ร.ต.อ.จอมทัพ นายตำรวจหนุ่มอนาคตไกล อายุ26ปี มีนิสัย ห่าม ใจร้อน วู่วามแต่รักความยุติธรรมที่สุด แพทย์หญิง ปิ่นปัก อายุ 26 ปี เรียนจบแพทย์มาได้สองปีและเป็นแพทย์ประจำอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง นายตำรวจหนุ่ม vs คุณหมอสาว เป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่วัยเยาว์ “เอากันไปตั้งหลายทีละ..ถามจริง!...แกอยากเป็นแค่เพื่อนกับฉัน แค่นั้นจริงเหรอวะ!?” “!!!???” สปอย เวลานอ.เม.ามาก มักชอบอ่อยพอ.ที่เป็นเพื่อนรัก แต่พอ.ก็พยายามอดทนอย่างหนัก แต่ท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหว แล้วนอ.เป็นคนที่ไม่ค่อยยอมรับความจริง.ซึ่งข้อนี้พอ.ก็รู้นิสัยของเธอดี พอ.ที่เป็นตำรวจอยู่แล้ว เมื่อจะทำอะไรก็ตาม เขาจะต้องมีหลักฐานเสมอ พอ.ก็เลยบันทึกเสียงของนอ.. ตอนที่บอกว่ายินยอมพร้อมใจให้พอ.จ้ำจี้ได้ ทีแรกพอ.คิดว่าจะอัดเสียงไว้แค่ตรงนั้น. แต่ดันลืมกดหยุดบันทึก นอ.เลยได้ยินเสียงของตัวเอง ว่าร้องเสียงดังยังไงตั้งแต่ต้น. จนกระทั่งทั้งสองคนได้จบ กิจกรรมร้อนๆ บนที่นอนด้วยกัน
View More"ปิ่น..."
“หือ~~~...”
“ปิ่น!..”
“อือ~~~”
“ถ้าแกยังไม่ตื่นนะ...ฉันจะลักหลับแกตรงนี้เลย...อ่า..ซี๊ดด..เจ็บฉิบ!”
เสียงเข้มห้าวทุ้มหู ฟังดูคุ้นเคยพูดขึ้นอีกครั้ง จนทำให้ร่างบางในชุดกาวน์ที่กำลังนั่งหลับฟุบอยู่กับโต๊ะ ในห้องทำงานสำหรับหมอเวรในโรงพยาบาล ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมามองหน้าเจ้าของเสียง
“ปิ่น...แกช่วยตื่นขึ้นมาทำแผลให้ฉันทีดิวะ...หลับซะนึกว่าซ้อมตาย!”
ใบหน้าหล่อเหลาแต่ยียวนที่มาพร้อมกับคำพูดเชิงกวนกับปิ่นปักทุกครั้งที่ได้เจอกัน แล้วแต่ละครั้งของมันก็ต้องพาร่างใหญ่ ๆ มาให้เธอช่วยทำแผลให้ทุกทีรวมไปถึงครั้งนี้ด้วย
ไอ้เพื่อนเฮงซวย!
“แกไปโดนอะไรมาอีกละ..”
ปิ่นปักถามด้วยน้ำเสียงติดจะงัวเงีย พลางมองตามมือหนาที่กดทับบาดแผลนอกร่มผ้า บนต้นแขนของตัวเองเอาไว้
“ถูกยิงแค่เฉียด ๆ..แต่ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก.”
นอกจากเลือดที่ทะลักออกมาจนชุ่มผ้าขนหนู ที่โปะบาดแผลเอาไว้นั่นยังไม่พอ มันยังไหลผ่านตามร่องนิ้วของคนร่างหนา แล้วยังมาปากแข็งบอกกับเธอว่า ไม่เจ็บเท่าไหร่นั่นอีกด้วย
ปิ่นปักเดินไปหยิบกระเป๋าร่วมยาในตู้ และเปิดเอาของที่อยู่ในนั้นออกมากองรวมกันไว้บนโต๊ะ จากนั้นจึงจับมือหนาของจอมทัพออกมาจากบาดแผล แล้วจึงค่อย ๆ แก้ผ้าที่พันแขนไว้หลวม ๆ นั่นออกให้ ก่อนจะโวยวายเมื่อได้เห็นแผลของมันเข้าเต็มสองตา
“เฮ้ยไอ้จอม! ..แค่เฉียด ๆ อะไรของแกวะ เลือดถึงได้ออกมากขนาดนี้ ”
“มันคงถูกเส้นเลือดใหญ่เข้าละมั้ง แกเป็นหมอก็น่าจะรู้ไม่ใช่?..ถามเพื่อ..?
“กวนตีน!..”
หญิงสาวว่า ก่อนจะลงน้ำหนักมือที่กำลังใช้สำลีชุบแอลกอฮอร์ เช็ดรอบบาดแผลของมันให้หนัก อย่างรู้สึกหมั่นไส้
“โอ๊ย! ซี๊ด..ไอ้บ้าปิ่น..ฉันเจ็บนะเว้ยเฮ้ย..”
“ไหนว่าไม่เจ็บไง...ใจเสาะนี่หว่า”
“.....”
“แล้วทำไมแกถึงไม่ไปหาพยาบาล ที่ห้องฉุกเฉินก่อนวะฮะ”
ปิ่นปักพูดขึ้นมาหลังจากที่เห็นว่า อีกคนเงียบเสียงของตัวเองลงไป นั่นอาจเป็นเพราะเขากำลังข่มความเจ็บเอาไว้ เพื่อไม่ให้อีกคนหนึ่งรู้
รึเปล่า?
“อยากเห็นหน้าหมอก่อนไม่ได้รึไงวะ?”
“......”
ประโยคบอกเล่ากึ่งคำถาม ทำให้หมอสาวต้องเป็นฝ่ายเงียบเสียงของตัวเองลงแทน
“นี่ฉันไปหาแกที่ห้องมาแล้วนะ แต่เห็นห้องล็อคก็เลยคิดว่าแกน่าจะอยู่ที่นี่ พอดีโทรศัพท์ของฉันดันแบตหมด ก็เลยไม่ได้โทรหาแกก่อน”
“อยากเห็นหน้าฉันเพื่อต้องการจะสั่งลางั้นสิ?”
เธอแซะกลับ ก่อนจะเลื่อนนัยน์ตาคู่สวย ขึ้นไปมองสบตากับเขาก่อนนิดหน่อย แล้วจึงค่อยลดระดับสายตาลงมาที่เดิม นั่นทำให้อีกฝ่ายต้องเสสายตาไปมองข้างฝาแทน
“มันไม่ถึงตายหรอกน่า.แผลแค่นี้เอง..”
เขาชักสายตากลับมาตอบคนตรงหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองสำรวจไปทั่วบริเวณรอบ ๆ ห้อง อย่างคนช่างสังเกตุ พลางหลุบตาลงมองคนตรงหน้าอีกที
“ปิ่น..”
“ฮึ...ว่า..”
ปิ่นปักขานรับ โดยที่ไม่ได้มองหน้าเจ้าของเสียง เพียงเพราะมือของหญิงสาว กำลังง่วนอยู่กับการทำแผลให้เขานั่นแหละ
“ในห้องพักหมอเนี่ย...ไม่มีกล้องใช่มั๊ย?”
“เออ...”
ปิ่นปักตอบ ในขณะเดียวกันก็ตวัดสายตา ขึ้นมามองหน้าจอมทัพทันที ที่ได้ยินประโยคคำถามนี้จากเจ้าตัว
“ได้มั๊ยวะ!?”
!!!
ได้อะไรวะ?
ก็อย่างที่รู้ ๆ กับความหมายในประโยคคำถามของอีกคน...
เพราะทั้งคู่รู้จักกันมานานตั้งแต่จำความได้ และเรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมปลาย มาแยกย้ายไปกันคนละทาง ในระหว่างที่ทั้งสองต้องเข้ามหา’ลัย
ปิ่นปักสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ได้ตามที่ตัวเองคาดหวัง สมดั่งใจของผู้ให้กำเนิด เพราะท่านเป็นแพทย์เช่นเดียวกันทั้งสองคน
ส่วนจอมทัพได้เข้าโรงเรียนนายร้อยทันที หลังจากที่เขาจบมัธยมปลาย เนื่องจากบิดาซึ่งเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ถูกผู้ร้ายยิงตาย ในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ คุณงามความดีนี้ จึงตกทอดมาสู่ลูกชายคนโต
ถึงแม้จอมทัพ จะได้รับการฝึกเป็นนายร้อยตำรวจทางลัด แต่ความสามารถของเขา ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านักเรียนนายร้อยที่ถูกฝึกมาหนักกว่าเลย
เพราะเจ้าตัวตั้งใจอยากจะเป็นตำรวจ เหมือนกับพ่อมาตั้งแต่วัยเยาว์ เขาฟิตร่างกาย ฝึกวิ่ง ฝึกว่ายน้ำ ฝึกการต่อสู้ ร่วมไปถึงฝึกการใช้อาวุธและเข้าสนามยิงปืนกับพ่อมาตั้งแต่เด็ก เรื่องบู๊ล้างผลาญถึงต้องยกให้มันนั่นแหละ
จอมทัพตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง ทุกคนรู้ว่าเขามักจะต่อสู้กับคนร้ายอย่างไม่กลัวตาย แล้วก็หอบเอาร่างกายชนิดที่ว่า มาหาปิ่นปักแต่ละครั้ง ทั้งตัวมีแต่แผลมาให้เธอทำได้ทุกที
ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน ทั้งคำพูดและการกระทำทั้งหมด ที่แสดงออกต่อกันนั่น มันเรียกว่าอย่างอื่นไม่ได้
แต่ทว่า...
การกระทำบางอย่างที่ทำร่วมกันมันสวนทาง จนไม่สามารถทำให้พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำเท่าไหร่ไง...
“ฉันรักแก อยากแต่งงานกับแกแล้วก็มีลูกกับแก กับแกคนเดียวเท่านั้น...แต่ฉัน..แค่ไม่อยากทำลายความฝันของแก...แล้วแกก็...”“แกยังมีต่ออีกเหรอวะ! ฉันกำลังอินเลย...”ปิ่นปักแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ เพราะคิดว่าก็ไม่น่าจะทันละมั้งก็ตั้งแต่ได้ผัวเป็นมัน นั่นน่ะทำลายความฝันของเธอไปแล้วหนึ่งข้อ ส่วนข้อที่สองมาบอกรักกันแถมยังขอแต่งงาน ความฝันห่าอะไรนั่นก็ลืมมันไปได้เลย“มีอีกนิด”“งั้นเชิญแกพูดออกมาให้หมดเลย...ฉันกำลังรอฟัง”พอได้ยินอย่างนั้นจอมทัพจึงยอมพูดความในใจออกมาให้เธอได้ฟังทั้งหมดว่า... “แล้วแกก็กำลังจะไปเรียนต่ออเมริกาตั้งหลายปี ฉันก็แค่อยากจะใช้เวลาอยู่กับแกสองคนให้มากที่สุด เพราะฉันคงจะตามไปดูแลแกที่นั่นไม่ได้ ระยะเวลาสี่ปีหรือมากกว่านั้นมันอาจจะทำให้แกเปลี่ยนไป เพราะเราอยู่ไกลกันมาก แล้วอีกอย่างที่นั่นมีแต่ฝรั่งทั้งนั้น มันอาจจะทำให้แกเขว เพราะแกเองก็อยากจะได้ผัวฝรั่งอยู่แล้วนี่ แล้วฉันก็ดันเบิกทางให้พวกมันไปแล้วด้วย ฉันคงทนไม่ได้เวลาที่นึกภาพว่าแกกำลังเอากับมัน...ปิ่นแก...”แป่ะ!“ไอ้บ้า! เดี๋ยวๆๆ นะ แกช่วยหยุดพูดก่อนได้มั๊ยวะ? ปิ่นปักรีบพูดแทรกขึ้นมา พร้อมกับเอาฝ่ามือเข้าไปปิดปากอีกคนหนึ
ปิ่นปักรีบผละออกมาก่อนที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกับเธอมากเกินไป แต่มันก็ไม่น่าจะทันแล้วมั๊ย? เพราะจอมทัพเป็นคนที่รู้สึกไวต่อสัมผัสของคนตรงหน้ายิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ถ้าเปรียบเขาเป็นไฟหญิงสาวก็คือน้ำมันชั้นดีนั่นเลย“เรามาฉลองครัวใหม่กันมั๊ย?”เหมือนที่ปิ่นปักคิดเอาไว้ไม่มีผิดเลยสักนิดไง ก็คนมันรู้ใจแล้วก็เห็นขี้เห็นไส้กันมานานก็อย่างงี้นี่แหละ...“กินข้าวเอาแรงกันก่อนดีกว่ามั๊ยคะผู้กอง?...แล้วก็ลองสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ...จากนั้นก็บอกตัวเองว่ายุบหนอๆ เป็นเด็กดีนะคะ แล้วก็ช่วยทำตามที่คุณหมอแนะนำนะ...”จอมทัพหัวเราะพรืดออกมาทันที ที่เห็นคนตรงหน้ายกฝ่ามือบางขึ้นมาตบกลางอกเขาเบาๆ ในตอนที่บอกกับเขาว่าให้หายใจเข้าออกลึกๆ นั่นแต่มันก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อฝ่ามือบางเลื่อนลงไปลูบไล้ตรงช่วงล่างแล้วก็สั่งให้มันยุบลงหมับ!จอมทัพจับหมับลงมาบนข้อมือของคนตัวเล็กกว่า เพราะรู้นะสิว่าเธอจงใจจะแกล้งกัน แล้วมันก็ทำให้เขาอยากจะแกล้งเจ้าตัวกลับไปบ้าง...อย่างงี้...“พอดีผมเป็นเด็กดื้อนะครับ ก็คุณหมอเล่นลูบคลำมันซะขนาดนั้น มันก็ต้องมีแต่พองหนอๆ อย่างเดียว...เป็นงั้นผมก็จะขอเอาคุณหมอตรงนี้เลยน่าจะดีกว่ามั๊ย
“จอม!...แกตั้งใจจะเซอร์ไพร์สฉันใช่มั๊ยละเนี่ย? ถึงได้ไม่ยอมบอกกัน แล้วปล่อยให้ฉันเข้ามาเห็นเองงี้เหรอ...งื้อ...มันน่ารักมากเลยว่ะ”ปิ่นปักอุทานตั้งแต่เห็นบ้านดินมาแต่ไกลๆ และกระโดดลงไปจากรถในทันที โดยที่จอมทัพยังไม่ทันได้ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์เลยด้วยซ้ำเจ้าของร่างบางวิ่งเข้าไปสำรวจภายในบ้านดินที่ปลูกเอาไว้ได้อย่างน่ารัก หลังจากที่หญิงสาวดูทุกอย่างจนทั่วแล้วนั่นแหละเจ้าตัวถึงได้เปิดหน้าต่างออกไป ในขณะที่เห็นร่างหนากำลังถือข้าวของเดินเข้ามาใกล้ในจังหวะนั้นพอดี“ที่แกจ้างเขาทำไปทั้งหมดเนี่ย เสียเงินไปเท่าไหร่วะ แพงมากป่ะ?”“ไม่เท่าไหร่หรอก เพราะไม่ใช่เงินฉัน แต่เป็นเงินคุณนายจันทรา” จอมทัพตอบพร้อมกับยิ้มขำรับ ในขณะที่วางของทุกอย่างลงบนโต๊ะไม้ที่อยู่ติดกันกับหน้าต่าง พลางหันไปถามเจ้าของร่างบาง“แล้วไม่คิดจะช่วยกันขนของ?”“ฉันเป็นผู้หญิงต้องอ่อนแอป่ะ? แกทำไปคนเดียวเลยนะอย่ามาบ่น!” แล้วจอมทัพก็ถูกย้อนกลับมาทันทีอย่างที่เห็นว่าเขาแล้วหญิงสาวก็หมุนตัวเดินสำรวจไปทั่วๆ อีกรอบอย่างรู้สึกชอบใจเพราะช่วงหลังๆ ทางโรงพยาบาลมีคนไข้ถูกถ่ายเทมาจากที่อื่นค่อนข้างมาก ปิ่นปักจึงไม่มีเวลาได้มาพักที่นี่สัก
จอมทัพเลี้ยวรถเข้าไปจอดภายในบริเวณบ้านของหญิงสาว พร้อมกับหิ้วกระเป๋าให้เจ้าตัวที่เดินตามหลังเขาไปติดๆเมื่อมาถึงห้องรับแขก เจ้าของร่างใหญ่จึงเข้าไปกราบทักทายบิดามารดาของปิ่นปักที่กำลังนั่งรอลูกสาว จากนั้นเขาจึงขอตัวกลับบ้านที่อยู่ติดกันหลังถัดมาเมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ก็เห็นคนเป็นมารดานั่งรอเขาอยู่ก่อนหน้านั้น เพราะรู้ว่าลูกชายจะกลับมาหาท่านในวันนี้เจ้าของร่างหนายกมือขึ้นไหว้ ก่อนจะกวาดสายตามองหาน้องสาว ต่อเมื่อไม่เห็นเจ้าจันทร์นั่นละเขาจึงได้เอ่ยปากถามขึ้นมา“ไอ้เจ้ามันไปไหนละครับแม่ ป่านนี้แล้วผมยังไม่เห็นหน้ามันเลย”“เจ้ามันรู้ว่าจอมจะกลับมาบ้านวันนี้ไง ก็เลยขอแม่ไปค้างบ้านครูตาลสักสามวันเพื่อติวข้อสอบกับเพื่อน ๆ ของมันนั่นแหละ คราวนี้จะกลับมาอยู่กับแม่สักกี่วันละ? เห็นน้องมันบอกว่าหนูปิ่นก็กลับมาพร้อมกันนี่ใช่มั๊ยลูก?”นางจันทราถามลูกชายในสองประโยคหลัง นัยน์ตาสีเจือจางบ่งบอกวัยมองหน้าลูกชายนิ่งๆ เชิงรอคำตอบจากเจ้าของร่างใหญ่ในขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างกัน“ครับแม่..ผมได้กลับมาอยู่กับแม่อาทิตย์หนึ่งครับ”“เห็นเจ้ามันเล่าให้แม่ฟังอีกว่า หนูปิ่นน่ะสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเ
จอมทัพขับรถมารับปิ่นปักช่วงเย็น หลังเวลาเลิกงานเพื่อเดินทางกลับบ้านของทั้งคู่ที่อยู่ต่างจังหวัดพร้อมกันด้วยระยะทางที่ไม่ห่างจากกรุงเทพมากนัก จอมทัพจึงใช้เวลาในการขับรถไม่เกินชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้วบ้านของทั้งคู่มีรั้วอยู่ติดกันแต่คนละสไตล์ บ้านของจอมทัพเป็นบ้านไม้สักหลังใหญ่ ห่างออกไปในบริเวณเดียวกันเป็นโรงงานทำขนมไทย ที่ใช้แรงงานจากคนในหมู่บ้านทั้งนั้น และเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมานานตั้งแต่สมัยตายาย และขนมที่ทำทั้งหลายจะถูกส่งไปขายทั่วประเทศไทย มีทั้งที่ส่งให้และมารับไปขายเองพื้นที่ทางด้านหลังยาวออกไปคือสวนผลไม้ ที่นางจันทราปลูกเอาไว้มากมายหลากหลายชนิดอยู่ติดกับบึงใหญ่ และมันก็เป็นสถานที่ที่จอมทัพมักจะพาปิ่นปักเข้าไปยิงนกตกปลาเล่นๆ กันเป็นประจำส่วนบ้านของปิ่นปักจะเป็นบ้านทันสมัยสไตล์ยุโรป ทั้งพ่อและแม่ของหญิงสาวมีอาชีพเดียวกันนั่นก็คือเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลประจำจังหวัดและเปิดคลีนิครักษาคนไข้ในช่วงเวลานอกราชการทั้งสองครอบครัวสนิทกันมากเนื่องจากนางจันทราซึ่งเป็นมารดาของจอมทัพ เป็นเพื่อนสนิทกับแพทย์หญิงสมฤทัยแม่ของปิ่นปักนั่นเองอีกทั้งนางจันทรายังได้แบ่งที่ทางด้านข้าง ขายให้กับสมฤทัยใน
เพียงแต่...วันนี้มันมีอะไรที่ต่างไปจากเดิม...ต่อให้จอมทัพจะจาบจ้วงอย่างหนักหน่วงหรือล่วงล้ำหญิงสาวมากแค่ไหน แต่ในวันนี้มันกลับทำให้เธอรู้สึกลึกซึ้ง มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาด้วยคำพูดที่ว่า เธอคือคนพิเศษอีกทั้งยังเป็นที่รักของมันเพียงคนเดียว...และอ้อมกอดจากร่างใหญ่ ที่มีให้กันตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งทุกอย่างได้จบลง...“จอม...ตื่นเถอะ”“......”มือบางเขย่าร่างหนาที่นอนซุกใบหน้าคมคายเอาไว้ตรงสองเต้าที่เจ้าตัวโปรดปราน ในขณะเดียวกันร่างใหญ่ก็ใช้วงแขนกอดรัดร่างของหญิงสาวเอาไว้แน่นจนแทบจะกระดิกไปทางไหนไม่ได้เลยถึงปิ่นปักจะเรียกยังไงแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ยิน หญิงสาวจึงตัดสินใจเรียกมันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม“ไอ้จอม!...ตื่น!...”“......”ไม่มีสัญญาณตอบรับจากร่างหนา ถึงแม้ว่าเธอจะเรียกมันอยู่ข้างหู แต่ทว่าเจ้าตัวก็ยังนอนนิ่งเฉยอยู่ได้ พอเห็นอย่างนั้นหญิงสาวจึงตัดสินทำอะไรบางอย่างกับเจ้าของร่างใหญ่...แบบนี้ไง...หงับๆ!“โอ๊ย!..ไอ้หมาปิ่น!...แกกล้ากัดหูฉันเหรอ!?”จอมทัพสะดุ้งโหยง ก่อนจะร้องเสียงหลงโวยวาย จากนั้นจึงก้มลงไปงับหัวนมของอีกฝ่ายเพื่อเอาคืนในเวลาอันรวดเร็ว“นี่แน่ะ!...”หงับ!
ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง ปิ่นปักก็ถูกร่างใหญ่ดันให้ถอยล่นจนติดฝาผนัง พร้อมกับใช้ท่อนแขนทั้งสองข้างคร่อมร่างเธอเอาไว้“แกมองฉัน ราวกับว่าฉันเป็นไอ้บ้าหื่นกาม?...”จอมทัพโน้มหน้าลงมาถามคนตัวเล็กว่า ในขณะที่อีกฝ่ายช้อนสายตาขึ้นมอง ก่อนจะย้อนคำถามกลับไปทันที“รึไม่ใช่...?”เธอว่าในขณะที่ยกแขนทั้งสองข้างดันร่างเขาออกห่างพลางเดินหนี แต่วงแขนแกร่งก็ตามมาคว้าร่างบางแล้วรั้งเข้ามาหาอย่างเอาแต่ใจ พร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มใส ก่อนจะสูดหายใจเข้าไปเต็มแรง นั่นทำให้ใบหน้าของคนที่อยู่ในวงแขนแกร่ง เห่อแดงขึ้นมาอย่างฉับพลันเพราะการกอดของเขาครั้งนี้นั้น มันทำให้ช่องว่างระหว่างกันหายไปทันที และมีเพียงเสียงของลมหายใจที่กำลังปะทะกัน ก่อนที่มันจะเพิ่มระดับขึ้นตามจังหวะการเต้นของหัวใจของทั้งคู่ ที่ต่างก็รู้ว่าต้องการกันและกันมากแค่ไหน“ไม่ได้เหรอ? ”จอมทัพก้มลงมากระซิบเป็นประโยคคำถาม พลางจับมือเรียวบางยกขึ้นมาคล้องคอของเจ้าตัวเอาไว้ก่อนจะพูดในประโยคต่อไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่เงียบฟัง“ฉันก็เป็นแบบนี้กับแกแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ หรือว่าแกไม่อยากจะให้ฉันทำ?”“......”ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามเมื่อเห็นว่าเจ้
“ปิ่น!”“โธ่โว้ย! เรียกอยู่นั่น?...แกรีบออกไปจากรถเลยนะฉันรำคาญ! ”ปิ่นปักหันมาตวาดใส่ ในขณะที่ยกมือบางขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง พลางเบี่ยงองศาหน้าหันไปท่าเดิม แต่ถูกมือใหญ่กว่ารั้งร่างของเธอให้หันกลับมาประจันหน้ากัน แล้วพอชายหนุ่มทำอย่างนั้น คนตัวเล็กกว่าก็ทำหน้าดื้อใส่และตั้งท่าจะโวยวายกลับไปให้อีกรอบไง“ไอ้!...”“แกเงียบ!...แล้วฟังฉัน!”!!!“แล้วถ้าฉันไม่ฟัง! แกจะทำไม!?”“ต้องฟัง!”“ไม่ฟัง!”“ฟัง!”หากเป็นในหนัง ถ้านางเอกดื้อใส่มากขนาดนั้น มันก็ต้องมีวิธีทำให้เงียบเสียงของตัวเองลง ด้วยการจูบปิดปากจากตัวพระเอกนั่นแหละ แต่ทว่าท่าทีของคนตัวใหญ่กว่า ก็ไม่เห็นว่าจะทำแบบนั้นกับปิ่นปักเลยสักทีก็เพราะเจ้าของร่างใหญ่ไม่เคยดูหนังแบบนี้เลยไง ถึงไม่เข้าใจฟีลของนางเอกว่าต้องการอะไรบ้างอย่างจอมทัพหากไม่ใช่หนังผจญภัย ก็ต้องเป็นหนังสงคราม มีอยู่สองสามอย่างเท่านั้นละมั้งในชีวิตของมันเนี่ยหนังรักๆ ใคร่ๆ นะเหรอลืมไปได้เลย ก็ในเมื่อเจ้าตัวไม่เคยดูมันเลยด้วยซ้ำ ถึงไม่รู้ว่าเขาต้องทำกันยังไง?ควายเรียกพี่ก็ต้องเป็นมันด้วยนั่นแหละ!ปิ่นปักดื้อดึงและพยายามจะขืนตัวออกมา แต่ก็ถูกร่างหนาจับต้นแขนของเธอยึดเอาไว
ปิ่นปักเดินผ่านโต๊ะทำงานของนายตำรวจหลายๆ นาย ที่ส่วนใหญ่หญิงสาวจะไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่นัก นั่นอาจเป็นเพราะว่าเจ้าตัวย่างกรายเข้ามาที่โรงพักแทบจะนับครั้งได้อีกทั้งจอมทัพมักจะออกไปทำงานนอกพื้นที่นั่นซะมากกว่า หรือบางครั้งบางคราอาจจะต้องแอบซุ่มดูผู้ต้องสงสัยอยู่นานหลายวัน หรือไม่ก็จนกว่าจะปิดคดีได้แล้วนั่นแหละแต่ที่เธอมาหามันได้ในตอนนี้ก็เพราะรู้นะสิว่าจอมทัพเพิ่งจะปิดคดี และวันนี้ชายหนุ่มก็แค่เข้าไปรายงานตัวกับผู้ใหญ่เท่านั้น หากว่าไม่เจอมันอยู่ที่โรงพัก ปิ่นปักก็แค่กลับห้องเท่านั้นเองก็กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์มันนั่นแหละ แต่ทว่าเมื่อหญิงสาวเปิดประตูเข้าไป กลับกลายเป็นเธอที่ต้องถูกมันเซอร์ไพรส์แทนเพราะภายในห้องทำงานของผู้กองไม่ได้มีแค่เจ้าของห้องอยู่ในนั้นเพียงคนเดียวสายตาของคนทั้งคู่หันไปมองทางประตูห้องที่ถูกเปิดออก โดยร่างบางที่กำลังยืนมองจอมทัพจับมือกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแบบเช่นเดียวกันกับเขา เพียงแต่หญิงสาวคนนั้นเธอใส่กระโปรงสั้น และที่สำคัญเครื่องหมายที่ติดอยู่บนบ่า เชิงบอกสัญลักษณ์ให้รู้ ว่าผู้หญิงคนนั้นมียศเดียวกันกับคนของเธอ“ปิ่น!....”จอมทัพเรียกชื่อปิ่นปัก
Comments