ไม่ยอมปล่อย
ตึก ตึก เสียงฝีเท้าหนักที่เดินมาจากห้องน้ำจนมาหยุดยืนท้าวเอวหลวม ๆ จ้องมาที่ฉัน ด้วยสภาพผมที่เปียกหมาด ๆ ดูตามเนื้อตัวก็เดาได้ว่าเขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ
"ไปล้างตัว"ปากหนาเอ่ยพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ในขณะที่ฉันมองเขาด้วยสายตาเคียดแค้นยกมือขึ้นปาดน้ำตาแบบลวก ๆ แล้วขยับกายลงจากเตียง เดินย่างเข้าไปในห้องน้ำอย่างเงียบ ๆ
หลังจากที่จัดการกับร่างกายตัวเองจนสะอาดเรียบร้อย ก็ได้เดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเอียงหูฟังบทสนทนาที่ชายหนุ่มผมที่ทองพูดคุยกับใครบางคนผ่านโทรศัพท์
"หาคนไปสั่งสอนไอ้ภิสิงห์ให้หน่อย"พอได้ยินแบบนั้นฉันก็รีบก้าวขาเรียวเดินไปยืนตรงหน้าก่อนที่จะเอ่ยห้าม
"เทมโป แกนขอร้องอย่างทำอะไร..."
"แค่นี้ก่อน"ยังพูดไม่จบประโยค เทมโปก็แทรกพูดในโทรศัพท์แล้วกดวางสายจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาดุดัน
"เป็นห่วงมันมาก?"
"แกนขอเถอะนะ.."ใบหน้าหล่อเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วลอบหายใจ
"...จะให้แกนทำอะไรก็ได้ แต่ขอเรื่องเดียวอย่าทำอะไรพี่สิงห์เลยนะ"ฉันพอรู้มาบ้างว่าธุรกิจครอบครัวเทมโปไม่ได้มีแต่ธุรกิจที่ขาวสะอาด แต่ยังมีธุรกิจสีเทา แน่นอนว่าเขาจะต้องมีอำนาจและพรรคพวกมากมาย ฉันจึงคิดว่าภิสิงห์คงไม่ปลอดภัยแน่
"หึ..ยอมทุกอย่าง?"เทมโปหันกลับมาแล้วเลิกคิ้วถามแล้วแสยะยิ้มร้าย.
"ใช่ แกนจะยอมทุกอย่างเพียงแค่เทมโปอย่าทำอะไรพี่สิงห์เลยนะ"ฉันถือวิสาสะเอื้อมมือไปเขย่าแขนแกร่งเบา ๆ
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะกระตุกผ้าขนหนูตัวเองออก เผยท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่ผงาดออกมา ฉันยืนกลืนน้ำลายลงคอแล้วย่อตัวลง
"ทำให้หน่อย"เป็นคำสั่งที่น้ำเสียงกระเส่าของคนตัวโต และแน่นอนฉันไม่สามารถขัดใจเขาได้ในสถานการณ์แบบนี้
เช้าวันต่อมา
ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องอย่างคนสิ้นหวัง ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเลย เพราะตื่นมาต้องพบกับสิ่งที่โหดร้าย ฉันพ่นลมหายใจพรืดใหญ่อย่างปลง ๆ แล้วหยัดกายลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง.
ภายในห้องว่างเปล่า ไร้ร่างชายหนุ่มที่ทำเรื่องอย่างว่ากับฉันเมื่อคืนเกือบเช้า จากนั้นฉันก็ลงจากเตียงแต่สายตาก็เหลือบไปเห็นโน้ตที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงจึงหยิบขึ้นมาดู
'ฉันต้องเข้าประชุมเช้ากับพี่ทอย เธอตื่นแล้วก็รีบตามมา'
อ่านจบฉันขยำแล้วทิ้งลงในถังขยะก่อนที่จะพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ
ตอนนี้ฉันนั่งรถมาถึงที่บริษัทแล้ว ก่อนที่จะไปที่โต๊ะทำงานฉันได้แวะไปหาพ่อที่แผนก
"อ้าว ยัยแกน"พ่อละสายตาจากเอกสารแล้วเงยหน้าขึ้นทักทายฉัน
"สวัสดีค่ะพ่อ"ฉันยกมือไหว้ท่านแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้
"เมื่อคืนไปนอนไหนมา"ฉันคลี่ยิ้มบาง ๆ สะเทือนใจกับคำถาม
"นอนกับหว่าหวาค่ะ"ใช่แล้ว ฉันไม่บอกความจริง เลือกที่จะโกหกคนเป็นพ่อ
"อืม"พ่อขานรับสั้น ๆ แต่มีสีหน้าที่ดูไม่เชื่อสนิทใจ แต่ท่านก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรฉัน
"พ่อคะ"ท่านหันมามองฉันด้วยสีหน้าสงสัย.
"หนี้สินของบ้านเรา...."
"เหลืออีกไม่เท่าไหร่เราก็จะชำระหมดแล้วล่ะ..ลูกมีอะไรหรือเปล่า"พ่อแทรกพูดขึ้นแล้วเอ่ยถามในประโยคสุดท้าย
"แกนอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศค่ะ"ก่อนหน้าตอนที่พ่อยังไม่ได้มีหนี้สินที่มหาศาลแบบนี้ ท่านเคยบอกว่าจะส่งฉันไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
"...."ท่านย่นคิ้วหนาจ้องมองฉันนิ่ง ๆ
"พ่อไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน แกนจะสอบชิงทุนไปเอง"
"พ่อไม่ได้ห่วงเรื่องเงิน เพราะตอนนี้พ่อพอมีที่จะส่งลูกไปเรียนได้...."ท่านหยุดพูดแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาที่ฉันแล้วยกมือลูบที่หัวอย่างอ่อนโยน.
"...แต่ก่อนหน้าลูกปฏิเสธที่จะไป พ่อก็เลยแปลกใจว่าทำไมต้องนี้ลูกถึงอยากจะไป"
"แกนอยากไปหาประสบการณ์น่ะค่ะ"ฉันตอบกลับแล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ แต่ความจริงที่ฉันอยากไปก็เพราะอยากจะหนีหน้าใครบางคน
"อืม..งั้นก็ตามใจลูก"ฉันสวมกอดพ่อด้วยความรัก และดีใจที่พ่ออนุญาต หลังจากพูดคุยธุระกับพ่อเรียบร้อย ฉันก็มาที่แผนกด้วยความหวัง.
'อดทนอีกแค่เดือนเดียว..ฉันก็จะไม่ได้เจอคนเลวคนนั้นแล้ว'
พอเดินมาถึงหน้าห้องผู้บริหาร ฉันถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเพื่อทักทายเพื่อน เพราะรู้ว่าเธอต้องอยู่ด้านในคนเดียว เนื่องจากอีกคนต้องเข้าประชุม แต่ทว่า พอเปิดประตูเข้าไปก็พบแต่ความว่างเปล่า
"หว่าหวายังไม่มา?"ฉันพึมพำกับตัวเองแล้วล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมา แล้วกดเบอร์หาเธอทันที
ครืนนนน ครืนนนน
(ฮาโหล)ไม่นานปลายสายก็กดรับแล้วเอ่ยขึ้น
"หว่าหวาทำไมยังไม่มา...."
(แกน หว่าหวาคงไม่ได้ไปฝึกงานที่นั้นแล้ว.....)เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะพูดต่อ
(....หว่าหวาทนทำงานกับคนที่ทำร้ายพี่ชายหว่าหวาไม่ได้หรอก)สิ้นเสียง ก็เป็นฉันที่พ่นลมหายใจ
"แกนเข้าใจ แล้วพี่สิงห์เป็นยังไงบ้าง"แล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
(ไม่เป็นอะไรมากแต่พี่สิงห์เป็นห่วงแกนมากเลยนะ เทมโปทำอะไรแกนหรือเปล่า)
"มะ ไม่เขาไม่ได้ทำอะไรแกน"ฉันพูดโกหกอย่างตะกุกตะกัก
(หว่าหวาอยากให้แกนอยู่ห่าง ๆ เทมโปไว้ เขาร้ายกาจมาก ๆ เลย) ฉันก็กำลังหาทางหนีเขาอยู่เหมือนกัน
"จ่ะ แกนจะพยายามอยู่ห่างเขา"
(หว่าหวาเข้าใจแกนนะ ว่าต้องทดแทนบุญคุณ แต่ที่เขาทำกับแกนมันมากเกินไปทำราวกับว่าแกน...)เธอหยุดพูด และฉันก็รู้ว่าเธอจะพูดต่อว่าอะไร
"ไม่ใช่คน"ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
(โธ่ แกน...)
"ไม่เป็นอะไรแกนทนได้ อีกไม่นานแล้ว.."
(เทมโปจะปล่อยแกนไปจริง ๆ เหรอ) นั้นคือสิ่งที่ฉันกังวล
ระหว่างที่ฉันทำงานอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงส้นสูงเดินใกล้เข้ามา ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมอง ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย
"ฝน..."เธอเดินแสยะยิ้มเข้ามาที่โต๊ะทำงานฉัน
"...มาได้ยังไง"
"เทมโปเรียกฉันมา"เธอตอบแล้วยกยิ้มมุมปาก
"เป็นไงนังขี้ข้า สบายดีไหม"ฉันกำหมัดกัดกรามแน่นด้วยความโกรธที่ฝนพูดกับฉันแบบนี้ แต่ก็ได้แค่นิ่ง
"ที่เทมโปให้เธอมาฝึกงานที่นี่ไม่ใช่เพราะพิศวาสในตัวเธอนะ..."หญิงสาวที่ฉันเคยคิดว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่กลับมาพูดจาดูถูกเหยียดหยามฉันอยู่ตรงหน้า
"...อย่างเธอก็เป็นได้แค่ขี้ข้ากับ นางบำเรอเท่านั้น"
"พูดจบหรือยัง"ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบใบหน้านิ่ง.
"นัง..."ตึก ตึก ตึก ฝนไม่ทันได้วีนเหวี่ยงใส่ เสียงฝีเท้าหนักก็เดินเข้ามาทำให้ฉันกับเธอหันไปที่เจ้าของฝีเท้านั้น
"เทมโป"ฝนเดินเข้าไปเกาะแขนชายหนุ่มอย่างออดอ้อน
"มีธุระอะไรถึงมาหาฉันที่นี่"คำถามของชายหนุ่มทำให้ใบหน้าหญิงสาวเลิ่กลั่ก
"ฝนก็แค่..."พูดยังไม่ทันจบ เทมโปก็ดึงมือของฝนออกจากแขนของตนแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน แต่ทว่าฝนก็รีบเดินตามเข้าไปติด ๆ
ฉันไม่ใส่ใจก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ผ่านไปร่วมชั่วโมงประตูห้องก็เปิดออกมา พร้อมกับร่างชายหนุ่มที่มือถืแฟ้มเอกสารเดินมาที่โต๊ะฉัน
"พี่นุชฝากให้เธอศึกษาดู คราวหน้าเธออาจจะต้องเข้าประชุมกับฉัน"เขาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะก่อนที่จะหันหลังก้าวขาเดิน
"เทมโป..."คนร่างสูงหยุดชะงักแล้วหันมาที่ฉัน
"...ลบคลิปนั้นออกได้ไหม"
"หึ..."เทมโปแค่นเสียงหัวเราะในลำคอแล้วเอามือทั้งสองค้ำที่โต๊ะ ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ๆ
"...ทำตัวดี ๆ แล้วเชื่อฟัง ฉันอาจจะใจดีลบคลิปให้ แต่ถ้าเธอยังดื้อด้านไม่เชื่อฟังคลิปนั้นจะกระจายว่อนทั่วเน็ตแน่"
"ทะ เทมโป.."จังหวะที่ฉันกำลังจะพูดอะไรต่อ ประตูก็เปิดเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับร่างหญิงสาวที่ดูสภาพไม่เหมือนก่อนหน้า เดาได้เลยว่าทั้งคู่ทำอะไรกันอยู่ด้านใน
"ฝนกลับก่อนนะ"เธอเดินมาที่ชายหนุ่มแล้วใช้ปากจุ๊บที่แก้มของเขาต่อหน้า ก่อนจะหันมาแสยะยิ้มร้ายให้ฉัน
"ทีหลังไม่ต้องมาที่นี่..."เทมโปพูดกับเธอเสียงเรียบ.
"...เดี๋ยวฉันโทรหาเธอเอง"หญิงสาวฉีกยิ้มด้วยความดีใจก่อนจะสวมกอดชายหนุ่ม
"ฝนจะรอนะ"เธอผละจากกอดแล้วพูดขึ้น
"ไปได้แล้ว"สิ้นเสียง ฝนก็เดินนวยนาดอย่างสีหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
"เข้าไปทำความสะอาดในห้องให้ด้วย"พอฝนเดินไปจนลับตา เทมโปก็พูดขึ้นก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องทำงาน ฉันมองแผ่นหลังแล้วถอนถอดหายใจออกมา
ฉันลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปในห้องเพื่อไปทำความสะอาดตามคำสั่ง ก็พบว่าข้าวของบนโต๊ะกระจัดกระจาย แล้วมีซองฝอยที่ถูกฉีกใช้งานแล้วตกอยู่ ฉันจัดเรียงข้างของ และทำความสะอาดด้วยหัวใจที่วูบไหว.
"ฝนกับนายไม่ใช่แค่เพื่อนใช่ไหม"ฉันตัดสินใจเอ่ยถาม เรื่องที่สงสัยมานานกับเทมโปที่นั่งกอดอกไขว้ห้างอยู่บนโซฟา.
"สถานะฝนก็เหมือนเธอ...ก็แค่เพื่อนที่เอากันได้"
"แล้วทำไมแกนไม่ได้รับอิสรภาพเหมือนฝนบ้าง"ฉันย้อนถามไปด้วยน้ำเสียงสั่น.
"...."เขาไม่ตอบได้แต่จ้องมาที่ฉันนิ่ง ๆ
"แกนขออิสรภาพได้ไหม"
"ฉันไม่ให้! เพราะเธอคือคนที่ฉันจะไม่ยอมปล่อย.."เขาเอ่ยประโยคสุดท้ายเสียงแผ่วเบา แล้วลุกขึ้นเดินออกไปห้องด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
ตอนจบ"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา"คนบ้า!""ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย""ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ""ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน""..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง""เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉัน
จากเพื่อนสู่ผัว"กวิน กรัณย์ ออร์แกน" ฉันและลูกแฝดต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง ซึ่งเป็นคนป่วยที่นอนอยู่เอ่ยขึ้นมา เขาลืมตามองมาที่พวกฉันแล้วค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น"พ่อตื่นแล้ว" กวินบอกกับคนเป็นน้อง ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง พร้อม ๆ กับฉันที่รีบไปประคองเขาลุกนั่ง.เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ขณะที่ลูกแฝดขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามอาการพ่อตัวเองทันที"พ่อเจ็บตรงไหนฮับ" แฝดพี่พูดแล้วใช้สายตามองไปที่เรือนร่างคนเป็นพ่อราวกับหาอะไร"พ่อรีบหายนะครับ จะได้มาเล่นกัน...." กรัณย์เอ่ยแล้วหันไปพูดกับกวิน"...ให้พ่อเป็นผู้ร้ายนะพวกเราเป็นตำรวจ""หึหึ" เทมโปหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมไปลูบหัวลูกแฝดคนโต แล้วกำลังจะสลับไปลูบหัวคนน้องแต่เขากลับชะงัก คงจะจำวันนั้นได้วันที่กรัณย์ไม่ยอมให้เขาลูบเพราะกลัวผมเสียทรง"พ่อเป็นพ่อของกรัณย์ พ่อลูบได้ครับ" เด็กน้อยแฝดน้องพูดพร้อมกับยื่นหัวให้พ่อของเขาลูบ สร้างรอยยิ้มปนน้ำตาที่คลอเบ้าให้คนเป็นพ่อทันที"วันนี้เธอกับลูกอยู่กับฉันนะ" เทมโปหันมาพูดกับฉัน"อืม" ฉันตอบกลับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้"ขะ ขอบใจนะ" เทมโปกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ"รับหายนะ..แกนอยากให้เทมโปกลับมาใ
ยังไม่ให้โอกาส"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิตยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ
ขอร้องOrgan"ทำไมคุณทอยคิดว่าเราสองคนแต่งงานกัน" ภิสิงห์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ตอนนี้พวกเราต่างพากันธุระเสร็จจนกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนสองแฝดก็นอนหลับด้วยความเพลีย"หว่าหวาเป็นคนโกหกเองค่ะ" คนเป็นพี่หันไปที่น้องสาวของตนด้วยสีหน้าสงสัย"คือวันนั้นพวกเราเจอกับเทมโป...." หว่าหวาหยุดพูดแล้วหันมาที่ฉัน"...นายนั่นคอยเซ้าซี้แกนไม่เลิก หว่าหวาก็เลยโกหกไปว่า..""พี่กับแกนแต่งงานแล้วกวิน กรัณย์คือเป็นลูกพี่?" ภิสิงห์แทรกพูดขึ้นหว่าหวาก็ผงกหัวรับสีหน้ารู้สึกผิด"อย่าโกรธหว่าหวาเลยค่ะ แกนเองก็ไม่ทักท้วงปล่อยเลยตามเลย" ฉันพูดจบ หว่าหวาก็หันมาฉีกยิ้มให้ ขณะที่ภิสิงห์มีสีหน้าดูเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ"พี่สิงห์โกรธหรอกคะ แกนขอโทษ""เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ.." ว่าจบ ภิสิงห์ก็ลอบหายใจออกมาเบา ๆ"...ไม่นานทางนั้นก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ""...." ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภายในใจก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ยิ่งวันนี้ที่เจอกับพี่ทอย เขาดูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเขาต้องไปสืบเรื่องแต่งงานที่หว่าหวากุขึ้นมาแน่"แกน..." ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายเพื่อน"...พี่ได้ข
กลัววันนี้ฉัน หว่าหวา และภิสิงห์ต่างพากันไปดูสถานที่จัดงานแสดงเครื่องประดับ แน่นอนว่าสองแสบจะต้องไปด้วย กวิน และกรัณย์ค่อนข้างที่จะติดฉัน เพราะฉันดูแลทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเกิดมา ให้ความรัก เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเขา"แม่ฮับ..." บนรถของภิสิงห์ที่อาสาเป็นคนขับพาไปยังสถานที่จัดงาน อยู่ ๆ กวินก็เอ่ยขึ้น"...พ่ออยู่ไหนเหรอครับ" คำถามของลูกชายที่เป็นแฝดพี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกสั่น ๆ"นั่นสิครับ พ่อไปไหนเหรอ" ฉันละสายตาหันไปที่กรัณย์ที่พูดเสริมขึ้นมา หว่าหวาที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับภิสิงห์หันมาสบตาฉันทันที"เอ่อ...ทำไมอยู่ดี ๆ ถามขึ้นมาล่ะครับ""ก็ลุงคนนั้นถามผมยังไม่ได้ตอบเขาเลย" ลุงคนนั้น ที่กวินเอ่ยถึงก็คือเทมโป พ่อของพวกเขานั้นแหละ"พ่อทำไมไม่มาหาพวกเราเลยล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยพร้อมกับสีหน้าเศร้า"...." ฉันนิ่งมองดูทั้งสองด้วยความสงสาร"เด็ก ๆ เดี๋ยวแวะกินไอศครีมคลายร้อนกันนะ" ภิสิงห์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้า และดูเครียด"เย้ / เย้" พอได้ยินคำว่าไอศครีม เด็ก ๆ ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าดีใจทันทีจากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อพาเด็ก ๆไปทานไอศครีมระห
พ่อของเด็กเป็นใครฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองใบหน้าหล่อ นิ่ง ๆ เขาก้าวขายาวเดินมายืนตรงหน้าฉันแล้วหลุบตามองไปที่กวิน และกรัณย์สลับกัน ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกวิน แฝดพี่ที่ฉันจับมืออยู่"พ่ออยู่ไหนครับ" เทมโปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"...." กวินไม่ตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง แฝงสงสัย"คุณเป็นใครเหรอครับ" กรัณย์แฝดน้องที่หว่าหวาจับอยู่เอ่ยขึ้น ทำให้เทมโปละสายตาหันไปมองเด็กน้อย"ลุงเป็น...." เขาหยุดพูดแล้วช้อนตาขึ้นมองมาที่ฉัน ก่อนที่จะตอบกลับกรัณย์"...ลุงเป็น พะ เพื่อนแม่เราน่ะ" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ สีหน้าเจ็บปวด แล้วเอื้อมมือไปลูบที่หัวกรัณย์ แต่ทว่า"อย่าลูบ เดี๋ยวผมเสียทรง" แฝดคนน้องผละหัวหนีออก ทำให้มือหนาชะงักแล้วหัวเราะปนเศร้าเบา ๆ"เหอะ" ไม่รู้ซะแล้วว่ากรัณย์ห่วงหล่อขนาดไหน"แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ" ในเมื่อถามกวินแล้วไม่ได้คำตอบ เขาจึงเลือกถามแฝดน้องแทน"...." กรัณย์ ส่ายหัวแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้า ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวสงสารลูก"พอสักทีเถอะ..เลิกยุ่งเรื่องของแกนได้แล้ว" พูดจบ ฉันก็พากวิน และหว่าหวาจูงมือกรัณย์เดินหนีมา"ออร์แกน...ออร์แกน""อย่าตามมานะ!" ฉันหันไปตวา