ขอบใจเจ้ามากต้าจื่อ ขนมพวกนี้ฝากไปให้ท่านแม่ของเจ้าด้วย ตอบแทนที่คัดไข่ใบใหญ่ๆ มาให้ข้าเสมอ”ในขณะที่เสี่ยวเหอมองชิงถิงและพี่สาวเดินไปเดินมา ตัวเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในหัวมีแต่คำที่เขาว่านางไปเดินเล่นดูโคมไฟมังกรกับคุณชายตระกูลหย
“ไม่เป็นไร แค่พี่หลันเหมยมีความสุข พบคนดี ข้าก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยข้าอีกคนก็ได้เข้าร่วมงานแต่งอวยพรให้นาง แต่ข้าเห็นว่าเจ้าก็คงไม่ได้ไปงานแต่งของพี่หลันเหมยใช่หรือไม่ ข้าจึงไม่ได้ไปที่นั่น เพราะเจ้าคนเดียว ฮึ” เขาหัวเราะเบาๆ กับท่าทางย่นปากน่ารักเช่นนั้น“ข้าเป็นทหารอยู่ในกองทัพ ไม่สามารถลาไปงานแต่งของคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องได้ แต่ได้ส่งของไปร่วมแสดงความยินดีแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วง” “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้านั่นแหละ” “ได้ๆ เพราะข้าเอง” เขายอมให้ ในใจเสี่ยวเหอเมื่อนึกย้อนถึงโลกก่อน พี่สาวตายทั้งที่อยู่ในชุดแดง การแต่งงานเช่นนี้ ช่างเป็นวาสนาที่ดีกับพี่หลันเหมยมาก นางรู้สึกดีใจมากๆ จากใจจริง คืนวันนั้นชิงถิงก็พร่ำพลอดบอกรักกับนางเช่นเคย แม้จะไม่ได้ส่งเสียงดังเท่ายามแก่ เพราะกลัวท่านพ่อท่านแม่ข้างบ้านได้ยิน ในขณะที่ยามเป็นรองแม่ทัพไม่ต้องสนใจสายตาใครแล้วแต่เขายามนี้ก็ยังคงกระซิบกระซาบบอกรักมากมาย บอกว่าคิดถึงนางมากเพียงใด เสร็จไปศึกหนึ่ง ก็ต่ออีกศึกหนึ่ง เขาทำเช่นนั้นหลายครั้งจนใกล้จะรุ่งเช้า เสี่ยวเหอง่วงนอนใกล้จะหลับเขาก็ไม่ยอม ชิงถิงพยายามปลุกนางให้ตื่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้กรำศึกไปพร้
“ไม่ได้!!!” เสี่ยวเหอปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด“ชิงชิงเป็นของข้าคนเดียว” นางโกรธมากชิงถิงยิ้มมุมปากอย่างไม่อาจควบคุม เขามองเสี่ยวเหออย่างรักใคร่ ตัวเขาคิดเสมอว่าเสี่ยวเหอเป็นคนอ่อนหวาน แต่ไม่เคยรู้เลยยามนางหึงหวงจะกลายเป็นนางเสือน่ากลัวได้ด้วยทางหนึ่งชิงถิงก็รู้สึกพึงพอใจ ให้นางได้ลิ้มรสความทรมานในการหึงหวงบ้างก็ดี นางจะได้รู้ว่าเขาต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้หลายปีมันไม่ใช่เรื่องรื่นรมย์อะไร เขาอยากให้นางหวงแหนเขาจนแทบขาดใจ“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเพียงทดสอบท่านว่าจริงใจหรือไม่ ในเมื่อท่านจริงใจกับข้า ข้าก็จะจริงใจกับท่าน ตัวข้าจะหายไป ขอเวลาไม่นานเกินเดือน” อนุจินยืนขึ้น ด้วยความหยิ่งทะนงในตนเอง“นี่....นี่เจ้า..เจ้าไม่ต้องรับอนุแล้วใช่หรือไม่?” เสี่ยวเหอหันมาถามชิงถิง“นั่นสิ เจ้าคิดว่าอย่างไร ข้ายังต้องรับนางเป็นอนุอีกเดือนหนึ่งหรือไม่นะ แล้วข้าต้องเข้าหอตามธรรมเนียมด้วยหรือไม่ ทำเช่นไรดี” เขายิ้มน้อยๆ ลูบหัวเสี่ยวเหอของเขาอย่างรักใคร่“...” เขาหยอกนางอีกแล้ว เสี่ยวเหอไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดเขามักจะชอบทำให้นางสับสน! เท่านี้นางก็หึงหวงเขาจนเจ็บปวดไปทั้งใจแล้ว เขาชอบให้นางทรมานเพราะหึงหวงเขาหร
นางเดินทางข้ามเวลาทุกวันเช่นนี้ จะเอากำลังที่ใดไปสู้รบกับเหล่าอนุที่ฮ่องเต้ประทานให้สามีของนางอย่างไร นางเคยได้ยินว่า สตรีพวกนั้นล้วนงดงามมีความสามารถ พร้อมทำทุกวิธีเพื่อจะปีนขึ้นเตียงของบุรุษ“เจ้าปฏิเสธไม่รับอนุไม่ได้หรือ ให้คนอื่นๆ รับแทนก็ได้ รองแม่ทัพมีเจ้าเพียงผู้เดียวหรือ” เสี่ยวเหอน้อยใจ“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะติดหนี้บุญคุณของท่านแม่ทัพอยู่ จำเป็นต้องตอบแทนคุณ แต่ข้ารับรอง ข้ามีแค่เจ้า เชื่อข้าได้หรือไม่” เขาแก้ตัว ดึงนางมากอดปลอบ น้ำเสียงฟังคล้ายอ้อนวอนแปดส่วน หวาดหวั่นอีกสองส่วนเสี่ยวเหอเห็นท่าทางร้อนรนของเขา ท่าทางเอาอกเอาใจนาง แม้จะเป็นชิงถิงที่อายุมากแล้ว มีหนวดเคราเต็มหน้า แต่อย่างไรก็ยังน่ารักในสายตานาง นางกอดเขาตอบ ลูบหลังปลอบโยนราวกับกำลังปลอบเด็กน้อยชิงชิง“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่ยอมรับ หากเจ้ารับอนุ ข้าจะรับลูกบุญธรรม!!” นางอยากให้เขาเอาใจ“เจ้ามีลูกของตัวเองแล้วนะ” ชิงถิงผลักนางออกเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเสี่ยวเหอ ท่าทางตกใจไม่น้อยเสี่ยวเหอยิ่งทำหน้าตกใจไปใหญ่ นางเพิ่งเข้าหอกับเขาไม่กี่ครั้ง ไม่เคยอุ้มท้อง แต่เขากลับบอกว่านางมีลูกกับเขาแล้วเช่นนั้นหรือ!!ชิง
ชิงถิงกอดนางครู่หนึ่งก็ปล่อยนางลงพื้น“ข้ากำลังจะไปเมืองหลวง เจ้าอยากไปด้วยกันหรือไม่?”เสี่ยวเหออยากนอนอยู่ที่จวนของเขาและตื่นขึ้นมาที่จวนของเขา แต่นางก็อยากลองไปเมืองหลวงสักครั้ง“หากพรุ่งนี้ยังไม่ถึงเมืองหลวง แล้วข้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาจะทำเช่นไร” นางกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว“แต่วันนี้ เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน สิ่งนี้สำคัญกว่า” เขาปลอบ“..แต่” เสี่ยวเหอไม่ชอบความไม่แน่นอน“พรุ่งนี้เจ้าตื่นมา ไม่ว่าที่ใดก็ต้องพบกับข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” เขาเสริม“..ได้ เช่นนั้นข้าไป” นางพยักหน้า นัยน์ตาส่องประกายอย่างมีความสุข แม้จะกังวล แต่หากมีเขา ไม่ว่าที่ใดนางก็ยินดีชิงถิงสั่งให้รีบเตรียมเสื้อผ้าของฮูหยินเล็กน้อยอย่างรวดเร็วและเตรียมรถม้า ก่อนเดินทางเขาเข้าไปนั่งในรถม้ากับฮูหยินของเขาด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะขี่ม้าไปเพื่อจะได้ย่นระยะเวลาระหว่างเดินทาง ไม่มีทหารม้าคนใดกล้าเข้าใกล้รถม้าของท่านรองแม่ทัพ มีเพียงคนขับรถม้าที่ต้องทนรับกรรม ต้องทนรับฟังท่านรองแม่ทัพพร่ำเพ้อ พูดมาก ด้วยการบอกรักฮูหยินเสียงแหบพร่า ครั้งแล้วครั้งเล่าจนบางครั้งรถม้าก็สั่นสะเทือนไปหมด คนขับรถม้าได้แต่เก็บความ
เสี่ยวเหอตัดสินใจครั้งสำคัญ คิดว่าถูกผิดอย่างไรก็ช่าง เพราะไม่มีทางเลือก ทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาคลั่งไคล้นางไม่เลิก ไหนๆ ก็เคยจูบมาแล้วตอนอายุสิบเจ็ด ทำอีกสักครั้งคงไม่เป็นไรไป นางคิดแล้วจึงยกมือเกาะคอเขา“อะไร” เขาเลิกคิ้วถาม แต่ก็ไม่ได้ถอยหนีหรือยืดตัวขึ้นเสี่ยวเหอชิงจูบเขาอย่างรวดเร็ว พยายามทำให้เร่าร้อนมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ดุนดันลิ้นเข้าไปในปากของเขาเพื่อควานหาลิ้นนุ่ม เมื่อเขายอมเปิดปากให้นางสำรวจลิ้นของเขา นางก็รีบโลมเลียลิ้นนั้นเล่น ขบกัดปลายลิ้นไม่ต่างจากที่เขาเคยชอบทำชิงถิงแม้จะตกใจเล็กน้อยกับการกระทำอันอุกอาจของหญิงสาวคนรัก แต่ก็รู้สึกว่านางช่างน่ารัก จึงปล่อยให้นางทำต่อไป ทั้งยังรู้สึกหอมหวานในใจอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวเหอกลืนกินริมฝีปากและลิ้นของเขาอยู่นาน เรียวลิ้นพันกันจนยุ่งเหยิง สุดท้ายนางก็แอบขบริมฝีปากของเขาแรงๆ กัดไม่ปล่อยจนนางมั่นใจว่าสามารถสร้างบาดแผลที่ริมฝีปากล่างเขาได้แน่แล้ว จึงยอมถอนจุมพิตในที่สุด“อือ..เจ็บนะ” เขาตำหนิ แต่น้ำเสียงแล้วรู้ว่าพึงพอใจมาก“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคิดอย่างไร แต่ชีวิตนี้ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแต่งกับผู้ใด นอกจากข้าเท่านั้น” เสี่ย