LOGINสตรีวัยห้าสิบที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาตอนนี้เป็นลูกสาวของลูกชายคนโตของปู่ ส่วนบิดาเขาเป็นน้องคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องแปดคน จึงนับญาติเป็นพี่น้องกัน แต่เมื่ออยู่ในบริษัทนางก็คือประธานใหญ่ที่เขาต้องให้ความเคารพ
“เธอน่าจะไปเป็นตำรวจหรืออัยการ มากกว่ามาเป็นผู้จัดการใหญ่ให้บริษัทพี่นะ” วารีตีต้นแขนชายหนุ่มพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “เขาอยู่ไหม”
“อยู่ครับ แต่น่าจะคุยอยู่กับคุณป่าน” เขาก็เพิ่งออกจากห้องทำงานมาเหมือนกัน จึงไม่รู้ว่าหญิงสาวที่กล่าวถึงจากไปสักพักแล้ว
“หนูป่านกลับไปแล้ว เมื่อกี้พี่เพิ่งคุยกับเธอเอง พี่ไปหาลูกก่อนนะ แล้วว่าง ๆ เราค่อยไปทานข้าวด้วยกัน” วารีบอกกับชายหนุ่ม
“ครับท่านประธาน” ชาลีโค้งศีรษะให้เล็กน้อย รอจนนางเดินผ่านไปแล้ว จึงเดินไปที่โต๊ะผู้ช่วยของตน...
อินทิรานึกสงสัยอยู่ในใจเมื่อเดินทางมาถึงร้านอาหารสุดหรู ที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมขึ้นชื่ออันดับต้น ๆ ของประเทศไทย แต่สตรีสูงวัยเลือกที่จะปฏิเสธการสั่งอาหารเอาไว้ก่อน ขอเพียงน้ำเปล่ามาดื่มเท่านั้น
“น้ำเปล่าเหมือนกันค่ะ” ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายอธิบาย เธอรู้ได้ด้วยตัวเองว่าท่านประธานต้องรอใครบางคนอยู่
“ฉันได้ข่าวมาว่าทางบริษัทคู่ค้าของเราที่ดูไบพอใจการทำงานของหนูมาก ขอบใจนะจ๊ะที่ทำให้งานของบริษัทเราผ่านไปได้ด้วยดี”
“มันเป็นหน้าที่ที่ป่านต้องทำอยู่แล้วค่ะ”
“ฉันดีใจนะที่มีพนักงานแบบหนูอยู่ในบริษัท”
“ขอบคุณค่ะ” ใบหน้างามที่ยิ้มแย้มรับคำชมชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร
ผิดกับชายหนุ่มที่ยกยิ้มมุมปากคล้ายเยาะ เพราะเขารู้แต่แรกแล้วว่ามารดาเชิญเธอมาร่วมอาหารมื้อกลางวันนี้ด้วย แต่เธอคงไม่รู้สินะถึงได้ทำท่าแบบนั้น
“รอนานไหมครับคุณแม่” เขาเดินไปนั่งที่ว่างใกล้มารดาแล้วตั้งคำถามพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่นานหรอกลูก แม่เพิ่งมาถึงประมาณสิบนาทีเองจ้ะ สั่งอาหารเลยนะลูก”
“ครับ”
เมื่อได้คำตอบจากลูกชาย วารีจึงเรียกพนักงานให้เข้ามา
“สปาเก็ตตี้ที่นี่อร่อยนะจ๊ะหนูป่าน” วารีแนะนำหญิงสาวเมื่อได้เมนูอาหารมาแล้ว
“ขอบคุณค่ะ แต่ป่านไม่ชอบทานพวกเส้นสปาเก็ตตี้หรือบะหมี่หรอกค่ะ ทานทีไรท้องไส้ปั่นป่วนทุกที”
“จริงเหรอ” สตรีสูงวัยทำท่าแปลกใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าไปทางลูกชาย “ยัสซันเขาก็ทานได้ไม่มากเหมือนกัน”
“ค่ะ” อินทิราตอบรับ เชิดหน้าชำเลืองสายตาไปทางชายหนุ่มเพียงเล็กน้อย แล้วกลับมาสนใจกับเมนูในมือต่อ
ยัสซันเบะปากเล็กน้อยกับท่าทางเชิดของหญิงสาว แล้วกลับไปสนใจกับเมนูในมือเช่นเดียวกับเธอ
“ขอหอยเชลล์อบซอสฝรั่งเศสกับน้ำกีวีหนึ่งที่นะจ๊ะ” วารีเป็นคนแรกที่เลือกอาหารเสร็จ นางยื่นเมนูคืนให้พนักงานพร้อมกับถามลูกชาย “เลือกไม่ถูกหรือลูก”
“ครับ ทานแค่นั้นจะอิ่มเหรอครับคุณแม่” ยัสซันตอบรับและถามต่อ
“แม่ทานเล่น ๆ เท่านั้นจ้ะ มื้อใหญ่รออยู่ตอนบ่ายนี่แหละ” นางเฉลยให้ลูกชายฟัง
“ของฉันขอข้าวผัดสเปนกับน้ำแตงโมปั่นก็แล้วกันค่ะ ข้าวผัดไม่ใส่น้ำตาล น้ำปั่นไม่ใส่น้ำเชื่อม น้ำแข็งนิดเดียวพอค่ะ”
“ครับคุณผู้หญิง” พนักงานห้องอาหารรับคำสั่งอย่างนอบน้อม
ชายหนุ่มลดเมนูในมือลงต่ำพอให้มองเห็นใบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะเลื่อนขึ้นปิดหน้าอีกครั้งพร้อมแอบเบะปากกับความเรื่องมากของเธอ
“ของผมเอาสปาเก็ตตี้หอยนางรมราดซอสตับห่าน กระดูกหมูอ่อนอบน้ำผึ้งเม็กซิกัน ขนมปังกระเทียมแบบกรอบนอกนุ่มใน แล้วก็ขอน้ำแร่อย่างดีที่สุด” สั่งเสร็จก็ยื่นเมนูคืนให้พนักงาน ไม่ลืมที่จะชำเลืองมองฝ่ายตรงข้ามอีกหนึ่งครั้ง
“หิวเหรอลูกสั่งมาซะเยอะเชียว”
“อาหารแต่ละจาน แค่แมวดมก็หมดแล้วครับคุณแม่”
อินทิราแสร้งก้มหน้าลงมองต่ำแล้วเบะปากด้วยความหมั่นไส้ชายหนุ่ม ‘น้ำแร่อย่างดีที่สุด เชอะ! เรื่องมากแบบนี้ต้องให้ดื่มน้ำฝนค้างปี’
“หนูป่าน”
“คะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับสตรีวัยกลางคนพร้อมรอยยิ้ม
“เรื่องงานราบรื่นดีใช่ไหมจ๊ะ”
“ค่ะ” ตอบรับและเล่ารายละเอียดให้ฟัง
“ดีจัง แล้วดีไซเนอร์ของเราจะพอไหม หนูคิดว่าเราน่าจะรับสมัครเพิ่มดีหรือเปล่า”
“ป่านคิดว่ายังไม่จำเป็นนะคะ เรามีดีไซเนอร์และผู้ช่วยมากกว่ายี่สิบคน คนงานเก่า ๆ ก็พอจะมีความรู้ทางด้านนี้อยู่บ้าง ป่านขอแนะนำให้เป็นรูปแบบในการแข่งขันภายในดีกว่าค่ะ พนักงานก็แข่งขันได้ เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้พวกเขา กติกาง่าย ๆ แค่ส่งแพทเทิร์นพร้อมตัวอย่างจริง”
วารีพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะหันไปทางลูกชายที่มองไปทางหญิงสาวไม่วางตา
“ลูกคิดว่ายังไงจ๊ะ”
“เรื่องนี้ต้องนำไปคุยที่ในที่ประชุมครับ ผมกับคุณแม่ตัดสินใจเองไม่ได้หรอกครับ” ในคำพูดประโยคดังกล่าว ชายหนุ่มจงใจพูดประชดหญิงสาวเป็นหลัก เพราะไม่พอใจเธอเป็นการส่วนตัว
“ถ้าอย่างนั้นบ่ายนี้ลูกก็ลองเสนอในที่ประชุมดูนะ”
“ครับคุณแม่”
“อาหารมาแล้ว กินกันเถอะจ้ะ” วารีกล่าวขึ้น เมื่อพนักงานนำอาหารที่สั่งมาบริการ
อิ่มอาหารเรียบร้อยแล้วจึงพากันเดินออกมาที่ด้านหน้าของโรงแรมเพื่อกลับไปทำงานในหน้าที่ของแต่ละคน
“ยัสซันแม่ฝากหนูป่านกลับไปด้วยนะจ๊ะ แม่ลืมไปว่ามีธุระต้องไปทำต่อที่อื่นต่อ”
“ไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน ป่านนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้ค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธก่อนที่จะได้ยินคำตอบของชายหนุ่ม
“จะนั่งแท็กซี่ให้เปลืองเงินทำไมจ๊ะ นั่งไปกับยัสซันนี่แหละ ต้องไปที่เดียวกันอยู่แล้ว” วารีไม่เห็นด้วยกับความคิดของหญิงสาว นางหันไปมองลูกชาย “แม่ฝากหนูป่านกลับด้วยนะลูก”
“ได้ครับคุณแม่ เชิญครับคุณป่าน” ยัสซันตอบรับมารดาแล้วกล่าวเชื้อเชิญหญิงสาว รู้สึกขอบคุณมารดาที่ให้โอกาสนี้กับเขา เพราะมีเรื่องต้องสะสางกับเธอพอดี
“ขับรถดี ๆ นะลูก”
“ครับคุณแม่”
อินทิราเปิดประตูรถด้านหน้าฝั่งตรงข้ามคนขับเพื่อจะเข้าไปนั่ง เมื่อเห็นชายหนุ่มก้าวเข้าไปนั่งประจำที่ทางด้านหลังเรียบร้อยแล้ว
“มานั่งด้วยกันสิ” เพื่อความสะดวกในการสะสาง ชายหนุ่มจึงเรียกให้หญิงสาวมานั่งด้วยกัน
ห้าปีผ่านไป “คุยเรื่องงานกันไปแล้ว ตอนนี้เราจะขอคุยเรื่องครอบครัวของคุณยัสซันบ้างนะครับ คุณยัสซันเจอกับภรรยาที่ไหน แล้วประทับใจอะไรในตัวเธอถึงได้ขอแต่งงาน ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยครับ” “ผมเจอเธอครั้งแรกที่หน้าบริษัทครับ เธอสวยสะดุดใจผมมากแต่ผมก็ไม่ได้แสดงออก และเธอก็ไม่ชอบผมเอาซะเลย เมื่อก่อนเธอร้ายกับผมมาก แต่เธอยิ่งร้ายผมก็ยิ่งรัก รุกจนเธอใจอ่อนยอมรับรัก ผมก็เลยขอเธอแต่งงาน” “เป็นที่รู้กันทั่วในกลุ่มไฮโซว่าคุณรักภรรยามาก คุณจะต้องพาเธอออกงานด้วยตลอดจริงไหมครับ” “ถ้าเขาไม่เห็นเขาก็คงไม่พูดกันหรอกครับ” ยัสซันตอบพร้อมกับหัวเราะในลำคอ หันไปมองภรรยาที่กำลังยุ่งอยู่กับการเลือกชุด “กว่าผมจะได้เธอมาเป็นภรรยา ผมต้องผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย ผมจะไม่รักเธอมากได้ยังไงล่ะครับ”
“พ่อบอกว่าการอยู่ไฟจะทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว และจะทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรงด้วยค่ะ” “ภูมิปัญญาชาวบ้านของคนไทย เชื่อถือได้ในหลาย ๆ เรื่องนะหนูป่าน” เรย์มองด์เห็นดีเห็นงามด้วย “ค่ะคุณพ่อ” “คุณพ่อตายังแอบกระซิบบอกผมด้วยนะครับ” “บอกอะไรเหรอคะ” อินทิราถามสามีด้วยความอยากรู้ “บอกให้ผมรีบปั้นหลานให้ท่านสักครึ่งโหล” พูดจบก็ยิ้มบานแฉ่ง “พูดอะไรแบบนั้นคะ” เธอตีแขนสามี ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ผมพูดจริง ๆ นะครับป่าน ไม่เชื่อก็โทรไปถามคุณพ่อท่านดูสิครับ” ยัสซันยืนยันด้วยท่าท
“ฉันจะกลับญี่ปุ่นให้เร็วที่สุด” เคียวโกะพูดแทรกขึ้น รู้แล้วว่าอินทิราน่ากลัวแค่ไหน เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่สมควรต่อกรด้วยสักนิด ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า“ถ้าอย่างนั้นฉันก็หมดเรื่องจะคุยกับพวกเธอแล้ว ฉันกลับล่ะนะ อ้อ! แล้วอย่าคิดบิดพลิ้วล่ะ อย่าลืมว่าฉันกำความลับของพวกเธอไว้มากแค่ไหนด้วย” พูดจบก็เกาะแขนเพื่อนรักเดินออกไป“ป่าน เธอเจ๋งมาก” ปัทมาชื่นชมเพื่อนรักเมื่อกลับมานั่งอยู่ในรถด้วยกันแล้ว“ถ้ามีผู้หญิงมายุ่งกับพี่ชาลี แก้วก็จะเป็นแบบป่านนี่แหละ”“แก้วคงไม่กล้าแบบป่านหรอก คงเอาแต่กอดเข่าร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียว” ปัทมาตอบกลับด้วยความมั่นใจ“เมื่อเวลานั้นมาถึงแก้วจะเปลี่ยนความคิดทันที” อินทิราบอกกับเพื่อนรักพร้อมรอยยิ้ม “แก้วไปส่งป่านที่บริษัทหน่อยสิ แล้วค่อยกลับไปพักผ่อนต่อ”“พอหมดธุระก็เฉดหัวส่งเลยนะคุณเพื่อน” ปัทมาประชดเพื่อนรัก“ป่านอยากให้แก้วพักผ่อนต่างหาก วันนี้ลากมาด้วยก็เกรงใจจะแย่”“แก้วจะแกล้งเชื่อก็แล้วกันนะ&rdq
แผ่นหลังขาวอมชมพูนวลเนียนไร้ที่ติของภรรยาทำให้ยัสซันอดใจไม่ไหว ต้องแนบหน้าลงไปคลอเคลียพิสูจน์ความหอมจนทั่ว ลามไปจนถึงสะโพกกลมกลึงและต้นขาเรียวยาว แล้วจึงวกกลับมาตามทางเดิม หยุดอยู่ที่ซอกคอระหง ขยับกายให้แนบชิดกับเธอแล้วจึงสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปในกายเธออย่างนุ่มนวลเรียวขายาวของอินทิรากระหวัดเกี่ยวต้นขาแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของสามี เพื่อเปิดทางให้เขานำความสุขเข้ามาวิ่งพล่านอยู่ในตัวเธอได้สะดวก สอดมือข้างหนึ่งประสานกับเขาเพื่อใช้ยึดเหนี่ยว มืออีกข้างลูบหน้าท้องโหนกนูนเอาไว้คล้ายปลอบประโลมไม่ให้ลูกน้อยตกใจ คอยรับจังหวะรักอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่รีบร้อน สะสมความสุขไปด้วยกันจนถึงฝั่งฝันหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอินทิราพาปัทมาเดินเข้าไปในร้านอาหารของโรงแรมชื่อดังย่านสุวรรณภูมิด้วยมาดดั่งนางพญา กวาดสายตามองหาตำแหน่งตามที่ได้รับรายงาน“อยู่นั่นไงแก้ว” เมื่อเห็นเป้าหมายแล้วจึงจูงมือเพื่อนสาวเดินเข้าไปหาอย่างไม่ลังเล“ใจเย็น ๆ นะป่าน” ปัทมาที่ถูกชวนมาเป็นเพื่อนหลังจากเพิ่งกลับจากฮันนีมูนเพียงคืนเดียวเตือนเพื่อนรัก“รู้แ
“ป่านถึงบอกให้คุณคอยดูไงคะ ป่านจะส่งเธอออกนอกประเทศในไม่ช้านี้แหละ ป่านคิดว่าป่านรู้ตัวคนบงการด้วยค่ะ ป่านคงต้องสั่งสอนเธออีกสักหน่อย ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้คงคลอดลูกไม่สงบ”โอ้ว! ภรรยาของเขานี่น่ากลัวจริง ๆ ถ้าเขามีเมียน้อยคงถูกเธอจับได้ตั้งแต่วันแรกเลยกระมัง“คุณไม่โกรธป่านใช่ไหมคะ ถ้าป่านจะตามสืบเรื่องนี้”“ทำไมต้องถามผมแบบนั้นด้วยล่ะครับ คุณทำเหมือนผมยังรักเธออยู่อย่างนั้นแหละ” เขารู้สึกแปลก ๆ กับคำถามของเธอ“ก็แค่คิด”“เลิกคิดเรื่องนั้นไปเลยนะคุณป่าน ผมรักผู้หญิงได้แค่ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น และตอนนี้คนที่ผมรักก็คือคุณคนเดียว แต่ผมก็หวังว่าคุณจะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหานะครับ” เขาแย้งและเตือนด้วยความเป็นห่วง“ถ้าใช้อารมณ์เป็นใหญ่ความรุนแรงก็เกิดขึ้นแน่นอน แต่ป่านเป็นคนมีสติค่ะ ป่านจึงใช้สติแก้ปัญหา คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ป่านจะแก้ปัญหาเรื่องนี้เอง คุณไม่ต้องเข้ามายุ่งเด็ดขาด ไม่งั้นป่านจะคิดว่าคุณยังมีใจให้เธอ” เธอขู่เพราะไม่อยากให้เขามาก้าวก่าย เรื่องแบบนี้ผู้หญ
“นั่นสิคะ” วารีก็สงสัยไม่ต่างจากสามี แต่ก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งในตอนนี้ ให้พวกเขาปรับความเข้าใจกันเองก่อนดีกว่า ถ้าไม่ได้ผลแล้วค่อยยื่นมือเข้าไปช่วย“หวังว่าเธอจะหายงอนก่อนที่เรากลับมานะ” เรย์มองด์พูดยิ้ม ๆ“เราไปเป็นอาทิตย์เลยนะคะที่รัก” วารีค้อนใส่สามี “เดี๋ยวก็หายแล้วค่ะ คนท้องก็อารมณ์แปรปรวนง่ายแบบนี้แหละ”“หวังว่าเธอจะหายงอนก่อนเราออกเดินทางนะ” เรย์มองด์เปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ จึงเห็นรอยยิ้มพอใจของภรรยา…อินทิราถอดเสื้อคลุมเดินลงสระน้ำทันทีที่เหลือบไปเห็นสามีกำลังเดินมา ลอยคอเล่นอยู่ในน้ำหันหน้าไปทางตรงข้ามกับที่เขายืน“อยากว่ายน้ำทำไมไม่บอกผมล่ะครับที่รัก ผมจะได้มาว่ายเป็นเพื่อน” คำถามของเขาไร้การตอบรับโดยสิ้นเชิง เหมือนกำลังพูดอยู่กับอากาศ“ขนมปังกับนมได้แล้วค่ะคุณป่าน” สาวใช้คนเดิมบอกนายหญิง“วางไว้ตรงนั้นแหละจ้ะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปกินเอง ขอบใจนะ”“แป้งไปทำงานบ้านก่อนนะคะคุณป่าน” สาวใช้ขออนุญาตเมื่อเห็นสามีของเธอมาคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ แล้ว“เธอไปแล้วใครจะดูแลฉันล่ะ เจ้านายของเธอต้องไปทำงานแล้ว” อิน







