บังคับ
ฉันมองแผ่นหลังแกร่งที่กำลังเดินออกจากห้องด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า รู้สึกเสียใจ น้อยใจมาก
"ทำไมไม่ยอมปล่อยแกน?"แล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่จะทำความสะอาดต่อ
หลังจากทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย ฉันก็ออกมาทำงานต่อ จนกระทั่งเสียงฝีเท้าหนักได้เดินเข้าหยุดยืนอยู่ที่โต๊ะ ฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเพราะรู้ว่าเป็นใครตั้งแต่เห็นลำตัวและต้นแขนล่ำ ๆ ของเขาแล้ว.
"กลางวันไปกินข้าวกับฉัน"ใช่แล้ว คนที่พูดนั้นก็คือเทมโปเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ สีหน้านิ่ง.
"นี่เป็นคำสั่งอีกใช่ไหม"
"ไม่ใช่..."เขาสวนขึ้นทันทีแล้วก้มหน้าลอบหายใจเบา ๆ
"...เป็นคำชวน"นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม
"ไปทำงานก่อนนะ"เทมโปเงยหน้าแล้วพูดก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่ฉันยังมีอาการสงสัย และกังวลว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก
เวลา 12.00 น.
ระหว่างที่ฉันกำลังเก็บข้าวของปิดคอมพิวเตอร์ดูความเรียบร้อย แอ๊ดดด ประตูห้องก็เปิดออกมา ฉันจึงละสายตาหันไปมอง
"เสร็จหรือยัง"เสียงทุ้มเอ่ยถาม
"อืม"ฉันตอบกลับสั้น ๆ
"งั้นเราไปกันเถอะ"ว่าจบ ชายหนุ่มผมสีทองก็เดินนำฉันไปยังลิฟต์ส่วนตัวสำหรับผู้บริหาร
ในลิฟต์ เทมโปยืนพิงผนังเอามือล้วงกระเป๋าแล้วจ้องมาที่ฉัน
"อยากจะกินอะไรพิเศษไหม"ฉันส่ายหน้า
"ฉันเลี้ยง"เขาเอ่ยพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก
"...."ฉันได้แต่มองเขานิ่ง ๆ ไม่ได้ปริปากพูดอะไร เทมโปจึงเดินเข้ามาแล้วยกมือลูบที่หัว ทำให้ฉันผละหัวออกด้วยความตกใจ
"กลัว?"
"เทมโปจะทำอะไรแกน"
"หึ"เขาไม่ตอบได้แต่แค่นหัวเราะออกมาแล้วกลับไปยืนที่เดิม จนกระทั่งลิฟต์เปิด
เทมโปเป็นคนเดินนำออกมาด้วยใบหน้าที่ดูยิ้มแย้ม ตัดมาที่ฉันยังคงมีความคิดกังวลและกลัวว่าเขาจะทำบ้าอะไรกับฉันหรือเปล่า
"ไปรถฉันนะ"ฉันผงกหัวรับ แล้วเดินไปยังรถของเขาก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งข้าง ๆ คนขับ.
"กินอะไรดี"ขณะที่เทมโปกำลังขับรถออกมาจากบริษัท อยู่ ๆ เขาก็พึมพำคนเดียวขึ้นมาเบา ๆ พอได้ยิน
"...."ฉันนั่งนิ่งแล้วเบือนหน้าไปมองข้างทางผ่านกระจกใส
"เรียนจบแล้วสนใจไปทำงานที่ผับของฉันไหม.."สิ้นเสียง ฉันก็หันไปที่คนพูด
"...ฉันจะให้ตำแหน่งเธอเป็นผู้ช่วยของฉัน"
"..."ฉันมองไปที่ใบหน้าหล่อนิ่ง ๆ ในใจก็รู้สึกสับสน
"เธอจะได้ใกล้ชิดกับฉันไง"
"เหอะ"คราวนี้ฉันหลุดหัวเราะออกมา ทำให้เทมโปย่นคิ้วจ้องหน้าฉัน
"เธอหัวเราะอะไร"
"แกนแค่รู้สึกขำนิดหน่อย"
"ขำเรื่อง?"ชายหนุ่มย้อนถาม
"ก็ขำที่เทมโปพูด...."ชายหนุ่มยิ่งขมวดคิ้วเข้มจนเป็นปม
"...ก็เทมโปบอกแกนว่าเมื่อเรียนจบจะปล่อยแกนไปไงทำไมถึงยังอยากให้แกนอยู่ต่อล่ะ"
"แล้วเธอจะไปทำงานที่ไหน"
"ทำที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีเทมโป"
"ออร์แกน!"เขาตวาดใส่ฉันแล้วเปลี่ยนสีหน้าที่ดูหงุดหงิดขึ้น
"อย่าลืมคำพูดตัวเองสิเทมโป ในเมื่อแกนยอมทำตามข้อตกลงแล้ว เทมโปก็ควรที่จะ..."
"หุบปาก"ยังพูดไม่จบประโยคเทมโปก็ตวาดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ แล้วเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นจนน่ากลัวฉันต้องกำสายเบลล์ไว้แน่น
พอมาถึงร้านอาหารท่าทีของชายหนุ่มที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนตอนออกมาจากบริษัทที่ดูอารมณ์ดี แต่ตอนนี้เขากลับดูขึงขัง.หลังจากสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อย ระหว่างรอ..
"เธอต้องไปทำงานกับฉัน"อยู่ ๆ ปากหนาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวแฝงบังคับ
"เทมโป ไหนนายบอกว่า..."
"ฉันไม่ปล่อย!"เขาตวาดด้วยใบหน้าที่เอาแต่ใจ ทำให้นึกถึงคำพูดที่ภิสิงห์และหว่าหวาเคยพูดไว้
"เทมโปจะรังแกแกนไปถึงเมื่อไหร่"ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นราวจะร้องไห้
"ฉันไม่ได้จะรังแกเธอ...ฉันแค่อยากให้เธอมาทำงานกับฉัน"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
"แกนไม่อยากไป"
"แต่เธอต้องไป"เทมโปยังคงบังคับฉัน โดยที่เขายังไม่รู้ว่าหลังจากเรียนจบฉันจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และเรื่องนี้ฉันจะไม่มีทางให้เขารู้แน่
"อย่าลืมว่าฉันมีคลิป..."ฉันเบิกตาโตด้วยความตกใจและกังวลใจมาก
"...ถ้าเธอไม่ยอมมาทำงานกับฉัน คลิปนั้นได้แชร์บนโซเซียลแน่
"ทะ เทมโป..."ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลลงมา
"ทำตามที่ฉันสั่ง"คนเลว ฉันได้แต่คิดในใจจ้องมองเขาแล้วกัดกราม กำหมัดไว้แน่น
ตอนนี้ฉันรู้สึกเกลียด โกรธแค้นมากกว่าความรู้สึกรักไปซะแล้ว ทำไมเขาถึงเลวได้ขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะถ่ายคลิปบ้า ๆ นั้นเพื่อมาข่มขู่ฉัน
หลังจากทานมื้อกลางวันเรียบร้อยเทมโปก็ขับรถพาฉันกลับยังบริษัท ระหว่างเราสองคนไม่ได้สนทนาอะไรกันเลย นั่งเงียบกริบมาตลอดทางจนถึงบริษัท ก็แยกย้ายทำงาน
เลิกงานพ่อโทรมาบอกว่าอาจจะกลับช้าเพราะติดลูกค้า ระหว่างคุยโทรศัพท์อยู่กับพ่อ เทมโปก็ออกมาจากห้อง
"ขับรถดี ๆ นะคะ"สิ้นเสียง ฉันก็กดวางสาย ชายหนุ่มผมทองก็เดินมาที่โต๊ะฉันพอดี
"วันนี้ฉันจะไปดื่มกับไอ้เจมส์ ไอ้ดีแลน เธอจะไปด้วยไหม"
"ไม่อ่ะ แกนอยากกลับไปพัก"ฉันปฏิเสธทันที
"ตามใจ...แต่อย่าให้รู้นะว่าเธอแอบไปเจอไอ้สิงห์"เขาขบกรามแน่น
"...."ฉันเบือนหน้าหนี
"ฉันไม่ชอบมัน เพราะฉะนั้นเธอก็ห้ามยุ่งกับมัน"พูดจบ คนชอบออกคำสั่งก็เดินไป
"เฮ้อ"ฉันพ่นลมหายใจอย่างหนักอย่างเอือมระอา
ฉันขับรถกลับมาที่บ้านก็พบกับรถยนต์คันหรูที่คุ้นเคย จึงเดินเข้าไปในบ้าน
"พี่สิงห์ หว่าหวา"ทั้งคู่คลี่ยิ้ม ขณะที่ฉันเดินเข้าไปนั่งด้วยความดีใจ
"พี่สิงห์ แกนต้องขอโทษด้วยนะ"ฉันบอกกับเขาอย่างรู้สึกผิด
"พี่ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษหรอก"
"แกนเป็นยังไงบ้าง ไอ้หมาบ้านั้นทำอะไรแกนหรือเปล่า"ฉันหันไปที่หว่าหวาที่เอ่ยถามฉันด้วยใบหน้าเป็นห่วง
"เอ่อ..."ฉันลังเลอยู่ว่าจะเล่าทุกอย่างให้ทั้งคู่ฟังดีไหม เพราะฉันทนเก็บมันไว้คนเดียวไม่ไหวแล้ว
"แกน มีอะไรก็เล่าให้พวกเราฟังเถอะ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันได้"นั่นเป็นคำพูดของภิสิงห์เขามองฉันด้วยสายตาที่จริงใจไม่ต่างกับหว่าหวาน้องสาวของเขาเลย
"เล่ามาเถอะ หว่าหวาสัญญาว่าจะไม่พูดให้ใครฟังต่อแน่"
จากนั้นฉันจึงตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้ทั้งคู่ฟัง รวมถึงณ.ปัจจุบันที่เขาถ่ายคลิปฉันเพื่อข่มขู่ให้ไปทำงานกับเขาหลังเรียนจบ
"ทำไมเลวได้ขนาดนี้นะ"หว่าหวาพูดขึ้นหลังจากที่ฉันเล่าทุกอย่างจบ ด้วยสีหน้าโกรธแค้น
"เฮ้อ..."ภิสิงห์พ่นลมหายใจออกมาด้วยใบหน้าที่สงสารฉันมาก ๆ
"....คนอย่างเทมโปไม่รู้จักคำว่ารักเอาซะเลย"เขาพึมพำเบา ๆ
"แกนจะเอายังไงต่อ จะไปทำงานกับเทมโปไม่ ถ้าไม่อยากไป...."คนเป็นน้องหันไปที่พี่ชาย
"...เราสองคนจะช่วยแกนเอง"พูดจบ ภิสิงห์ก็ผงกหัวพร้อมกับคลี่ยิ้มบาง ๆ
"เทมโปไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก..แกนไม่ต้องกลัว"แล้วพูดขึ้น ทำให้ฉันไม่เข้าใจทำไมภิสิงห์ถึงคิดแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่เทมโปรังแกฉันมาตลอด
"...."ฉันขมวดคิ้วจนเป็นปมมองไปที่เขา
"เชื่อพี่ เทมโปไม่ทำหรอกแต่ถ้าคลิปนั้นหลุดก็คงไม่ใช่ฝีมือของเขา"
"พี่สิงห์ทำไมอยู่ ๆ เข้าข้างคนเลวแบบนั้นล่ะ"หว่าหวาทักท้วงขึ้น
"หึ...แต่ถึงยังไงเราต้องหาวิธีทำร้ายคลิปนั้นก่อน"ภิสิงห์ไม่ตอบน้องสาว เลือกที่จะหันมาพูดกับฉันด้วยสีหน้าจริงจัง.
"เรียนจบแกนอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ"ฉันบอกกับสองพี่น้องตามความตั้งใจของตัวเอง ทำให้หว่าหวาฉีกยิ้มด้วยความดีใจแล้วเอื้อมมากุมมือฉันก่อนที่จะพูดขึ้น
"หว่าหวาก็คิดว่าจะไปเหมือนกัน เราไปด้วยกันนะ"
"อืม ได้สิแกนจะได้มีเพื่อนเหมือนกัน"หว่าหวาคลี่ยิ้มตาหยีอย่างดีใจ
ตอนจบ"เทมโป..." ใบหน้าหล่อคมคายหันมาจ้องที่ฉัน"...แกนจะไม่เป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปใช่ไหม" เทมโปคลี่ยิ้มออกมาหลังจากที่ฉันพูดจบ"เธอไม่ใช่แค่เพื่อน..แต่เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันแล้ว.." มือหนายกมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยน"..ถ้าฉันขาดเธอ ฉันขาดใจ" ปลั่ก! นั่นเป็นเสียงที่ฉันกำมือทุบไปที่อกของเขา"คนบ้า!""ใช่ ก่อนหน้าฉันเคยบ้ามาแล้ว ตั้งแต่เธอหนีไป" เทมโปพูดสวนกลับ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำกับเธอ รู้ไหมว่าฉันทรมานจนดูน่าสมเพชเอามาก ๆ เลย""ออร์แกน...ตอนที่เธอหายไปฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาเธอ""ทะ เทมโป.." ฉันเอ่ยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่ภายในใจมันรู้สึกพองโต"ถ้าเธอไม่หนีไป วันนี้ฉันคงไม่รู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน..." คนร่างสูงโน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากฉัน"...ขอบคุณที่สอนบทเรียนให้กับฉัน และขอบคุณที่กลับมาไม่ว่าเหตุผลที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะฉัน""..." เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ใบหน้าสดใส"ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลับมาเพราะฉัน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้เจอเธอ ได้ขอโทษและได้บอกความในใจของฉันให้เธอฟัง""เทมโป..แกนก็ไม่เคยลืมนายเลยนะ" ไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ฉัน
จากเพื่อนสู่ผัว"กวิน กรัณย์ ออร์แกน" ฉันและลูกแฝดต่างพากันหันไปที่ต้นเสียง ซึ่งเป็นคนป่วยที่นอนอยู่เอ่ยขึ้นมา เขาลืมตามองมาที่พวกฉันแล้วค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น"พ่อตื่นแล้ว" กวินบอกกับคนเป็นน้อง ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง พร้อม ๆ กับฉันที่รีบไปประคองเขาลุกนั่ง.เทมโปคลี่ยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุข ขณะที่ลูกแฝดขึ้นบนเก้าอี้แล้วเอ่ยถามอาการพ่อตัวเองทันที"พ่อเจ็บตรงไหนฮับ" แฝดพี่พูดแล้วใช้สายตามองไปที่เรือนร่างคนเป็นพ่อราวกับหาอะไร"พ่อรีบหายนะครับ จะได้มาเล่นกัน...." กรัณย์เอ่ยแล้วหันไปพูดกับกวิน"...ให้พ่อเป็นผู้ร้ายนะพวกเราเป็นตำรวจ""หึหึ" เทมโปหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมไปลูบหัวลูกแฝดคนโต แล้วกำลังจะสลับไปลูบหัวคนน้องแต่เขากลับชะงัก คงจะจำวันนั้นได้วันที่กรัณย์ไม่ยอมให้เขาลูบเพราะกลัวผมเสียทรง"พ่อเป็นพ่อของกรัณย์ พ่อลูบได้ครับ" เด็กน้อยแฝดน้องพูดพร้อมกับยื่นหัวให้พ่อของเขาลูบ สร้างรอยยิ้มปนน้ำตาที่คลอเบ้าให้คนเป็นพ่อทันที"วันนี้เธอกับลูกอยู่กับฉันนะ" เทมโปหันมาพูดกับฉัน"อืม" ฉันตอบกลับสั้น ๆ แล้วคลี่ยิ้มให้"ขะ ขอบใจนะ" เทมโปกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ"รับหายนะ..แกนอยากให้เทมโปกลับมาใ
ยังไม่ให้โอกาส"แล้วเด็กฝาแฝดนั้นเป็นลูกใคร"ฉันคลี่ยิ้มหวานแล้วดึงมือหนาเดินเข้ามาด้านในห้อง"รอตรงนี้นะ เดี๋ยวแกนจะไปพากวิน กรัณย์เข้ามา" เทมโปทำสีหน้ามึนงงปนสงสัย แต่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องก็เห็นทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม"เทมโปเป็นยังบ้าง ออร์แกน" คุณน้าเรอาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาถามด้วยใบหน้าที่ยังมีความกังวล"ตอนนี้เทมโปโอเคขึ้นแล้วค่ะ..." ว่าจบ ฉันก็หันไปที่ลูกแฝดที่มีผู้ใหญ่ล้อมรอบอย่างอบอุ่น"...แกนขอพากวิน กรัณย์ไปหาพ่อของเขาก่อนนะคะ" คุณน้าเรอาคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมมากุมมือของฉัน"ออร์แกน น้าขอโทษแทนเทมโปด้วยนะ..." เธอลอบหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ"...ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีหลานฝาแฝดที่น่ารักแบบนี้ ขอบคุณเธอจริง ๆ ที่เลี้ยงดูที่เกิดมาจากเทมโปมาอย่างดี" คุณน้าเรอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ น้ำตาคลอเบ้า"กวิน กรัณย์ เป็นยิ่งกว่าชีวิตยังไง แกนก็ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดค่ะ" คุณน้าเรอาผงกหัวรับแล้วหันไปที่ลูกชายฝาแฝดของฉัน"กวิน กรัณย์ มากับแม่" ฉันเอ่ยเรียก ทั้งคู่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มใบหน้าสดใสมาที่ฉัน"ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างฮับ
ขอร้องOrgan"ทำไมคุณทอยคิดว่าเราสองคนแต่งงานกัน" ภิสิงห์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ตอนนี้พวกเราต่างพากันธุระเสร็จจนกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนสองแฝดก็นอนหลับด้วยความเพลีย"หว่าหวาเป็นคนโกหกเองค่ะ" คนเป็นพี่หันไปที่น้องสาวของตนด้วยสีหน้าสงสัย"คือวันนั้นพวกเราเจอกับเทมโป...." หว่าหวาหยุดพูดแล้วหันมาที่ฉัน"...นายนั่นคอยเซ้าซี้แกนไม่เลิก หว่าหวาก็เลยโกหกไปว่า..""พี่กับแกนแต่งงานแล้วกวิน กรัณย์คือเป็นลูกพี่?" ภิสิงห์แทรกพูดขึ้นหว่าหวาก็ผงกหัวรับสีหน้ารู้สึกผิด"อย่าโกรธหว่าหวาเลยค่ะ แกนเองก็ไม่ทักท้วงปล่อยเลยตามเลย" ฉันพูดจบ หว่าหวาก็หันมาฉีกยิ้มให้ ขณะที่ภิสิงห์มีสีหน้าดูเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ"พี่สิงห์โกรธหรอกคะ แกนขอโทษ""เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ.." ว่าจบ ภิสิงห์ก็ลอบหายใจออกมาเบา ๆ"...ไม่นานทางนั้นก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้แต่งงานกันจริง ๆ""...." ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าเม้มปากทั้งสองเข้ากันแน่น ภายในใจก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ยิ่งวันนี้ที่เจอกับพี่ทอย เขาดูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันคิดว่าเขาต้องไปสืบเรื่องแต่งงานที่หว่าหวากุขึ้นมาแน่"แกน..." ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายเพื่อน"...พี่ได้ข
กลัววันนี้ฉัน หว่าหวา และภิสิงห์ต่างพากันไปดูสถานที่จัดงานแสดงเครื่องประดับ แน่นอนว่าสองแสบจะต้องไปด้วย กวิน และกรัณย์ค่อนข้างที่จะติดฉัน เพราะฉันดูแลทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเกิดมา ให้ความรัก เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเขา"แม่ฮับ..." บนรถของภิสิงห์ที่อาสาเป็นคนขับพาไปยังสถานที่จัดงาน อยู่ ๆ กวินก็เอ่ยขึ้น"...พ่ออยู่ไหนเหรอครับ" คำถามของลูกชายที่เป็นแฝดพี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกสั่น ๆ"นั่นสิครับ พ่อไปไหนเหรอ" ฉันละสายตาหันไปที่กรัณย์ที่พูดเสริมขึ้นมา หว่าหวาที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ พร้อมกับภิสิงห์หันมาสบตาฉันทันที"เอ่อ...ทำไมอยู่ดี ๆ ถามขึ้นมาล่ะครับ""ก็ลุงคนนั้นถามผมยังไม่ได้ตอบเขาเลย" ลุงคนนั้น ที่กวินเอ่ยถึงก็คือเทมโป พ่อของพวกเขานั้นแหละ"พ่อทำไมไม่มาหาพวกเราเลยล่ะครับ" กรัณย์เอ่ยพร้อมกับสีหน้าเศร้า"...." ฉันนิ่งมองดูทั้งสองด้วยความสงสาร"เด็ก ๆ เดี๋ยวแวะกินไอศครีมคลายร้อนกันนะ" ภิสิงห์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศเศร้า และดูเครียด"เย้ / เย้" พอได้ยินคำว่าไอศครีม เด็ก ๆ ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าดีใจทันทีจากนั้นภิสิงห์ก็ขับรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อพาเด็ก ๆไปทานไอศครีมระห
พ่อของเด็กเป็นใครฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองใบหน้าหล่อ นิ่ง ๆ เขาก้าวขายาวเดินมายืนตรงหน้าฉันแล้วหลุบตามองไปที่กวิน และกรัณย์สลับกัน ก่อนจะย่อตัวลงคุยกับกวิน แฝดพี่ที่ฉันจับมืออยู่"พ่ออยู่ไหนครับ" เทมโปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"...." กวินไม่ตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง แฝงสงสัย"คุณเป็นใครเหรอครับ" กรัณย์แฝดน้องที่หว่าหวาจับอยู่เอ่ยขึ้น ทำให้เทมโปละสายตาหันไปมองเด็กน้อย"ลุงเป็น...." เขาหยุดพูดแล้วช้อนตาขึ้นมองมาที่ฉัน ก่อนที่จะตอบกลับกรัณย์"...ลุงเป็น พะ เพื่อนแม่เราน่ะ" เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ สีหน้าเจ็บปวด แล้วเอื้อมมือไปลูบที่หัวกรัณย์ แต่ทว่า"อย่าลูบ เดี๋ยวผมเสียทรง" แฝดคนน้องผละหัวหนีออก ทำให้มือหนาชะงักแล้วหัวเราะปนเศร้าเบา ๆ"เหอะ" ไม่รู้ซะแล้วว่ากรัณย์ห่วงหล่อขนาดไหน"แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ" ในเมื่อถามกวินแล้วไม่ได้คำตอบ เขาจึงเลือกถามแฝดน้องแทน"...." กรัณย์ ส่ายหัวแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเศร้า ทำเอาหัวใจฉันวูบไหวสงสารลูก"พอสักทีเถอะ..เลิกยุ่งเรื่องของแกนได้แล้ว" พูดจบ ฉันก็พากวิน และหว่าหวาจูงมือกรัณย์เดินหนีมา"ออร์แกน...ออร์แกน""อย่าตามมานะ!" ฉันหันไปตวา