เที่ยว
หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อย ซึ่งไม่ได้มากมายอะไรหรอก เราสามคนก็ต่างพูดคุยกันตามประสา แต่อยู่ ๆ หว่าหวาก็พูดเรื่องเมื่อเช้าที่ฝนผลักฉันขึ้นมา
"พี่สิงห์ เมื่อเช้าหว่าหวาเห็นมีผู้หญิงคนนึงหาเรื่องออร์แกนด้วย"
"ใคร"ชายหนุ่มรุ่นพี่เอ่ยถามเสียงทุ้ม
"เธอเป็นเพื่อนในคราสเรียนเดียวกันชื่ออะไรแล้วนะ"หันมาที่ฉัน
"ฝน.."ฉันตอบกลับแล้วหันไปที่ภิสิงห์
"...ไม่มีอะไรหรอกค่ะแค่เรื่องเข้าใจผิด"ฉันเห็นสีหน้าภิสิงห์ดูโมโหจึงรีบอธิบายไป
"เข้าใจผิด? เรื่องอะไร"เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบ
"เรื่องเล็กน้อยน่ะค่ะ"
"เรื่องเล็กน้อยอะไรหว่าหวาเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นดูจะทำร้ายเธอนะแกน"หว่าหวาแทรกพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"ฝนคงไม่ได้ตั้งใจ"ฉันก็แก้ตัวไปไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสีหน้าสองพี่น้องดูไม่โอเค มันทำให้ฉันรู้ว่าภิสิงห์และหว่าหวาดูเป็นห่วงฉัน
"อาหารมาพอดี"เป็นจังหวะที่พนักงานเสิร์ฟได้ยกอาหารมาฉันจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
"ว้าว น่ากินมาก"พออาหารมาตั้งตรงหน้าหว่าหวาก็เอ่ยขึ้น แต่สีหน้าภิสิงห์ยังดูเคร่งขรึมอยู่ ฉันจึงตักอาหารใส่ลงไปในจานของเขา
"ทานเยอะ ๆ นะคะ"แล้วยิ้มหวานให้ ภิสิงห์คลี่ยิ้มบาง ๆ รับ
"เทมโปหายดีแล้วเหรอ"อยู่ ๆ ภิสิงห์ก็ถามถึงผู้ชายคนนั้น
"ก็คงดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ"
"เทมโป? ผู้ชายที่โกรกผมสีทอง ๆ ใช่ไหม"หว่าหวาเอ่ยถาม
"อือ"
"เขาหล่อนะ แต่ได้ข่าวว่าเจ้าชู้ตัวพ่อเลย"ฉันยิ้มเจื่อน ๆ
"สนิทกับแกนเหรอ หว่าหวาเห็น.."
"ไม่สนิทหรอก แค่เขาเคยช่วยเหลือครอบครัวแกนน่ะ"ฉันแทรกพูดขึ้นโดยไม่ปล่อยให้หว่าหวาพูดจบ
"แบบนี้เอง"หว่าหวาพึมพำเบา ๆ
"แล้วมอง ๆ บริษัทที่จะไปฝึกงานหรือยัง"อันนี้ภิสิงห์เป็นคนถาม
"นั่นสิ..ถ้าไม่มีมาฝึกงานกับหว่าหวาไหมบริษัทพี่สิงห์น่ะ"คำชวนของหว่าหวาก็น่าสนใจ
"แกนขอดูก่อนนะ"พูดจบ ก็ยิ้มให้ทั้งสองพี่น้อง
จากนั้นพวกเราก็นั่งรับประทานอาหารกันต่อจนกระทั่ง ทานจนเสร็จ ภิสิงห์ก็เรียกพนักงานเช็คบิล
"หว่าหวายังไม่อยากกลับบ้านเลย เราไปนั่งฟังเพลงซิว ๆ กันดีไหม"เพื่อนใหม่คนสวยฉันพูดขึ้น ก่อนจะหันมาที่ฉัน
"ไปด้วยกันนะแกน ไปผ่อนคลาย"
"เอ๋อ..."
"ไปด้วยกันนะครับ เดี๋ยวพี่มาส่ง"ภิสิงห์เสริม จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่ค่อยออกมาดื่มสักเท่าไหร่ ไหน ๆ ก็มาขนาดนี้แล้วไปกับพวกเขาสักหน่อยดีกว่า
"ก็ได้ค่ะ"หว่าหวาฉีกยิ้มกว้าง ส่วนภิสิงห์คลี่ยิ้มให้ฉันบาง ๆ สีหน้าพอใจ
จากนั้นพวกเราก็พากันออกมาจากร้านอาหารมุ่งหน้าไปที่คลับ ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกว่าภิสิงห์จะพาไปคลับไหน
จนกระทั่งภิสิงห์เลี้ยวเข้าไปในคลับใหญ่แห่งหนึ่ง มันทำให้หัวใจฉันเกิดเต้นแรงขึ้นมาซะงั้น เมื่อเห็นแค่ชื่อคลับ KAI ใช่แล้วคลับแห่งนี้เป็นธุรกิจอีกอย่างของบ้านเทมโป และเขาก็จะได้เป็นคนดูแลคลับนี้ต่อหลังเรียนจบ
"คลับใหญ่จัง ดูหรูหรามาก"หว่าหวาเอ่ยขึ้น
"ผ่านหลายครั้งแล้ววันนี้เลยเข้ามาดูสักหน่อย"คนเป็นพี่พูดพร้อมกับขับรถไปที่จอดรถ
"แกนเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบจัง"ฉันหลุดจากภวังค์แล้วหันไปที่หว่าหวา
"มะ ไม่ได้เป็นอะไร"แล้วยิ้มให้เพื่อนใหม่ พอรถจอดสนิทเราสามคนก็ลงจากรถ ระหว่างที่จะเข้าไปในคลับ
"ออร์แกน"มีเสียงหวานเรียกมาจากด้านหลัง
"อ้าว พี่นับ พี่รณ สวัสดีค่ะ"ฉันยิ้มหวานให้ทั้งคู่แล้วเอ่ยทักทาย
"มาเที่ยวเหรอ"พี่นับตังค์ภรรยาพี่รณถามขึ้นอย่างเป็นกันเอง ซึ่งฉันรู้จักทั้งคู่มาตั้งแต่ปีหนึ่ง เพราะเทมโปพาฉันมาที่บ้านเขาบ่อย ๆ ไม่แปลกที่ฉันจะสนิทสนมกับพี่นับตังค์
"ค่ะ แกนมากับเพื่อนแล้วก็พี่ชายเพื่อน"
"อ๋อ..เทมโปไข้ขึ้นนอนซมอยู่ที่บ้านพี่รณจึงมาดูคลับให้"พี่รณยืนนิ่งให้ภรรยาพูดคนเดียว เพราะว่าเขาเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ไม่เหมือนเทมโปที่พูดมากแถมยังปากเสียด้วย
"ตอนนี้เขาดีขึ้นหรือยังคะ"แต่ไม่รู้ทำไมฉันก็ยังเป็นห่วงเขาอยู่ทั้ง ๆ ที่เขาทำไม่ดีกับฉันเลย
"ดีขึ้นแล้วล่ะ พรุ่งนี้คงจะไปเรียนได้แล้ว"พี่นับตังค์ตอบกลับ
"ออร์แกน เข้าไปกันเถอะ"หว่าหวาเดินเข้ามาเรียกแล้วยิ้มให้พี่ทั้งสองอย่างเป็นมิตร
"งั้นแกนไปก่อนนะคะ"
"ตามสบายเลย"พี่นับตังค์เอ่ยแล้วยิ้มให้ฉันกับหว่าหวา
พอเข้ามาด้านในก็เห็นภิสิงห์ได้โต๊ะแล้วจึงพากันเดินเข้าไป
"ดื่มอะไรดี"ชายหนุ่มรุ่นพี่เอ่ยถามฉันกับหว่าหวา
"อะไรก็ได้แต่ขอไม่แรงนะคะ"
"ครับ"ภิสิงห์ตอบกลับมาอย่างสุภาพแล้วคลี่ยิ้มให้ เขาดูมีเสน่ห์เวลายิ้มมาก
เครื่องดื่มพร้อมนักดนตรีก็พร้อม เราสามคนต่างพากันดื่มแล้วฟังเพลงที่ขับกล่อมไป ฉันรู้สึกสบายใจ และเป็นตัวของตัวเอง จากที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานาน
เราอยู่ในคลับไม่นานนักหรอก เพราะพรุ่งนี้มีเรียน ภิสิงห์ขับรถพาฉันมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อมาเอารถที่ฝากพี่ร.ป.ภไว้ จากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถตามฉันมาส่งถึงหน้าบ้าน
"พ่อกับแม่แกนคงจะนอนกันหมดแล้วล่ะ"ภิสิงห์อยากจะลงมาทักทายพ่อแม่ฉันแต่ตอนนี้ก็ดึกแล้วท่านทั้งสองคงจะหลับกันไปแล้ว
"งั้นพี่ไม่กวนแล้ว ฝันดีนะครับ"
"ค่ะ พี่ก็ขับรถปลอดภัยนะคะแล้วก็นอนหลับฝันดี"เขาคลี่ยิ้มให้ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป ส่วนฉันก็ขึ้นบ้านอาบน้ำนอน
เช้าวันใหม่ที่สดใส วันนี้ฉันไม่รีบจึงได้อยู่ทานมื้อเช้าที่แม่ทำไว้ให้
"เมื่อวานไปไหนมาทำไมกลับดึก"แม่พูดขึ้นในขณะที่นั่งทานมื้อเช้า ส่วนพ่อไปทำงานแล้ว
"ไปดื่มกับเพื่อนนิดหน่อย"ฉันตอบคนเป็นแม่แล้วยิ้มกว้าง
"แล้วทำไมปิดเสียงโทรศัพท์"ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"แกนไม่ได้ปิดนะแม่ อาจจะไม่ได้ยินเพราะข้างในเสียงค่อนข้างดัง แม่มีอะไรหรือเปล่าถึงโทรหาแกน"
"ไม่มีอะไรหรอก เทมโปโทรมาถามน่ะว่าทำไมแกไม่รับโทรศัพท์"เกร๊งงง พอแม่พูดจบช้อนในมือก็หล่นลงมาทันที
"แม่ว่าอะไรนะ"
"เทมโปโทรหาแกแต่แกไม่รับเลยโทรมาที่แม่"หัวใจดวงน้อยก็เกิดเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาจากอก
"แล้วแม่บอกเขายังไงบ้าง"
"ก็บอกว่าแกยังไม่กลับ ไม่รู้ไปไหน"แม่ตอบแบบนั้นก็ไม่ผิดเพราะฉันไม่ได้โทรบอกท่าน แต่สงสัยว่าเทมโปจะโทรมาทำไมกัน รู้สึกกลัว ๆ ขึ้นมาแล้วล่ะสิ
ฉันขับรถมายังมหาวิทยาลัยด้วยใจที่ตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ อย่างบอกไม่รู้ พอลงจากรถ กำลังจะเดินเข้าคณะ หมั่บ! จู่ ๆ ก็มีมือหนาคว้าแขนแล้วกระชากฉันเข้าไปมุมลับ
"ทะ เทมโป!"ฉันสบถออกมาด้วยความตกใจ
"เมื่อวานไปไหนมา"เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
"ปล่อยแกนนะ..แกนเจ็บ"เทมโปบีบข้อมือฉันแรงมากจนฉันต้องเอ่ยปากขอร้องให้ปล่อย
"ฉันถามว่า..เมื่อวานเธอไปไหนมาไม่ได้ยินหรือไง!"เขาตวาดใส่ฉันด้วยอารมณ์โมโห
"แกนจะไปไหนมันเกี่ยวอะไรกับเทมโป..ปล่อยแกนเดี๋ยวนี้นะ"ฉันทนกับความเอาแต่ใจเขามากพอแล้วถึงสวนกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว
"เดี๋ยวนี้ยอกย้อน?"เขาเลิกคิ้วแล้วขบกรามเน้นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนที่ขมับ
"แกนบอกให้ปล่อย ไม่งั้นแกนจะร้องให้คนช่วย"ไม่ว่าจะสะบัดออกยังไงเทมโปก็ยิ่งบีบข้อมือฉันไว้แน่น จึงเอ่ยปากขู่แต่ทว่าเขากลับดูไม่กลัวเลย
"ก็ร้องให้คนช่วยสิ ร้องเลย"
"เทมโปว้าย..."ยังไม่ได้พูดอะไรเทมโปก็กระชากฉันไปที่รถของเขาแล้วเปิดประตูรถก่อนจะผลักฉันเข้าไปนั่งที่เบาะข้าง ๆ คนขับ
"ห้ามคิดหนี"ชายหนุ่มร่างสูงพูดขึ้นก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมมาที่ฝั่งคนขับ
"จะพาแกนไปไหน"เขาขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว
"ฉันให้โอกาสเธอพูดแล้วนะออร์แกน"
"แกนบอกก็ได้แต่พาแกนกลับเถอะ"ฉันยอมที่จะบอกเขาและขอร้องให้พาฉันกลับ
"สายไปแล้ว"เทมโปหันมาพูดพร้อมแสยะยิ้มร้าย
ตอนจบ"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา"คนบ้า!""ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย""ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ""ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน""..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง""เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉัน
จากเพื่อนสู่ผัว"กวิน กรัณย์ ออร์แกน" ฉันและลูกแฝดต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง ซึ่งเป็นคนป่วยที่นอนอยู่เอ่ยขึ้นมา เขาลืมตามองมาที่พวกฉันแล้วค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น"พ่อตื่นแล้ว" กวินบอกกับคนเป็นน้อง ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง พร้อม ๆ กับฉันที่รีบไปประคองเขาลุกนั่ง.เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ขณะที่ลูกแฝดขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามอาการพ่อตัวเองทันที"พ่อเจ็บตรงไหนฮับ" แฝดพี่พูดแล้วใช้สายตามองไปที่เรือนร่างคนเป็นพ่อราวกับหาอะไร"พ่อรีบหายนะครับ จะได้มาเล่นกัน...." กรัณย์เอ่ยแล้วหันไปพูดกับกวิน"...ให้พ่อเป็นผู้ร้ายนะพวกเราเป็นตำรวจ""หึหึ" เทมโปหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมไปลูบหัวลูกแฝดคนโต แล้วกำลังจะสลับไปลูบหัวคนน้องแต่เขากลับชะงัก คงจะจำวันนั้นได้วันที่กรัณย์ไม่ยอมให้เขาลูบเพราะกลัวผมเสียทรง"พ่อเป็นพ่อของกรัณย์ พ่อลูบได้ครับ" เด็กน้อยแฝดน้องพูดพร้อมกับยื่นหัวให้พ่อของเขาลูบ สร้างรอยยิ้มปนน้ำตาที่คลอเบ้าให้คนเป็นพ่อทันที"วันนี้เธอกับลูกอยู่กับฉันนะ" เทมโปหันมาพูดกับฉัน"อืม" ฉันตอบกลับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้"ขะ ขอบใจนะ" เทมโปกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ"รับหายนะ..แกนอยากให้เทมโปกลับมาใ
ยังไม่ให้โอกาส"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิตยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ
ขอร้องOrgan"ทำไมคุณทอยคิดว่าเราสองคนแต่งงานกัน" ภิสิงห์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ตอนนี้พวกเราต่างพากันธุระเสร็จจนกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนสองแฝดก็นอนหลับด้วยความเพลีย"หว่าหวาเป็นคนโกหกเองค่ะ" คนเป็นพี่หันไปที่น้องสาวของตนด้วยสีหน้าสงสัย"คือวันนั้นพวกเราเจอกับเทมโป...." หว่าหวาหยุดพูดแล้วหันมาที่ฉัน"...นายนั่นคอยเซ้าซี้แกนไม่เลิก หว่าหวาก็เลยโกหกไปว่า..""พี่กับแกนแต่งงานแล้วกวิน กรัณย์คือเป็นลูกพี่?" ภิสิงห์แทรกพูดขึ้นหว่าหวาก็ผงกหัวรับสีหน้ารู้สึกผิด"อย่าโกรธหว่าหวาเลยค่ะ แกนเองก็ไม่ทักท้วงปล่อยเลยตามเลย" ฉันพูดจบ หว่าหวาก็หันมาฉีกยิ้มให้ ขณะที่ภิสิงห์มีสีหน้าดูเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ"พี่สิงห์โกรธหรอกคะ แกนขอโทษ""เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ.." ว่าจบ ภิสิงห์ก็ลอบหายใจออกมาเบา ๆ"...ไม่นานทางนั้นก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ""...." ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภายในใจก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ยิ่งวันนี้ที่เจอกับพี่ทอย เขาดูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเขาต้องไปสืบเรื่องแต่งงานที่หว่าหวากุขึ้นมาแน่"แกน..." ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายเพื่อน"...พี่ได้ข
กลัววันนี้ฉัน หว่าหวา และภิสิงห์ต่างพากันไปดูสถานที่จัดงานแสดงเครื่องประดับ แน่นอนว่าสองแสบจะต้องไปด้วย กวิน และกรัณย์ค่อนข้างที่จะติดฉัน เพราะฉันดูแลทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเกิดมา ให้ความรัก เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเขา"แม่ฮับ..." บนรถของภิสิงห์ที่อาสาเป็นคนขับพาไปยังสถานที่จัดงาน อยู่ ๆ กวินก็เอ่ยขึ้น"...พ่ออยู่ไหนเหรอครับ" คำถามของลูกชายที่เป็นแฝดพี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกสั่น ๆ"นั่นสิครับ พ่อไปไหนเหรอ" ฉันละสายตาหันไปที่กรัณย์ที่พูดเสริมขึ้นมา หว่าหวาที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับภิสิงห์หันมาสบตาฉันทันที"เอ่อ...ทำไมอยู่ดี ๆ ถามขึ้นมาล่ะครับ""ก็ลุงคนนั้นถามผมยังไม่ได้ตอบเขาเลย" ลุงคนนั้น ที่กวินเอ่ยถึงก็คือเทมโป พ่อของพวกเขานั้นแหละ"พ่อทำไมไม่มาหาพวกเราเลยล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยพร้อมกับสีหน้าเศร้า"...." ฉันนิ่งมองดูทั้งสองด้วยความสงสาร"เด็ก ๆ เดี๋ยวแวะกินไอศครีมคลายร้อนกันนะ" ภิสิงห์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้า และดูเครียด"เย้ / เย้" พอได้ยินคำว่าไอศครีม เด็ก ๆ ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าดีใจทันทีจากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อพาเด็ก ๆไปทานไอศครีมระห
พ่อของเด็กเป็นใครฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองใบหน้าหล่อ นิ่ง ๆ เขาก้าวขายาวเดินมายืนตรงหน้าฉันแล้วหลุบตามองไปที่กวิน และกรัณย์สลับกัน ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกวิน แฝดพี่ที่ฉันจับมืออยู่"พ่ออยู่ไหนครับ" เทมโปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"...." กวินไม่ตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง แฝงสงสัย"คุณเป็นใครเหรอครับ" กรัณย์แฝดน้องที่หว่าหวาจับอยู่เอ่ยขึ้น ทำให้เทมโปละสายตาหันไปมองเด็กน้อย"ลุงเป็น...." เขาหยุดพูดแล้วช้อนตาขึ้นมองมาที่ฉัน ก่อนที่จะตอบกลับกรัณย์"...ลุงเป็น พะ เพื่อนแม่เราน่ะ" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ สีหน้าเจ็บปวด แล้วเอื้อมมือไปลูบที่หัวกรัณย์ แต่ทว่า"อย่าลูบ เดี๋ยวผมเสียทรง" แฝดคนน้องผละหัวหนีออก ทำให้มือหนาชะงักแล้วหัวเราะปนเศร้าเบา ๆ"เหอะ" ไม่รู้ซะแล้วว่ากรัณย์ห่วงหล่อขนาดไหน"แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ" ในเมื่อถามกวินแล้วไม่ได้คำตอบ เขาจึงเลือกถามแฝดน้องแทน"...." กรัณย์ ส่ายหัวแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้า ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวสงสารลูก"พอสักทีเถอะ..เลิกยุ่งเรื่องของแกนได้แล้ว" พูดจบ ฉันก็พากวิน และหว่าหวาจูงมือกรัณย์เดินหนีมา"ออร์แกน...ออร์แกน""อย่าตามมานะ!" ฉันหันไปตวา