“นี่พ่อเลี้ยงคะ!” ผักกาดเอ่ยเรียกชายหนุ่มร่างสูงแล้วดึงแขนเขาที่กำลังจะก้าวขาขึ้นรถไว้ ราเชนทร์จึงหันมามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ เพื่อรอฟังประโยคต่อไป
“ไม่ให้หนูไปหาเพื่อนจริงๆ เหรอ วันเกิดเพื่อนมีปีละครั้งเองนา” “ก็จะพาไปนี่ไง!” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แล้วก้าวขาขึ้นไปนั่งในรถ ผักกาดจึงยิ้มหวานออกมาก่อนจะเดินเข้าไปนั่งในรถข้างเขา จากนั้นรถตู้ส่วนตัวก็ถูกขับเคลื่อนออกไปยังจุดหมายปลายทางนั่นก็คือบ้านของปุ๊กลุ๊คเพื่อนสาวคนเดียวของเจ้าผักกาด เมื่อมาถึงบ้านของเพื่อนสาวเจ้าผักกาดน้อยก็รีบวิ่งลงจากรถตรงเข้าไปด้านในบ้านทันที ภายในบ้านนั้นมีแขกไม่มากเพราะมีเพียงแค่ญาติๆ เพื่อนๆ เพียงแค่นั้น “คิดถึงจังเลยเพื่อนรัก” ผักกาดรีบวิ่งไปกระโดดกอดปุ๊กลุ๊คที่อ้ามือรอรับเธออยู่ก่อน หญิงสาวร่างสูงจึงลูบแผ่นหลังของเจ้าผักอย่างอ่อนโยนแล้วผล่ะกอดออกเพื่อมองสำรวจความสวยของเพื่อนสาว “สวยนะเนี่ย ใครซื้อชุดให้ตาดีไม่เบานะ” “พ่อเลี้ยงน่ะ” “อ่อ สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง…” “อืม รีบคุยจะได้รีบกลับ” ราเชนทร์ที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋าตัวเองอยู่นั้นบอกกับคนตัวเล็กที่แน่นอนว่าพอได้ยินคำว่ารีบคุยจะได้รีบกลับเธอก็หันมามองเขาตาปริบๆ “จะรีบไปไหนคะ ผักเพิ่งมาเอง…พ่อเลี้ยงกับพี่โจอี้มานั่งกับพวกหนูก็ได้ค่ะ” เมื่อเห็นสีหน้าที่อ้อนวอนของเพื่อนสาวปุ๊กลุ๊คจึงพูดแล้วเดินไปดึงแขนของราเชนทร์กับโจอี้ให้เข้าไปในบ้านที่มีโต๊ะอาหารวางอยู่กลางบ้านและมีผู้ใหญ่นั่งอยู่สี่ห้าคน ผักกาดจึงยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกท่านแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างเช่นเดียวกับราเชนทร์ที่นั่งข้างเธอและโจอี้นั่งข้างเขาอีกที “เจ้าผักนี่ยิ่งโตยิ่งสวยนะเนี่ย” “ป้าปัญก็ชมเกินไปค่ะ” “ป้าพูดจริง ฮ่าๆ” “ลูกปัด ไหนแกถามหาพ่อเลี้ยงอยู่ นี่ไงเขามานั่งตรงหน้าแล้วทำไมนั่งแข็งเป็นหินไปแบบนั้นล่ะ” ปัญญาแม่ของปุ๊กลุ๊คหันไปถามลูกสาวคนโตที่นั่งเงียบอยู่ ต่างจากสายตาที่จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความหลงใหล และเมื่อผู้เป็นแม่พูดเช่นนั้นเธอก็รีบยกมือไปตีแขนของผู้เป็นแม่เบาๆ “แม่ก็ หนูยังไม่ได้ถามหาเขาเลย” “ป้าได้ยินหรอกนะที่แกถามแม่แกว่าเมื่อไหร่จะโชคดีได้เจอพ่อเลี้ยงน่ะ” อังคณาป้าของลูกปัดพูดเสริมอีกคนทำให้หญิงสาวร่างสูงถึงกับหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขิน ส่วนชายหนุ่มที่ถูกกล่าวถึงนั้นมีเพียงความนิ่งไม่ตอบรับอะไรทั้งทางคำพูดและทางสีหน้า “พ่อเลี้ยง พี่ปัดเขาชอบพ่อเลี้ยงน่ะ พ่อเลี้ยงไม่ชอบพี่เขาเหรอออกจะสวย” “ผักกาดอ่า อย่าพูดแบบนี้สิพี่เขินนะ” “หนูพูดจริงนี่นา พ่อเลี้ยงชอบผู้หญิงสวยๆ น่ารักเหมือนพี่นี่แหละ” “ฉันบอกเธอเหรอว่าฉันชอบแบบนั้น!!?” ราเชนทร์หันไปถามหญิงสาวตัวเล็กข้างกายด้วยน้ำเสียงเข้มๆ เมื่อเห็นเธอพูดเหมือนกับว่ารู้จักนิสัยเขาดีซะอย่างนั้น “คนอย่างพ่อเลี้ยงก็ต้องชอบผู้หญิงแบบพี่ลูกปัดสิถึงจะเหมาะสมกันดี” “ไม่เอาน่าผักกาด ไม่พูดเดี๋ยวพ่อเลี้ยงจะโมโห” ลูกปัดบอกกับหญิงสาวตัวเล็กที่กำลังถูกสายตาคมกริบของราเชนทร์จ้องมอง ชายหนุ่มเพียงแค่นหัวเราะออกมาแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้ผักกาดทางใต้โต๊ะ “อะไรคะ?” “มางานวันเกิดเพื่อนแล้วไหนของขวัญเพื่อน!?” ก้มลงไปพูดข้างใบหูของผักกาดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “อ่อ อ่ะนี่ปุ๊ก…สุขสันต์วันเกิดนะ มีความสุขมากๆ ล่ะ” เธอรับถุงผ้าสีแดงกำมะหยี่ถุงเล็กมาจากราเชนทร์แล้วก็ยื่นมันให้ปุ๊กลุ๊คที่ก็รับมันไปด้วยรอยยิ้มหวานๆ “ขอบคุณจ้ะ อะไรเหรอ?” “ลองเปิดดูสิ” ที่ตอบไปแบบนั้นก็คือไม่รู้เหมือนกันไงว่าด้านในนั้นเป็นอะไร ปุ๊กลุ๊คจึงเปิดถุงเล็กดูก็พบว่าด้านในนั้นเป็นต่างหูรูปสายรุ้งเล็กๆ น่ารักหนึ่งคู่ “ชอบมั้ย?” “ชอบสิ น่ารักมากเลย…ไงอยู่ทานอาหารพร้อมกันก่อนนะ” ปุ๊กลุ๊คตอบรับแล้วก็ลุกขึ้นมากอดผักกาดก่อนจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อดูว่าอาหารใกล้เสร็จหรือยังจากนั้นก็เดินมานั่งลงที่เดิมเมื่ออาหารกำลังถูกนำมาเสิร์ฟแล้ว “พ่อเลี้ยงชอบทานอะไรเป็นพิเศษเหรอคะ?” “ผักกาด” ชายหนุ่มร่างสูงตอบด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง ทำเอาทุกคนถึงกับจ้องมาที่เจ้าผักกาดเป็นตาเดียวจนเธอต้องยกมือขึ้นมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ผักกาดคนนี้ “ผักกาดที่เป็นผักน่ะค่ะ ไม่ใช่คน” “อ่อ ฮ่าๆ แต่วันนี้มีแต่เนื้อน่ะสิคะ” ปัญญาหัวเราะออกมาแล้วบอกพ่อเลี้ยงก่อนจะส่งสายตาไปให้ลูกปัดที่เอาแต่นั่งมองราเชนทร์ตาแทบจะไม่กระพริบแทนที่จะชวนเขาคุยก็ไม่ยอมพูดอะไรกลายเป็นคนเป็นใบ้ไปได้ “เอ่อ แล้วนอกจากผักกาดพ่อเลี้ยงชอบทานอะไรอีกเหรอคะ?” ลูกปัดที่ถูกผู้เป็นแม่ส่งสายตามาให้นั้นจึงเอ่ยถามชายหนุ่มตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดย้อย “เขาค่อนข้างจะเรื่องมากกับการกินน่ะค่ะ ถ้าไม่ใช่อาหารที่บ้านก็จะเลือกหน่อย แต่ก็คือทานได้หมดทุกอย่างยกเว้นปลาที่เขาไม่ชอบ” “อ่อ ดูผักกาดจะรู้ละเอียดดีนะคะ” “แน่นอนสิพี่ปัด หนูทำงานกับเขามาเกือบสองปีขืนไม่รู้เดี๋ยวจะโดนจับโยนลงบ่อจระเข้อีก” “อาหารมาแล้วก็รีบกินจะได้รีบกลับ!!” “พ่อเลี้ยงนี่ก็พูดเหมือนซะว่าหนูมาหาข้าวฟรีกินที่นี่นะ” คนตัวเล็กหันไปส่งสายตาเขียวปั๊ดให้ชายหนุ่มข้างกายที่ไม่รู้ว่าจะรีบกลับไปไหนนักหนา ไปงานคุณหทัยรัตน์ก็ไปแปปเดียว มานี่ก็จะมาแค่แปปเดียวอีก ร่างสูงเพียงแค่นหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะรับจานจากปุ๊กลุ๊คที่ยื่นมาให้นั้นวางตรงหน้าของผักกาดและจัดการตักอาหารแทบจะทุกอย่างอย่างละนิดใส่จานของเธอจนมันเต็มปูด “พ่อเลี้ยงตักให้ผักกาดเยอะขนาดนั้นเธอจะทานหมดเหรอคะ” ลูกปัดเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นราเชนทร์ดูจะเอาอกเอาใจผักกาดเป็นพิเศษ ซึ่งต่างจากผักกาดที่ไม่ได้มองว่ามันเป็นการเอาอกเอาใจแต่เป็นการประชดประชันเสียมากกว่า “ใช่ หนูจะไปกินหมดได้ไงคะ!?” “หยุดพูดมากแล้วก็รีบกิน! เธอกินอิ่มแล้วฉันจะได้กลับไปกินเธอต่อ!” “ฮ่าๆ พะ พ่อเลี้ยงนี้ตลกจังเลยนะคะ จะบอกว่ากลับไปกินผัดผักกาดที่บ้านใช่มั้ยล่ะ” ผักกาดหันไปมองชายหนุ่มข้างกายด้วยความตกใจกับประโยคของเขาแล้วกัดฟันพูดออกไปเมื่อสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียวจนเมื่อเธอพูดแก้ประโยคนั้นทุกคนจึงหัวเราะออกมา “พ่อเลี้ยงนี่เห็นแบบนี้ก็มีอารมณ์ขบขันเหมือนกันนะคะ” “เขาก็เป็นแบบนี้แหละ นิ่งๆ แต่ตลก ฮ่าๆ” “ที่พูดน่ะพูดจริงนะ ไงฉันไปรอข้างนอก” ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นยืนพร้อมกับคนสนิทอย่างโจ้อี้ พูดทิ้งท้ายไว้แค่นี้แล้วเขาก็เดินออกไปด้านนอกบ้านเพื่อสูบบุหรี่ ทิ้งให้คนตัวเล็กอยู่ในบ้านกับบรรยากาศที่อึมครึ้ม “เขาหมายความว่าไงเหรอจ๋า ที่พูดจริงนั่นหมายถึงประโยคไหนเหรอ!?” ลูกปัดจ้องเขม็งมาที่ผักกาดแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ส่วนคนตัวเล็กที่ได้แต่นั่งกัดฟันตัวเองแน่นนั้นยิ้มแห้งออกมาก่อนจะเอ่ยบอกลูกปัด “ก็ที่เขาบอกว่าไม่ชอบทานปลาเขาพูดจริงน่ะ” “แต่ประโยคนั้นเธอเป็นคนพูดนะ!!” ลูกปัดเถียงกลับอย่างทันท่วงทีจนปัญญาต้องกระตุกแขนลูกสาวไว้เมื่อเห็นว่าลูกปัดกำลังจะแสดงท่าทีที่ไม่พอใจผักกาดออกมา “ทำไมพี่ปัดต้องเสียงดังใส่หนูด้วยล่ะคะ ประโยคที่พ่อเลี้ยงพูดไปหนูไม่ได้สนใจก็เลยจำไม่ได้” “นั่นสิพี่ปัด! พี่จะมาตะคอกใส่เพื่อนหนูทำไม!?” “พี่ไม่ได้ตั้งใจ! ก็แค่อยากรู้ว่าที่เขาบอกว่าพูดจริงนั่นคือประโยคไหนกันแน่!” “แต่จะประโยคไหนก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับพี่นี่คะ!” “เธอหุบปากไปยัยปุ๊ก!!” “พอได้แล้วปัด วันนี้วันเกิดน้องนะแกจะไปขึ้นเสียงใส่น้องทำไม!!?” อังคณาหันไปห้ามหลานสาวที่กำลังจะมีปากเสียงกับน้องสาวไว้ ส่วนผักกาดก็ได้แต่มองลูกปัดด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “อ้าวหนูผักจะกลับแล้วเหรอจ๊ะ? ยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะ” “พอดีต้องกลับไปให้พ่อเลี้ยงกินน่ะค่ะ” “ว่าอะไรนะ!!?” ทุกคนเอ่ยถามอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยความตกใจกับประโยคนั้นของผักกาด เธอจึงแค่นหัวเราะออกมาในลำคอเมื่อได้เห็นสีหน้าและท่าทางที่ตกใจของทุกคนโดยเฉพาะสีหน้าที่ดูหงุดหงิดของลูกปัด แล้วจึงพูดต่อ “หมายถึงว่ากลับไปทำกับข้าวให้พ่อเลี้ยงกินน่ะค่ะ” “อ่อ เขาคงจะกินอาหารยากน่าดู ถ้างั้นขับรถดีๆ นะ” “ค่ะ สวัสดีค่ะ” จากนั้นผักกาดก็รีบวิ่งออกไปหน้าบ้านตรงไปที่รถซึ่งก็เห็นว่าราเชนทร์ยืนสูบบุหรี่อยู่ด้านหน้ารถ พรึ่บ! เธอจึงเดินไปดึงบุหรี่ออกจากมือของเขาแล้วโยนลงบนพื้นก่อนจะใช้เท้าขยี้มันให้แหลกจนร่างสูงต้องส่งสายตาดุมาให้ “กลับบ้านกันค่ะ” พูดกับเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนแล้วสาวเท้าเดินเข้าไปนั่งในรถ ราเชนทร์จึงหยิบบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาจุดและยืนสูบอยู่แบบนั้น ทำเอาผักกาดที่นั่งรออยู่ในรถถึงกับต้องกำมือตัวเองแน่นแต่ก็ไม่กล้าจะไปดึงมันมาขยี้ทิ้งอีกเพราะหากทำอีกครั้งได้โดนเขาขย้ำคอตายแน่ และเมื่อรอเขาสูบบุหรี่เข้าปอดจนพอใจแล้วจึงเข้ามานั่งในรถที่ถูกสตาร์ทและขับเคลื่อนออกไปเพื่อกลับบ้านมาถึงบ้านของราชันย์ร่างสูงก็รีบเดินตรงเข้าไปในบ้านซึ่งก็เห็นว่าบิดาของเขากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ส่วนภาวิณีย์นั้นนั่งปักดอกไม้ลงแจกัน พรึ่บ! เพล้ง!! เขาเดินไปหยิบแจกันจากมือภาวิณีย์ปาลงบนพื้นจนมันแตกกระจายท่ามกลางความตกใจของคนในบ้าน“แกทำบ้าอะไรของแกห้ะ!!”“ทำอะไรเหรอ!! ม๊าผมตายแล้วทุกคนยังมานั่งสบายอารมณ์อยู่ พอใจพวกคุณแล้วใช่มั้ย!!?” ราเชนทร์หันไปตะเบ็งเสียงใส่ผู้เป็นพ่อที่พอได้ยินประโยคของบุตรชายก็ใจหายขึ้นมาทันที ส่วนคนในบ้านนั้นต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน“แกพูดอะไรของแก”“ม๊าผมตายแล้ว กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย!!”“เป็นไปได้ไง”“มันเป็นไปได้แล้ว!!!”“ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ฉันไม่ได้สั่งคนไปฆ่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องไปเดือดร้อนยุ่งเรื่องของครอบครัวนายนะ” ภาวิณีย์พูดแล้วก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาหยิบแก้วชามาจิบดื่มอย่างสบายอารมณ์ ส่วนราเชนทร์นั้นก็ได้แต่ยืนมองหล่อนด้วยสายตาที่แข็งกร้าง มือหนากำเข้าหากันแน่น“ป๊าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ชุตายตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่เคยสนใจอะไรเลยไง ปากบอกว่ารักม๊าผมมากกว่าคุณภาแต่ไม่เคยสนใจอะไรผมกับม๊าเลยสักนิด!!!”“ยัยชุเป็
เมื่อมาถึงบ้านผักกาดก็รีบดึงมือของราเชนทร์ใหขึ้นไปบนห้องแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองและของเขาออกก่อนจะนั่งยองลงตรงหน้าของเขา มือเล็กจับแท่งเอ็นไว้ก่อนจะใช้ปลายลิ้นตวัดเลียมันอย่างช่ำชอง“ซี้ดดด! ผักกาด” ฝ่ามือกว้างขยุ้มลงบนเส้นผมของคนตัวเล็กเมื่อเธอกำลังใช้ปากครอบครองมันทั้งดุ้น“บ๊วบๆๆ อ้า!”“พ่อเลี้ยงอยากให้หนูขย่มให้มั้ยคะ!?” ผล่ะปากออกจากแท่งเอ็นเพื่อถามชายหนุ่มร่างสูงที่ตอนนี้ยืนหน้าแดงก่ำอยู่ เขาขบกรามตัวเองแน่นจนเห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาตามคอแล้ว“แน่นอนว่าฉันอยากให้เธอขย่มให้ อ้าส์! แค่ปากของเธอมันก็ทำให้ฉันเสียวซ่านแล้วผักกาด!”“ถ้างั้นพ่อเลี้ยงขึ้นไปนอนนะ เดี๋ยวคืนนี้หนูจะบริการพ่อเลี้ยงทั้งคืนเลย” พูดพร้อมกับกัดปากยั่วยวนเพศตรงข้าม ราเชนทร์จึงกระตุกยิ้มอย่างพอใจกับการบริการครั้งนี้ของแฟนสาว จากนั้นเขาก็เดินไปนอนบนที่นอน ส่วนผักกาดก็รีบขึ้นไปนั่งคร่อมเขาโดยที่รับเอาแท่งเอ็นอุ่นเข้าไปในตัวเองด้วย“ฉันเพิ่งนึกได้ว่าเป็นฉันต่างหากที่ต้องทำ ฉันต้องลงโทษเด็กดื้ออย่างเธอ” พรึ่บ! แต่เพราะส่วนมากเขาจะชอบเป็นฝ่ายคุมเกมส์มากกว่าจึงจับร่างบางพลิกให้นอนลง ปึ่ก! แล้วเขาก็กระแทกกายเข้าใ
เมื่อได้ยินชมพูตอบแบบนั้นรุ่งฟ้าก็ได้แต่นั่งอ้าปากเหวอ “เธอมองผิดหรือเปล่าชมพู” แล้วเอ่ยถามชมพูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเธอไม่ได้กินมันผิดจริงๆ แต่ชมพูยังคงพยักหน้าเป็นคำตอบว่าจริง เธอกินมันไปจริงๆ“มีอะไรกัน!?” ราเชนทร์ที่ไม่เข้าใจสิ่งที่สาวๆ คุยกันนั้นจึงถามขึ้น“ก็หนูกับลุงคลอสไปได้ยินพี่สายธาร พี่ลูกปัดและพี่ปุ๊กลุ๊คคุยกันว่าจะมอมยาจับพ่อทำผัว พวกหนูก็เลยจะไปจัดการให้ แต่ว่าน่าจะล่มไม่เป็นท่า…” ชมพูตอบพี่ชายด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วแล้วอ่อนลงในประโยคหลัง ถึงจะไม่เข้าใจว่ายาปลุกเซ็กส์คืออะไรแต่ดูจากสีหน้ารุ่งฟ้าแล้วน่าจะไม่ใช่เรื่องดี“แล้วเธอก็กินไปเหรอ?” ภามถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าสาวๆ พวกนี้ไม่ก่อความวุ่นวายให้คนอื่นแต่เหมือนจะก่อความวุ่นวายให้ตัวเองซะงั้น รุ่งฟ้าพยักหน้าให้เบาๆ ก่อนจะกลืนน้ำลายดังอึกจนทุกคนหันมามองเธอ“เป็นอะไร!?” คลาสถามขึ้นเมื่อรุ่งฟ้าเริ่มจะนั่งไม่อยู่นิ่ง เธอส่ายหน้าให้เขาเบาๆ แล้วพ่นลมหายใจออกช้าๆ ตอนนี้ภายในกายของเธอเริ่มจะร้อนลุ่มขึ้นมาแล้ว“ยาปลุกเซ็กส์เป็นยังไงเหรอ?”“อยากลองดูล่ะ เธอได้ควบม้าทั้งคืนอ่ะ” ราเชนทร์ตอบหญิงสาวข้างกายอย่างทีไปทีแต่ผักกาดถึ
จากนั้นเจ้าของงานอย่างคุณวาสนานักธุรกิจสาวชื่อดังก็ขึ้นเวทีเพื่อกล่าวเปิดงานพูดคุยกับแขกในงานตึกตักๆ เสียงวิ่งของชมพูดังขึ้นมาพร้อมกับร่างเล็กมาหยุดฝีเท้าที่ด้านหน้าของผักกาด“พี่ผักแย่แล้ว!”“อะไรคะ?” ผักกาดที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะทานอาหารนั้นถามขึ้นเมื่อเห็นชมพูวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับคลอสที่เดินตามหลังมาอีกที“พี่สายธารค่ะ เขาจะจับพ่อทำผัว”“น้องชมพู พูดอะไรคะเนี่ย?”“จริงๆ หนูกับลุงคลอสไปได้ยินมา” ตอบด้วยสีหน้าที่จริงจนผักกาดต้องหันไปมองคลอสเชิงถามว่าจริงเหรอ ซึ่งคลอสก็พยักหน้าให้ก่อนจะเดินไปนั่งข้างน้องสาว“พี่พาชมพูไปเข้าหองน้ำมาเลยได้ยินสายธารคุยกับลูกปัดว่าจะมอมยาพ่อเลี้ยงจับมาทำผัว”“จริงเหรอ?”“หน้าพี่ชายเธอดูไม่น่าเชื่อถือลยหรือไง” คลอสถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าผักจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเขาสักเท่าไหร่“ก็เชื่อ นี่…ไปหาอะสนุกๆ ทำกันปะ” ผักกาดหันไปมองรุ่งฟ้ากับชมพูสลับกัน ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนออกมาทันที“ฉันไม่มาเล่นไร้สาระกับเธอหรอกนะ”“อ่า ถ้างั้นเรื่องเธอพี่ชายฉันพูดออกไปช่วยไม่ได้นะ”“ก็ได้! จะทำอะไรว่ามา”“เธอกับชมพูไปตามดูสายธารเดี๋ยวฉันไปหาสองพี่น
“น้องผักสวยจังเลยนะครับวันนี้” เสียงของภามเดินตรงเข้ามาหาผักกาดแล้วเอ่ยชมคนตัวเล็กที่กำลังยืนตักเค้กจากจานในมือเข้าปาก เธอจึงหันไปฉีกยิ้มหวานให้ภามใบหน้าคมหล่อเข้ม ผมดกดำถูกเซ็ตไว้อย่างลงตัว ชุดที่เขาสวมใส่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยเสื้อสูทสีครีมกางเกงขายาวสีเดียวกับเสื้อสูท รองเท้าหนังคู่แพงนั้นถูกขัดจนเงาวับเมื่อมองสำรวจความหล่อของเขาเสร็จแล้วผักกาดก็รีบเคี้ยวและกลืนเค้กลงท้อง“พี่ภามก็ดูดีนะคะ”“ต้องนิดนึงครับ…น้องตัวเล็กชื่ออะไรนะครับ?”“ชมพูค่ะ พี่ผักเป็นแฟนพ่อนะคะอย่าคิดจะมาจีบ” ชมพูเอ่ยตอบภามด้วยน้ำเสียงสดใส ดวงตากลมโตจ้องมองคนตรงหน้าเขม็งจนภามกับผักกาดถึงกับต้องหัวเราะออกมาเบาๆ“พี่ไม่จีบหรอกครับ”“อ้าว! ไม่จีบเหรอคะ?”“หื้ม เรามีแฟนแล้วพี่จะไปจีบได้ไง”“ก็เห็นพี่ชอบเข้ามาทักทายมาพูดด้วยเลยคิดว่าจะมาจีบ” หญิงสาวร่างเล็กถามด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ อุตส่าห์หลงตัวเองว่าที่เขาเข้ามาหาก็เพราะว่าจะกลับมาจีบเธอใหม่ ไม่ได้อยากกลับไปคบแต่คิดว่าตัวเองสวยขึ้นไง แบบเออ…หลงตัวเองอ่ะ ฮิฮิ!“แค่คิดถึงเลยเข้ามาทัก อีกอย่างผักเป็นคู่หมั้นของพ่อเลี้ยงนี่นา”“พี่ก็รู้เหรอคะ?”“ทุกคนก็รู้นี่ครับ”“จ
เมื่อได้ยินแฟนสาวพูดออกมาเช่นนั้นแล้วราเชนทร์ก็ถึงกับนั่งยิ้มกริ่มออกมาคนเดียว ส่วนผักกาดเธอก็ลุกขึ้นไปปัดกวาดทำความสะอาดบ้านของตัวเองต่อจนเสร็จเรียบร้อยก็เห็นราเชนทร์ยังคงนั่งยิ้มอยู่ไม่หยุด“มานั่งยิ้มอะไรอยู่นี่ควรจะกลับไปนอนพักมั้ยคะ?” “อืม หกโมงก็อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ”“โอเคค่ะ”“ครับ…” ตอบรับด้วยรอยยิ้มแล้วก็เดินออกไป“พิลึกคนจริง นึกจะมาอารมณ์ดีก็มาอารมณ์แบบไม่ต้องมีเรื่องมีราว” พูดกับตัวเองแล้วก็เดินไปเอนตัวนอนบนโซฟาเพื่อพักผ่อนรอไปงานในอีกไม่กี่ชั่วโมงเวลา 19:17 น.ตอนนี้ผักกาดยืนอยู่หน้ากระจกในชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาสีชมพูอ่อน ใบหน้าเรียวถูกแต่งเติมเพียงเล็กน้อย ผมยาวดัดลอนและปล่อยลงมากลางหลัง เมื่อพอใจกับความสวยของตัวเองแล้วเธอก็หยิบรองเท้ามานั่งสวมที่โซฟาก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาสะพายแล้วเดินตรงไปยังบ้านหลังใหญ่“เมียใครสวยจังเลย” และเมื่อผักกาดก้าวขาเข้าไปในตัวบ้าน เสียงทุ้มของราเชนทร์ก็ดังขึ้น สายตาคมจับจ้องไปที่ร่างเพรียวระหงษ์อย่างไม่ละสายตาจนผักกาดต้องเดินไปยืนข้างโจอี้“เขาเป็นอะไรคะ?”“ผมถาม เขาบอกว่าคุณผักน่ารักกับเขาครับ”“นะ หนูน่ารั