หลังจากทำแผลเสร็จ ปิ่นปักยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ เมื่อเห็นจอมทัพลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงปรี่ไปล็อกประตูอย่างมิดชิด ก่อนจะเดินกลับมาปิดม่านหน้าต่าง
ปิ่นปักเบิกตากว้างเมื่อร่างหนาเดินมาคว้าเอวเธอ ด้วยแขนที่แหลือของเขาอีกข้าง ก่อนจะทิ้งตัวเองลงนั่งบนโซฟา จากนั้นจึงจับร่างบางนั่งลงบนตักของเขาแทน แล้วล็อกกอดเธอไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว
“ไอ้จอม!..ไอ้บ้าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
ปิ่นปักโวยวายนั่นแหละ แต่ก็ไม่กล้าเสียงดังเท่าไหร่ ไม่งั้นใครต่อใครคงจะพากันแห่มาที่นี่แน่ ๆ
ยิ่งเวลาเกือบจะตีสามแล้วอย่างนี้ เป็นเวลานอนของผู้ป่วยใน รวมไปถึงญาติ ๆ ของคนไข้ มันทำให้เธอไว้ใจอะไรไม่ได้เลย
รอบ ๆ ตัวมีแต่ความเงียบสงัด แสงไฟก็เปิดเอาไว้บ้าง แต่เฉพาะบริเวณที่จำเป็นเท่านั้น
ฟ่อด!
“อื้ออ..ไอ้ทุเรศ!”
“ชู่ว์!..เงียบ ๆ ได้มั๊ยวะ..”
“แต่แผลแก..”
“ไม่เป็นไร..ฉันใช้แค่ปาก..อยากจูบแกว่ะ”
!!!
“กับจับอะไรบ้างงี้..นะ”
“มะ..ไม่...อื้ออ~~”
จอมทัพยื่นหน้าเขามาจูบปิ่นปักอย่างหนักหน่วง รุกเร้า อย่างรุนแรงก่อนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งจนอีกฝ่ายรู้สึกได้
แล้วมันไม่ใช่แค่นั้น เพราะไม่ใช่เพียงแค่ริมฝีปากแต่ร่างกายของหญิงสาว กำลังถูกเขารุกล้ำไปทั้งตัวด้วยเช่นกัน
กองทัพจูบปิ่นปักอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อย ๆ ผละออกอย่างเนิบนาบ…
สถานะแบบนี้ไงที่ทำให้ทั้งสองคนพูดได้อย่างไม่เต็มปาก หลังจากที่มีอะไรกันในคืนนั้น มากกว่าสิ่งที่กำลังทำร่วมกันอยู่ในตอนนี้
“ แผลขนาดนี้แล้ว แกยังจะมาซ่าอีก..”
หญิงสาวต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงหอบถี่เบา ๆ ผิดกับอีกคนที่ปรับจังหวะการหายใจ ของตัวเองได้เป็นอย่างดี
ใช่สิ...ก็มันฝึกมานี่..
“ไม่เจ็บ..”
“แกมันหนังหนาว่างั้น?”
ปิ่นปักต่อว่า พลางขยับตัวเพื่อจะพาร่างของตัวเองออกมาจากตัก ของคนที่เรียกว่าเพื่อนรักอย่างไม่เต็มปากเต็มคำ
แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอม...
“หน้าด้านให้อีกข้อด้วยก็ได้..ไม่เกี่ยง..”
ฟ่อด!
“อื้อ..พอแล้ว..ปล่อยฉันนะไอ้หมาจอม!”
เพราะถ้าหากว่าเดี๋ยวใครมาเรียกหญิงสาว แล้วเห็นประตูห้องล็อกแบบนี้เข้า หมอสาวคงตกเป็นข่าวขึ้นท๊อปไลน์แน่ ๆ เลย
“ขออีกนิดนะปิ่น...นิดหน่อยตรงนี้ก่อน..พอแกออกเวรเช้า เราค่อยไปต่อที่ห้องแก”
“ไอ้ทุเรศ!..ไม่...ไม่..ไม่...ไอ้จอม...อื้ออ~~”
ปิ่นปักร้องห้าม แต่นั่นไม่ใช่เพราะอยากจะขัดใจ เพียงแต่ห่วงบาดแผลที่มันยังสดใหม่
และเกรงว่าอาจจะเกิดฉีกขาดมากขึ้นไปกว่าเดิม แต่คนแบบจอมทัพ ยิ่งห้ามมันเท่าไหร่ ก็เหมือนมันอยากจะเอาชนะเราให้ได้มากเท่านั้น
กองทัพจับปิ่นปักให้นอนราบไปกับโซฟาตัวยาว แล้วถกชายเสื้อของหญิงสาว พร้อมกับชุดชั้นในขึ้นไปค้างไว้เหนือทรวงอก
“จอม..แผลแก..จะ..ฉีก..อ๊ะ!.อื้ออ~~”
ปิ่นปักครางอือเมื่อถูกริมฝีปากหยัก ก้มลงมาตรงส่วนก้อนเนื้อนุ่มทั้งสองข้างอย่างโหยหา
และยิ่งพาให้สติของหญิงสาวเตลิดเปิดเปิงจนไม่เป็นตัวของตัวเองไปแล้วในตอนนี้
“....จอม!”
“เรียกชื่อฉันอีก..”
เสียงทุ้มแหบพร่าเงยหน้าขึ้นพูด ก่อนจะก้มต่ำลงไปจูบตรงหน้าท้องแบนราบแล้วเลื่อนกลับขึ้นมาที่เดิม
“จอม~..พอก่อน..อ๊า!”
ปากบอกว่าให้เขาพอ แต่หญิงสาวกลับทำทุกอย่างตรงกันข้ามซะงั้น ทั้งแอ่นอกให้เขาได้ดูดดึงบีบเคล้น กระทั่งกดหัวของอีกฝ่ายเอาไว้ เมื่อร่างหนาทำท่าจะผละออกไป
ปิ่นปักร้องครางอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ นั่นยิ่งทำให้ความต้องการของร่างใหญ่ พุ่งทยานสูงขึ้นไปอย่างแทบจะยั้งตัวเองไว้ไม่ได้เลย
“แกทำฉันแข็งไปหมดแล้วปิ่น! เอาเลยนะงั้น?”
เมื่อได้ยินคำพูดของจอมทัพ มันช่วยเรียกสติของปิ่นปักให้กลับมา
“เฮ้ย!..ไม่เอา!..”
“ฉันรักแก อยากแต่งงานกับแกแล้วก็มีลูกกับแก กับแกคนเดียวเท่านั้น...แต่ฉัน..แค่ไม่อยากทำลายความฝันของแก...แล้วแกก็...”“แกยังมีต่ออีกเหรอวะ! ฉันกำลังอินเลย...”ปิ่นปักแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ เพราะคิดว่าก็ไม่น่าจะทันละมั้งก็ตั้งแต่ได้ผัวเป็นมัน นั่นน่ะทำลายความฝันของเธอไปแล้วหนึ่งข้อ ส่วนข้อที่สองมาบอกรักกันแถมยังขอแต่งงาน ความฝันห่าอะไรนั่นก็ลืมมันไปได้เลย“มีอีกนิด”“งั้นเชิญแกพูดออกมาให้หมดเลย...ฉันกำลังรอฟัง”พอได้ยินอย่างนั้นจอมทัพจึงยอมพูดความในใจออกมาให้เธอได้ฟังทั้งหมดว่า... “แล้วแกก็กำลังจะไปเรียนต่ออเมริกาตั้งหลายปี ฉันก็แค่อยากจะใช้เวลาอยู่กับแกสองคนให้มากที่สุด เพราะฉันคงจะตามไปดูแลแกที่นั่นไม่ได้ ระยะเวลาสี่ปีหรือมากกว่านั้นมันอาจจะทำให้แกเปลี่ยนไป เพราะเราอยู่ไกลกันมาก แล้วอีกอย่างที่นั่นมีแต่ฝรั่งทั้งนั้น มันอาจจะทำให้แกเขว เพราะแกเองก็อยากจะได้ผัวฝรั่งอยู่แล้วนี่ แล้วฉันก็ดันเบิกทางให้พวกมันไปแล้วด้วย ฉันคงทนไม่ได้เวลาที่นึกภาพว่าแกกำลังเอากับมัน...ปิ่นแก...”แป่ะ!“ไอ้บ้า! เดี๋ยวๆๆ นะ แกช่วยหยุดพูดก่อนได้มั๊ยวะ? ปิ่นปักรีบพูดแทรกขึ้นมา พร้อมกับเอาฝ่ามือเข้าไปปิดปากอีกคนหนึ
ปิ่นปักรีบผละออกมาก่อนที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกับเธอมากเกินไป แต่มันก็ไม่น่าจะทันแล้วมั๊ย? เพราะจอมทัพเป็นคนที่รู้สึกไวต่อสัมผัสของคนตรงหน้ายิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ถ้าเปรียบเขาเป็นไฟหญิงสาวก็คือน้ำมันชั้นดีนั่นเลย“เรามาฉลองครัวใหม่กันมั๊ย?”เหมือนที่ปิ่นปักคิดเอาไว้ไม่มีผิดเลยสักนิดไง ก็คนมันรู้ใจแล้วก็เห็นขี้เห็นไส้กันมานานก็อย่างงี้นี่แหละ...“กินข้าวเอาแรงกันก่อนดีกว่ามั๊ยคะผู้กอง?...แล้วก็ลองสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ...จากนั้นก็บอกตัวเองว่ายุบหนอๆ เป็นเด็กดีนะคะ แล้วก็ช่วยทำตามที่คุณหมอแนะนำนะ...”จอมทัพหัวเราะพรืดออกมาทันที ที่เห็นคนตรงหน้ายกฝ่ามือบางขึ้นมาตบกลางอกเขาเบาๆ ในตอนที่บอกกับเขาว่าให้หายใจเข้าออกลึกๆ นั่นแต่มันก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อฝ่ามือบางเลื่อนลงไปลูบไล้ตรงช่วงล่างแล้วก็สั่งให้มันยุบลงหมับ!จอมทัพจับหมับลงมาบนข้อมือของคนตัวเล็กกว่า เพราะรู้นะสิว่าเธอจงใจจะแกล้งกัน แล้วมันก็ทำให้เขาอยากจะแกล้งเจ้าตัวกลับไปบ้าง...อย่างงี้...“พอดีผมเป็นเด็กดื้อนะครับ ก็คุณหมอเล่นลูบคลำมันซะขนาดนั้น มันก็ต้องมีแต่พองหนอๆ อย่างเดียว...เป็นงั้นผมก็จะขอเอาคุณหมอตรงนี้เลยน่าจะดีกว่ามั๊ย
“จอม!...แกตั้งใจจะเซอร์ไพร์สฉันใช่มั๊ยละเนี่ย? ถึงได้ไม่ยอมบอกกัน แล้วปล่อยให้ฉันเข้ามาเห็นเองงี้เหรอ...งื้อ...มันน่ารักมากเลยว่ะ”ปิ่นปักอุทานตั้งแต่เห็นบ้านดินมาแต่ไกลๆ และกระโดดลงไปจากรถในทันที โดยที่จอมทัพยังไม่ทันได้ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์เลยด้วยซ้ำเจ้าของร่างบางวิ่งเข้าไปสำรวจภายในบ้านดินที่ปลูกเอาไว้ได้อย่างน่ารัก หลังจากที่หญิงสาวดูทุกอย่างจนทั่วแล้วนั่นแหละเจ้าตัวถึงได้เปิดหน้าต่างออกไป ในขณะที่เห็นร่างหนากำลังถือข้าวของเดินเข้ามาใกล้ในจังหวะนั้นพอดี“ที่แกจ้างเขาทำไปทั้งหมดเนี่ย เสียเงินไปเท่าไหร่วะ แพงมากป่ะ?”“ไม่เท่าไหร่หรอก เพราะไม่ใช่เงินฉัน แต่เป็นเงินคุณนายจันทรา” จอมทัพตอบพร้อมกับยิ้มขำรับ ในขณะที่วางของทุกอย่างลงบนโต๊ะไม้ที่อยู่ติดกันกับหน้าต่าง พลางหันไปถามเจ้าของร่างบาง“แล้วไม่คิดจะช่วยกันขนของ?”“ฉันเป็นผู้หญิงต้องอ่อนแอป่ะ? แกทำไปคนเดียวเลยนะอย่ามาบ่น!” แล้วจอมทัพก็ถูกย้อนกลับมาทันทีอย่างที่เห็นว่าเขาแล้วหญิงสาวก็หมุนตัวเดินสำรวจไปทั่วๆ อีกรอบอย่างรู้สึกชอบใจเพราะช่วงหลังๆ ทางโรงพยาบาลมีคนไข้ถูกถ่ายเทมาจากที่อื่นค่อนข้างมาก ปิ่นปักจึงไม่มีเวลาได้มาพักที่นี่สัก
จอมทัพเลี้ยวรถเข้าไปจอดภายในบริเวณบ้านของหญิงสาว พร้อมกับหิ้วกระเป๋าให้เจ้าตัวที่เดินตามหลังเขาไปติดๆเมื่อมาถึงห้องรับแขก เจ้าของร่างใหญ่จึงเข้าไปกราบทักทายบิดามารดาของปิ่นปักที่กำลังนั่งรอลูกสาว จากนั้นเขาจึงขอตัวกลับบ้านที่อยู่ติดกันหลังถัดมาเมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ก็เห็นคนเป็นมารดานั่งรอเขาอยู่ก่อนหน้านั้น เพราะรู้ว่าลูกชายจะกลับมาหาท่านในวันนี้เจ้าของร่างหนายกมือขึ้นไหว้ ก่อนจะกวาดสายตามองหาน้องสาว ต่อเมื่อไม่เห็นเจ้าจันทร์นั่นละเขาจึงได้เอ่ยปากถามขึ้นมา“ไอ้เจ้ามันไปไหนละครับแม่ ป่านนี้แล้วผมยังไม่เห็นหน้ามันเลย”“เจ้ามันรู้ว่าจอมจะกลับมาบ้านวันนี้ไง ก็เลยขอแม่ไปค้างบ้านครูตาลสักสามวันเพื่อติวข้อสอบกับเพื่อน ๆ ของมันนั่นแหละ คราวนี้จะกลับมาอยู่กับแม่สักกี่วันละ? เห็นน้องมันบอกว่าหนูปิ่นก็กลับมาพร้อมกันนี่ใช่มั๊ยลูก?”นางจันทราถามลูกชายในสองประโยคหลัง นัยน์ตาสีเจือจางบ่งบอกวัยมองหน้าลูกชายนิ่งๆ เชิงรอคำตอบจากเจ้าของร่างใหญ่ในขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างกัน“ครับแม่..ผมได้กลับมาอยู่กับแม่อาทิตย์หนึ่งครับ”“เห็นเจ้ามันเล่าให้แม่ฟังอีกว่า หนูปิ่นน่ะสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเ
จอมทัพขับรถมารับปิ่นปักช่วงเย็น หลังเวลาเลิกงานเพื่อเดินทางกลับบ้านของทั้งคู่ที่อยู่ต่างจังหวัดพร้อมกันด้วยระยะทางที่ไม่ห่างจากกรุงเทพมากนัก จอมทัพจึงใช้เวลาในการขับรถไม่เกินชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้วบ้านของทั้งคู่มีรั้วอยู่ติดกันแต่คนละสไตล์ บ้านของจอมทัพเป็นบ้านไม้สักหลังใหญ่ ห่างออกไปในบริเวณเดียวกันเป็นโรงงานทำขนมไทย ที่ใช้แรงงานจากคนในหมู่บ้านทั้งนั้น และเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมานานตั้งแต่สมัยตายาย และขนมที่ทำทั้งหลายจะถูกส่งไปขายทั่วประเทศไทย มีทั้งที่ส่งให้และมารับไปขายเองพื้นที่ทางด้านหลังยาวออกไปคือสวนผลไม้ ที่นางจันทราปลูกเอาไว้มากมายหลากหลายชนิดอยู่ติดกับบึงใหญ่ และมันก็เป็นสถานที่ที่จอมทัพมักจะพาปิ่นปักเข้าไปยิงนกตกปลาเล่นๆ กันเป็นประจำส่วนบ้านของปิ่นปักจะเป็นบ้านทันสมัยสไตล์ยุโรป ทั้งพ่อและแม่ของหญิงสาวมีอาชีพเดียวกันนั่นก็คือเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลประจำจังหวัดและเปิดคลีนิครักษาคนไข้ในช่วงเวลานอกราชการทั้งสองครอบครัวสนิทกันมากเนื่องจากนางจันทราซึ่งเป็นมารดาของจอมทัพ เป็นเพื่อนสนิทกับแพทย์หญิงสมฤทัยแม่ของปิ่นปักนั่นเองอีกทั้งนางจันทรายังได้แบ่งที่ทางด้านข้าง ขายให้กับสมฤทัยใน
เพียงแต่...วันนี้มันมีอะไรที่ต่างไปจากเดิม...ต่อให้จอมทัพจะจาบจ้วงอย่างหนักหน่วงหรือล่วงล้ำหญิงสาวมากแค่ไหน แต่ในวันนี้มันกลับทำให้เธอรู้สึกลึกซึ้ง มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาด้วยคำพูดที่ว่า เธอคือคนพิเศษอีกทั้งยังเป็นที่รักของมันเพียงคนเดียว...และอ้อมกอดจากร่างใหญ่ ที่มีให้กันตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งทุกอย่างได้จบลง...“จอม...ตื่นเถอะ”“......”มือบางเขย่าร่างหนาที่นอนซุกใบหน้าคมคายเอาไว้ตรงสองเต้าที่เจ้าตัวโปรดปราน ในขณะเดียวกันร่างใหญ่ก็ใช้วงแขนกอดรัดร่างของหญิงสาวเอาไว้แน่นจนแทบจะกระดิกไปทางไหนไม่ได้เลยถึงปิ่นปักจะเรียกยังไงแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ยิน หญิงสาวจึงตัดสินใจเรียกมันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม“ไอ้จอม!...ตื่น!...”“......”ไม่มีสัญญาณตอบรับจากร่างหนา ถึงแม้ว่าเธอจะเรียกมันอยู่ข้างหู แต่ทว่าเจ้าตัวก็ยังนอนนิ่งเฉยอยู่ได้ พอเห็นอย่างนั้นหญิงสาวจึงตัดสินทำอะไรบางอย่างกับเจ้าของร่างใหญ่...แบบนี้ไง...หงับๆ!“โอ๊ย!..ไอ้หมาปิ่น!...แกกล้ากัดหูฉันเหรอ!?”จอมทัพสะดุ้งโหยง ก่อนจะร้องเสียงหลงโวยวาย จากนั้นจึงก้มลงไปงับหัวนมของอีกฝ่ายเพื่อเอาคืนในเวลาอันรวดเร็ว“นี่แน่ะ!...”หงับ!