Share

07

last update Last Updated: 2025-05-09 16:05:01

และคำกล่าวของฟางซินก็หาใช่คำขู่ไม่ เพราะมันคือความจริงทุกประการ

“ลึกกว่านี้...อย่าสำลักออกมา” เสียงสั่งสอนดังขึ้นไม่ขาดมาได้หลายชั่วยามแล้ว

เสี่ยวเม่ยเหลือบสายตาขึ้นมองคนที่นั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างเอื่อยเฉื่อย ใบหน้างดงามของนายโลมอันดับหนึ่งมีล่องลอยของความเหนื่อยล้า มือเล็กที่มีกลิ่นยาสูบบางเบาเอื้อมมาบีบที่คางของพ่อค้าหมั่นโถวผู้ที่ตอนนี้กำลังขะมักเขม้นเรียนรู้วิชา

“อ๊อก!” แรงบีบของนายโลมคนงามมากพอที่จะทำให้คนที่ปากไม่ว่างสำลักออกมาอึกใหญ่ ความใหญ่โตที่เดิมค้างอยู่ที่ลำคอเลื่อนออก แต่ก่อนที่จะหลุดจากริมฝีปากอิ่ม

เสี่ยวเม่ยผู้ถูกบังคับให้ใช้โพรงปากครอบอมความแข็งขืนของ ‘สิ่งนั้น’ มาได้หลายชั่วยาม ก็รีบใช้ฟันงับกัดวัตถุแปลกปลอมเอาไว้เพื่อไม่ให้สิ่งใดหลุดไป

“อย่ากัด!เจ้าอยากโดนตีตายหรือ” คนสั่งสอนเอ่ยเสียงเข้มแล้วจ้วงดันท่อนแข็งให้มุดลึกเข้าไปในโพรงลำคอ แรงกระทุ้งที่เกิดคิดอย่างฉับพลันสร้างความระคายเคืองให้ก็เกิดขึ้นตรงบริเวณลิ้นไก่ จนทำให้คนที่รักษาจังหวะหายใจไม่ทันนั้น สุดท้ายก็ไม่อาจฝืนต้องยอมดึงวัตถุแปลกปลอมออกจากปากในที่สุด ก่อนจะไอสำลักน้ำลายจนตัวโยน

“คะ-แค่ก!แค่ก!”

ฟางซินทอดสายตามองคนที่ไอค่อกแค่กออกมาจนน้ำมูกน้ำตาไหล เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนก้มลงหยิบ ‘ลึงค์ไม้’ [1] ขนาดพิเศษที่ชุ่มน้ำลายขึ้นมาจากพื้น

ลึงค์ไม้ นับเป็นอุปกรณ์ที่เหล่าคณิกาทั้งชายหญิงต่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะนอกจากใช้ฝึกฝนวิชาเพื่อกำราบเหล่าลูกค้าบนเตียงแล้ว หากยามใดที่เปลี่ยวเหงาก็ยังสามารถนำมาใช้เพื่อแก้ความกระสันอยากให้ตนเองได้อีกด้วย

ฟางซินหยิบลึงค์ไม้แข็งขึ้นมาสำรวจ รอบผิวเนื้อไม้ขัดเรียบมีร่องรอยจากการขบของฟันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน พอเห็นรอยงับเช่นนี้ นายคณิกาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากค่อนขอดลูกศิษย์จำเป็นของตน

“ฝึกใช้ปากมาจะสามชั่วยามจนกรามจะค้างอยู่แล้วยังไม่พัฒนา...เจอของจริงขึ้นมาจะไหวแน่หรือ”

ลองนึกสภาพเจ้าตัวดีใช้ฟันขบเสาค้ำสวรรค์ของท่านแม่ทัพขึ้นมา ฟางซินก็ขนลุกไปทั้งกายแล้ว ดีไม่ดีก่อนได้เสพสังวาส [2] สหายของเขาคงมีอันต้องโดนลากตัวไปโบ้ยจนหลังหัก เพื่อสำเร็จโทษในข้อหาทำร้ายร่างกายแม่ทัพประจิมก่อนเป็นแน่แท้

“ฟางซินเจ้าเก่งมากจริง ๆ ” เสี่ยวเม่ยที่ควบคุมลมหายใจของตนเองจนกลับมาเป็นปกติในที่สุด อดไม่ได้ที่จะส่งสายตานับถือพร้อมเอ่ยปากชื่นชมสหายด้วยใจจริง

คิดดูเถิด...ตัวเขาอมเจ้าแท่งไม้นั่นมาจะสามชั่วยามแล้ว ฝึกทั้งดูดทั้งอมจนสำลักน้ำลายไปก็หลายหน ทว่าจนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถทำได้เหมือนกับที่ฟางซินสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่าง

ปากของคนเราสามารถรับของใหญ่โตขนาดนี้เข้าไปได้โดยไม่ติดขัดได้อย่างไรหนอ ยิ่งยามต้องดูดแล้วโยกขยับศีรษะด้วยแล้ว นับเป็นเรื่องยากเย็นเหลือเกินที่ต้องอดทนไม่ให้ฟันงับลงไปหรือสำลักไอจนต้องคายออกมา

“แน่สิ...ตำแหน่งนายโลมอันดับหนึ่งของข้าไม่ได้ได้มาเพราะแค่หน้าตาหรอกหนา” คนโดนชมก็ไม่ถ่อมตน นายคณิกาเลื่องชื่อเชิดหน้าขึ้นพร้อมยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

“การร่วมรักระหว่างบุรุษใยยากเย็นเพียงนี้” พ่อค้าขายหมั่นโถวที่เพิ่งเปิดประตูเข้าสู่โลกใหม่กล่าวออกมาด้วยอย่างทอดถอนใจ

อันที่จริงเสี่ยวเม่ยไม่ได้ต้องการคำตอบใด เพียงแค่อยากระบายความเหนื่อยยากที่ประสบพบเจอก็เท่านั้น

แต่ฟางซินกลับไม่ปล่อยผ่าน เขาครุ่นคิดคำถามของสหายก่อนเอ่ยตอบอย่างจริงจัง

“คงเพราะสวรรค์สร้างบุรุษให้ใช้แต่ด้านหน้า โดยลืมคิดว่ายังมีบางผู้ที่ต้องการใช้งานด้านหลังด้วยกระมัง”

“เพียงปรารถนาให้เป็นฝ่ายถูกโอบกอดก็ผิดกฎสวรรค์แล้วหรือ”

“ไม่รู้ซิ...ไม่เคยมีเทพเซียนองค์ใดมาบอกข้านี่...แต่ว่านะเสี่ยวเม่ยคนดี...เรามนุษย์ปุถุชน [3] คนธรรมดาหาใช้เทพเซียนที่ไหน...สวรรค์และนรกเป็นเรื่องของภพหน้า...ยามเกิดมาในชาตินี้ก็ทำตามใจปรารถนาไปเถิด”

บทสนทนาที่เกิดขึ้นของพวกเขาเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดของต้วนซิ่ว [4] สองคน

ซึ่งต่างคนต่างก็ไม่อาจหาคำตอบของความจริงแท้ให้ตนได้เช่นกัน

แต่ถึงจะไม่อาจล่วงรู้ว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก สิ่งใดดำ สิ่งใดขาว พวกเขาทั้งสองต่างก็ยังคงต้องใช้ชีวิตของตนต่อไป ตามวิถีที่ตนเชื่อมั่น

ขอเพียงไม่เสียใจภายหลัง ก็นับว่าได้เลือกหนทางที่ดีแล้วไม่ใช่หรือ

“ฟางซินหากแก่เฒ่าไปไม่อยากเป็นนายโลมแล้ว...ออกบวชดีหรือไม่” พ่อค้าหมั่นโถวเอ่ยขึ้นกับสหาย เพื่อวางแผนการสำหรับบั่นปลายชีวิตที่แสนเปลี่ยวเหงานี้

ในฐานะผู้ที่รู้ตัวว่าสุดท้ายไม่อาจสร้างครอบครัวหรือให้กำเนิดทายาทสืบสกุล การฝากตัวเข้าไปอยู่ใต้ร่มของพระโพธิสัตว์ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย

แต่ฝ่ายคู่สนทนากลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่เอาด้วยหรอก...เป็นคณิกาโกนผมออกบวชไป ชาวบ้านคงด่าว่าข้าทำแดนสุขาวดี [5] แปดเปื้อนเสียเปล่า ๆ ”

“เกี่ยวอันใด...ก่อนละทางโลกเข้าสู่ทางธรรมผู้คนล้วนเคยผ่านกิเลสมาทั้งนั้น...เพราะประสบแล้ว พบเจอแล้ว และเข้าใจแล้ว จึงสามารถปล่อยวางได้ไม่ใช่หรือ” เสี่ยวเม่ยเอ่ยเถียง ฟางซินยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นว่าสหายของตนทำหน้าบึ้งตึงยามได้ยินถ้อยคำดูถูกตนเองที่หลุดออกจากปากเขาไป

ในความคิดของฟางซินนั้น เสี่ยวเม่ยเปรียบดังแสงอาทิตย์ยามเช้าที่อบอุ่นและอ่อนโยน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือจนบัดนี้ พ่อค้าหมั่นโถววันยี่สิบเอ็ดปีก็เป็นเช่นนั้นมาเสมอ

เขามองทุกสิ่งอย่างด้วยความจริงใจ และโอบกอดความดีงามเอาไว้แม้ว่าตนจะยืนอยู่ท่ามกลางโคลนตมก็ตาม

ฟางซินทิ้งศีรษะพิงลงบนไหล่ของพ่อค้าหมั่นโถว เส้นผมสีขนกาที่ยาวสยายตกลงคลอเคลียอยู่ที่ปล่อยนิ้วของคนทั้งสอง

“เช่นนั้นเอาไว้พอแก่เฒ่าไปแล้วเจ้าไม่มีแรงนวดแป้งทำหมั่นโถวแล้ว...พวกเราไปออกบวชด้วยกันเถิด...ดีหรือไม่”

“อืม...ดียิ่ง” เสี่ยวเม่ยตอบกลับทั้งรอยยิ้ม ในขณะที่เกี่ยวพันเส้นผมเงางามของสหายขึ้นมาเล่นอย่างสนุกมือ

พอได้มองดูท่าทางสบายอารมณ์ของพ่อค้าหมั่นโถวตัวดีแล้ว นายคณิกาคนดังก็อดไม่ได้ที่จะระบายยิ้มออกมาอย่างบางเบา ก่อนที่บรรยากาศผ่อนคลายจะสิ้นสุดลง เมื่อฟางซินเอื้อมมือไปดึงเส้นผมของตนออกจากนิ้วมือของเสี่ยวเม่ย แล้ววางลึงค์ไม้ที่ถูกทำความสะอาดและเช็ดถูจนแห้งลงบนมือของอีกฝ่ายแทน

“แต่ก่อนจะละทางโลกเข้าทางธรรม...ตอนนี้เจ้าตั้งใจฝึกอมลึงค์ไม้อันนี้โดยไม่สำลักหรือฟันไปขูดก่อนเถิด”

ว่าจบ แก้มนุ่มสองข้างของพ่อค้าหมั่นโถวก็ถูกบีบอีกครั้งจนริมฝีปากเผยอออก ก่อนที่แท่งไม้แข็งทรงกระบอกที่มีหัวโค้งมนจะถูกดันเข้าสู่โพรงปากร้อนของเสี่ยวเม่ยอีกครา

เชิงอรรถ

^ ลึงค์ไม้ : แท่งไม้สลักจำลองรูปทรงอวัยวะเพศชาย

^ เสพสังวาส : ร่วมประเวณี,ร่วมเพศ,ร่วมรัก

^ มนุษย์ปุถุชน : คนที่ยังมีกิเลสหนา สามัญชน ผู้ที่มิได้เป็นพระอริยบุคคล

^ ต้วนซิ่ว (断袖) แปลตรงตัวว่า “ตัดแขนเสื้อ” มีความหมายแฝง หมายถึง ผู้ชายที่นิยมไม้ป่าเดียวกัน

^ แดนสุขาวดี : ดินแดนอันมีความสุขตลอดกาล ชื่อสวรรค์ของพระอมิตาภพุทธเจ้าทางฝ่ายมหายานสุขิน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ก้อนหมั่นโถวของท่านแม่ทัพ   10

    เสี่ยวเม่ยก็พอจะทราบอยู่หรอกว่าเฉินฮ่าวเทียนไม่ใช่คนละเอียดอ่อน แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นหยาบกระด้างได้เพียงนี้“ชักช้าอยู่ไย? ”แล้วดูเอาเถิด คนที่กล้าพูดคำว่า เสพสมออกมาได้อย่างเต็มปากด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเช่นนั้น บัดนี้ยังมีหน้ามาเอียงคอถามด้วยความสงสัย โดยไม่มีทีท่าว่าจะละอายแก่ใจเลยสักนิด‘ไม่มีกระไรขอรับ’ นายคณิกาตัวปลอมได้แต่จนคำพูดอาจเป็นเพราะเสี่ยวเม่ยไม่มีประสบการณ์ในเรื่องราวเช่นนี้ คนที่คิดว่าตนฝึกฝนมาดี บัดนี้เริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว สถานการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก และเสี่ยวเม่ยก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะจัดการทุกอย่างให้เป็นไปอย่างราบรื่นพ่อค้าหมั่นโถวยืนนิ่งอยู่กับที่ ครั้นจะก้าวเดินไปข้างหน้าก็ไม่กล้า พอจะถอยหลังก็ยังนึกหวั่น จึงเกิดเป็นอาการยึกยักไปมา จนทำเอาแขกพิเศษผู้ทอดสายตามองอยู่นานนึกรำคาญใจคิดเล่นตัวอันใด…ชักช้าเสียเวลา เฉินฮ่าวเทียนครุ่นคิดเช่นนั้นเดิมความคิดในการมาเยือนหอคณิกาเป็นการประชดประชันเพียงชั่วครู่ เข

  • ก้อนหมั่นโถวของท่านแม่ทัพ   09

    เวลาล่วงเลยเข้าใกล้ยามจื่อ [1] ผู้ที่อยู่ภายในห้องรับรองต่างเร่งรีบตรวจความเรียบร้อยในขั้นสุดท้าย เสี่ยวเม่ยถูกจับนั่งลงที่บริเวณตั้งไม้ตัวยาว มือเล็กประสานเข้าหากันอย่างสำรวมลี่จินมองความนิ่งสงบของเด็กหนุ่มแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนหน้านี้นางยังคิดเอาไว้อยู่เลยว่า ถ้าเห็นอาเม่ยคนดีของนางมีท่าทางตื่นตระหนกแม้เพียงสักนิด ร้ายดีอย่างไรก็จะยกเลิกแผนการนี้และให้ฟางซินอยู่รับรองแทนแต่ทว่า…พ่อค้าหมั่นโถวตัวน้อยแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความตั้งมั่นแรงกล้า เห็นคนมีใจมาขนาดนี้แล้ว ลี่จินก็ไม่คิดขัดขวางใดอีก นางได้แต่อธิษฐานขอสวรรค์โปรดช่วยประทานพรจนเมื่อเสียงตีกลองบอกเวลา [2] ดังแว่ว แม่เล้าประจำหอคณิกาจึงเดินเข้าไปกำชับบอกคนที่นั่งนิ่งเป็นครั้งสุดท้าย“อาเม่ย...ค่ำคืนแรกอาจไม่ได้มีความสุขดังฝัน...แต่ในเมื่อเลือกแล้ว...ต่อให้ท่านแม่ทัพไม่ถนอมก็ต้องห้ามปร

  • ก้อนหมั่นโถวของท่านแม่ทัพ   08

    การฝึกฝนดำเนินต่อไปอีกสามวันสามคืน พ่อค้าหมั่นโถวตัวน้อยถูกเคี่ยวเข็ญอย่างเข้มงวด เรื่องใดที่ไม่เคยรู้ก็ได้รู้ สิ่งใดที่ไม่เคยทำก็ได้ทำ ดินแดนคาวโลกีย์ที่ตนไม่เคยนึกเหยียบย่าง บัดนี้เสี่ยวเม่ยเรียกได้ว่าถูกลากดึงให้ดำดิ่งสู่วิถีนายคณิกาอย่างเต็มตัวซึ่งแน่นอนว่าหลักสูตรที่เสี่ยวเม่ยถูกพร่ำสอนหาใช่ทั้งหมดทั้งมวลที่ต้องรู้ กับคนที่มีเวลาน้อยนิดจะให้ร่ำเรียนทั้งศาสตร์เพื่อให้ความบันเทิง และศิลปะในการเริงรักนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเพื่อเตรียมคนไม่รู้ความให้พร้อมสำหรับการลงสนามจริง เนื้อหาบทเรียนส่วนใหญ่ที่เสี่ยวเม่ยต้องฝึกฝนล้วนรวบรัดตัดตอนและมุ่งเป้าไปที่การเผด็จศึกบนเตียงนอนเสียเป็นส่วนใหญ่จนในที่สุด…ก็มาถึงวันตามเทียบจองตัว จันทร์เพ็ญกระจ่างเปล่งประกายเด่นกลางนภา แสงนวลสาดสองลงมา ณ ชั้นบนสุดของหอว่านเหอ ห้องรับรองที่เคยเนืองแน่นในวันนี้กลับว่างเปล่า เหลือไว้เพียงห้องริมสุดที่อยู่ริมระเบียง ซึ่งค่ำคืนนี้ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อรอรับรองแขกพิเศษท่านหนึ่งเสี่ยวเม่ยถูกกักตัวอยู่

  • ก้อนหมั่นโถวของท่านแม่ทัพ   07

    และคำกล่าวของฟางซินก็หาใช่คำขู่ไม่ เพราะมันคือความจริงทุกประการ“ลึกกว่านี้...อย่าสำลักออกมา” เสียงสั่งสอนดังขึ้นไม่ขาดมาได้หลายชั่วยามแล้วเสี่ยวเม่ยเหลือบสายตาขึ้นมองคนที่นั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างเอื่อยเฉื่อย ใบหน้างดงามของนายโลมอันดับหนึ่งมีล่องลอยของความเหนื่อยล้า มือเล็กที่มีกลิ่นยาสูบบางเบาเอื้อมมาบีบที่คางของพ่อค้าหมั่นโถวผู้ที่ตอนนี้กำลังขะมักเขม้นเรียนรู้วิชา“อ๊อก!” แรงบีบของนายโลมคนงามมากพอที่จะทำให้คนที่ปากไม่ว่างสำลักออกมาอึกใหญ่ ความใหญ่โตที่เดิมค้างอยู่ที่ลำคอเลื่อนออก แต่ก่อนที่จะหลุดจากริมฝีปากอิ่มเสี่ยวเม่ยผู้ถูกบังคับให้ใช้โพรงปากครอบอมความแข็งขืนของ ‘สิ่งนั้น’ มาได้หลายชั่วยาม ก็รีบใช้ฟันงับกัดวัตถุแปลกปลอมเอาไว้เพื่อไม่ให้สิ่งใดหลุดไป“อย่ากัด!เจ้าอยากโดนตีตายหรือ” คนสั่งสอนเอ่ยเสียงเข้มแล้วจ้วงดันท่อนแข็งให้มุดลึกเข้าไปในโพรงลำคอ แรงกระทุ้งที่เกิดคิดอย่างฉับพลันสร้างความระคายเคืองให้ก็เกิดขึ้นต

  • ก้อนหมั่นโถวของท่านแม่ทัพ   06

    “ไม่ได้/ไม่ได้!” ไม่ต้องคิดให้มากความสองเสียงประสานตวาดดังลั่น แม่เล้าลี่จินเข่าอ่อนแทบลมจับ อาเม่ยตัวน้อยของนางนึกอยากพลีกายให้ผู้อื่นเสียแล้ว ด้านฟางซินยิงแล้วใหญ่ เขายกมือขึ้นจิกทึ้งเส้นผมตนเองไปมาราวกับจะเป็นบ้าตายเสียเดี๋ยวนี้“ท่านป้า...ฟางซิน...เหตุใดเล่า” เสี่ยวเม่ยยังคงร้องถาม พ่อค้าหมั่นโถวหันซ้ายทีขวาทีมองดูปฏิกิริยาของคนข้างกายทั้งสอง“ยังจะถาม...เจ้าเป็นพ่อค้าขายหมั่นโถว!” ฟางซินว่า เขานึกอยากเปิดกะโหลกของอีกฝ่ายดูนักว่าภายในนอกจากแป้งสาลีแล้วมีสิ่งอื่นหรือไม่ ด้านลี่จินนางยังคงนั่งดมยาหอมเพื่อสงบจิตสงบใจ ปล่อยเด็กหนุ่มสองคนโต้เถียงกันไปก่อน“ข้าทำได้” เจ้าตัวดียังไม่ยอมแพ้ ยกมือตบอกแสดงท่าทางมั่นอกมั่นใจ ฟางซินยกแขนขึ้นกอดอกแล้วจ้องหน้าสหายอย่างไม่ยินยอมเช่นกัน“ยั่วยวนบุรุษเจ้าทำได้หรือ? ”“....” คำถามนั้นทำเอาเสี่ยวเม่ยตอบไม่ถูกคำว่ายั่วยวนคืออย่างไร ใช่กายโยนผ้าเช็ดหน้าทิ้งไว้ แล้วทอดสายตามองชายที่หมายปองหรือไม่?

  • ก้อนหมั่นโถวของท่านแม่ทัพ   05

    “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี...ข้าคืนเทียบเชิญกับเงินมัดจำดีหรือไม่” ลี่จินกระซิบขึ้นด้วยความเป็นกังวล ในใจแม้จะหวั่นเกรงเรื่องสัญญาที่รับปากกับจวนแม่ทัพไปแล้วไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับน้ำตาของเสี่ยวเม่ยที่กำลังหลั่งริน นางเลือกที่จะยกเลิกเทียบเชิญเสียดีกว่าเพราะสำหรับลี่จินและฟางซินแล้ว พ่อค้าขายหมั่นโถวตัวน้อยนับเป็นผู้มีพระคุณเมื่อสิบกว่าปีก่อนลี่จินและฟางซินเดินทางร่อนเร่มาถึงแคว้นเฉินเพื่อหนีภัยสงคราม ลี่จินใช้เงินทุนก้อนสุดท้ายที่มีติดตัวเปิดเหลาสุรา ฟางซินเองก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ติดตามมา ลี่จินจึงให้เขาทำงานเป็นเสี่ยวเอ้อแลกกับให้อาหารและที่ซุกหัวนอนแต่ในช่วงเวลาที่ผู้คนเผชิญความแร้นแค้น จะมีใครบ้างยอมเสียเบี้ยเงินซื้อสุราและกับแกล้ม เงินทุนก้อนสุดท้ายไม่อาจงอกเงย ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในแต่ละวันยังคงมากขึ้น ลี่จินโอบกอดความผิดหวังและความหิวโหยเอาไว้อย่างกล้ำกลืนเย็นวันหนึ่งเสี่ยวเม่ยในวัยแปดขวบปีปรากฏตัวขึ้นที่หน้าเหลาสุราอันเงียบเหงา เขาเดินจูงมือฟางซินที่กอดหมั่นโถวลูกหนึ่งเอาไว้แน่นไม่ปล่อยมาส่งพอลี่จินสอบถามก็ได้ความว่า เสี่ยวเม่ยพบฟางซินแอบนั่งแทะหมั่นโถวที่มีคนทำตกพื้นเอาไ

  • ก้อนหมั่นโถวของท่านแม่ทัพ   04

    “ข้าว่าแล้วเจ้าต้องมา” นี่คือคำทักทายแรกของผู้เป็นเจ้าของห้องทันทีที่เห็นว่าผู้ใดมาเยือนผู้กล่าวทักมีนามว่า ฟางซิน เด็กหนุ่มรูปร่างอ้อนแอ้นบอบบาง ใบหน้างดงามจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ดวงตาดอกท้อฉายแววเบื่อหน่ายอยู่บ้าง แต่มันกลับยิ่งขับให้บรรยากาศรอบกายของเขาดูคล้ายภูตจิ้งจอกยามทอดกายอาบแดดอย่างสบายอารมณ์เสียมากกว่า ท่าทางเย้ายวนใจแม้แต่ยามนอนเอกเขนกอย่างเกียจคร้านเช่นนี้ ช่างเหมาะสมกับตำแหน่งนายโลมอันดับหนึ่งแห่งหอว่านเหอ“จริงหรือไม่?” เสี่ยวเม่ยวิ่งรุดเข้าไปทรุดตัวนั่งลงที่พื้น มือเกาะขอบตั่งเตียงของอีกฝ่าย พร้อมส่งสายตาที่เต็มไปด้วยแววคาดหวังฟางซินเหลือบมองเจ้าคนที่กระตือรือร้นไม่ต่างจากยามลูกกระรอกถือเมล็ดทานตะวันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เขาไม่พยักหน้า เพียงแต่เอ่ยตอบกลับมาลอย ๆ“พ่อบ้านจางเพิ่งกลับไปเมื่อครู่”ซึ่งคำเอ่ยนั้นก็แทนเครื่องยืนยันได้แล้วว่าเรื่องเล่าลือในตลาดที่ได้ยินมานั้นเป็นความจริง เสี่ยวเม่ยรู้สึกหมดแรงขึ้นมาเสียเฉย ๆ มือที่เกาะขอบเตียงตกลงพื้นราวไร้กระดูก ริมฝีปากอิ่มคว่ำลงตามอารมณ์ที่ดำดิ่งสู่ความผิดหวังไม่รู้จบความชื่นชมในใจของเสี่ยวเม่ยที่มีต่อเฉินฮ่าวเทียนนั้น

  • ก้อนหมั่นโถวของท่านแม่ทัพ   03

    จะเห็นได้ว่าชีวิตหน้าที่การงานของแม่ทัพประจิมผู้นี้รุ่งเรืองเพียงใด แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องการสู้รบจับศึก คือเรื่องรักใคร่ในมุ้งของอีกฝ่ายมากกว่าชีวิตของเฉินฮ่าวเทียนนอกจากมารดาวิปลาสของตนแล้ว เขาเกี่ยวข้องกับสตรีอยู่นางหนึ่งคุณหนูใหญ่เหลียนจินหลินจากจวนเจ้ากรมโยธา สตรีเพียงนางเดียวที่เฉินฮ่าวเทียนไปมาหาสู่ตลอดหลายปีการคบหาของคนทั้งคู่เป็นที่รับรู้กันทั่วเมืองหลวง ความสัมพันธ์จากเพื่อนเล่นต่างอายุในวัยเยาว์ สู่การเป็นคนสำคัญในใจของกันและกันเมื่อเติบใหญ่ในตอนที่เฉินฮ่าวเทียนยังเป็นเพียงแม่ทัพน้อยและกำลังเร่งสร้างชื่อเสียงจากการออกทำศึก ฝ่ายคุณหนูเหลียนก็รั้งรอไม่ยอมออกเรือนจนอายุพ้นวัยปักปิ่นไปไกล คุณหนูบ้านอื่นที่รุ่นราวคราวเดียวกันแต่งงานมีลูกไปแล้วสองสามคน เหลียนจินหลินยังยึดมั่นครองเรือนเพื่อรอคนกลับมาจากชายแดนภายหลังได้รับอวยยศเป็นแม่ทัพประจิม ผู้คนต่างมั่นใจว่าอีกไม่นานคงได้มีข่าวการวิวาห์ของคนทั้งคู่เป็นแน่ และในที่สุดราชโองการมอบสมรสพระราชทานจากองค์จักรพรรดิก็ถูกประกาศทั้งที่ควรเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ที่ไหนได้ชื่อบ่าวสาวกลับไม่เป็นไปตามที่ผู้คนคาดคิด เจ้าสาวยังคงเป็

  • ก้อนหมั่นโถวของท่านแม่ทัพ   02

    หากจะเอ่ยถึงต้นตอความสัมพันธ์ลวงหลอกที่เกิดขึ้นของเสี่ยวเม่ยและเฉินฮ่าวเทียนแล้ว ก็คงต้องย้อนกลับไปเมื่อราวหนึ่งปีก่อนรัชศกลู่เฉิงปีที่สามสิบหก แคว้นเฉินบนแผ่นดินต้าเว่ยในช่วงที่ฤดูหนาวเพิ่งพ้นผ่านนั้น ได้มีข่าวสะเทือนเลือนลั่นข่าวหนึ่งถูกประกาศซึ่งข่าวที่ว่านั้นก็คืองานสมรสพระราชทานจากองค์จักรพรรดิ มอบให้แก่ท่านอ๋องน้อยแห่งแคว้นเฉินและคุณหนูใหญ่แห่งจวนเสนาบดีกรมโยธาเดิมการที่สองตระกูลใหญ่เกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันก็หาใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องอันใดกับชีวิตของคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำ ทว่าเหตุที่ทำให้งานสมรสพระราชทานนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อซุบซิบในวงน้ำชา ก็เป็นเพราะเบื้องหลังฉากหน้างานมงคลสมรสของคู่ยวนยางที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก ยังมีข่าวลือเรื่องชิงรักหักสวาทของเหล่าชนชั้นสูง ให้ชาวบ้านร้านตลาดได้จับกลุ่มคุยกันได้อย่างออกรสเพราะมีใครบ้างในเขตเมืองหลวงและแคว้นเฉินจะไม่ทราบ ว่าตัวว่าที่คู่บ่าวสาวนั้นหาได้ชอบพอกันไม่ท่านอ๋องน้อย เฉินหนิงเทียน คือบุตรชายคนโตของเฉินชินอ๋องและพระชายาเอก เฉินหนิงเทียน เป็นท่านชายผู้เพียบพร้อมไปด้วยรูปลักษณ์เป็นเอกและฐานันดรสูงศักดิ์ สตรีทั่วแคว้นต่าง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status